บทที่ 160 การตัดสินใจของลูกผู้ชาย

เมื่อเย่เฟิงปล่อยบอลไฟเข้าใส่หลัวเฟิงจนทั่วร่างลุกเป็นไฟ ภาพที่เห็นก็ทำให้ทุกคนโดยรอบต่างตกตะลึงไปตามๆกัน

ถึงกลับสามารถเสกบอลไฟขึ้นมาได้ง่ายๆแบบนี้เลย?

เป็นไปได้ไง! นี่มันไม่ใช่หนังแฟนตาซีนะเฟ้ย!

หนานฟางรู้สึกมึนงงไปหมด เขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะยืนอยู่ห่างจากค่อนข้างไกล แต่ก็ยังสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้อย่างชัดเจน เย่เฟิงเพียงแค่โบกมือ จากนั้นบอลไฟก็โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้

ส่วนที่ลูกน้องอีกสามคนของหลัวเฟิง พวกเขาเบิกตากว้าง ยืนนิ่งไม่ไหวติ่งราวกับเห็นผี แม้แต่ในโลกยุทธภพเอง พวกเขาก็ไม่เคยเห็นใครปล่อยบอลไฟออกมาแบบนี้ได้ นี่มันอะไรกัน? เจ้าหน้ากากนี่มันเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง!

นอกจากนั้นแล้ว แม้แต่หลงหวางเอ๋อก็ตกตะลึงจนเผลอเอาสองมือกุมปาก ดวงคู่งามเบิกกว้าง ขณะที่ใจของหญิงสาวกำลังพยายามค้นหาว่าเย่เฟิงใช้ทักษะวรยุทธ์อะไรออกมา

“อ๊าก อ๊าก อ๊าก!”

หลัวเฟิงไม่เคยเลยว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะมีพลังประหลาด ถึงกลับสามารถปล่อยบอลไฟออกมาได้แบบนี้

ทั่วร่างของหลัวเฟิงลุกเป็นไฟ ขณะกรีดร้องออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เวลานี้ เขารู้แล้วว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายถึงขีดสุด จึงพยายามควบแน่นพลังชี่ภายในออกมาต้านทานเปลวเพลิง และรีบวิ่งไปยังหน้าผาริมทะเล หมายจะกระโดดลงไป

“คิดจะโดดลงทะเลเพื่อดับไฟงั้นหรอ?”

เย่เฟิงเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายพยายามจะทำอะไร และอดไม่ได้ที่จะลอบชื่นชมเรื่องไหวพริบของหลัวเฟิงอยู่ในใจ แต่ช่างน่าสงสาร ทักษะเพลิงสีแดงของเขาเป็นทักษะเซียนที่แม้จะเพิ่งอยู่ในระดับแรก และมีอุณหภูมิที่ไม่สูงมาก แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถดับได้ง่ายๆด้วยน้ำ

“กรงเล็บมังกร!”

เย่เฟิงเคลื่อนไหวปลดปล่อยเจินชี่ มือข้างหนึ่งของเขาคว้าไหล่ของหลัวเฟิงเอาไว้ ส่วนอีกข้างนั้นคว้าต้นขาเพื่อดึงกลับมา

หลัวเฟิงนั้นกระโดดลงจากหน้าผาแล้ว ขณะที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้น ก็สัมผัสได้ถึงพลังจากเย่เฟิงที่พยายามจะดึงร่างเขากลับขึ้นไป

เคราะห์ดีที่ระดับวรยุทธ์ของเขานั้นสูงพอ ถึงแม้ว่าทั่วร่างจะลุกเป็นไฟ แต่หลัวเฟิงก็ยังตอบสนองที่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน เขาปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกมาปะทะกับทักษะกรงเล็บมังกร ส่งผลให้เจินชี่ของเย่เฟิงเบี่ยงเบนไปทางอื่น นอกจากนี้ แม้ลอยตัวอยู่กลางอากาศ หลัวเฟิงอาศัยแรงปะทะที่เกิดขึ้น พุ่งตัวออกห่างจากปลายหน้าผาและลดความเร็วในการตกสู่เบื้องล่าง

ตู้ม!

เพียงชั่วพริบตา ร่างของมนุษย์เพลิงก็จมลงสู่ห้วงทะเลที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน และพลันหายไปทันที

หากเป็นคนทั่วไป ก็คงเลือกจะกระโดดลงทะเลแบบเดียวกับหลัวเฟิงเช่นกัน แต่ทะเลใต้หน้าผานั้นลึกมากกว่า 30 เมตร ทั้งยังเต็มไปด้วยคลื่นที่ปั่นป่วน มันมากพอจะเขมือบผู้ที่กระโดดลงไปให้จมอยู่ใต้ห้วงสมุทรไปตลอดกาล แต่หลัวเฟิงนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นถึงอัจฉริยะที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 25 ปี!

แม้จะอยู่ในสภาพแบบนี้ หลัวเฟิงก็ยังใช้พลังชี่ภายในปกป้องตัวเองได้ ทั้งยังใช้แรงปะทะเพื่อลดความเร็วในการตกอีกด้วย นี่พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่การกระโดดเข้าสู่ความตาย

“มันหนีไปแล้ว”

สีหน้าของเย่เฟิงมืดครึ่มและรีบวิ่งไปยังขอบหน้าผา เมื่อมองลงไป เขาไม่พบร่องรอยของหลัวเฟิงแม้แต่น้อย แม้กระทั่งทักษะสัมผัสวิญญาณเองก็ไม่ตรวจพบสิ่งใด ดูเหมือนหลัวเฟิงจะออกห่างจากระยะ 100 เมตรจากตัวเขาแล้ว

“พี่โม่ ขอบคุณมากที่มาช่วยฉัน”

หนานฟางสงบใจลงได้แล้ว “หลัวเฟิงบาดเจ็บสาหัส และดูเหมือนใกล้จะเกิดพายุแล้ว มันคงขึ้นฝั่งได้ยาก ถ้าเราไปดักรอ เราต้องจัดการมันได้แน่นอน……..”

ขณะกล่าวออกมา หนานฟางหันไปเห็นหลงหวางเอ๋อและคนของหมัดเทพทวาราทั้งสาม ยังคงยืนนิ่งอยู่ เขาคิดว่าในเมื่อทั้งสามคนนั่นได้เห็นความลับของเย่เฟิงแล้ว พวกมันก็ควรถูกปิดปากเสีย

ถึงอย่างนั้น หนานฟางก็ยังสงสัยอยู่ในใจเช่นกัน ในโลกนี้มีคนที่จะสามารถปล่อยบอลไฟออกมาแบบนี้ได้ด้วยงั้นหรือ?

อีกอย่างตอนนี้ เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้เห็นความลับของเย่เฟิง แบบนี้ เขาจะถูกปิดปากด้วยไหม? หนานฟางเข้าใจว่าเย่เฟิงต้องการจะช่วยเขา แต่เมื่อไม่สามารถเอาชนะหลัวเฟิงด้วยทักษะทั่วไปได้ ชายหนุ่มจึงใช้ทักษะไพ่ตายที่เป็นความลับออกมา

แต่ถึงแม้จะถูกเย่เฟิงสังหารเสียตอนนี้ หนานฟางก็จะไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย ในตอนนี้หลัวเฟิงบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะเข้าใกล้ความตายแล้ว เพราะงั้นการที่เขาตายตอนนี้ก็คงดีกว่าตายด้วยน้ำมือของหลัวเฟิงแน่นอน

“หวางเอ๋อ มานี่เร็ว”

เย่เฟิงโบกมือ ทันใดนั้น เจินชี่ของเขาก็แปรสภาพเป็นบอลไฟสามลูก พุ่งเข้าใส่ศิษย์ของหมัดเทพทวาราทั้งสามคนด้วยความเร็วสูง ในชั่วพริบตา ร่างของทั้งสามก็ลุกท่วมไปด้วยไฟ

พวกมันมีระดับวรยุทธ์เพียงแค่ 10 ปี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพลิงสีแดงของเย่เฟิง แน่นอนว่าย่อมไม่อาจต้านได้ ทั้งสามคนไม่มีเวลามากพอจะกระโดดลงไปในทะเลอย่างหลัวเฟิง ไม่มีเวลาพอจะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดด้วยซ้ำไป

ในเวลาไม่นาน ร่างของทั้งสามก็สลายหายไปจากโลกใบนี้!

เย่เฟิงใช้เพลิงสีแดงไปถึง 4 ครั้งด้วยกัน เจินชี่ในร่างจึงแห้งเหือดไปไม่น้อย แต่เพราะไม่มีทางเลือกอื่น เขาจำเป็นต้องจัดการกับพวกมันทั้งสาม และมีแต่เพลิงสีแดงเท่านั้นที่สามารถทำลายศพโดยไม่ทิ้งร่องรอยอันใดเหลือไว้

หลงหวางเอ๋อรีบวิ่งมาด้านข้างเย่เฟิง และกอดแขนเขาไว้ “นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“แน่นอน”

เย่เฟิงพยักหน้า และลูบไหล่หญิงสาวเบาๆ

จากนั้นชายหนุ่มจึงหันไปมองหนานฟาง เขาพบว่าดวงตาของหนานฟางเปล่งประกายไปด้วยความซาบซึ้ง ปนกับความตื่นตกใจ ในบรรยากาศที่มีลมหนาวเย็นพัดโชยมา สีหน้าของหนานฟางดูซีดเซียว ผสมไปด้วยท่าทางที่ดูสับสน

“ขอบคุณ ขอบคุณพี่เย่จริงๆ”

หนานฟางรู้สึกขอบคุณเย่เฟิงจนสุดหัวใจ ตอนนี้ชายหนุ่มมั่นใจและโล่งใจแล้วว่าเย่เฟิงไม่ได้จะสังหารเขาเพื่อปกปิดความลับ ถึงอย่างนั้น แววตาของหนานฟางยังคงมีความซับซ้อนที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

ในฐานะลูกผู้ชาย การให้คนอื่นช่วยจัดการศัตรูส่วนตัวของตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่หนานฟางรับไม่ได้เป็นอย่างมาก ศัตรูตัวฉกาจที่กำจัดครอบครัวของเขาคือไซ่เชาหง ซึ่งก็ได้เย่เฟิงช่วยสังหาร แม้แต่อาวุธคุ้มกันจุยหุนก็เช่นกัน มาถึงตอนนี้ หลัวเฟิงก็เกือบถูกเย่เฟิงสังหาร แล้วแบบนี้ การคงอยู่ของเขาจะมีค่าอันใด?

“พวกเราเป็นพวกเดียวกัน นายไม่ต้องสุภาพไปหรอก”

เย่เฟิงโบกมือ “นายมีเรื่องบาดหมางอะไรกับเจ้าหลัวเฟิงคนนั้นงั้นหรือ?”

เย่เฟิงเอ่ยถาม ขณะเดินไปยังด้านหนึ่งของหน้าผาที่มีต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีรากเลื้อยไปมามากมาย กระบี่เจินชี่สีทองตัดเปิดรากของต้นไม้ออกทันที

เป็นไปตามคาด ตำราวรยุทธ์สองเล่มถูกฝังอยู่ในดินใต้รากต้นไม้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันถูกฝังอยู่ที่นี่ แต่แม้จะถูกฝังไว้ แมลงใต้ดินกลับไม่สามารถทำให้ตำราพวกนี้ได้รับความเสียหายได้เลยแม้แต่น้อย ชัดเจนว่ามันถูกทำขึ้นมาด้วยวัสดุชนิดพิเศษ

หนานฟางได้ยินขณะจ้องมองการกระทำของเย่เฟิง เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “มันคือพี่ชายของฉัน แต่ถูกส่งไปยังสำนักหมัดเทพทวาราตั้งแต่ยังเด็ก หนึ่งปีก่อนที่แก๊งประตูสวรรค์ใต้ถูกทำลาย ฉันได้ไปขอความช่วยเหลือจากมัน ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ไม่ช่วย มันยังข่มขู่ฉันว่าเป็นเพียงพวกสวะ แล้วถ้ามาให้มันเห็นหน้าอีก มันจะสังหารฉันซะ………..”

ท่าทางของหนานฟางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง! ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหนาน ไม่เพียงหลัวเฟิงเข้าสู่สำนักหมัดเทพทวารา มันยังเปลี่ยนนามสกุลอีกด้วย เจ้าคนชั่วช้าน่ารังเกียจนี่ถึงกลับปล่อยให้ตระกูลของตัวเองตายโดยไม่เหลียวแลแม้แต่น้อย มันยังมีความเป็นคนอยู่งั้นหรือ!

เย่เฟิงเกือบจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาหยิบตำราทั้งสองเล่มขึ้นมา

“ทักษะเซียนเร้นลับ และเพลงดาบปีศาจคำราม ทั้งสองตำรานี้เป็นเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมมาก”

“นายเอาไป”

เย่เฟิงยื่นพวกมันให้แก่หนานฟาง

แน่นอนว่าหนานฟางนั้นถึงกับผงะเมื่อเจอกับการกระทำที่คาดไม่ถึงของเย่เฟิง

เขามองตำราทั้งสองเล่มด้วยหัวใจพองโต ไม่เพียงเย่เฟิงจะไม่สังหารเขา ชายหนุ่มยังยื่นตำราวรยุทธ์ล้ำค้ามาให้อีกด้วย แบบนี้มัน…..

หนานฟางไม่ผู้ที่ชอบอยู่ภายใต้คนอื่น แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขาได้รับมามันมากมายเสียเหลือเกิน

ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าโลกยุทธภพในปัจจุบันนี้ แม้มีสำนักฝึกยุทธ์อยู่มากมาย แต่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้รับตำราวรยุทธ์หายากเช่นนี้ เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว หากหลัวเฟิงยังไม่ตาย หนานฟางก็มีโอกาสได้สังหารมันด้วยมือของเขาเอง!

แต่เมื่อมาคิดอีกที เขาเข้าใจชัดเจนว่าการที่เย่เฟิงยื่นมาช่วยเหลือมากขนาดนี้ เย่เฟิงต้องการให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนของเขา

หนานฟางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองเย่เฟิง

ตอนนี้ เขาตัดสินใจได้แล้ว!

………………………………………….

แปลโดย Solar Spark