บทที่ 134 มันแค่ศัตรูคนแรก

ถึงแม้ว่าเย่เฟิงจะผงะอยู่ในใจ แต่ภายนอกของเขายังคงสงบนิ่ง ชายหนุ่มยื่นมือออกไปตบมืออีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “นายมั่นใจหรอว่าฉันคือเย่เฟิง?”

“ก็แค่เดาน่ะ”

หนานฟางยิ้มขณะดึงมือกลับ

“โอ้ งั้นหรอ?”

เย่เฟิงตอบอย่างปัดๆ ขณะจ้องมองอีกฝ่ายอย่างสงบ

“ได้ยินมาว่า เย่เฟิงและโม่จิ่วเกอเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

หนานฟางยิ้ม “แต่กลับไม่มีใครเคยเห็นทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เพราะงั้น ในความเห็นของฉัน เป็นไปได้มากว่าทั้งสองคนจะเป็นคนๆเดียวกัน แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?”

“ก็เป็นไปได้นะ”

ภายใต้หน้ากาก มุมปากของเย่เฟิงโค้งขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธออกไป แต่การแสดงออกของชายหนุ่ม ก็ทำให้หนานฟางมั่นใจยิ่งขึ้น

สำหรับหนานฟางแล้ว เขาไม่ได้ใช่ทักษะวรยุทธ์หรือรูปลักษณ์ภายนอกในการแยกแยะผู้คน

ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ เพราะงั้น เขาจึงไม่เหมือนกับหลงหวางเอ๋อที่สรุปว่าเย่เฟิงเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ นอกจากนี้ หนานฟางยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปลอมแปลกตัวเอง ด้วยความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ การที่เขาระแคะระคายในการปลอมแปลงตัวตนของเย่เฟิงก็ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก

หนานฟางยกแขนขึ้นมา ก่อนจะถอดหน้ากากใบหน้าโครงกระดูกออก

ทันใดนั้น ใบหน้าอันละเอียดอ่อนอันหล่อเหลาของชายหนุ่มก็เผยออกมา บางที ด้วยเพราะปกป้องใบหน้าอยู่ใต้หน้ากากมาตลอดหนึ่งปีเพื่อสร้างตัวตนใหม่ ใบหน้าของหนานฟางถึงดูซีดเล็กน้อย แต่ก็ยังแลดูสง่างาม

หนานฟางเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์กวาดล้างแก๊งประตูสวรรค์ใต้ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากไซ่เชาหงถูกสังหาร เขาก็ได้มองเห้นแสงตะวันใหม่อีกครั้งหนึ่ง!

“ฉันแอบรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับไซ่เชาหงอย่างลับๆมาโดยตลอด”

น้ำเสียงของหนานฟางสดใสเหมือนดังแสงอาทิตย์ แต่ในเวลานี้ เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างมีอารมณ์เล็กน้อย “เดิมที ฉันคิดว่าจะต้องใช้เวลาอีกมากในการเปิดเผยแผนชั่วของไซ่เชาหง แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะถูกสังหารได้เร็วขนาดนี้ เรื่องนี้ต้องขอบคุณนายจริงๆ”

ขณะที่พูดดังนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเย่เฟิงที่มีหน้ากากปิดไว้ หน้ากากสีขาวใบหน้าบูดบึ้งใบนี้ ดูแปลกประหลาดมากยามอยู่ใต้แสงจันทร์

“ไม่จำเป็นหรอก ใครทำอะไรไว้ก็ควรได้รับผลตอบแทนแบบนั้น ไซ่เชาหงมันสมควรตายแล้วจริงๆ”

เย่เฟิงยิ้มขณะวางมือบนไหล่หนานฟาง “มาเถอะ เดินไปคุยไปดีกว่า”

“แผลของนาย……”

ทันใดนั้น หนานฟางก็มองเห็นแผลไฟไหม้บนหลังเย่เฟิง

“ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอก”

เย่เฟิงส่ายหน้า สำหรับบาดแผลพวกนี้ เขาเพียงแค่รอให้ระดับวรยุทธ์ของเขากลับคืนมาเต็มร้อย แล้วค่อยใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์รักษาในภายหลัง ตราบใดที่ไม่ได้บาดเจ็บในจุดสำคัญ แสงศักดิ์สิทธิ์ล้วนรักษาได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร แต่ข้อเสียอย่างเดียวคือทักษะนี้คือมันบริโภคเจินชี่มหาศาล

ไม่นาน ร่างของทั้งคู่ก็พลันหายไปในความมืด เหลือไว้เพียงรถจิ๊บคันสีเหลืองที่ถูกทิ้งไว้ที่เดิม เพื่อรอให้เหล่าทหารมาลากออกไปในวันพรุ่งนี้……

ในกลุ่มพรรณไม้ ร่างของคนสองคนที่เดินอยู่ แลดูคลายกับผีป่าแห่งพงไพร

“ในเมื่อนายมีหลักฐานในมือมากมาย ทำไมถึงไม่แจ้งหลินเต๋อเทียนโดยตรงเลยล่ะ?”

เย่เฟิงถาม

“เพราะถ้าไซ่เชาหงยังมีชีวิตอยู่ มันก็มีวิธีปฏิเสธหลักฐานพวกนั้นอีกหลายทาง”

หนานฟางตอบออกไป ในเมื่อตอนนี้ไซ่เชาหงตายแล้ว เขาก็กล้าจะเปิดเผยหลักฐานต่อตระกูลหลิน และไม่กลัวว่าจะมีใครสามารถแก้ต่างให้ไซ่เชาหงได้อีก!

“แล้วที่มหาลัย มันก็มีโอกาสลอบสังหารตั้งมากมาย นายไม่คิดงั้นหรือไง?”

เย่เฟิงรู้สึกสงสัย ด้วยฝึมือของหนานฟางแล้ว การลอบสังหารไซ่เชาหงในมหาลัยไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไรไม่ใช่หรือไง?

“มันเป็นแค่ศัตรูคนแรกของฉัน”

หนานฟางเอ่ยขึ้น ประกายตาของเขาฉายวาบขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ “ถ้าให้ทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจัดการมัน แน่นอนว่าย่อมทำได้ แต่น่าเสียดายมันเป็นแค่ศัตรูคนแรก การจัดการกับไซ่เชาหงจึงต้องทำอย่างระวัง และไม่ส่งผลกับความปลอดภัยของฉันมากเกินไป……”

เมื่อเย่เฟิงได้ฟังคำอธิบายก็พอจะเข้าใจความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูดเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ถามต่อไปว่าศัตรูของหนานฟางคือใคร ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานร่วมกันจนประสบความสำเร็จอย่างน่าดีใจ แต่บางสิ่งก็ยังคงไม่อาจเปิดเผยต่อกันได้ เหมือนกับที่เย่เฟิงทำ หนานฟางก็ไม่ได้เปิดไพ่ในมือทั้งหมดให้อีกฝ่ายรู้เช่นเดียวกัน

“เราอาจจะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันอีก”

หนานฟางจมอยู่ในห้วงความคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่ายังไง การร่วมมือกันของพวกเราครั้งแรกก็สนุกจริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะไปทะเลจีนตะวันออก คงต้องขอบอกลากันตรงนี้แล้ว”

“ทะเลจีนตะวันออกงั้นหรอ?”

เย่เฟิงเอ่ยถามพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าด้วยกันอย่างอัตโนมัติ
“อืม อีกไม่กี่วัน ศัตรูคนต่อไปของฉันจะปรากฏขึ้นที่แทบทะเลจีนตะวันออก…….อ่อ อย่าเข้าใจผิดล่ะ”

หนานฟางโบกมือ “ศัตรูของฉันไม่ใช่คนในตระกูลหลงหรอก”

“นายรู้ด้วยหรอว่าฉันมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลง?”

เย่เฟิงถาม

“ฉันเกรงว่าตอนนี้คงรู้กันไปทั่วประเทศแล้วล่ะ”

หนานฟางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ตามข่าวลือ นายได้ครอบครองคุณหนูหลง…….แค่ก แค่ก”

“มันกระจายออกมาจากคนของวังกระบี่สวรรค์ใช่ไหม?”

เย่เฟิงครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ และรู้สึกสับสนเล็กน้อย ในที่สุด สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว

“ตามที่ฉันรู้มา ไม่นานนี้ หนึ่งใน‘คู่รักสุขสันต์ของวังกระบี่’ถูกสังหาร ถ้าฉันเดาไม่ผิดก็คงเป็นนายสินะ?”

หนานฟางเดาขณะต้องมองหน้ากากอันแปลกประหลาดของเย่เฟิง

“ใช่ ฉันเอง”

เย่เฟิงยิ้ม “อีกอย่าง ฉันก็จะไปที่แทบทะเลจีนตะวันออกเหมือนกัน”

“โอ้ เพราะตระกูลหลงงั้นหรอ? นายจะไปด้วยกันฉันไหม?

หนานฟางเอ่ยถาม

“ตอนนี้ฉันยังออกจากเหยียนจิงไม่ได้”

เย่เฟิงพูดขณะคิดว่าตัวเขาก็ไม่รู้ว่าเย่เวิ่นเทียนอยู่ที่ไหนตอนนี้ แต่ชายหนุ่มยังจำคำสั่งของปู่ได้ดีว่าห้ามออกจากเมืองเหยียนจิงในช่วงนี้ และตัวเขาก็ยังไม่มีฝีมือพอจะขัดคำสั่งได้ แม้แต่ทักษะล่องหนก็ยังสูญเปล่าเมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราคนนั้น

“งั้นฉันจะไปที่นั่นก่อน”

หนานฟางพูดด้วยความเสียดาย “นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของฉัน ถ้าไปถึงทะเลจีนตะวันออกเมื่อไหร่ก็ติดต่อมาได้ ฉันจะไปที่นั่นก่อนเพื่อหาข้อมูลบางอย่าง”

สำหรับตัวของชายหนุ่มตุ๊งติ๊งจ้าวหมิงซือ แน่นอนว่าตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกแล้ว

“ขอบคุณมาก”

เย่เฟิงไม่ปฏิเสธ เขารีบจดเบอร์โทรศัพท์ทันที ในเมื่ออีกฝ่ายจะมุ่งหน้าไปทะเลจีนตะวันออกวันพรุ่งนี้ นั่นไม่ได้หมายความว่า ศัตรูคนต่อไปคือคนจากโลกยุทธภพงั้นหรือ? ลำพังแค่ตัวคนเดียวก็คงดูเหมือนจะเกินกำลังชายคนนี้อยู่บ้าง

ฉะนั้น แผนจึงมีอยู่ว่า อย่างแรก หนานฟางจะตรวจสอบสิ่งต่างๆเท่าที่ทำได้ไปก่อนจนกว่าเย่เฟิงจะมาถึง แล้วทั้งคู่จะร่วมมือกันอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ของแต่ล่ะฝ่ายเอง

ขณะที่เดินไปตามทาง ตำแหน่งที่ซ่อนตัวของซูเหมิงหานก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนเหลือไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร

พวกเขาเดินไปด้วยกันก็เพราะตั้งใจจะพูดคุยแลกเปลี่ยนกันถึงบางเรื่อง แต่แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่มีทางเดินกับหนานฟางไปจนถึงที่ที่เขาซ่อนตัวซูเหมิงหานไว้

“หวังว่าการร่วมมือกันของพวกเราในครั้งหน้าจะสนุกแบบนี้อีก”

ก่อนที่เย่เฟิงจะขอแยกทางไป หนานฟางก็ชูกำปั้นขึ้นมาทางเขา

“เช่นกัน”

เย่เฟิงยิ้มขณะยื่นกำปั้นออกไปชน ไม่เพียงความคิดของชายคนนี้จะน่าทึ่งเท่านั้น ความสามารถในการปกปิดตัวตนของเขาก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน หากไปถึงทะเลจีนตะวันเมื่อไหร่ ด้วยความสามารถของหนานฟาง เขาคงบรรลุจุดประสงค์ของตัวเองได้ง่ายขึ้นมาก

เย่เฟิงมองแผ่นหลังของหนานฟางที่จางหายไปในหมู่พรรณไม้ จากนั้น เขาก็ใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงามุ่งไปยังสถานที่ที่ซูเหมิงหานซ่อนตัวอยู่ สองนาทีต่อมา ด้วยทักษะสัมผัสวิญญาณ ในที่สุดเขาก็ตรวจพบเขตอำพรางที่เขาสร้างไว้

แต่ทันใดนั้น สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที

ซูเหมิงหานหายไป!

เย่เฟิงรู้สึกขวัญหายเล็กน้อย เด็กสาวหายไปไหน? เขตอำพรางที่เขาสร้างขึ้นยังคงอยู่ที่นี่ แม้แต่เสื้อแจ๊คเก็ตก็ยังอยู่ ก่อนหน้านี้ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมหน้ากากออกไป เพราะถ้าออกไปเจอคนพวกนั้นด้วยเสื้อผ้าตัวเดิม แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังรู้ว่าเย่เฟิงและชายสวมหน้ากากคือคนๆเดียวกัน

แม้ชายหนุ่มเดินไปรอบๆเขตอำพราง ก็ยังไม่พบตัวซูเหมิงหานแต่อย่างใด

ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาหัว ดูเหมือนว่าการที่โรงงานร้างระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรงจะทำให้สาวน้อยคนนี้เป็นห่วงเขา เพราะงั้น เธอจึงวิ่งออกไปจากเขตอำพรางนี้งั้นหรือ?

……………………

แปลโดย Solar Spark , Tan Tan

Solar Spark: น้องเหมิงหานสร้างเรื่องอีกแระ แบบนี้กลับไปบ้านต้องให้พี่เย่สั่งสอนซักหน่อยแล้ว