บทที่ 158 หน้าผาใกล้ชายฝั่ง

ในล๊อบบี้โรงแรม เย่เฟิงเหยียบฝ่าเท้าลงบนร่างชายหนุ่มอวดดีคนนั้น พร้อมกับกล่าวเสียงเย็น “พวกเราจะสวมหน้ากากหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องของแก”

ด้วยที่ไม่ได้เหยียบแรงนัก ชายหนุ่มที่ชื่อหวังเฉ่าตงจึงไม่ได้บาดเจ็บมากมายอะไร แต่การถูกเหยียบต่อหน้าฝูงชนแบบนี้ ถือว่าเป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรง

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

ทันใดนั้น สาวสวยชุดแดงรีบวิ่งเข้ามาขวางเย่เฟิง ใบหน้าอันงดงามของเธอปรากฏร่องรอยของความกังวล นอกจากนี้ กลิ่นหอมอ่อนจากร่างหญิงสาวยังลอยมาแตะจมูกเย่เฟิงด้วย

“มีคนในโลกนี้อีกมากมายที่แกไม่ควรหาเรื่องด้วย จำไว้”

เย่เฟิงเอ่ยขึ้นขณะเหยียบร่างของหวังเฉ่าตงไว้ใต้ฝ่าเท้า สายตาของเขากวาดมามองยังเสี่ยวเยวี่ย จากนั้นจึงถอนเท้ากลับก่อนจะหันตัวเดินจากไป “โชคดี”

“เดี๋ยว คุณรู้ไหมว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร?”

เสี่ยวเยวี่ยตะโกนเสียงดัง

หญิงสาวจ้องมองแผ่นหลังของเย่เฟิงที่กำลังเดินจากไป พร้อมกับขบคิดในใจ ตามที่ได้คุยกับเสี่ยวฉีก่อนหน้านี้ ชายสวมหน้ากากคนนี้คงมีชื่อว่าโม่จิ่วเกอ แล้วทำไมเขาต้องสวมหน้ากากไว้ด้วย?

“ผมไม่รู้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย”

เย่เฟิงเดินมาหยุดอยู่ข้างหลงหวางเอ๋อ เขาโอบไหล่ของหญิงสาวจากนั้นจึงก้าวออกจากโรงแรมไป

“คุณคือโม่จิ่วเกอใช่ไหม!?”

เสี่ยวเยวี่ยตะโกนเสียงดังอีกครั้ง

ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อไม่ได้หันกลับมา ทั้งคู่ก้าวเท้าออกจากโรงแรมไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็พลันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เสี่ยวเยวี่ยทำอะไรไม่ถูก จู่ๆทั้งสองคนนั่นก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา ทำให้เธอรู้สึกตกใจปนโมโห หญิงสาวได้แต่ขยี้เท้าอยู่กับพื้น ตามที่รู้มา เย่เฟิงและโม่จิ่วเกอมีความสัมพันธ์กันบางอย่าง ในเมื่อเย่เฟิงอยู่ที่เขตเซี่ยงซานนี้ การที่โม่จิ่วเกอจะอยู่ที่นี่ด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

อย่างไรก็ตามตอนนี้ เธอไม่อาจไล่ตามเขาเพื่อไต่ถามเรื่องต่างๆให้เข้าใจได้ เพราะว่า-

“เสี่ยวเยวี่ยจ้า ช่วยผมด้วย ช่วยประคองผมที”

หลังจากถูกเย่เฟิงเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าก่อนหน้านี้ หวังเฉ่าตงรู้สึกเหมือนร่างกายของเขาจะแตกเป็นชิ้นๆจนไม่อาจลุกขึ้นยืนได้

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเสี่ยวเยวี่ยอยู่ที่นี่ เขาสามารถขอให้เธอคอยช่วยได้ และขณะเดียวกัน เขาก็จะหาโอกาสเอาเปรียบเธอไปด้วย

“นายรอรถพยาบาลเอาก็แล้วกัน”

แทนที่จะช่วยประคอง เสี่ยวเยวี่ยกล่าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินไปอีกด้านหนึ่งเพื่อโทร120 หารถพยาบาล

หวังเฉ่าตงคือลูกชายของเจ้าของธุรกิจผู้ร่ำรวยแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ ก่อนหน้านี้ เสี่ยวเยวี่ยสอบถามเขาเกี่ยวกับเบาะแสของรถ BMW สีเงิน เพื่อจะได้ไล่ตามไป แต่หวังเฉ่าตงกลับเกาะติดเธอเหมือนตังเม จนมาถึงที่นี่

ในความคิดของหวังเฉ่าตง มีหรือที่เสี่ยวเยวี่ยจะไม่เข้าใจเจตนาที่เขาสื่อออกไป? เขาก็แค่อยากเล่นกับเธอจนกว่าจะพอใจ แต่น่าเสียดายที่หญิงสาวคนนี้ไม่ง่ายเหมือนพวกนักศึกษาสาวทั่วไป เธอไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย

เสี่ยวเยวี่ยเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วโรงแรม ราวกับเธอพยายามนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

คืนก่อนที่เสี่ยวเยวี่ยเอารถไปซ่อม เธอได้โทรศัพท์หาเสี่ยวฉีที่เป็นน้องสาว และถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ฟังจากน้ำเสียงของเสี่ยวฉีแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะชื่นชอบชายสวมหน้ากากที่ชื่อโม่จิ่วเกอคนนั้นเอามากๆ

เสี่ยวเยวี่ยยังได้ถามน้องสาวเกี่ยวกับรถ BMW สีเงินที่ขับมาชนด้วย เสี่ยวฉีกล่าวว่ารถคันนี้เป็นของแก๊งอสรพิษสวรรค์แห่งเมืองเหยียนจิง แต่ตอนนี้แก๊งอสรพิษสวรรค์ขึ้นตรงและตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนักเรียนมัธยมปลายนามว่าเย่เฟิง

เสี่ยวฉียังบอกอีกด้วยว่าเธอรู้สึกประทับใจในตัวชายสวมหน้ากาก และชายคนนั้นกับเย่เฟิงก็มีความเกี่ยวข้องกัน……..

เสี่ยวเยวี่ยพลันรู้สึกว่าบ้างสิ่งไม่ถูกต้อง ในสถานการณ์เมื่อครู่นี้ ชัดเจนว่าชายสวมหน้ากากมีผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว ดังนั้น เธอไม่มีทางยอมให้เสี่ยวฉีถูกคนชั่วล่อลวงไปแน่!

ฮืมม เธอต้องขัดขวางให้ได้!

เสี่ยวเยวี่ยหันหน้ามามองหวังเฉ่าตงขณะคิดว่าโม่จิ่วเกอคนนี้ช่างอวดเก่งจริงๆ เขาถึงกับกล้าต่อยตีผู้คนไปทั่วโดยไม่สนใจแม้แต่พื้นหลังของคนๆนั้น หากคนตระกูลของหวังเฉ่าตงรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ เขาคงได้ตายอย่างอนาถแน่

เสี่ยวเยวี่ยยืนอยู่ด้านหนึ่งขณะเอามือกอดอกไว้ ชุดสีแดงของหญิงสาวทำให้เธอดูงดงามจนเป็นที่ดึงดูดสายตาจำนวนนับไม่ถ้วน

อย่างไรก็ตามเวลานี้ หวังเฉ่าตงได้หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาติดต่อไปยังลูกสมุนของเขาในเมืองเซี่ยงไฮ้ ให้พวกนั้นส่งคนมายังเขตเซี่ยงซาน ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน เขาก็มั่นใจว่าต้องหาตัวชายสวมหน้ากากเจอแน่นอน และเขาจะทำให้มันต้องถูกเหยียดหยามอย่างน่าอนาถ!

………

อีกด้านหนึ่งในเวลานี้ เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ ไม่นานนัก พวกเขาก็ออกจากศูนย์กลางของเขตเมือง และเข้าใกล้หน้าผาติดชายทะเล ที่ซึ่งมีตำราเพลงดาบปีศาจคำรามซ่อนอยู่ที่ันั่น

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง เย่เฟิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นจึงกดโทรไปยังหนานฟางตามเบอร์มือถือที่อยู่ในความทรงจำของเขา

ตู๊ด – ทีแรกยังไม่มีคนรับสาย

ตู๊ด – ตู๊ด –

หลังจากเสียงสัญญาณดังขึ้นหลายครั้ง ในที่สุดอีกฝ่ายก็รับโทรศัพท์ ทันใดนั้น มีเสียงอึกทึกจอแจดังมาจากปลายสาย

“หนานฟาง แกหนีไม่รอดแน่ เตรียมตัวตายได้เลย!”

“ไอ้เด็กหน้าเหม็น หยุดเดี๋ยวนี้!”

เสียงที่ดังจากปลายสาย กลับเป็นเสียงของหลัวเฟิงและอีกสามคนจากสำนักหมัดเทพทวารา! ทั้งยังมีลมเสียงกรรโชกแรง และเสียงคลื่นน้ำทะเลปะทะกับโขดหิน ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในบริเวณชายฝั่งทางใต้จะไม่ดีเสียแล้วตอนนี้

“นายอยู่ไหน?”

เย่เฟิงรีบเอ่ยถามออกไป

“หน้าผาชายฝั่งทางใต้ ใกล้กับต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่ง”

เสียงหอบของหนานฟางดังผ่านเข้ามาในสาย เย่เฟิงได้ยินเสียงอีกฝ่ายกำลังวิ่งได้อย่างชัดเจน ช่างน่าตกใจที่น้ำเสียงของเขายังคงไม่สูญเสียความเยือกเย็น และยังไม่ถามว่าเย่เฟิงอยู่ที่ไหนในตอนนี้ เพราะการที่เขาโทรมา แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มอยู่ที่แถบทะเลจีนตะวันออกแล้ว

“ฉันกำลังรีบไปที่นั่น”

เย่เฟิงรู้สึกตกใจ การที่มีต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ที่นั่น แสดงว่ามันเป็นที่เดียวกันกับที่จูไป่เหนี่ยววาดในแผนที่งั้นสิ?

“ไม่ นายไม่ใช่คู่มือของหลัวเฟิง!”

หนานฟางรีบตอบปฏิเสธ “ฉันจะโดดลงทะเล ถ้าดวงดีฉันก็คงรอด ถ้าไม่…….นายช่วยหาเวลากลับมาที่นี่เพื่อเอาสัญลักษณ์ของตระกูลใต้กลับไปที่เหยียนจิงด้วย……”

(ตระกูลใต้ก็คือแก๊งประตูสวรรค์ใต้)

“อย่ามาพูดบ้าๆ รอฉันก่อน”

เย่เฟิงตำหนิเสียงดัง ก่อนจะวางสายไป

ตราของแก๊งประตูสวรรค์ใต้มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง? อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ฝ่ายนั้นจะมีผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์สูงถึง 25 ปี แล้วยังไงล่ะ? แม้แต่อาวุธคุ้มกันจุยหุนที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 30 ปี เขาเคยสังหารมันมาแล้ว!

เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อที่สวมหน้ากากไว้ รีบมุ่งไปยังทิศใต้อย่างรวดเร็ว

ไม่นานนัก ไอเย็นและลมโชยของน้ำทะเลก็ปะทะกับใบหน้าของทั้งคู่ นี่ทำให้เย่เฟิงรู้ว่าชายฝั่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แล้ว พวกเขาจึงรีบมุ่งไปยังหน้าผาริมฝั่งทะเลที่มีต้นไม้สูงใหญ่ปรากฏอยู่ข้างหน้า

“นายจะสู้กับพวกหมัดเทพทวารา?”

ถึงแม้ว่าหลงหวางเอ๋อจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็รีบถามให้แน่ใจในสิ่งที่ต้องทำ

“ใช่!”

เย่เฟิงพยักหน้า

ที่หน้าผา มีเงาของคน 5 คนปรากฏอยู่ เป็นไปตามคาด หนึ่งในนั้นคือหนานฟางที่ถูกคนของหมัดเทพทวาราต้อนให้จนมุมที่ยอดหน้าผา ที่ใต้หน้าผานั้น คลื่นน้ำทะเลปะทะกับริมฝั่งอย่างบ้าคลั่งราวกับกับสัตว์ร้ายที่พร้อมจะกลืนกินผู้คน หากคนธรรมดากระโดดลงไปก็มีโอกาสน้อยมากที่จะรอดชีวิต!

“โชคดีจริงๆ…….”

เย่เฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่วิ่งมาถูกทาง ไม่เช่นนั้นเขาคงหมดโอกาสช่วยเหลืออีกฝ่ายได้ทันแล้ว

“เธอช่วยจัดการพวกลูกสมุนหน่อยนะ ฉันจะเล่นกับหลัวเฟิงเอง”

เย่เฟิงเอ่ยขึ้นมา ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆจางหายไป

หลงหวางเอ๋อที่วิ่งมาด้วยกัน เมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มหายไปต่อหน้าต่อตา เธอก็รู้สึกตกใจจนผงะ นี่มันทักษะอะไรกัน ล่องหนงั้นหรอ? แต่หญิงสาวไม่มีเวลาให้คิดอีก เพราะตอนนี้เธอกำลังจะเผชิญหน้ากับคนสี่คนของหมัดเทพทวาราแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ทำได้แค่กัดฟันแล้วเชื่อในตัวเย่เฟิง หญิงสาวกู่ร้องใช้กระบวนท่าฝ่ามือทลายฟ้าออกมา : จัดเรียงเมฆา คว่ำฟ้าสู่สมุทร ปฐพีทรุดลั่น สั่นคลอนสวรรค์ ท่าทั้งสี่คือกระบวนท่าฝ่ามือทลายฟ้าของตระกูลหลงที่มีแพทเทิร์นการเคลื่อนไหวแบบเฉพาะ ใช้สำหรับการต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ทีละหลายคนในเวลาเดียวกัน

คนของหมัดเทพทวาราเห็นหญิงสาวกวัดแกว่งมือไม้ และในเวลาเดียวกัน ร่างอันงดงามก็ล่องลอยมาปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา หลงหวางเอ๋อปล่อยฝ่ามือเข้าใส่ทั้ง 4 คนทันที!

ถ้าเย่เฟิงทิ้งเธอไปตอนนี้ ไม่เพียงแค่หญิงสาวจะถูกพวกมันจับตัวไว้ แต่อาจถูกสังหารด้วย เพราะระดับวรยุทธ์ของเธอย่อมไม่อาจต่อกรกับคนทั้ง 4 พร้อมกันได้

สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้หนานฟางที่ถูกต้อนให้จนมุมรู้สึกมึนงงไปหมด นี่่มันอะไรกัน ทำไมจู่ๆหญิงสาวคนนั้นถึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาจู่โจมใส่ศัตรูของเขา เธอจะช่วยจัดการกับคนของหมัดเทพทวารางั้นหรือ?

…………………..

แปลโดย Solar Spark