บทที่ 137 วิถีอันน่าอัศจรรย์

เมื่อชายหน้าบากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง เขาพยักหน้าด้วยความมั่นใจก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “พี่เย่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะคัดเลือกคนมาฝึกวรยุทธ์ให้ให้ดีที่สุด และไม่มีทางให้คนที่ไม่มีคุณสมบัติได้ฝึกเด็ดขาด!”

ในเมื่อเย่เฟิงมอบความเชื่อใจให้แก่เขาโดยให้แนวทางฝึกวรยุทธ์มา ทั้งยังอนุญาติให้คนของเขาที่เชื่อถือได้สามารถฝึกวรยุทธ์ได้เช่นกัน ชัดเจนว่าเย่เฟิงตั้งใจจะสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมา แล้วพวกเขายังเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังนี้อีกด้วย!

ชายหน้าบากนับถือเย่เฟิงอย่างมาก แค่ออกไปข้างนอกเพียงครู่เดียว ก็ได้ตำราแกนวรยุทธ์ติดมือกลับมา นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว!

“อืม ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง”

เย่เฟิงขบคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อไป “ความจริง ฉันได้พบกับวิญญาณของจ้าวอี้เปยมา แต่ยังให้นายได้พบกับเขาตอนนี้ไม่ได้ คงต้องรอให้ทักษะวิญญาณของฉันสูงขึ้นกว่านี้ถึงจะปลุกเขาขึ้นมาได้อีกครั้ง และถึงแม้จ้าวอี้เปยจะไม่มีร่างกาย แต่จิตใต้สำนึกก็ยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะงั้นไว้ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ ฉันจะให้เขาได้ต่อสู้ร่วมกันกับพวกเรา!”

ทักษะบ่มเพาะวิญญาณถือว่าเป็นทักษะอันล้ำค่าของโลกเทวะ แต่ในตอนนี้ เย่เฟิงยังไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใด เขาจึงจะได้ทักษะนั้นมา แต่ต่อให้ยากเย็นแค่ไหน เขาก็จะเอาทักษะนั้นมาให้ได้

“อะไรนะครับ? ทักษะวิญญาณ?”

เมื่อชายหน้าบากได้ยินก็พลันตัวแข็งถือไปในทันที

เย่เฟิงสามารถฝึกทักษะวิญญาณได้ด้วยงั้นหรือ? จริงสิ! ถ้าเย่เฟิงถึงกับสามารถหาตำราวิถีอสุรามาให้พวกเขาฝึกได้ แค่ทักษะวิญญาณคงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเขาคนนี้

เย่เฟิงพูดต่อไปพร้อมทั้งส่ายหน้า “ส่วนรายละเอียดอื่นๆ นายยังไม่จำเป็นต้องรู้ตอนนี้ จำไว้นะว่าห้ามเปิดเผยเรื่องนีัให้ใครรู้เด็ดขาด”

“เข้าใจแล้วครับ”

ถึงแม้ชายหน้าบากจะมีแววตาที่ดูดุร้ายอยู่เสมอ แต่เวลานี้ แววตาของเขาดูมั่นคงหนักแน่นกว่าสิ่งใดๆ ความลับเกี่ยวกับทักษะวิญญาณนี้ หากไม่ใช่เพราะจ้าวอี้เปยเป็นญาติของเขา เย่เฟิงคงไม่มีทางเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาแน่

ฉะนั้น ชายหน้าบากย่อมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และไม่มีทางเปิดเผยให้ใครได้รู้เด็ดขาด!

ในตอนนี้ ชายหน้าบากถือว่าเย่เฟิงเป็นพี่ใหญ่ ดังนั้น เขาจึงทำตามคำพูดของเด็กหนุ่มโดยไม่คิดจะคัดค้านใดๆ

เมื่อเห็นหน้าบากพยักหน้า เย่เฟิงพูดต่อไปว่า “นายกลับไปเลือกคนสำหรับฝึกวรยุทธ์มา จำไว้ว่าต้องเป็นคนที่จงรักภักดีต่อเราเท่านั้น แล้วเล่าให้พวกเขาฟังแค่เรื่องของวรยุทธ์ก็พอ ตอนนี้ฉันต้องกลับก่อนแล้ว”

“พี่เย่ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”

หน้าบากเอ่ยขึ้นมาด้วยความเคารพ

เย่เฟิงยิ้มก่อนจะวางมือไว้บนไหล่ “ไม่ต้องทำเป็นคนห่างคนไกล พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรอ?”

หลังจากพูดจบ เดินออกจากห้องไปพร้อมทั้งนำไหวิญญาณติดมือไปด้วย

ชายหน้าบากยืนอยู่หน้าประตู ขณะที่สายตายังคงจับจ้องแผ่นหลังของเย่เฟิงที่เดินจากไป เวลานี้ สายตาของเขาเปล่งประกายด้วยแววตาแห่งความตื่นเต้น

ในที่สุด เขาก็สามารถฝึกวรยุทธ์ได้แล้วงั้นหรอ?

………………….

หลังจากกลับมาที่บ้าน เย่เฟิงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณและพบว่าซูเหมิงหานตอนนี้กำลังอาบน้ำอยู่ ด้วยผลของทักษะ แม้จะเป็นเพียงภาพในจิตนาการแต่ก็ยังมากพอจะทำให้ใจของเขาเดือดพล่านไปหมด

ช่างน่าตกใจที่เมื่อตอนที่เขาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ ซูเหมิงหานก็เป็นคนๆแรกที่เขาได้เห็น ซ้ำยังเห็นตอนเด็กสาวกำลังอาบน้ำอยู่เสียด้วย เวลานี้เพียงแค่เขาจดจ่อกับภาพในจิตนาการอยู่เพียงครู่เดียว เลือดกำเดาก็แทบจะปะทุออกมาจากรูจมูก

ตั้งแต่ที่เขามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหลงหวางเอ๋อที่เขาฉางไป่ เย่เฟิงก็รู้สึกว่าตัวเขาเองมีปฏิกิริยากับเรื่องพวกนี้มากขึ้น นี่มันไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย

เย่เฟิงเดินเข้าไปในบ้านอย่างเงียบๆขณะไล่ความคิดไม่เข้าท่าออกไปจากหัว หลังจากก้าวขึ้นบันไดไป ชายหนุ่มพบว่าตำราวิถีอสุราและตำราอีกสามเล่มนั้น ซูเหมิงหานได้ซ่อนเอาไว้อย่างระวัง

เธอไม่ใช่คนโง่งม ด้วยที่เป็นของสำคัญแบบนี้ เด็กสาวจึงไม่มีทางวางไว้เฉยๆในบ้านแน่นอน แม้จะซ่อนตำราทั้ง 4 เล่มไว้ในตู้ลับของห้องนอน แต่ด้วยทักษะสัมผัสวิญญาณ เย่เฟิงก็สามารถค้นพบได้โดยไม่ยากเย็นอะไร

เมื่อเดินเข้าไปในห้อง เย่เฟิงรับรู้ได้ถึงกลิ่นอันหอมหวานของเด็กสาวที่ลอยเข้ามาแตะจมูก ชายหนุ่มพยายามไม่สนใจ และเดินไปหยิบตำราทั้ง 4 เล่มมา ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาด้วยความผ่อนคลาย

ความวุ่นวายทั้งหลายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อผลของกระสุนผนึกวรยุทธ์ได้จางหายไป ชายหนุ่มจึงใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์รักษาบาดแผลบริเวณหลัง หลังจากนั้น เขาตั้งใจจะไปอาบน้ำแล้วจะได้ล้มตัวนอนบนเตียงเสียที

เหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในเย็นวันนี้ ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจของเขาเหนื่อยล้าไปหมด เมื่อคิดถึงบาดแผลที่หลัง เย่เฟิงก็อดจะคิดถึงช่วงเวลาที่ร่างของหลินชื่อฉิงนอนอยู่ใต้ร่างของเขาไม่ได้ ในตอนนั้นที่เขากดร่างของหญิงสาวไว้ หน้าอกอันเอิบอิ่มและนุ่มนวลของเธอมัน……

‘แค่ก แค่ก บ้าจริง ดันไปคิดถึงเรื่องนี้ซะได้ เราควรคิดถึงเรื่องอื่น ไม่งั้นก็อ่านตำราวิถีอสุราดีกว่า’

เย่เฟิงส่ายหัว และพยายามจะลบภาพอันงดงามของหลินชื่อฉิงออกไปจากจิตใจ

ชายหนุ่มเปิดตำราวิถีอสุราแบบสุ่มๆ และไม่นานก็พบว่า พื้นฐานของวิถีอสุรานั้นดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่นัก สาเหตุที่มันถูกเรียกว่าอสุราเป็นเพราะว่าการฝึกวิถีนี้ รอบตัวผู้ฝึกจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของโลหิต ขณะที่ตำราอีกสามเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมทักษะของผู้ฝึก

การที่ร่างของผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายโลหิต เย่เฟิงคิดว่ามันเป็นข้อเสียสำคัญอย่างยิ่ง
ในความทรงจำของชายหนุ่ม เย่เฟิงจำได้ว่าเขาเคยเห็นการปรับแก้ทักษะเซียนมามากมาย เมื่อเข้าใจถึงหลักการ ชายหนุ่มก็ลงมือเขียนวิถีอสุราแบบปรับแก้ลงในสมุดจดทันที

วิถีอสุราแบบปรับแก้นี้ต้องให้ผลที่ยอดเยี่ยมกับหน้าบากแน่! เดิมทีแล้ว เมื่อใครได้ฝึกวรยุทธ์วิถีอสุราไปถึงจุดๆหนึ่ง มันจะเกิดผลกระทบบางอย่างต่อสติปัญญาของผู้ฝึก แต่หลังจากปรับแก้แล้ว สิ่งนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

หากเย่เวิ่นเทียนได้มาเห็นเย่เฟิงตอนนี้แล้วล่ะก็ ชายชราคงต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้างพร้อมกับคิดในใจ ‘บัดซบ แกนวรยุทธ์มันแก้ไขได้ง่ายๆแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? นี่มันจะขัดต่อกฎสวรรค์เกินไปแล้ว!’

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เป็นแค่เรื่องกล้วยๆสำหรับเย่เฟิง ไม่ว่าจะเป็นทักษะวรยุทธ์ดั้งเดิม หรือทักษะเซียน เขาก็สามารถเข้าใจอย่างทะลุปรุโปรงได้โดยแค่กวาดตามองเพียงครู่เดียว และนำไปปรับแก้ให้เป็นแบบที่ชายหนุ่มต้องการ

แต่หากเป็นแกนวรยุทธ์ชั้นกลางหรือชั้นสูงแล้วล่ะก็ เย่เฟิงคงจนปัญญาเพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยพบเจอสิ่งเหล่านี้มาก่อนเช่นกัน
เมื่อเย่เฟิงปรับแก้วิถีอสุราทั้งหมดเสร็จ ซูเหมิงหานก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดี เด็กสาวไม่รู้ว่าเย่เฟิงได้กลับมาแล้วตอนนี้ เมื่อเธอเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็พบชายหนุ่มนั่งอยู่ซึ่งมันทำให้เธอผงะเล็กน้อย ซูเหมิงหานเอ่ยขึ้นอย่างหวาดๆ “นายกลับมาแล้วหรอ?”

“อืม”

เย่เฟิงวางปากกาแล้วหันมา เขาเห็นซูเหมิงหานในชุดนอนสีชมพู ชุดนี้เป็นผ้าฝ้ายเนื้อบางที่ทำให้ชายหนุ่มเกือบจะมองทะลุเห็นหน้าอกอันขาวเนียนของเด็กสาวที่นู้นเด่นขึ้นมา ภาพนี้ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่

อย่างไรก็ตาม เมื่อซูเหมิงหานเห็นชายหนุ่มจ้องมองเธอย่างไม่วางตา เด็กสาวก็พลันใบหน้าขึ้นสี เธอรีบวิ่งไปยังที่นอนและซ่อนร่างบางไว้ใต้ผ้าห่ม เหลือเพียงใบหน้าอันแสนน่ารักที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา

“นายกำลังทำอะไรหรอ?”

ซูเหมิงหานมองเห็นเย่เฟิงกำลังเขียนอะไรบางอย่าง จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ฉันกำลังปรับแก้พื้นฐานของตำราวิถีอสุราอยู่”

เย่เฟิงเอ่ยออกมาโดยไม่คิดอะไร

“เอ๋? ปรับแก้ทักษะวรยุทธ์หรอ?”

เมื่อซูเหมิงหานได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ เย่เฟิงมีความสามารถขนาดนั้นเลยหรอ? แล้วถ้าเขาทำการปรับแก้ผิดพลาด คนที่ฝึกทักษะนี้จะกลายเป็นมารร้ายหรืออะไรทำนองนี้รึเปล่า?”

เย่เฟิงปิดสมุดจดและตัดสินใจจะให้สมุดนี้แก่ชายหน้าบากในวันพรุ่งนี้

“ฉันจะไปอาบน้ำก่อน แล้วจะกลับมาอีกที ระหว่างนั้นเธอหลับรอก่อนก็ได้นะ”

เย่เฟิงส่งยิ้มให้ซูเหมิงหานที่ห่อร่างไว้ในผ้าห่ม ก่อนจะหันตัวเดินออกจากห้องนอนไป

ประโยคนี้ทำให้แก้มของเด็กสาวขึ้นสีแดงก่ำ

ทำไมเขาต้องกลับมาหาเธออีกครั้งด้วย?

เขาตั้งใจจะทำอะไรงั้นหรอ?

……………………………………………………

แปลโดย:Solar Spark ,Tan Tan

Solar Spark: เด็กดื้อต้องโดนทำโทษไงล่ะจ๊ะน้องซู

TanTan:หลังๆทำไม่มันยาวอย่างงี้…?