บทที่ 12 ข่าวลือที่กระจายไปทั่ว

“ปู่?”

เย่เฟิงได้ยินน้ำเสียงเข้าก็ตกใจ เขาพยายามหันมองไปรอบทิศแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของปู่เขา

แต่ถึงอย่างไร เสียงนี้ของเป็นของปู่เขาแน่นอน ถึงแม้มันจะดังก้องและดูลึกลับก็ตามที่ แบบนี้ก็แสดงว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือปู่ของเขางั้นหรือ?

ในความทรงจำของเย่เฟิงคนก่อน เขาเคยเจอกับปู่บ่อยๆเมื่อตอนยังเด็กเท่านั้น ซึ่งตามความทรงจำแล้ว ปู่ของเขาไม่ได้ดูลึกลับแบบนี้และออกจากธรรมดาเสียด้วยซ้ำไป หลายปีมาแล้วที่เย่เฟิงไม่ได้พบกับปู่ของเขา แต่ปู่ยังคงส่งค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในการกินอยู่มาให้ตลอด เพราะฉะนั้นแล้ว ภาพของปู่จึงไม่ต่างอะไรกับเงารางๆ

จนกระทั่งตอนนี้ คนที่ช่วยเขาไว้จากสถานการณ์ลำบากกลับกลายเป็นปู่ของเขาไปเสียอย่างนั้น

“โอ้ แกยังจำไอแก่คนนี้ได้ด้วย”

เสียแหบแห้งลอยเข้ามาในหูของเขาอีกครั้ง “วันนี้ฉันช่วยแกจัดการเรื่องยุ่งยากของผู้หญิงคนนั้น แต่ต่อจากนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก ไอแก่คนนี้ช่วยแกไม่ได้อีกแล้วนะ”

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันทีว่าปู่ของเขารู้เรื่องหญ้าใบทองทั้งสามต้นกับเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่เขาช่วยไว้วันนี้ แล้วเขายังเป็นคนสะสางเรื่องยุ่งยากทั้งหมดอีก นี่ปู่ของเขามีอิทธิพลมากแค่ไหนกันนะ?

ปู่ทั้งส่งคำพูดมายังหูเขา ทั้งแอบขว้างลูกเกาลัดใส่เขาจนหัวคะมำอีก เมื่อพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ปู่ของเขาก็มีวรยุทธ์เช่นเดียวกับหญิงสาวที่เขาช่วยไว้วันนี้งั้นหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้น ระดับวรยุทธ์ของปู่ยังสูงยิ่ง

ฟิ้ว!

มีกระแสลมจู่โจมใส่เขาอีกครั้ง แม้เย่เฟิงจะพยายามหลบให้พ้น แต่เขาก็ยังถูกลูกเกาลัดกระแทกใส่หลังหัวจนเซไปสองก้าวอยู่ดี ครั้งนี้ เขาพยายามหันมองอย่างรวดเร็ว แต่ก็เห็นเพียงคู่รักคู่หนึ่งที่มองมายังเขาด้วยสายตาประหลาดใจ

“ที่รักดูนั่น เมื่อกี้น้องคนนั้นโดนผีทุบหัวแหละ!”

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงตกใจกับแฟนหนุ่มของเธอ ขณะมองมายังเย่เฟิง

“แหม่ที่รัก คุณไม่ใช่พวกไร้การศึกษานะ ยังจะเชื่อเรื่องผีสางอีก ไปกันเถอะ ผมว่าเขาคงเป็นพวกคนป่วยทางจิตน่ะ”

นักศึกษาหนุ่มดึงมือแฟนสาวขณะมองมายังเย่เฟิง แล้วก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็ได้แต่ทำหน้าเหลอหลา

“เอาละเจ้าหนู ไอแก่คนนี้ค่อนข้างยุ่งและมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะเสียด้วย”

น้ำเสียงแหบแห้งดังขึ้นอย่างลึกลับอีกครั้งในอีกทิศทางหนึ่ง “จำไว้เรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะยังไงแกต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหยียนจิงให้ได้ พอถึงเวลานั้น ฉันจะแนะนำให้แกรู้จักกับคู่หมั้นของแก เธอคือหลานสาวของไอแก่ตระกูลหลิน น่ารักทีเดียวเชียวแหละ เพราะงั้นก็พยายามเข้าละ……….”

น้ำเสียงนั่นค่อยๆจางหายไป เหลือเพียงกระแสลมที่ไหลมากระทบร่างของเขาจากทั่วทิศทาง ซึ่งทำให้เขารู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

เย่เฟิงคิดว่าปู่ของเขาคงมีทักษะวรยุทธ์ระดับสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถปรากฏตัวและหายไปอย่างลึกลับจากทั่วทิศทาง จนตัวเขายังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้

“สอบเข้ามหาวิทยาลัยเหยียนจิงให้ได้ แล้วจะแนะนำคู่หมั้นให้งั้นหรือ? เธอคนหลานสาวของไอแก่ตระกูลหลิน?”

เย่เฟิงทบทวนคำพูดปู่ของเขาแล้วรู้สึกเศร้าใจนิดหน่อย เขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์แห่งโลกเทวะ แต่พอมาอยู่โลกใบนี้กลับต้องคอยทำตามคำสั่งคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น ใครคือหลานสาวของไอแก่ตระกูลหลินกัน?

แม้เย่เฟิงจะรู้สึกอารมณ์ไม่ดี แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามสิ่งที่ปู่บอก เพราะชัดเจนว่าปู่ของเขามีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเขาในปัจจุบันอย่างมาก

“ถึงจะหนีไปที่อื่น ก็เป็นไปได้สูงที่ปู่จะตามตัวเราเจอ ดูเหมือนว่าเราจะต้องรีบพัฒนาระดับวรยุทธ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อจะได้มีความแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเอง ส่วนตอนนี้ ก็คงต้องทำตามสิ่งที่ปู่พูดไปก่อน”

เย่เฟิงรู้สึกเศร้าใจนิดหน่อยที่เขาจะไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ตามแผนที่วางไว้ตอนแรก ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนตัวเขาบนโลกนี้จะมีคนคอยตามรังควานเยอะเหลือเกิน

“แล้ว สิ่งอันตรายในช่วงนี้ที่ปู่บอกมันคืออะไรกัน?”

เย่เฟิงพึมพำกับตัวเอง

ดูเหมือนว่าจากวันนี้ไป หากเขาต้องการรับประกันความปลอดภัยของตัวเอง เขาคงต้องบ่มเพาะวรยุท์ไปพร้อมๆกับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหยียนจิงสินะ

ตอนนี้ ยังเหลือเวลาอีกประมาณสามเดือนก่อนจะถึงวันสอบ หากพิจารณาจากเกรดของเย่เฟิงคนก่อนแล้ว การสอบให้ติดมหาวิทยาลัยเหยียนจิงคงเป็นแค่ความฝัน แต่ถ้าเป็นตัวเขาปัจจุบันที่มีทักษะพิเศษแล้ว การสอบให้ติดมหาลัยย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

……

เย่เฟิงใช้เวลาทั้งคืนอยู่ที่ทะเลสาบเหวยหมิง

ในช่วงครึ่งแรก เขาผ่อนคลายจิตใจ พร้อมกับนำหญ้าใบทองต้นหนึ่งมาดูดซับหลิงฉีจนถึงเที่ยงคืน ในที่สุดเขาก็สามารถพัฒนาระดับวรยุทธ์ขึ้นเป็นระดับ 5 เดือนแล้ว

ความสำเร็จนี้ แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับตัวเขาในโลกเทวะเลยแม้แต่น้อย แต่การบ่มเพาะวรยุทธ์จำเป็นต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อไหร่ที่เขาสามารถพัฒนาถึงระดับ 5 ปีได้ เขาจะสามารถฝึกทักษะเสริมความว่องไวที่แม้แต่ปู่ของเขาก็ไม่สามารถไล่ตามได้ง่ายๆ ถึงตอนนั้น เขาคงจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง

ในเวลาที่เหลือ เย่เฟิงใช้ไปกับการเดินรอบๆทะเลสาบเหวยหมิงเงียบๆ

เขาเดินหาแมงมุม มด และตะขาบบางชนิด ซึ่งก่อนหน้านี้ เย่เฟิงได้ซื้อน้ำแร่มาขวดหนึ่งก่อนจะเทน้ำออกไปครึ่งขวดแล้วจึงจับพวกแมลงเล่านั้นใส่ลงไปในขวดพร้อมกับหญ้าใบทองเพื่อดองพวกมันเอาไว้

สำหรับวรยุทธ์ระดับ 5 เดือน เพียงพอให้เขาสามารถควบคุมเจินฉีในร่างได้อย่างราบรื่น เย่เฟิงเดินไปยังที่ลับสายตาคนแล้วจึงทำการกลั่นสิ่งที่อยู่ในขวดน้ำแร่จนได้ยาเม็ดออกมา

นี่คือยาพิษที่เขาจะนำไปใช้ควบคุมหัวหน้าแก๊งอสรพิษสวรรค์ นอกจากมันจะทำให้เขาได้รับความปลอดภัยแล้ว มันยังทำให้เขาสามารถใช้งานอิทธิพลของแก๊งได้ด้วย

แต่เย่เฟิงก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขาไม่รู้ว่าแหล่งรวมตัวหลักของแก๊งอสรพิษสวรรค์อยู่ที่ไหน เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงอู๋บี

“หมอนั่นมีเครือข่ายกว้างขวาง เขาน่าจะรู้ว่าจะหาที่อยู่ของหัวหน้าแก๊งได้ที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น เราต้องไปบ้านของเขาเพื่อหาสิ่งของโบราณอีกด้วย ถ้าโชคดีเจอของโบราณที่มีหลิงฉีอยู่ภายใน เราก็จะสามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ขึ้นได้อีก”

เย่เฟิงใช้เวลาทั้งคืนไปกับการบ่มเพาะวรยุทธ์และกลั่นยาพิษที่ทะเลสาบเหวยหมิง พอถึงตอนเช้า เขาจึงไปหาโรงแรมเพื่อนอนพักเอาแรงเสียหน่อย

……

อีกด้านหนึ่งในเวลาก่อนรุ่งสาง ภายนอกหมู่บ้านชิงเฟิงมีอันธพาลสามคนนั่งรอเย่เฟิงอยู่ทั้งคืน พวกเขาก็คืออันธพาลทั้งสามที่ไปหาเรื่องเย่เฟิงที่หน้าประตูโรงเรียนเมื่อวานนี้

“ซวยชิบ….. พวกเรามารอทั้งคืน ไอเด็กเวรนั่นก็ยังไม่มา”

อันธพาลร่างผอมสูงพูด ตอนนี้น้องชายของเขายังคงปวดระบมไม่หาย โชคดีที่เมื่อวาน เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอบอกว่าอาการบาดเจ็บนี้ไม่ถึงขั้นร้ายแรง

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาไม่ได้มาเพื่อคุกคามเย่เฟิง ตอนนี้หัวหน้าแก๊งอสรพิษสวรรค์รู้สึกสนใจในฝีมือของเย่เฟิงเป็นอย่างมาก และสั่งให้อันธพาลทั้งสามไปส่งข้อความเชิญชวนให้เย่เฟิงเข้าร่วมกับแก๊งของพวกเขา

“เจ้าเด็กนี่โชคดีจริงๆ ลูกพี่เถี่ยสนใจมันทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่มันทำ”

อันธพาลอีกคนพูดขึ้น

“ถ้าแกมีฝีมือเหมือนมัน ลูกพี่เถี่ยก็คงสนใจแกเหมือนกันนั่นแหละ”

สุดท้าย อันธพาลทั้งสามก็ได้แต่นึกอิจฉาเย่เฟิง

ใครจะไปคิดว่าเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาจะมีฝีมือขนาดนี้? มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกพี่เถี่ยจะโดนเย่เฟิงปาก้อนอิฐใส่หน้าจนหน้าแหกแบบนั้น

“ถ้าอย่างนั้น เรารายงานลูกพี่เถี่ยก่อนว่าเจ้าเด็กนั่นไม่กลับมาที่บ้าน แล้วค่อยไปหาที่งีบหลับซักพัก หลังจากนั้นค่อยไปดูที่โรงเรียนเหยียนของมันอีกที”

อันธพาลร่างสูงพูดก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

…………….

เย่เฟิงหลับยาวจนถึงตอนบ่าย พอตื่นมา เขานึกขึ้นได้ว่าเขาลืมเช็คมือถือไปเลยตั้งแต่หยิบมันมาจากห้องสอบสวน

เย่เฟิงหยิบมือถือขึ้นมาเช็คดู เขาพบข้อความและสายที่ไม่ได้รับมากมายจากอู๋บี ยังมีข้อความเสียงร้องโวยวายที่ตะโกนด่าว่าเขาออกนอกลู่นอกทางบ้าง ไปเที่ยวแหล่งค้าประเวณีบ้าง แล้วยังบอกอีกว่าอนาคตของเขาจะมืดมน จากนี้ต่อไป ชีวิตของเขาจะพังทลายและเขาจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป และยัง………..

เย่เฟิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ดูเหมือนว่าข่าวลือของเขาจะกระจายไปทั่วโรงเรียนมัธยมปลายเหยียนเสียแล้ว

ส่วนใครเป็นคนกระจายข่าว เรื่องนี้คงไม่ต้องถาม

………..

แปลและปรับสำนวน : Solar Spark