บทที่ 148 สถานการณ์ตรงกันข้าม

ชายหน้าบาก ซูซินฉาง เย่เฟิงและซูเหมิงหาน ต่างก้าวเท้าช้าๆเข้ามาในห้องไต่สวนคดี

เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมอง และพบว่าผู้ที่มีตำแหน่งพิพากษาคดีนี้คือหลินเหรินเทียน เดิมทีนั้น ใบหน้าของหลินเหรินเทียนดูสุภาพเรียบร้อย แต่เมื่อเย่เฟิงเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดครึ่ม

ลูกชายของเขากลายเป็นเด็กสองขวบ แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เกินจะรับได้ แต่หลินเหรินเทียนก็รู้สึกโชคดีที่เขาได้มีโอกาสระบายความโกรธนี้ให้แก่เย่เฟิงและซูเหมิงหานพร้อมกันในทีเดียว

ไม่ว่าชายสวมหน้ากากโม่จิ่วเกอ หรือไซ่เชาหง จะอยู่เบื้องหลังสภาพที่น่าอนาถของหลินซิวเหวินลูกชายเขา หลินเหรินเทียนก็ไม่มีโอกาสจะลงโทษคนเหล่านั้นได้ เขาจึงใช้เย่เฟิงและซูเหมิงหานในการระบายความโกรธแทน เพราะไม่ว่าอย่างไร เจ้าเด็กเย่เฟิงคนนี้ก็เป็นเพื่อกับชายสวมหน้ากากคนนั้นไม่ใช่หรือไง?

ก่อนหน้านี้ ทุกคนในห้องต่างส่งเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยกัน แต่เมื่อเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามา พวกเขาก็รีบรูดซิบปากทันที ความเงียบจึงแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้อง ขณะที่มีบางคนชี้มือชี้ไม้มายังกลุ่มเย่เฟิง

ในห้องนี้มีกลุ่มคนตระกูลหลินนั่งอยู่ด้วยกัน ซึ่งแน่ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้สนับสนุนหลินเหรินเทียน นอกจากนี้แล้ว ยังมีกลุ่มเพื่อนของหลินซิวเหวินนั่งอยู่ เมื่อเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามา ความประสงค์ร้ายก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าพวกเขา

ความจริง พวกเขาไม่คิดว่าหลังจากแสดงให้เห็นว่าใครเป็นคนหนุนหลังตระกูลเซี่ยเมื่อครึ่งเดือนก่อน เย่เฟิงและซูเหมิงหานจะยังกล้ามาปรากฏตัวที่ศาลแห่งนี้ แต่ยังไงพวกเขาก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และไม่ว่าอย่างไร พวกมันก็ต้องแพ้คดีในที่สุด!

ที่อีกด้านหนึ่ง บางทีอาจเป็นเพราะมีหลินเหรินเทียนคอยหนุนหลัง คนตระกูลเซี่ยรวมทั้งเซี่ยผิงฮุยถึงดูเริงร่าราวกับพวกเขาชนะคดีนี้ไปแล้ว แม้แต่เซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งจำเลย ก็ยังไม่มีความกังวลให้เห็นแม้แต่น้อยบนใบหน้า ความจริงแล้ว ใบหน้าของทั้งคู่กลับแสดงความเยาะเย้ยออกมาด้วยซ้ำไป

‘คิดจะเอาเรื่องคนตระกูลเซี่ยงั้นหรอ?  หึ โง่เง่าเกินไปแล้ว!

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ เมื่อมองเห็นเย่เฟิง เหตุการณ์ที่พวกเขาถูกเด็กคนนั้นตบหน้าซ้ำไปซ้ำมาก็แล่นเข้ามาในใจ ทำให้รู้สึกร้อนบริเวณแก้มไปหมด ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาตั้งใจจะเอาคืนให้สาสม!

ส่วนกลุ่มลูกน้องของเซี่ยเฉิงเย่ ใบหน้าของพวกเขาต่างแสดงความไม่เป็นมิตรแก่เย่เฟิงและซูเหมิงหานมากกว่าเดิม เพราะในสายตาพวกเขาแล้ว เซี่ยเฉิงเย่เป็นเจ้านายที่ซื่อสัตย์และมีความเป็นกันเอง เขาไม่มีทางทำสิ่งชั่วร้ายอย่างเช่นกันฆ่าใครแน่ๆ

ใครจะไปจ้างวานฆ่าหญิงชราคนหนึ่ง บ้าบอคอแตกสิ้นดี!

พวกเขาไม่เคยเชื่อเรื่องนี้และมั่นใจว่าเย่เฟิงกับซูเหมิงหานจะต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีแน่นอน ต่อให้เด็กคนนั้นจะมีสัมพันธ์อันดีกับผู้เฒ่าหลิน ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเปลี่ยนผิดให้เป็นถูกได้ เคราะห์ดีเหลือเกินที่หลินเหรินเทียนผู้ซึ่งอยู่ข้างความยุติธรรมเป็นผู้พิพากษาในคดีนี้ และความจริงจะต้องถูกเปิดเผยออกมาในท้ายที่สุด!

สำหรับญาติทางฝั่งมารดาของซูเหมิงหาน พวกเขามานั่งในห้องนี้กันรวมทั้งหมด 10 คน แววตาของแต่ล่ะคนที่จ้องมองเด็กสาวต่างเต็มไปด้วยความเกลียดชัง พวกเขาคิดว่าซูเหมิงหานไม่เพียงแค่ล่วงเกินตระกูลเซี่ยรวมทั้งตระกูลหลินแห่งเมืองเหยียนจิงเท่านั้น แต่ยังลากพวกเขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ช่างเป็นการกระทำที่โง่เง่าที่สุด!

โดยเฉพาะแม่ของ‘ต้าเกิน’ที่เคยเจอกันครั้งล่าสุด แววตาของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก หญิงวัยกลางคนขบกรามแน่นด้วยความโกรธและเกลียด

เมื่อหลายวันก่อน เพราะอาการติดยา ต้าเกินจึงถูกองค์กรลึกลับพาตัวไป และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวอันใดเลยว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน ในความคิดของป้าซูเหมิงหาน เย่เฟิงคือคนที่มีความสัมพันธ์กับแก๊งอสรพิษสวรรค์ ซึ่งเป็นแก๊งที่ทำให้ต้าเกินต้องกลายเป็นคนติดยา เธอจึงมีเหตุผลมากพอที่จะโทษว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เป็นความผิดของเย่เฟิง

นอกเหนือจากผู้คนข้างต้น ที่เหลือเป็นพวกคนทั่วไปตลอดจนเจ้าหน้าที่และอัยการ ที่ต้องมีส่วนร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ตามหน้าที่ ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่ ไม่มีใครอยู่ข้างซูเหมิงหานในการพิจารณาคดีครั้งนี้เลย เมื่อไม่กี่วันก่อน หลินเหรินเทียนบอกว่าการฟ้องร้องครั้งนี้ เป็นการพยายามกล่าวหาความเท็จ ฉะนั้นผลสุดท้ายจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอแค่ทำไปตามขั้นตอนก็พอ

ตัดกลับมาที่เย่เฟิง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นหลินชื่อฉิงและเสี่ยวฉีที่นี่นั่งอยู่ในฝูงชน ในศาลแห่งนี้ มีเพียงสาวสวยทั้งสองเท่านั้นที่ไม่ได้มีแววตาดูถูกหรือจงเกลียดจงชังเหมือนกับคนอื่น

จากระยะไกล หลินชื่อฉิงส่งยิ้มหวานให้แก่เย่เฟิงและซูเหมิงหาน ทันใดนั้น หญิงสาวก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่เดินตามหลังทั้งคู่มา ซึ่งก็คือซูซินฉาง นี่จึงทำให้เธอรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

ดูเหมือนว่าผลคดีในวันนี้จะขึ้นอยู่กับซูซินฉางสินะ

สำหรับเสี่ยวฉี บางที่อาจเป็นเพราะชายสวมหน้ากากจึงทำให้เธอรู้สึกสนใจเย่เฟิงเป็นพิเศษ หญิงสาวคิดในใจว่าซูเหมิงหานที่เป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยมจะรับมือกับคนตระกูลเซี่ยไหวไหม?

โชคไม่ดีที่ดูเหมือนหลินเหรินเทียนจะตัดสินว่าซูเหมิงหานเป็นฝ่ายแพ้ในคดีนี้แล้ว ทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

ใบหน้าอันแสนน่ารักของเสี่ยวฉีเผยร่อยรอยของความกังวลออกมาเล็กน้อย

ซูเหมิงหานเพิ่งเสร็จสิ้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และอีกไม่นาน เด็กสาวก็ต้องเข้ามารั้วมหาลัยแล้ว หากเธอแพ้คดีความที่นี่ และถูกอีกฝ่ายฟ้องกลับ อนาคตของเด็กสาวก็จะไม่สดใสอีกต่อไป

หากตระกูลเซี่ยและหลินเหรินเทียนร่วมมือกันเต็มที่แล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้มากที่ซูเหมิงหานจะถูกจำคุกเป็นเวลาหลายปี!

เสี่ยวฉีมองไปยังกลุ่มคณะผู้พิพากษาที่นำโดยหลินเหรินเทียน เธอคิดในใจว่ามีความเป็นไปได้สูงมาที่พวกเขาจะเห็นด้วยกับคำพิพากษาของหลินเหรินเทียนโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
จากนั้น หญิงสาวจึงกวาดสายตาไปมองยังทนายความฝ่ายจำเลย ไม่เพียงคนๆนั้นจะเป็นทนายผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เขายังอยู่ภายใต้อิทธิพลของตระกูลโหมวอีกด้วย อาจบอกได้ว่าชายคนนี้มีความสามารถในการแก้ต่างให้แก่ลูกความสูงที่สุดคนหนึ่งในเมืองเหยียนจิงเลยก็ว่าได้ การที่เขามาปรากฏตัวที่นี่ ตระกูลเซี่ยคงจ่ายค่างวดไปสูงไม่น้อย

ฉะนั้นในสถานการณ์ตอนนี้ เย่เฟิงและซูเหมิงหานตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก!

“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันมั่นใจว่าเราชนะแน่”

เย่เฟิงไม่ได้รู้สึกกังวลกับสายตาหรือความคิดของผู้คนเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ยิ้มและพยายามให้กำลังใจซูเหมิงหาน ขณะเดินมาด้วยกันกับหน้าบากและซูซินฉาง ในที่สุดชายหนุ่มก็พบที่นั่งว่างอยู่สามสี่ที่ แต่ซูเหมิงหานนั้นต้องไปนั่งในที่ฝ่ายโจทก์ที่ถูกเตรียมไว้แล้ว

เมื่อนั่งลง เด็กสาวหันไปมองยังคู่พี่น้องตระกูลเซี่ย ก็พบสายตาที่แฝงด้วยความเหยียดยามและยั่วยุ ที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอจะมีผลการเรียนที่ดีในโรงเรียน แต่นี่คือครั้งแรกที่เด็กสาวต้องนั่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ สถานการณ์ที่เธอต้องเป็นผู้ฟ้องร้องคดีความ

ห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเคารพและความจริงจัง แต่การที่ไม่มีใครอยู่ข้างเธอเลย ก็ทำให้เด็กสาวหวาดกลัว จนอดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับไปมองเย่เฟิงที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง

เมื่อเห็นดังนั้น เย่เฟิงจึงส่งยิ้มให้กำลังใจกลับมา ทำให้ซูเหมิงหานสามารถสงบใจลงได้

จากนั้น เมื่อเด็กสาวเงยหน้าขึ้น เธอก็พบกับแววตาที่แฝงด้วยความเยาะเย้ยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคู่พี่น้องตระกูลเซี่ย ทนายฝ่ายจำเลย หลินเหรินเทียน ตลอดจนคณะผู้พิพากษา ราวกับว่าพวกเขามั่นใจว่าตระกูลเซี่ยต้องเป็นฝ่ายชนะคดีในวันนี้แน่นอน

แต่ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีเย่เฟิงอยู่ข้างเธอ เด็กสาวก็ไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว!

ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้ว หลินเหรินเทียนจึงประกาศเปิดการพิจารณาคดี

ตามธรรมเนียมของศาล เขาจะเริ่มอ่านกฏของศาลให้ฟังเป็นอย่างแรก จากนั้นอ่านคดีความเดิม มูลคดี ตลอดจนรายชื่อของ เลขานุการ โจทก์ ทนายความฝ่ายจำเลย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ต่อไปคือการแจ้งให้คู่กรณีทราบถึงกระบวนการพิจารณาคดีตามกฎหมาย

หลังจากอ่านกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น ภาพลักษณ์ของหลินเหรินเทียนดูสงบและน่าเคารพ แต่รอยยิ้มอันเยือกเย็นของเขา ไม่อาจหลุดรอดไปจากสายตาของเย่เฟิงได้

“เตรียมตัวให้ดี คุณคือพยานสำคัญในคดีนี้”

เย่เฟิงที่นั่งอยู่ข้างซูซินฉางเอ่ยขึ้นเบาๆ

“อืม”

ซูซินฉางพยักหน้าตอบด้วยสีหน้าอันซับซ้อน

เขาต้องมองไปยังลูกสาวที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของฝ่ายโจทก์อย่างสง่างาม แม้จะยังมีร่องรอยของความกังวลใจอยู่บนใบหน้าของเด็กสาว นี่ทำให้เขาเกิดความสับสนขึ้นมาในใจ

……………………….

แปลโดย Solar Spark

Solar Spark: จริงๆผมไม่มีความรู้เรื่องคดีความพวกนี้เลยนะครับ55 เพราะงั้นตรงไหนแปลผิดหรือใช้คำผิดก็ขออภัยผู้อ่านด้วยนะฮะ

Tan Tan:ไม่ได้แปลมาเม้น-*-แขนหักรอไปเลยเป็นเดือนกว่าจะหาย