บทที่ 146 ความน่ายำเกรงของชายชรา

ไม่นานนัก ธันเดอร์พร้อมกับหน่วย NSA สิบนาย ก็มายืนอยู่ต่อหน้าเย่เวิ่นเทียน

“ผู้เฒ่าเย่ ขอโทษด้วย แต่เย่เฟิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม เพราะฉะนั้น ผมต้องพาตัวเขากลับไป”

ในฐานะหัวหน้าหน่วย NSA เขาย่อมรู้ว่าชายชราคนนี้เป็นผู้อาวุโสของโลกยุทธภพ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะ NSA เป็นหน่วยที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ป้องกันคนจากยุทธภพ มาก่อความวุ่นวายแก่คนธรรมดา

“ใครตาย?”

เย่เวิ่นเทียนเอ่ยถามขณะที่สายตายังคงจ้องมองมา

“ไซ่เชาหง นักศึกษาแลกเปลี่ยนปี1 ของมหาลัยเหยียนจิงครับ”

ธันเดอร์อธิบายให้เย่เวิ่นเทียนฟังด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะจ้องมองชายชราด้วยความระมัดระวังตลอดเวลา

สำหรับโลกทั่วไปและโลกวรยุทธ์ อาจบอกได้ว่ามันเปรียบเหมือนดังสองขั้วของโลกใบนี้ ถึงแม้เดิมทีพวกเขาจะมีข้อตกลงที่ดีระหว่างกัน แต่ความขัดแย้งมักเกิดจากการที่ผู้ฝึกยุทธ์บางคน ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้จนกลายเป็นสถานการณ์รุนแรงในที่สุด

การที่เย่เวิ่นเทียนปรากฏตัวขึ้นที่นี่ สร้างความตึงเครียดให้แก่ธันเดอร์ไม่น้อย ความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถจัดการได้ง่าย แม้พวกเขาจะมีกำลังนับสิบคนก็ตาม!

“เป็นมันงั้นหรือ?”

เย่เวิ่นเทียนขมวดคิ้วแน่น

เรื่องของไซ่เชาหงนั้น เขาเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้เหมือนกัน ไม่ใช่เพราะสถานะของมัน แต่เป็นเพราะข่าวลือเรื่องคนรักของหลินชื่อฉิง แล้วตอนนี้มันตายแล้วงั้นหรือ? แค่เขาไม่อยู่ในเมืองเหยียนจิงเพียงคืนเดียว กลับมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้

สำหรับนักศึกษาที่ชื่อว่าไซ่เชาหงซึ่งมีสัญชาติเป็นคนอเมริกัน เดิมทีเย่เวิ่นเทียนก็ไม่ชอบขี้หน้ามันอยู่แล้ว ซ้ำมันยังต้องการจะฉกหลินชื่อฉิงไปอีก แล้วจะให้เขายอมได้อย่างไร?

ฝันไปเถอะ!

ชายชรารู้สึกดีใจจริงๆเมื่อได้ยินข่าวว่ามันตายแล้ว

เวลานี้ เย่เวิ่นเทียนรู้สึกพอใจในตัวเย่เฟิงไม่น้อย เจ้าหนูนี่ตัดสินใจได้เฉียบขาดจริงๆ แค่ได้เห็นหลินชื่อฉิงเพียงวันเดียวก็ถึงกับจัดการคู่แข่งด้านความรักอย่างไร้ปราณี แบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นหลายชายของเขา ฮ่าๆ

ความคิดมากมายต่างผุดขึ้นมาในใจของชายชรา แต่ในชั่วพริบตา เย่เวิ่นเทียนก็กลับมามีท่าทีสุขุมดังเดิมราวกับข่าวเรื่องนี้ไม่ส่งผลอะไรต่อเขา ชายชราเอ่ยขึ้นมาว่า “เย่เฟิงย่อมไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ไซ่เชาหงตายแล้วไง? ไหนล่ะหลักฐานที่บ่งชี้ว่าหลายชายของฉันเป็นคนสังหาร?”

เย่เวิ่นเทียนกล่าวออกมาด้วยความเยือกเย็นและสงบ ชายชรายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติ่งขว้างทางเข้าห้องเรียนเอาไว้ดังเดิม ราวกับเท้าของเขาถูกปักหมุดไว้อย่างแน่นหนา

“ผู้เฒ่าเย่ อย่าทำให้เราอึดอัดและลำบากใจเลย”

ธันเดอร์นิ่วหน้า

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่คือมุขตลกหรือไง?”

เย่เวิ่นเทียนหัวเราะเสียงดัง “พวกเจ้าต่างหากที่ทำให้ตาแก่คนนี้อึดอัดใจ คิดจะจับกุมหลานชายฉันงั้นรึ? ไม่มีทาง!”

“หัวหน้าครับ แบบนี่มัน…….”

สมาชิกคนหนึ่งของหน่วยไม่อาจทนดูต่อไปได้ จึงเอ่ยเตือนขึ้นมาเบาๆ

“เดี๋ยวก่อน ให้ฉันได้รายงานหัวหน้าใหญ่ก่อน”

ธันเดอร์ไม่กล้าผลีผลามตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราฉะนั้น เขาจึงรีบติดต่อไปยังหลินเต๋อเทียนผ่านอุปกรณ์สื่อสาร

ไม่นานนัก ธันเดอร์ก็โบกมือออกคำสั่ง “ถอนตัว!”

ธันเดอร์ออกคำสั่งทันทีเมื่อได้รับคำแนะนำจากผู้บังคับบัญชา เพราะไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ เขาพยักหน้าเรียบๆให้แก่เย่เวิ่นเทียน จากนั้นจึงพาคนของเขาออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

ถึงแม้คนของหน่วย NSA จะปรากฏตัวขึ้นมา แต่พวกเขากลับจากไปในเวลาไม่ถึง 5 นาที!

ภาพที่เห็นทำให้คนที่คอยจ้องมองเหตุการณ์อย่าง โหมวจิ้นเฉียง เซี่ยหมิน ครูใหญ่ และคนอื่นต่างมีสีหน้าเหมือนคนโง่งม ชายชราคนนี้มีอิทธิพลถึงขนาดที่หน่วย NSA ยังไม่กล้าแตกหักเลยงั้นหรือ? แล้วยังมีเรื่องของไซ่เชาหงถูกสังหาร นี่มันข่าวใหญ่แล้ว!

“พวกแกยังไม่รีบไปอีกหรือไง!?”

เย่เวิ่นเทียนแผดเสียงตวาดใส่ โหมวจิ้นเฉียง เซี่ยเฉิงเย่ และคนอื่นๆ ขณะยังคงยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียน ท่าทีของเขาดูคุกคามอย่างไม่อาจต่อต้านได้

เสียงคำรามของชายชราทำให้หัวใจของทุกคนสั่นไหวด้วยความยำเกรง ทุกคนต่างพากันรีบวิ่งหางจุกตูดออกไปจากที่นี่ทันที

ครูใหญ่ที่คอยจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด เดิมทีต้องการเข้าไปพูดคุยบางอย่างกับเย่เวิ่นเทียน แต่เมื่อพบสายตาของชายชราที่สื่อว่าให้ถอยออกไป เขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว

…………..

ที่อีกด้านหนึ่ง เย่เฟิงเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับซูเหมิงหาน ทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปนั่งในโต๊ะของตัวเอง ซึ่งไม่ได้อยู่ติดกัน

การแพร่กระจายทักษะสัมผัสวิญญาณทำให้เย่เฟิงยังคงรับรู้สถานการณ์ภายนอกห้องเรียน เขาพบว่าหน่วย NSA ได้ถอนตัวออกไปหมดแล้ว นี่ทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม ชายชราคนนี้มีอิทธิพลที่น่าประหลาดใจที่เดียว

เย่เฟิงคิดว่าเป็นหลินเต๋อเทียนแน่นอนที่เป็นคนส่งคนมาหาเขา ดูเหมือนว่าผลกระทบจากการตายของไซ่เชาหงจะยิ่งใหญ่ไม่น้อย ซึ่งแม้แต่ตัวตนของเย่เฟิงที่ไม่ใช่ฆาตกร ยังต้องถูกคุมตัวเอาไว้เป็นพยาน
อย่างไรก็ตาม ปัญหากวนใจต่างๆได้ถูกเย่เวิ่นเทียนจัดการไปหมดแล้ว ซึ่งก็มาจากอิทธิพลของชายชรานั่นเอง

ถ้าตัวเขามีอิทธิพลแบบนี้บ้าง เขาจะยังปกปิดความลับเรื่องการฝึกวรยุทธ์หรือไม่?

คำตอบคือ‘ไม่’

แต่หนทางสู่วันนั้นยังอีกยาวไกล เย่เฟิงคิดว่าคงไม่มีใครอยากใส่หน้ากากไปตลอดชีวิต แม้แต่ชายหน้ากากโครงกระดูกหรือหนานฟางเอง ก็ยังเปิดเผยตัวตนเดิมหลังจากจัดการเรื่องไซ่เชาหงเสร็จเรียบร้อย

แต่เมื่อมาคิดถึงเรื่องนี้ แล้วใครคือศัตรูคนต่อไปของหนานฟางกัน?

แม้จะยังอยู่ในห้องเรียน แต่ความคิดของเย่เฟิงล่องลอยไปยังแถบทะเลจีนตะวันออกแล้ว ในตอนนี้ ถ้าเย่เวิ่นเทียนคอยคุ้มกันตัวเขาตลอดเวลา การหาโอกาสไปที่แถบทะเลจีนตะวันออกก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก…….

แต่จุดที่น่าสนใจคือ เหตุการณ์ในวันนี้ไม่ได้กระจายออกไปทั่วโรงเรียนเหมือนเคย เพราะทุกๆคนต่างตกใจกับข่าวที่เพิ่งได้ยินมาสดๆร้อนๆ

เกิดเพลิงไหม้ในหมู่บ้านเหยียนซี นักศึกษาแลกเปลี่ยน‘ไซ่เชาหง’ตายโดยไม่หลงเหลือแม้แต่โครงกระดูก!

ซานเชาแห่งตระกูลหลินกลายเป็นคนปัญญาอ่อน!

เกิดระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นที่แถบชานเมืองเหยียนจิงเมื่อคืน ผลการตรวจสอบปรากฏว่าที่นั่นคือฐานวิจัยด้านพันธุกรรม!

ถึงแม้ข่าวทั้งสามเรื่องจะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มันก็สร้างความตกใจไปทั่วเมืองเหยียนจิง

นอกจากนี้ มันน่าแปลกใจมากที่แม้ไซ่เชาหงจะตายแล้ว แต่ทางอเมริกาหรือเผ่ยเขิงกรุ๊ปกลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา ราวกับพวกเขายังไม่รู้ข่าวเรื่องนี้ มันจึงทำให้ผู้คนเกิดความสนใจเป็นพิเศษ

เกือบจะในเวลาเดียวกัน เหล่านักวิชาการมากมายต่างพยายามเชื่อมโยงเรื่องนี้กับการระเบิดที่แถบชานเมือง นั่นจึงทำให้องค์กรที่มีอิทธิพลสูงอย่างเผ่ยเขิงกรุ๊ป ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรในตอนนี้

ผู้คนมากมายต่างสงสัยว่า ฐานทดสอบทางพันธุกรรมที่แถบชานเมืองอาจจะเกี่ยวข้องกับไซ่เชาหงและเผ่ยเขิงกรุ๊ป แต่อย่างไรก็ตามในสายตาของโลกภายนอก นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดา เพราะรัฐบาลจีนไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆออกสู่สาธารณะเลยแม้แต่น้อย หากข้อมูลเหล่านี้รั่วไหลออกมา มันอาจนำเป็นสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศก็เป็นได้

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป มหาลัยเหยียนจิงจะไม่มีนักเรียนแลกเปลี่ยนผู้แจ่มใสร่าเริงอีกแล้ว สิ่งนี้ทำให้ผู้คนมากมายต่างรู้สึกเศร้าใจ และมีนักศึกษาหญิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่รู้สึกว่าโลกทั้งใบได้แตกสลาย  แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของไซ่เชาหงเลยสักคนเดียว

วันเวลายังคงเดินหน้าต่อไป

บางทีอาจเป็นเพราะเย่เวิ่นเทียนที่ทำให้หลินเต๋อเทียนล้มเลิกแผนจะจับกุมเย่เฟิง เพราะฉะนั้น ชีวิตของเย่เฟิงจึงกลับมาสงบสุขดังเดิม
ภายใต้การจับตามองของปู่ เย่เฟิงจึงเริ่มกลับมาตั้งใจเรียน แต่ในสายตาของอู๋บี เพื่อนร่วมห้อง และเหล่าครูบาอาจารย์ ตัวเขาดูไม่มีความหวังใดๆทั้งสิ้น

คะแนนของเย่เฟิงนั่นเป็นที่โหล่ของห้อง ต่อให้จะพยายามมากแค่ไหนในตอนนี้ ก็ไม่มีทางจะเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยได้ทันแน่

ยกเว้นแต่ซูเหมิงหานที่เชื่อว่าเย่เฟิงสามารถสอบผ่านได้ เพราะเมื่อเด็กสาวกลายเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียน เธอรู้สึกว่าความสามารถในความจดจำเพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก และซูเหมิงหานมั่นใจว่าเย่เฟิงก็ต้องมีความสามารถเหมือนเธอเช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้น ซูเหมิงหานจึงติวหนังสือให้เย่เฟิงทุกคืน แม้ว่าชายหนุ่มจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยในตอนแรก แต่เขาก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของเด็กสาวทุกสิ่งอย่างเชื่อฟัง

แน่นอนว่าในระหว่างนี้ เย่เวิ่นเทียนคอยจับตาดูเย่เฟิงตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มหนีไปไหน

แต่สำหรับเย่เฟิงแล้ว ตั้งแต่ที่เขาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ เวลาครึ่งเดือนนี้ถือเป็นครึ่งเดือนนรกของเขาอย่างแท้จริง!

………………………….

แปลโดย Solar Spark