บทที่ 13 หางที่งอกออกมา

เย่เฟิงออกจากโรงแรมแล้วจึงเดินไปยังร้านอาหารเพื่อหาของกินสำหรับมื้อกลางวัน จากนั้น เขาจึงมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนมัธยมปลายเหยียน

ขณะที่เย่เฟิงมาถึงโรงเรียน เวลานี้คือช่วงพักกลางวันก่อนเริ่มคาบเรียนในตอนบ่าย เมื่อเขาเข้าไปในห้องเรียนปีสาม เสียงพูดคุยในห้องกลายเป็นเงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก

สายตามากกว่า 50 คู่ ล้วนจับจ้องไปที่เย่เฟิงอย่างนิ่งค้าง

“ผึ้งน้อย!”

อู๋บีเป็นคนแรกที่เริ่มมีปฏิกิริยา เขาตบมือลงบนกับโต๊ะแล้วยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปรากฏสีหน้าที่แสดงออกถึงความดีใจ

ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆในห้องต่างจ้องไปที่เย่เฟิงอย่างแปลกใจแล้วจึงหันไปกระซิบคุยกัน

“มันยังไงกันแน่ ไม่ใช่ว่าเทียนโย่วเหลียงบอกว่าเย่เฟิงถูกจับไปเพราะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องค้าประเวณีหรอกหรอ?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าเย่เฟิงก็ไม่ได้มาโรงเรียนตอนเช้านี่ มันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ใช่มั้ย?”

ในแถวที่นั่งด้านหน้า ซูเหมิงหานกำลังเตรียมตัวจะออกไปกินข้าวกลางวัน เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเห็นเย่เฟิง ดวงตาใสแจ๋วของเธอเบิกกว้างขึ้น และมีสีหน้าที่แสดงถึงความประหลาดใจ

เขาถูกจับเพราะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องค้าประเวณีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงถูกปล่อยตัวออกมาเร็วขนาดนี้กันล่ะ? หรือว่าสิ่งที่เทียนโย่วเหลียงบอกเป็นเรื่องโกหก? ก็เป็นไปได้ เพราะเธอรู้ดีว่าเทียนโย่วเหลียงเป็นผู้ชายแบบไหน แล้วเธอจะเชื่อข่าวที่ถูกปล่อยออกมาจากเขาได้อย่างไรล่ะ

ซูเหมิงหานหันกลับไปมองเทียนโย่วเหลียงที่นั่งติดอยู่กับหน้าต่าง สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกใจอย่างปิดไม่มิดขณะที่มองไปทางเย่เฟิง เขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะมาปรากฏตัวในห้องเรียนวันนี้ได้

เมื่อคืนหลังจากเย่เฟิงถูกปล่อยตัวออกจากสถานีตำรวจ ผู้กำกับหลิวได้รายงานต่อซูซินฉางและหัวหน้าของเขา แต่ทางด้านเทียนโย่วเหลียงแล้วเขาไม่ได้สนใจที่จะแจ้งให้ทราบแม้แต่น้อย ส่วนชายจมูกงุ้มจางกว๋อฉาย เขาถูกสอบสวนทางวินัยและถูกพักงานเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เพราะฉะนั้น แน่นอนว่าเขาไม่กล้ารายงานเรื่องนี้ไปยังประธานเทียนแน่ๆ

ดังนั้นจนถึงปัจจุบัน เทียนโย่งเหลียงยังคงคิดว่าเย่เฟิงจะถูกคุมขังอีกสิบกว่าวัน จึงแพร่กระจายข่าวออกไปทั่วทั้งโรงเรียน และตอนนี้เกือบทุกคนในโรงเรียนล้วนรับรู้ว่าเด็กหนุ่มนามเย่เฟิงได้ถูกจับกุมและถูกคุมขังไว้สิบกว่าวันในข้อหามีส่วนร่วมกับการค้าประเวณี

“แก ได้ยังไงกัน…”

เทียนโย่งเหลียงชี้ไปที่เย่เฟิงแล้วพูดอย่างตะกุกตะกัก

“ฉันทำไมเหรอ”

เย่เฟิงยิ้มเล็กน้อยอย่างมีลับลมคมใน

เขาไม่ปล่อยเทียนโย่วเหลียงไปง่ายๆโดยไม่สอนบทเรียนให้มันก่อนอย่างแน่นอน

เดิมที เย่เฟิงไม่คิดจะใส่ใจแมลงหวี่แมลงวันอย่างเทียนโย่วเหลียงแม้แต่น้อย แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อคืน ทำให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องยุ่งยากมากมาย หากไม่สั่งสอนมันเสียหน่อย เขาคงรู้สึกผิดกับตัวเองไม่น้อย

“ย…อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!”

เมื่อเห็นเย่เฟิงกำลังเดินเข้ามา เทียนโย่งเหลียงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนเช้า ที่อันธพาลสองคนถูกเย่เฟิงซัดจนลอยเคว้งไป เขากลัวจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนั้นเหมือนกัน

“ฉันละขี้เกียจจัดการกับนายจริงๆ”

เย่เฟิงยิ้มพลางส่ายหัวเล็กน้อย แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ลอบปล่อยเจินฉีออกมาอย่างลับๆโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มที่นั่งติดกับเทียนโย่วเหลียงก็ผงะแล้วชี้ไปที่ก้นของเทียนโย่วเหลียงพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “เทียนโย่วเหลียง นี่นายไว้หางยาวๆแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน”

“หางเหรอ?”

เทียนโย่วเหลียงรู้สึกแปลกๆแล้วรีบหันหลังกลับไปดู สิ่งที่เขาเห็นคือหางยาวปุกปุยโผล่ออกมาจากก้นของเขา ลักษณะมันเหมือนกับหางสุนัขสีดำยาวประมาณหกถึงเจ็ดนิ้วกำลังส่ายไปส่ายมา

“เฮ้ยอะไรกันเนี่ย!”

เสียงร้องด้วยความตกใจดังออกมาจากเทียนโย่วเหลียง

เขามีหาง!

นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?

มันเป็นไปได้ยังไงที่อยู่ๆเขาก็มีหางขึ้นมา?

ความสนใจของทุกคนที่เดิมตกอยู่กับเย่เฟิงล้วนถูกเบนไปยังหางสีดำยาวของเทียนโย่งเหลียง สายของพวกเขาจ้องมองไปที่ก้นของเทียนโย่วเหลียงราวกับถูกสะกด หางสีดำยาวปุกปุยที่กำลังแกว่งไปมานั่นมันดูเหมือนกันของจริงอย่างมาก

“เฮ้ย นั่นมันหางจริงๆนี่”

“โห เจ๋งไปเลยว่ะ”

ในห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงร้องตกใจ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงพวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือไปที่หางของเทียนโย่วเหลียง ในขณะที่บางคนหยิบมือถือออกมาเพื่อที่จะถ่ายรูปเหตุการณ์อันน่าขบขันนี้

นักเรียนสองคนที่นั่งข้างๆเทียนโย่วเหลียงอดใจไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลองจับหางนั้นดู พวกเขาพบว่าหางนี่เป็นของจริง แต่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมอยู่ๆมันถึงโผล่ออกมาแบบนี้ได้

เมื่อเห็นว่าทุกคนพยายามที่จะลองจับหางของเขา เทียนโย่งเหลียงตื่นตกใจแล้วรีบวิ่งหนีออกไปจากห้องเรียนพลางตะโกนร้องอย่างหวาดผวา ในขณะเดียวกันหางสีดำยาวนั่นก็ยังคงส่ายไปมาไม่หยุดขณะที่เขาวิ่งหนีออกไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้

เย่เฟิงได้แต่หัวเราะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อเทียบกับข่าวการไปยุ่งเกี่ยวกับโสเภณีของเขาแล้ว ข่าวหางปริศนาของเทียนโย่วเหลียงดูจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากกว่าเยอะ เขาเชื่อว่าเมื่อข่าวเรื่องหางจากก้นเทียนโย่วเหลียงแพร่ออกไป ข่าวที่เกี่ยวกับการค้าประเวณีของเขาจะถูกกลบไปโดยสิ้นเชิงในไม่ช้า

ความจริงแล้วมันเป็นแค่ทริคเล็กน้อยที่จะดึงความสนใจจากเขาไปที่เทียนโย่วเหลียงแทน ด้วยวรยุทธ์ระดับ 5 เดือนของเย่เฟิง การที่เขาจะใช้วิชาลวงตาที่ถูกสร้างโดยเจินฉีย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

หากระดับวรยุทธ์ของเขาสูงกว่านี้ เขาสามารถใช้วิชาลวงตานี้เปลี่ยนได้แม้กระทั่งรูปลักษณ์ภายนอก เมื่อนั้นการสร้างภาพลวงตาเพื่อหลอกศัตรูย่อมไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ด้วยระดับวรยุทธ์ระดับ 5 เดือนของเย่เฟิง ณ ตอนนี้การเสกหางขึ้นมายังเป็นเรื่องง่ายๆ แน่นอนว่าหางนั่นไม่ใช่ภาพลวงตา มันเป็นของจริงที่หากใครยื่นมือไปจับก็จะรับรู้ได้ถึงความนุ่มของมัน เพียงแต่มันจะสลายไปในเวลาไม่กี่นาที

ถึงอย่างนั้น เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ถือว่าเหลือเฟือแล้ว

มันนานพอที่จะทำให้กลายเป็นข่าวดังเพื่อดึงความสนใจจากข่าวเสียเดิมของเขาออกไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นสภาพของเย่เฟิง ณ ตอนนี้ยังคงดูแข็งแรงปกติดี ไม่มีอะไรที่บ่งชี้เลยว่าเขาได้ถูกจับกุมตัวจริงๆดังข่าวลือ

“โห นั่นมันอะไรกันวะนั่นผึ้งน้อย”

เมื่อเย่เฟิงกลับไปยังที่นั่งของเขา อู๋บีรีบเดินเข้ามานั่งที่นั่งที่ติดกับเขาแล้วถามอย่างงงงวย

อยู่ๆหัวหน้าห้องก็มีหางงอกออกมาเสียอย่างนั้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากทุกคนจะตกใจ

“ฉันก็ไม่รู้ บางทีมันอาจจะเป็นการลงโทษสำหรับกระทำเลวร้ายที่ผ่านของเขาล่ะมั้ง”

แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่บอกหรอกว่าเป็นฝีมือของเขาเอง

“ให้ตายเถอะ นั่นมันเรื่องที่แปลกสุดยอดไปเลยนะ”

ไม่ใช่แค่อู๋บีเท่านั้น นักเรียนทุกคนในชั้นเรียนต่างให้ความสนใจแก่เรื่องนี้และพูดคุยกันอย่างสนุกปาก

ความจริงแล้วเย่เฟิงรู้สึกกังวลกับข่าวที่เขาพึ่งสร้างขึ้นเล็กน้อย แม้โลกใบนี้จะมียอดฝีมืออยู่เช่นกัน แต่วิชาของเขานั้นแน่นอนว่าไม่เคยมีปรากฏมาก่อน เขากังวลว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้มีคนเริ่มสงสัยเขาขึ้นมาได้

แม้กระทั่งใบหน้าของซูเหมิงหานก็แสดงออกถึงความประหลาดใจกับหางของเทียนโย่วเหลียง หางที่แกว่งซ้ายทีขวาทีขึ้นลงบ้างนั่นมันดูประหลาดจริงๆนั่นแหละ

หลังจากเวลาผ่านไปสักระยะ อู๋บีจึงค่อยสงบใจลงพร้อมกับความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวเขาอย่างฉับพลัน เขาวางมือลงบนไหล่เย่เฟิงพลางถาม “ผึ้งน้อย ตกลงว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ฉันคิดว่านายถูกจับไปแล้วจริงๆเสียอีก”

เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเย่เฟิงได้เตรียมข้ออ้างไว้แล้ว “ฉันไปเจอปู่มาน่ะ”

เขาไม่ได้ปฏิเสธเรื่องโดนจับในเมื่อมันเป็นความจริง

“ดีนี่….ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นล่ะ!”

อู๋บีเปลี่ยนเรื่องสนทนาไปยังเรื่องที่เค้ากังวลมากที่สุด

“ผู้หญิงคนนั้น?”

เย่เฟิงอดใจไม่ไหวอยากจะอัดอู๋บีสักทีนึง แม้กระทั่งตอนนี้เพื่อนเขาก็ยังคงไม่หยุดคิดเรื่องสาวสวยเมื่อวานตอนเย็นนั่นอีก

อู๋บียังคงคิดต่อไปถึงเรื่องที่เจอกับเธอเมื่อวาน เย่เฟิงไม่ได้สนใจ แต่เมื่อเขาคิดถึงหญิงสาวคนนั้นขึ้นมาความรู้สึกเจ็บแปลบๆก็แล่นเข้ามาที่อก เขาตัดสินใจแล้วสักวันเขาจะต้องเอาคืนเรื่องลูกเตะนั้นแน่ๆ

เวลาทั้งหมดในช่วงพักกลางวันเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้นและสดใส ทุกๆคนต่างพากันพูดคุยถึงเรื่องหางของเทียนโย่วเหลียงไม่หยุด ดูท่าว่าข่าวนี้คงแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนเสียแล้ว

แต่ก่อนที่คาบต่อไปจะเริ่มขึ้น เย่เฟิงรู้สึกว่ามีร่างๆหนึ่งมาโผล่มาที่ข้างๆเขาอย่างกะทันหัน เมื่อหันไปดู เขาก็พบกับซูเหมิงหานยืนอยู่ข้างๆ เธอพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ดูไม่เต็มใจ “เย่เฟิง ฉันอยากให้นายออกไปกับฉันหน่อย”

“หือ มีอะไรงั้นเหรอ?”

เย่เฟิงมองไปที่เธออย่างสงสัย เขาคิดมาตลอดว่าดาวโรงเรียนคนนี้รังเกียจเขา แล้วทำไมจู่ๆ เธอถึงเข้ามาชวนเขาคุยก่อนได้ล่ะ?

…………………..

แปลโดย : Teepo_V

ปรับสำนวน : Solar Spark