บทที่ 135 ปลายกระบี่ที่ทิ่มแทงลงมาจากสรวงสวรรค์!

บ้าจริง ถ้าหาซูเหมิงหานไม่เจอ แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่มีทางกลับไปคนเดียวแน่

‘ถ้าเราวิ่งหาซูเหมิงหานไปทั่วแบบนี้ คงได้ถูกพวก NSA จับตัวไปอีกครั้งกันพอดี…..’

เย่เฟิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หากให้ชายสวมหน้ากากปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันคงดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เขาจึงถอดหน้ากากออกและกลับไปใช้ตัวตนของเย่เฟิงอีกครั้งหนึ่ง

“ผู้หญิงนี่น้า ทำไมพวกเธอถึงชอบสร้างปัญหาจริงๆเลย”

เย่เฟิงรู้สึกสงสัย แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ทิ้งเด็กสาวเอาไว้ไม่ได้

เย่เฟิงหยิบเสื้อแจ๊คเก็ตที่โยนไว้ในเขตอำพรางมา เขาตั้งใจจะแต่งตัวใหม่ก่อนจะกลับไปหาหลินเต๋อเทียนอีกครั้ง เพื่อขอให้คนของกองทัพช่วยกันออกหาตัวซูเหมิงหาน ถึงอย่างนั้น เมื่อวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างจากผลของทักษะสัมผัสวิญญาณ

ด้วยที่สามารถรับรู้ได้ทุกสิ่งในระยะ 100 เมตร เย่เฟิงพบว่าซูเหมิงหานตอนนี้อยู่ใต้ดิน! เด็กสาวไปจากที่นี่ได้ไม่ไกลนัก แต่คำถามคือ ทำไมเด็กสาวถึงไปอยู่ในสถานที่ใต้ดินได้?

โดยไม่เสียเวลาคิดให้มากความ เย่เฟิงโยนเสื้อแจ็คเก็ตทิ้งไป ก่อนจะพุ่งไปด้วยความรวดเร็วราวกับสายลม ในทุกๆย่างก้าวที่เข้าใกล้ที่นั่น ภาพของสถานการณ์ที่ห้องใต้ดินในปัจจุบันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น

สถานที่ตรงนั่นเป็นห้องใต้ดินจริงๆ ทักษะสัมผัสวิญญาณของชายหนุ่มตรวจสอบพื้นที่โดยรอบทั้งหมด และไม่นานก็พบบางสิ่งในห้องใต้ดินที่ทำให้เขาต้องแปลกใจ

นอกจากซูเหมิงหานแล้ว ที่นั่นไม่ได้มีเพียงชายที่แขนบาดเจ็บข้างหนึ่งเท่านั้น มันยังมีกล่องเหล็กที่ถูกล็อคด้วยรหัสอีกหลายกล่องตรงมุมห้อง กล่องเหล่านี้ดูไม่ต่างจากกล่องที่ห้องใต้ดินของบ้านไซ่เชาหงเลยแม้แต่น้อย

สำหรับตัวตนของชายคนนั้น แน่นอนว่าเป็นหลี่ฮวา ชายวิปริตจากวังกระบี่สวรรค์ โดยก่อนหน้านี้ การที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 15 ปี ทำให้มันเป็นศัตรูที่ท้าทายมากสำหรับเย่เฟิง แต่ในตอนนี้ มันไม่อาจเทียบกับชายหนุ่มได้เลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้วรยุทธ์ของเย่เฟิงจะยังไม่กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ แต่แค่ทักษะสัมผัสวิญญาณที่เป็นไพ่ตายของเขา ก็มากพอจะจัดการกับหลี่ฮวาได้แล้ว

‘ไม่น่าเล่า เจ้านั่น(จุยหุน)ถึงรู้ว่าเรามีความสัมพันธ์กับหลงหวางเอ๋อ กลายเป็นเจ้าวิปริตนี่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่นี่เอง ดูเหมือนพวกมันทั้งคู่คงมีเบื้องหลังบางอย่างสินะ’

แม้ว่าเย่เฟิงกำลังครุ่นคิด แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ตรวจสอบพื้นที่ด้วยทักษะสัมผัสวิญญาณอีกครั้ง และพบว่าซูเหมิงหานยังคงปลอดภัยดี นี่ทำให้ชายหนุ่มสงบใจลง ชัดเจนว่าหากเขาที่ถึงที่นี่ช้ากว่านี้ สถานการณ์ก็คงย่ำแย่ไปกว่านี้แน่

อย่างไรก็ตาม เขาพบศพผู้หญิงอีกสองคนในห้องใต้ดิน ชัดเจนว่าพวกเธอพึ่งเสียชีวิต แต่ก่อนจะเสียชีวิตนั้น พวกเธอต้องถูกย่ำยีอย่างเลวร้าย เย่เฟิงไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ต่อไป เพราะเขารู้ว่าชายวิปริตคนนี้มีนิสัยอย่างไร

‘ห้องใต้ดินนี่ เมื่อลองคิดดูแล้ว ดูเหมือนจุยหุนจะเป็นคนเตรียมไว้ให้หลี่ฮวาใช้ซ่อนตัวสินะ หึ โชคดีที่เรามีทักษะสัมผัสวิญญาณ ทำให้ได้เจอมันอีกครั้งหนึ่ง……”

เย่เฟิงเค้นเสียงอย่างเยียบเย็น เขาไม่กล้าจะจินตนาการต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าซูเหมิงหานยังตกอยู่ในเงื้อมมือของชายวิปริตคนนี้ต่อไป

แต่ตอนนี้ มันไม่มีโอกาสได้ทำอะไรกับซูเหมิงหานอีกแล้ว!

…………….

อีกด้านหนึ่ง ณ ห้องใต้ดิน หลี่ฮวายุ่งอยู่กับการขยับแขนไปมา แขนข้างนี้คือแขนที่ถูกตัดขาดออกไปและเพิ่งต่อกลับไปใหม่ได้ไม่นาน แต่มีหรือที่มันจะให้ความรู้สึกดั่งเดิม? แน่นอนว่ามันแย่กว่าเดิมมาก เพราะความยืดหยุ่นและความคล่องตัวเทียบกับก่อนที่แขนจะถูกตัดไม่ได้เลยสักนิด

“ไอ้เวรโม่จิ่วเกอ ถ้าจับแกได้เมื่อไหร่ พ่อจะสับให้เป็นหมื่นๆชิ้น!”

หลี่ฮวาสบถออกมาอย่างหยาบคายก่อนจะถ่มน้ำลายออกมา

ทันใดนั้น มันก็พลันคิดถึงตอนที่แขนถูกตัดขาด มันมาเจอกับจุยหุนเข้าโดยบังเอิญ ชายคนนี้เองที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน ถึงอย่างนั้น ใจของหลี่ฮวายังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และมุ่งมั่นจะสังหารคนที่ตัดแขนข้างนี้ของมันให้ได้

เพราะวีรกรรมที่ทำไว้ในโลกยุทธภพ หลี่ฮวาจึงถูกออกหมายจับในฐานะอาชญากรที่ต้องการตัวมากที่สุด ด้วยเหตุนี้เองมันจึงไม่อาจรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ และทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากสหายเก่า

การระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ หลี่ฮวายังคงรู้สึกได้แม้จะอยู่ห่างไกลจากที่นี่ แน่นอนว่ามันไม่คิดว่าจุยหุนจะตายในการระเบิดครั้งนี้แล้ว

“เหอะ ดูเหมือนว่าแผนของจุยหุนจะล้มเหลวสินะ มารดามันเถอะ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมันขายชีวิตเพื่อช่วยคนอื่น แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นแค่สุนัขรับใช้ ต่อให้หนีออกจากประเทศนี้ไปแล้วรอรับเงินจากพวกตระกูลไซ่ ก็ไม่เห็นต้องทำตัวเป็นสุนัขเชื่องๆแบบนี้สักนิด…….”

ความคิดเหล่านั้นที่อัดแน่นอยู่ในใจ ทำให้หลี่ฮวารู้สึกโมโห ทำไมเจ้าจุยหุนถึงต้องยอมทำตามคำสั่งของตระกูลไซ่จากเผ่ยเขิงกรุ๊ปด้วย ไม่ว่าอย่างไร พวกนั้นก็เป็นพวกมารข้ามชาติ

ผู้ฝึกยุทธ์แต่ละคนนั้น ล้วนมีแนวทางของตัวเอง

ถึงแม้หลี่ฮวาจะมีพฤติกรรมที่ชั่วร้ายและมีนิสัยมันวิปริต แต่มันก็ยังคงมีความรักชาติ แต่กับจุยหุนคนนั้น มันไม่มีความสำนึกบุญคุณของประเทศนี้เลยสักนิด!

เมื่อจุยหุนถูกออกหมายจับในฐานะอาชญากรของประเทศ มันได้หนีข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศอื่น ซึ่งถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านต่างๆจากไซ่เชาหงและตระกูลไซ่ในเวลานั้นแล้วละก็ มันคงถูกจับและโดนประหารจากทางการจีนไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง จุยหุนถึงได้ถวายชีวิตเพื่อรับใช้ตระกูลไซ่

แต่การตอบแทนบุญคุณแบบนี้ หลี่ฮวาไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ

หลี่ฮวาเหม่อลอยอยู่สักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวหน้าตาดีคนหนึ่งที่มันจับมาได้โดยบังเอิญ ใบหน้ามืดมนอันน่าขนลุกพลันเผยสายตาที่กระหายความใคร่ มันทำให้ชายคนนี้ดูวิปริตมากขึ้นไปอีก

ถึงแม้มันจะเล่นสนุกกับศพผู้หญิงสองคนเมื่อวานไปแล้ว แต่หญิงสาวสองคนนั่นจะเทียบกับสาวน้อยน่ารักคนนี้ได้อย่างไร?

“คนสวย ชื่ออะไรจ๊ะ?”

หลี่ฮวาเอ่ยถามอย่างน่ารังเกียจ

“หึ”

ซูเหมิงหานไม่อยากจะโต้ตอบอะไรจึงหันหน้าไปทางอื่น เวลานี้ มือและเท้าของเธอถูกมัดด้วยเชือก เพราะฉะนั้น การที่เธอไม่อาจหนีไปได้ทำให้เธอรู้สึกร้อนใจ

หากเธอยอมเชื่อฟังเย่เฟิงก่อนหน้านี้ และไม่หนีออกมาจากเขตอำพรางก็คงดี แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวจากการระเบิดทำให้เด็กสาวก้าวออกมาจากที่ซ่อนตัวด้วยความร้อนใจ น่าเสียดายที่เมื่อวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ถูกชายคนนี้จับตัวมาจนต้องตกอยู่ในอันตราย

เมื่อมองไปยังศพของหญิงสาวสองคนที่นอนเหยียดอยู่ตรงมุมห้อง ซูเหมิงหานก็ทำได้เพียงเดาว่า หากไม่มีใครมาช่วยเธอในเร็วๆนี้ โชคชะตาของเธอคงไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวทั้งสองคนนั่น

อย่างไรก็ตาม ห้องใต้ดินแห่งนี้อยู่ลึกกว่าสองเมตรจากผิวดินซึ่งมีแผ่นเหล็กปิดกั้น ทั้งทางเข้ายังถูกบดบังจากกลุ่มวัชพืชต่างๆอีกด้วย

แล้วในสถานการณ์อันสิ้นหวังแบบนี้จะมีคนมาช่วยเธอจริงหรอ?

เมื่อหลี่ฮวามองเห็นท่าทีลนลานของเด็กสาว ใจของมันก็พลันเบ่งบานไปด้วยความรื่นรมย์

ความจริงแล้ว จุยหุนให้มันคอยเฝ้ากล่องเหล็กเหล่านี้ไว้ แต่ก็เป็นอะไรที่น่าเบื่ออย่างยิ่ง ความสุขอย่างเดียวของมันจึงเหลือเพียงแค่การออกไปจับหญิงสาวข้างนอกมาเล่นสนุกฆ่าเวลา แน่นอนว่าหลี่ฮวาไม่กล้าออกไปไกลนัก ไม่อย่างนั้นหากถูกคนของหน่วย NSA จับได้ขึ้นมา ชีวิตของมันคงจบไม่สวย

แต่หลี่ฮวาก็มั่นใจในทักษะของตัวเอง และคิดว่าพวกโง่ NSA ไม่มีทางแกะรอยของมันได้แน่นอน

สำหรับหลี่ฮวาแล้ว สิ่งที่มันชื่นชอบก็คือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความกังวลใจของหญิงสาว แต่สิ่งที่ชอบที่สุดคือการได้เห็นน้ำตาของผู้หญิงและเลือดของพวกเธอ!

หลี่ฮวายืนขึ้นก่อนจะคว้ากระบี่ยาวมาไว้ในมือ มันค่อยๆเดินเข้าไปหาซูเหมิงหานที่ถูกมัดไว้ พร้อมกับมุมปากที่โค้งขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุก

มันยกกระบี่ขึ้นกวัดแกว่งไปมา ขณะจ้องมองซูเหมิงหานด้วยแววตาหื่นกระหาย มันค่อยๆเลียคมกระบี่ ก่อนจะแทงไปยังใบหน้าของเด็กสาว

ภายใต้แสงสลัวสีเหลืองของห้องใต้ดิน ประกายตาของซูเหมิงหานสะท้อนกับกระบี่เล่มนั้น สิ่งที่เด็กสาวทำได้คือการกัดฟันขณะคิดถึงสิ่งที่เย่เฟิงสอนเธอไว้ หากโคจรพลังตามแนวทางสุสารดาราอย่างเต็มกำลังแล้ว เธออาจแก้เชือกเหล่านี้ได้ แต่เวลานี้มัน…..

เคร้ง!

เหนือขึ้นไปจากทั้งสองคน เสียงแตกหักของแผ่นเหล็กดังขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมทั้งปลายกระบี่ยาวสีทองที่ทิ่มแทงลงมา ราวกับเป็นกระบี่ที่มาจากสรวงสวรรค์

ฉัวะ!

หลี่ฮวาไม่ทันได้ตอบสนองต่อสิ่งที่ขึ้น แขนของมันขาดกระเด็นพร้อมกับเลือดสดๆที่ไหลทะลักออกมา กระบี่ที่ถือไว้ก่อนหน้านี้ก็พลันร่วงลงบนพื้นจนก่อให้เกิดเสียงดังก้อง

ชายวิปริตผู้น่าสงสาร ขณะที่แขนข้างหนึ่งของมันที่ถูกตัดออก ยังไม่อาจต่อคืนได้ดีดังเดิม แขนอีกข้างหนึ่งของมันก็ถูกตัดขาดอีกครั้งหนึ่ง

“ถึงระดับวรยุทธ์จะถูกผนึกไว้ แต่ฉันก็ยังใช้กระบี่เจินชี่ได้ ดูเหมือนว่ากระสุนผนึกวรยุทธ์จะไม่มีผลต่อฉันเท่าไหร่สินะ”

น้ำเสียงผ่อนคลายดังมาจากชายสวมหน้ากากคนหนึ่งที่ยืนอยู่ต่อหน้าซูเหมิงหาน แน่นอนว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเย่เฟิง เขาใช้กระบี่ผ่าแผ่นเหล็กทางเข้าออกจากกัน ก่อนจะกระโดดลงมาในห้องใต้ดินแห่งนี้

“แก!”

เมื่อสายตาของหลี่ฮวามองมายังหน้ากากที่เย่เฟิงสวมอยู่ สีหน้าของมันก็พลันเปลี่ยนไปทันที ด้วยความเจ็บปวดอันมากมายเหลือแสน หลี่ฮวาขบกรามแน่นขณะจ้องมองเย่เฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอันเหลือแสน!

……………..

แปลโดย: Solar Spark ,Tan Tan

Tan Tan:อะแหมมาอีกคนละอิจฉาหืมหัวร้อนๆเอาน้ำมาสิแอด////หลบตีน- -’’!!