บทที่ 136 วิถีอสุรา!

เมื่อซูเหมิงหานเห็นชายคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เด็กสาวก็อดจะตกใจจนอ้าปากค้างไม่ได้ มีคนช่วยเธอจริงๆงั้นหรอ?

แต่ชายคนนี้กลับอยู่ในสภาพที่น่าอนาถใจ หลังของเขาเต็มไปด้วยแผลไฟไหม้และเสื้อผ้าที่ขาดแหว่งไปหมด ในมือเขายังมีกระบี่สีทอง ……..แต่กระบี่นี่มัน!

ซูเหมิงหานจำได้ทันที นี่ไม่ใช่เย่เฟิงรึไง?

เวลานี้ การที่เย่เฟิงปรากฏตัวในสภาพที่เหมือนเพิ่งผ่านสนามรบมา ทำให้เด็กสาวจดจำเขาไม่ได้ในทันที แต่เมื่อมองดูใกล้ๆแล้ว ซูเหมิงหานก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว นี่เขาบาดเจ็บเพราะแรงระเบิดใช่ไหม?

“เย่เฟิง…..”

ซูเหมิงหานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอย่างกังวล

“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”

เย่เฟิงพูดขณะเงยหน้าขึ้น ก่อนจะใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาในทันที ร่างของเขาจางหายไป ตามด้วยประกายกระบี่สีทองที่แทงเข้าใส่อกของหลี่ฮวาอย่างฉับพลัน

หลี่ฮวาไม่มีเวลาได้ทันตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น หรือต่อให้ตอบสนองทัน มันก็ไม่อาจหยุดกระบี่เล่มนี้ได้อยู่ดี สุดท้ายมันจึงตาย ตายขณะที่สายตายังคงจ้องมองเย่เฟิงด้วยความเกลียดชัง

เย่เฟิงเตะศพของหลี่ฮวาให้กลิ้งไปยังมุมห้อง ร่างของมันไม่อาจเคลือนไหวใดๆได้อีกตลอดไป

ฉัวะ ฉัวะ.

หลังจากนั้น ชายหนุ่มกวัดแกว่งกระบี่ในมือสองครั้งเพื่อตัดเชือกที่มัดซูเหมิงหานอยู่โดยไม่หันกลับไปมอง ในเมื่อเขามีทักษะสัมผัสวิญญาณแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ตามองสิ่งเหล่านี้อีก

“เตรียมตัวเถอะ เราจะไปกันแล้ว”

เย่เฟิงเอ่ยขึ้นขณะที่ก้าวไปยังมุมห้อง เขาก้มลงมองกล่องเหล็กทั้ง 4 กล่องที่ถูกล็อคไว้

ชายหนุ่มจำได้ว่าที่ห้องใต้ดินของบ้านไซ่เชาหง กล่องเหล็กเหล่านี้กองอยู่ด้วยกันกับกล่องเหล็กที่ใส่ลูกปัดสวรรค์เอาไว้ ในตอนนั้น เขาไม่มีโอกาสได้รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องเหล่านี้คืออะไร

โดยไม่รอช้า เย่เฟิงเพ่งทักษะสัมผัสวิญญาณเข้าไปแล้วพบว่ามีบางสิ่งที่คล้ายกับหนังสืออยู่ในกล่องเหล็กทั้ง 4 กล่อง ส่วนเนื้อหาในหนังสือนั้น ทักษะของเขาไม่อาจตรวจสอบได้

ชายหนุ่มวาดกระบี่ในมือเพื่อผ่ากล่องเหล็กออก แน่นอนว่าเขาสามารถทำได้อย่างง่ายดาย ความจริงแล้ววัสดุของกล่องนั้นเป็นเหล็กที่มีคุณภาพสูงอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นคนของหน่วย NSA เอง ยังไม่สามารถจะเปิดออกหรือทุบทำลายได้ง่ายๆ แต่เมื่อต้องเจอกับกระบี่เจินชี่ของเย่เฟิงแล้ว พวกมันไม่ต่างอะไรกับเต้าหูนิ่มๆ

“วิถีอสุรา?”

สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าชายหนุ่มคือหนังสือ 4 เล่มที่ทำให้เขาต้องเพ่งพิศพวกมันอีกครั้ง เย่เฟิงอดใจไม่ไหวจนต้องรีบเอาออกมาจากกล่องอย่างรวดเร็ว

หนังสือทั้ง 4 เล่มนี้คือตำราวรยุทธ์อันแสนล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง นอกจากนี้แล้ว พวกมันยังอยู่ในสภาพดีซึ่งดูเหมือนจะถูกเก็บไว้ในกล่องมาหลายปี เล่มหนึ่งคือตำราวิถีอสุรา ส่วนอีก 3 เล่มที่เหลือยังคือตำรา ‘ทักษะดาบล่าวิญญาณพันลี้’ ‘คลื่นอสุราปราบวิญญาณ’ และ ‘ย่างก้าววิญญาณเงาภูติ’

“ตำราพวกนี้มาจากไหนกัน?”

เย่เฟิงขมวดคิ้วขณะจมสู่ห้วงความคิด ไซ่เชาหงรวมรวบตำราเหล่านี้รวมทั้งลูกปัดสวรรค์เพื่อเตรียมฝึกวรยุทธ์ให้ตัวเองงั้นหรอ? หรือบางที มันอาจจะเตรียมเอาไปวิจัยก็เป็นได้

เย่เฟิงไม่อาจคาดเดาเป้าหมายของไซ่เชาหงได้ สิ่งที่เขารู้อย่างหนึ่งคือไซ่เชาหงเพิ่งได้ของพวกนี้มาไม่นาน แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้พวกมันก็ตกอยู่ในมือเขาแล้ว

‘เอาไว้ถึงบ้านเมื่อไหร่ก็ค่อยลองอ่านดูอีกที ตอนนี้เราคงต้องรีบออกจากที่นี่ก่อน’

เย่เฟิงตัดสินใจจะกลับทันที เขาหันไปมองซูเหมิงหานที่กำลังยืนอยู่ และกำลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ช่วยถือตำราวรยุทธ์พวกนี้ทีนะ เราไปกันเถอะ”

เย่เฟิงเอ่ยขึ้นมา ก่อนจะส่งตำราทั้ง 4 เล่มให้ซูเหมิงหานถือ ชายหนุ่มเดินไปรวบเอวบางของเด็กสาวมากอดไว้ พร้อมกับควบแน่นเจินชี่ไว้ที่เท้าเพื่อกระโดดออกไปจากห้องใต้ดินแห่งนี้

หลังจากออกมาด้านนอกแล้ว เย่เฟิงวาดกระบี่ในมือเพื่อเปิดปากหลุมให้ใหญ่ขึ้น ชายหนุ่มตั้งใจจะให้คนของหน่วย NSA ค้นพบที่นี่ได้ง่ายๆ แต่เวลานี้ พวกเขาควรจะรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สำหรับศพของหลี่ฮวา เย่เฟิงยุ่งเกินกว่าจะมาคิดถึงเรื่องนี้

หากระดับวรยุทธ์ของเขาไม่ถูกผนึกไว้ด้วยกระสุนเหล่านั้นแล้วล่ะก็ ชายหนุ่มคงใช้ทักษะ ‘เพลิงสีแดง’ เผาศพของมันให้สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว น่าเสียดายที่เวลานี้ เขาไม่อาจทำแบบนั้นได้

อีกอย่าง ถ้าเขามีไห่วิญญาณอยู่ตอนนี้แล้วล่ะก็ เย่เฟิงคงใช้มันดูดวิญญาณของหลี่ฮวามาเก็บไว้ล้วงข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ในอนาคต น่าเสียดายที่ก่อนจะไปมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิน เย่เฟิงทิ้งไห่วิญญาณไว้นอกหมู่บ้านชิงเฟิง เพราะเขาไม่อยากพกพาของอะไรที่ใหญ่เกือบ 2 กำปั้นไว้ในตัวให้เป็นภาระ

มาคิดดูอีกที ถ้าเขามีแหวนมิติของโลกเทวะแล้วล่ะก็ นี่คงเป็นเรื่องเยี่ยมทีเดียว……

หลังจากเย่เฟิงและซูเหมิงหานจากไปได้ไม่นาน ทหารจากกรมที่ 4 ก็ออกตรวจตรามาถึงที่แห่งนี้

“แปลกจริง ก่อนหน้านี้พวกเราก็เห็นเด็กมัธยมปลายสองคนทั้งสองคนนั่น แต่ทำไมถึงไม่พบร่องรอยอะไรเลย”

“นั่นสิ ไม่เจอเลยจริงๆ ต่อให้ตอนที่รถบรรทุกพลิกคว่ำแล้วเด็กพวกนั้นวิ่งหนีไป อย่างน้อยก็ต้องพบกับทหารหน่วยของเราที่ปิดล้อมพื้นที่ไว้สิ”

ทหารนับสิบคนพูดคุยกันขณะยังคงสำรวจพื้นที่ต่อไป เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่ค้นหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องไซ่เชาหงเท่านั้น พวกเขายังได้รับคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยให้ค้นหาเย่เฟิงและซูเหมิงหานด้วย น่าเสียดายที่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ไม่พบตัวเด็กทั้งสองเสียที

ไม่นาน เหล่าทหารก็พบกับปากหลุมใหญ่ที่มีแสงสลัวส่องออกมา!

พวกเขารีบลงไปสำรวจห้องใต้ดินอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็พบกับศพของหลี่ฮวาที่แขนขาดไปข้างหนึ่ง รวมทั้งศพของหญิงสาวสองคนที่นอนเหยียดอยู่ตรงมุมห้อง สิ่งเหล่านี้ทำให้สีหน้าของเหล่าทหารเปลี่ยนไปทันที

……

ตอนนี้ไม่เหลือเรื่องจำเป็นให้เย่เฟิงต้องจัดการอีกแล้ว

การเก็บข้อมูลสำหรับใช้เปิดโปรงอาชญกรรมของไซ่เชาหง เพื่อใช้ในการเจรจาระหว่างประเทศกับเผ่ยเขิงกรุ๊ปนั้น สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของตระกูลหลิน โดยเย่เฟิงไม่จำเป็นต้องยืนมือเขาไปยุ่งอีก

เมื่อถอดหน้ากากและสวมใส่เสื้อโค้ท เย่เฟิงก็กลับไปเป็นตัวตนเดิมของเขา เวลานี้ ชายหนุ่มใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านชิงเฟิงขณะโอบร่างของซูเหมิงหานไว้ในอก

เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้าน เย่เฟิงปล่อยให้ซูเหมิงหานกลับบ้านไปก่อน จากนั้นเขาจึงมุ่งไปยังย่านชุมชมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เย่เฟิงได้ก้าวเท้าเข้าไปยังตึกสำนักงานแห่งหนึ่ง

เมื่อมาถึงหมู่บ้าน เย่เฟิงให้เด็กสาวเข้าบ้านไปก่อนเพราะเขามีสิ่งที่ต้องจัดการอีก หลังจากส่งซูเหมิงหานแล้ว ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังย่านชุมชนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวหมู่บ้าน โดยมีสำนักงานแห่งหนึ่งที่เย่เฟิงก้าวเท้าเข้าไปทันทีเมื่อมาถึง

ความจริงแล้ว ที่นี่เป็นที่ซึ่งชายหน้าบากและคนของเขาอาศัยอยู่

ก่อนหน้านี้เย่เฟิงได้ฝากไหวิญญาณให้ชายหน้าบากคอยดูแลไว้รวมทั้งเล่าเรื่องจ้าวอี้เปยให้ฟังเล็กน้อย ชายหนุ่มตั้งใจกลับมาเอาไหวิญญาณ และในตอนนี้ เมื่อเรื่องวุ่นวายผ่านพ้นไปแล้ว เย่เฟิงก็มีความคิดบางอย่างที่จะใช้ ‘ตำราวิถีอสุรา’ที่เขาเพิ่งได้มาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

หลังจากเดินเข้าไปในสำนักงาน เย่เฟิงพบชายหน้าบากที่กำลังรอคอยด้วยความร้อนใจ

ปัจจุบันนี้ ชายหน้าบากโยกย้ายคนของเขา 10 คนที่เชื่อใจได้ ให้มาอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยของบ้านเย่เฟิง

“พี่เย่ครับ”

ทันทีที่ชายหน้าบากเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามา เขารีบเข้าไปทักอย่างกระตือรือร้น

“เอาล่ะ ฉันมีเรื่องจะบอกนายสองอย่าง”

ขณะเดินมาด้วยกันกับชายหน้าบาก เย่เฟิงพูดเข้าประเด็นทันที “เรื่องแรก เมื่อกี้นี้ฉันเพิ่งได้แกนวรยุทธ์‘วิถีอสุรา’มา แต่พออ่านดูคราวๆแล้ว มันยังมีจุดบกพร่องอยู่นิดหน่อย เพราะงั้น ถ้าฉันปรับแก้เสร็จเมื่อไหร่ พวกนายก็เริ่มฝึกวรยุทธ์กันได้เลย”

คำพูดที่ตรงไปตรงมาของเย่เฟิง ทำให้ชายหน้าบากตื่นเต้นจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ นี่เขาจะได้ฝึกวรยุทธ์แล้วหรือ? ไม่ใช่แค่นั้น เย่เฟิงยังบอกว่า “พวกนาย” ไม่ใช่แค่ “นาย” หมายความว่าคนของเขาก็สามารถฝึกวรยุทธ์ได้เหมือนกันใช่ไหม?

หากเป็นแบบนี้ ในอนาคตพวกเขาต้องกลายเป็นกลุ่มคนที่น่าเกรงขามแน่นอน!

“เรื่องนี้สำคัญมาก”

เย่เฟิงเอ่ยขึ้นขณะที่ยังมีใบหน้าเรียบเฉย “เมื่อนายก้าวสู่โลกแห่งวรยุทธ์เมื่อไหร่ ตัวตนของนายจะเปลี่ยนไปตลอดกาล……”

คนในโลกยุทธภพนั้น มีกฎบัญญัติอันเคร่งครัดของพวกเขาเอง และพวกเขาจะไม่ยอมให้แก่นวรยุทธ์หลุดรอดออกไปสู่ภายนอกเด็ดขาด แต่สำหรับเย่เฟิงนั้น เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ตราบใดที่มันไม่ขัดต่อศีลธรรมในใจ และทำให้อำนาจของเขาเพิ่มขึ้น ชายหนุ่มก็จะทำโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว

…………………………………….

แปลโดย:Solar Spark,Tan Tan

Solar Spark: หน้าบากจะได้ฝึกวรยุทธ์แล้ว!!

Tan Tan:อะแหมๆเดียวนี้ติดนิสัยแอบมาแปลตอนดึกๆนะครับแอดSolar!