บทที่ 14 คำขอร้องจากซูเหมิงหาน

“เธออยากจะคุยกับผึ้งน้อยเนี่ยนะ!”

ตอนที่อู๋บีเห็นซูเหมิงหานอยากคุยกับเย่เฟิงเขาตกใจจนลุกขึ้นยืน

“นายไม่กล้าออกไปกับฉันหรือไง?”

ซูเหมิงหานกล่าวอย่างขัดใจอีกรอบ จากนั้นจึงยื่นมือไปจับข้อมือเย่เฟิงแล้วลากเขาออกไปจากห้องเรียนทันที

เย่เฟิงในตอนนี้มีวรยุทธ์ระดับ 5 เดือน อีกทั้งยังมีร่างกายที่แข็งแรง แต่เมื่อเขาเห็นว่าซูเหมิงหานพยายามลากเขาออกไปแบบไม่คิดชีวิต เขาจึงยอมตามไปเพราะคิดว่าเธอคงมีเรื่องสำคัญบางอย่างแน่นอน

รับฟังเธอสักครั้งก็คงไม่เสียหายอะไร

ทันทีที่สองหนุ่มสาวออกไปจากห้องเรียนทุกคนในห้องเริ่มจับกลุ่มคุยกันอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้น?ทำไมสาวสวยอันดับหนึ่งของโรงเรียนถึงได้มีท่าทางเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเย่เฟิงแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นคนจับมือลากเขาออกไปเองด้วย

พวกเขาสองคนจะไปคุยอะไรกันนะ

วันธรรมดาทั่วไปเช่นนี้กลับมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมากมายพร้อมกัน เรื่องแรกคือการที่เย่เฟิงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการค้าประเวณีแล้วถูกจับ ซึ่งก็เป็นเรื่องประหลาดมากพอแล้ว ยังตามมาด้วยหางสุนัขที่จู่ๆก็งอกออกมาจากก้นเทียนโย่วเหลียง แล้วหนักที่สุดคงเป็นเรื่องดาวโรงเรียนในฝันของทุกคน ซูเหมิงหานเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเย่เฟิงและลากเขาออกไปนอกห้องเพื่อคุยเรื่องอะไรบางอย่าง

เสียงนินทาเปรียบดั่งเชื้อไฟที่ลามไปทั่วทุกที่ กลุ่มคนบางส่วนพยายามจะแอบลอบฟังสิ่งที่ซูเหมิงหานคุยกับเย่เฟิงแต่ก็ต้องล้มเหลวเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินไปทางสนามกีฬา เพราะชัดเจนว่าพวกเขาแอบฟังในที่โล่งแบบนั้นไม่ได้

พวกเขาเหล่านี้ยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนเช้าที่เย่เฟิงซัดนักเลงสองคนจนกระเด็นไปที่หน้าประตูโรงเรียนได้ดี แน่นอนพวกเขาไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเองเป็นแน่

ในที่สุดซูเมิงหานและเย่เฟิงก็เดินมาถึงสนามกีฬา

ยามบ่ายที่พระอาทิตย์สาดแสงแรงจ้า สนามกีฬาล้วนไร้ผู้คนจึงเป็นที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับการคุยกันส่วนตัว

“เอาละ มีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันงั้นหรือ?”

เย่เฟิงเดินไปพูดไป

“ฉัน…”

ซูเหมิงหานมองไปยังเย่เฟิง เด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนบ้านของเธอมานานแล้ว หากแต่เธอก็ไม่คุ้นเคยกับเขามากนัก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอสังเกตว่าเขาเป็นคนที่หล่อเหลาไม่เบาเลยเช่นกัน

ซูเหมิงหานส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป เธอลังเลเล็กน้อยพลางหลบหน้าไปทางด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตากับเย่เฟิงโดยตรงแล้วจึงพูดว่า “ฉันพานายมาที่นี่เพื่อจะบอกว่าฉันพร้อมให้โอกาสนายได้จีบฉันนะ พ่อของฉันไม่ได้คัดค้านเรื่องของเราอีก นายจะว่าไงล่ะ?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากเธอเย่เฟิงขยับยิ้มในทันที

เขามองสำรวจเธอที่เป็นดาวโรงเรียนอย่างถี่ถ้วน ใบหน้าเรียวรูปไข่ องค์ประกอบต่างๆที่ดูสวยงาม อีกทั้งเรือนร่างที่ดูน่าทะนุถนอม เพียงแค่มองปราดเดียวไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับว่าเธอสวยและน่าดึงดูดอย่างหาที่เปรียบได้ยากจริงๆ

ถ้าหากเธอไปพูดเรื่องเดียวกันนี้กับเด็กหนุ่มคนอื่นในโรงเรียนมัธยมปลายเหยียน พวกเขาเหล่านั้นคงดีใจจนแทบช๊อกและรีบตอบรับข้อเสนอนี้แบบไม่ลังเล เพียงแต่คนที่เธอพูดไม่ใช่ผู้ชายพวกนั้นแต่เป็นเย่เฟิง

“โทษทีนะ แต่ว่าฉันไม่ได้สนใจเธอหรอก”

เย่เฟิงหัวเราะเล็กน้อยก่อนหันหลังแล้วเตรียมจะเดินจากไป

เมื่อซูเหมิงหานได้ยินเขาตอบมาเช่นนั้น เธออดใจไม่ได้ที่จะมองอย่างแปลกใจเพียงชั่วครู่จนกระทั่งเย่เฟิงกำลังจะหันหลังเดินไปเธอจึงรีบเรียกเขาไว้อีกครั้ง”นี่ เดี๋ยวสิ!”

ซูเหมิงหานจับแขนเย่เฟิงเพื่อรั้งให้เขาหยุด นี่มันเรื่องน่าตลกอะไรกันเนี่ย เธอตกลงกับพ่อของเธอเรื่องเย่เฟิงได้แล้วแท้ๆ แล้วเธอจะยอมพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร

ซูเหมิงหานขบคิดในใจ นี่ไม่ใช่กลายเป็นว่าเธอพยายามบอกให้เย่เฟิงจีบเธอไปแล้วเหรอ นี่เธอกล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกไปได้อย่างไรกันเนี่ย!

“งั้นแค่ไปเที่ยวที่‘หลางฝาง’กับฉันก็พอ แบบนี้นายจะโอเคไหม?”

เธอบอกวัตถุประสงค์จริงๆของเธอออกมา

หลางฝางเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเหยียนจิงซึ่งไม่ห่างกันมากนัก หากเธอขอร้องให้เขาไปเที่ยวที่นั่นกับเธอไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร อย่างน้อยถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงรีบตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดมากเลยทีเดียว

โชคไม่ดี เย่เฟิงไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น เขาไม่ได้สนใจในตัวเธอเลยสักนิดดังนั้นทำไมเขาถึงต้องไปเที่ยวกับเธอด้วยล่ะ

“เธอชวนคนอื่นเถอะนะ”

เย่เฟิงส่ายหัวอีกครั้งพร้อมกับดึงมือของเธอออก จากนั้นจึงเดินจากไป เขาต้องรีบกลับไปคุยกับอู๋บีเรื่องที่เขาอยากไปที่บ้านของอู๋บีซึ่งเป็นร้านขายวัตถุโบราณ

ซูเหมิงหานเห็นเขาเดินจากไปแบบนั้นได้แต่โมโหแล้วขยี้เท้าบนพื้น

เธอไม่เข้าใจความคิดของเย่เฟิงเลยจริงๆ!

ซูเหมิงหานยังคงจำเหตุการณ์ประทับใจที่เย่เฟิงช่วยเธอหนีพวกกลุ่มอสรพิษสวรรค์ที่ถนนนั้นได้ดี แต่หากไม่นับเรื่องนั้นแล้วเย่เฟิงคนนี้มันน่าหงุดหงิดจริงๆเชียว

อย่าว่าแต่เรื่องเข้าไปคุยกับเย่เฟิงก่อนเลย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเธอไม่อยากจะเข้าใกล้เย่เฟิงแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำไป เพียงแต่เมื่อคืน เธอตกลงกับพ่อแล้วว่าตราบที่เธอรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่เฟิงเอาไว้ เขาจะยอมให้เธอไปที่หลางฝางเพื่อเยี่ยมคุณยายของเธอได้

ภรรยาคนใหม่ที่ซูซินฉางแต่งงานด้วยเป็นคนของตระกูลเซี่ย เธอเป็นคนใจร้ายที่ชอบเหน็บแนมผู้อื่นและมีใจที่คับแคบ อีกทั้งเธอก็ไม่ได้ชอบซูเหมิงหานเลยแม้แต่น้อย ตอนที่แต่งงานใหม่เธอได้ยื่นเงื่อนไขกับซูซินฉางไว้ว่าถ้าเขายังอยากให้ซูเหมิงหานอยู่กับเขา ซูเหมิงหานต้องไม่กลับไปพบกับครอบครัวฝั่งมารดาอีก

ซูซินฉางก็คิดเช่นเดียวกัน หากปล่อยให้ลูกสาวของเขากลับไปที่ครอบครัวฝั่งภรรยาเก่าของเขา ชีวิตของเธอคงจะตกต่ำกว่าชีวิตที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ เขาจึงสัญญากับภรรยาใหม่ของเขาว่าจะไม่อนุญาตให้ลูกสาวกลับไปที่ครอบครัวฝั่งมารดาที่หลางฝาง รวมทั้งพยายามกีดกันเธอออกจากครอบครัวฝั่งนั้นด้วย

นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเรื่องขัดแย้งระหว่างซูเหมิงหานและพ่อของเธอนั่นเอง

มาคราวนี้ซูซินฉางยอมให้เธอกลับไปพบกับยายของเธอได้ แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่าเย่เฟิงต้องไปกับเธอด้วย ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเธอจะยอมให้เรื่องมันจบลงง่ายๆแบบนี้ได้อย่างไรกัน

ซูเหมิงหานเดินกลับไปที่ห้องเรียนอย่างโมโห เธอจ้องไปที่เย่เฟิงและเดินกลับไปยังที่นั่งของเธอโดยไม่สนใจสายตาและเสียงกระซิบรอบข้างจากนักเรียนคนอื่นๆ ตอนนี้ เธอเริ่มคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์

“ผึ้งน้อย ซูเหมิงหานคุยอะไรกับนายเหรอ ดูท่าทางแล้ว อย่างกับเธออยากจะกินนายเข้าไปทั้งตัวอย่างนั้นแหละ อย่าบอกจะว่าเธอหึงที่นายไปเที่ยวโสเภณีนะ”

อู๋บีนั่งข้างเย่เฟิงเริ่มพูดอีกครั้ง

“อย่าพูดไร้สาระแบบนั้นน่า เธอแค่อยากให้ฉันไปเที่ยวกับเธอที่หลางฝางเท่านั้นเอง แต่ฉันไม่ว่างพอจะทำแบบนั้นหรอก”

เย่เฟิงส่ายหัวพูดราวกับเขาไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น

“ไปเที่ยวกับเธอที่หลางฝางเนี่ยนะ?”

อู๋บีรู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้ เขาเป็นคนนอกที่ไม่ได้รู้เบื้องหลังเกี่ยวกับครอบครัวเธอเลยแม้แต่น้อยจึงได้แต่ส่ายหัวและไม่พูดอะไร

เขาและเย่เฟิงเป็นเพื่อนคู่หูกันตั้งแต่เด็ก เย่เฟิงไม่มีทางโกหกเขาหรอก

เมื่อคาบสุดท้ายสิ้นสุดลง เย่เฟิงตัดสินใจไปบ้านของอู๋บีเพื่อหาสมบัติเก่าๆ เผื่อว่าจะมีอันไหนที่มีหลิงฉีอยู่ภายใน เขาต้องการนำมันมาพัฒนาระดับวรยุทธ์ของเขาให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยาก คู่หูทั้งสองคนวิ่งออกไปจากห้องเรียนทันทีที่คาบสุดท้ายจบลง ซูเหมิงหานกำลังคุยกับเพื่อนของเธออยู่ในห้อง เมื่อเห็นดังนั้น เธอมองไปที่คู่หูทั้งสองอย่างโมโหพร้อมกับขยี้เท้าอย่างขัดใจอีกครั้งที่สองคนนั้นวิ่งออกไปจากโรงเรียนแล้ว

ต่อจากนี้ไป ข่าวลือเรื่องดาวโรงเรียนซูเหมิงหานมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเย่เฟิงได้กระจายไปทั่วอย่างหยุดไม่อยู่

เรื่องข่าวลือนี้ซูเหมิงหานไม่ได้รังเกียจอะไรนัก เธอคิดว่าพ่อของเธอต้องรู้สึกดีใจแน่ๆถ้าข่าวลือนี้ไปถึงหูของเขา ไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ต้องพึ่งเย่เฟิง และสามารถไปเยี่ยมคุณยายที่หลางฝางได้ด้วยตัวเธอเอง อีกอย่างข่าวลือพวกนี้ก็ไม่เป็นความจริงเสียหน่อยดังนั้นเธอจะสนใจไปทำไมล่ะ

เย่เฟิงและอู๋บีวิ่งมาถึงทางออกโรงเรียน พวกเขาหยุดทันทีเมื่อเจอกับอันธพาลสามคนชุดเดิมอีกครั้ง

“ครั้งที่แล้วยังไม่หลาบจำอีกหรือไง?”

เย่เฟิงมองไปยังนักเลงสามคนเดิมของกลุ่มอสรพิษสวรรค์และพูดออกมาอย่างข่มขู่

กลุ่มอสรพิษสวรรค์เป็นพวกที่กัดไม่ปล่อยจริงๆ แต่เขาจะใช้โอกาสครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์เพราะเขาได้เตรียมยาพิษหญ้าใบทองไว้ในกระเป๋าของเขาแล้ว แม้ในตอนแรกเย่เฟิงตั้งใจว่าจะไปที่บ้านของอู๋บีก่อนจากนั้นจึงค่อยจัดการกับเรื่องของกลุ่มอสรพิษสวรรค์

หลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้นสนใจกับการเผชิญหน้ากันอีกครั้งของกลุ่มอสรพิษสวรรค์สามคนกับเย่เฟิง พวกเขาคิดว่าไม่ช้าก็เร็วต้องมีเรื่องแบบนี้อยู่แล้วล่ะ

แต่ว่าเหตุการณ์ถัดไปกลับทำให้พวกเขาต้องตะลึง

พวกเขาเห็นนักเลงสามคนเดินไปหยุดอยู่หน้าเย่เฟิงจากนั้นตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง “พี่ใหญ่เย่!”

……………………………………

แปลโดย : Teepo_V