บทที่ 12: ดวงจันทร์ของอีกโลก (2)

 

 

“นั่นฮันซู!”

มิฮีตะโกนอย่างยินเมื่อเธอเห็นฮันซูเดินออกจากทางเข้าสถานีด้านล่างอย่างช้าๆ

เพราะพวกเขากำลังรับมือกับคนกลุ่มใหญ่ตรงนั้น พวกเขาจึงรู้สึกอึดอัด แต่เมื่อฮันซูมา แรงกดดันทุกอย่างก็ราวกับหายไป

‘เหมือนกับซุปเปอร์ฮีโร่กำลังมาเลย’

มิฮีรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นตุบเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ แต่ก็ยังมีอีกคนที่ใจเต้นแรงเหมือนกัน

‘เวรเอ้ย ฉันไม่รู้ว่ามันได้ผลรึเปล่า’

เขาเริ่มไปแล้ว แต่ว่ามันยังมีอีกปัญหาหนึ่ง

สถานการณ์ที่ฮันซูจัดการทุกคนลงรวมทั้งคนหกสิบกว่าคนตรงนั้นและพวกเขาเจ็ดคน

ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ได้ไปก่อกวนสัตว์อสูรที่หลับใหลเข้าแล้ว

มันจะกลายเป้นสถานการณ์ที่เขาไปแย่งชามอาหารของเสือที่กำลังหลับ

‘เอาเถอะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าฉันทำอยู่แล้ว’

เมื่อเขาเริ่มทุกอย่างด้วยความเงียบงันขณะที่จัดการชายที่พุ่งมาหาเขา

<ฉันกำลังอารมณ์ดีเพราะฉันเจอร้านสะดวกซื้อ ดังนั้นฉันจะไม่เอาเรื่อง>

‘ใช่ ฉันสามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ได้’

ใครจะรู้ล่ะว่าเขาเป็นคนทำ?

แทซูนเยือกเย็นลงและจ้องไปยังฮันซูที่กำลังเดินมาจากที่ไกลๆ

และมิฮีวิ่งไปหาชายหนุ่มทันทีที่เขากลับมา

“นายกลับมาแล้ว! แต่ว่ามันมีปัญหา! คนพวกนั้นเอาทุกอย่างจากร้านไปหมด!”

ฮันซูหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้นและลูบหัวของอีกฝ่าย

“ฉันรู้ ฉันเห็นตอนที่กำลังขึ้นมา เธอจะได้เก็บอาหารสำหรับพวกเราไว้รึเปล่า?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็หันหลังไปมองก่อนจะพึมพำ

“เราเก็บ แต่… มันมีไม่มาก”

เมื่อพวกเขาคาดว่าจะสามารถกลับไปเอาเพิ่มได้อีก พวกเขาจึงไม่ได้นำอาหารหรือของอื่นๆ มามาก

เมื่อเป้ของพวกเขามีขนาดจำกัด

และนอกจากนั้น พวกเขายังได้เก็บของใช้ผู้หญิงกับอาวุธไว้ด้วย

แต่ฮันซูไม่ได้เอ่ยอะไรเป็นพิเศษ

“เอาเถอะ มันก็เกิดขึ้นได้”

จากนั้นชายหนุ่มก็มองไปรอบๆ สำรวจทุกคน

ดวงตาของเขาหยุดลงที่แทซูน

แทซูนเอ่ยตอบราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

“แต่นายมาก็ดีแล้ว เราจะได้ไปเอาคืนจากพวกนั้น มันคงยากถ้าเป็นนายแค่คนเดียว แต่ถ้าเราไปด้วยกันและบังคับให้พวกนั้นคืนก็คงได้”

ฮันซูหัวเราะ

‘ฮ่า ไอ้หมอนี่’

แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมาก

“เอาล่ะ งั้นก็กินก่อน”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮันซู มิฮี จิซูน กังแตก็หยิบอาหารที่พวกเขาเก็บไว้ออกมา

เมื่อพวกเขาอยู่ในคาเฟ่ที่พังถล่ม มันจึงมีโต๊ะจำนวนมากและไม่ค่อยสะดวกสบายในการกินเท่าไหร่

ทันทีที่โต๊ะนั้นเต็มไปด้วยกระป๋องอาหารและของกินอื่นๆ และฮันซูได้เริ่มเดินไปยังโต๊ะอย่างช้าๆ แทซูนก็ได้เอ่ยบางอย่างออกมาอย่างติดตลก

“ฉันหมายความว่าเราเสี่ยงชีวิตเอาพวกนี้มา นายไม่ควรกินหลังจากที่จ่ายบางอย่างให้กับเราเหรอ?”

จากนั้นทั้งคาเฟ่ก็เงียบงันลง

“เฮ้ ทำไมนายเป็นแบบนี้เนี่ย…”

มิฮีมองไปยังแทซูนก่อนเอ่ย แต่แทซูนไม่มีทีท่าที่จะยอม

‘ฉันยอมถูกจูงจมูกแบบนี้ไม่ได้’

และเขาไม่ได้พูดอะไรผิด

ฮันซูทิ้งอาหารส่วนของเขาไว้ที่ร้าน แต่ถ้าพวกเขาไม่เอามันมา อีกกลุ่มก็คงเอาไปแล้ว

สรุปแล้วมันเป็นของพวกเขา

และพวกเขาได้เอามันมาด้วยความเสี่ยง แต่ว่าเพราะเขาเป็นฮันซู เขาเลยไม่ต้องจ่ายอะไรเพื่อมันงั้นเหรอ์

ฮันซูมีสีหน้าขบขันและยังคงเงียบนิ่ง แต่เพื่อนๆ ใกล้ๆ กลับเต็มไปด้วยความระส่ำระสาย

“เฮ้ ถ้าไม่เป็นเพราะฮันซู เราคงไม่รู้ว่าตอนนี้เราจะอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ”

“แต่ฮันซูก็บอกเราเหมือนกันว่าการชอบของฟรีมันอันตราย เราต้องทำแบบนี้เพื่อที่จะอยู่ด้วยกันได้” แทซูนเอ่ยตอบมิฮี

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซังจินก็ผงกศีรษะตอบรับ

ดูเหมือนว่าเขาจะเกิดความไม่พอใจในการจ่ายค่ายาพิษและสกิลอยู่ไม่น้อย

“ฉันไม่มีอะไรแลกกับอาหารตรงนี้หรอก”

แทซูนพ่นคำพูดออกมาตามสัญชาตญาณทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

“ทำไมจะไม่มีล่ะ นายได้อะไรจากที่นั่นไม่ใช่รึไง เราใช้ด้วยกันได้นี่”

“ของอะไร?”

สี่คนที่ไม่รู้สถานการณ์มีสีหน้าสับสน แทซูนหัวเราะและพูดว่า

“ไอ้หมอนั่นได้ไปที่ที่หนึ่งคนเดียว เขาอาจจะได้อะไรบางอย่างจากที่นั่น ถ้าพวกเราใช้มันด้วยกัน โอกาสรอดชีวิตก็จะสูงขึ้น มาแบ่งกันเถอะ ยังไงเราก็ต้องเกาะกลุ่มกันแบบนี้ อย่าแลกเปลี่ยนอะไรแบบนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็มองไปยังฮันซู

พวกเขาไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ว่าดวงตาของพวกเขากำลังถามว่าทำไม

ฮันซูมองไปยังดวงตาเหล่านั้นและหัวเราะ

“นายเรียนรู้ได้ดี”

“… เรียนรู้ของนายหมายถึงอะไร นายพูดได้น่าโมโหชะมัด”

ฮันซูเดาะลิ้นในใจกับคำพูดนั้น

เขาเรียนรู้จริงๆ แต่เรียนรู้ในทางที่แสนเปราะบาง

‘เอาเถอะ เมื่อเขาอาจจะคิดว่าเราเท่าเทียมเพราะเราเป็นเพื่อน ถ้างั้นมันก็คงเป็นปกติ’

โดยปกติแล้วถ้าคนคนหนึ่งคิดว่าเขาต้อยต่ำกว่า พวกเขาจะไม่กล้าทำแบบนั้น แต่ถ้าพวกเขาคิดว่าพวกเขาอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกัน มันก็แน่นอนที่พวกเขาจะทำแบบนั้น

แต่ปัญหาไม่ใช่เรื่องนั้น

ฮันซูที่จัดการความคิดของตนเองอยู่ชั่วครู่ตัดสินใจได้ในที่สุด

‘ฉันว่ามันคงจบตรงนี้’

ทำไมเขาต้องแบกไอ้พวกนี้ไปด้วย?

เขาไม่สนใจกับการได้รับรูนเลยแม้แต่น้อย

ถ้าเขาฆ่าอีกสักหน่อยเดี๋ยวพวกมันก็ออกมา แล้วทำไมต้องเอาจากพวกนี้ด้วย

นี่ไม่ใช่เกม ช่วงเวลาแบบที่เขาจะตะโกนว่า <ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันได้รูนกับไอเท็มแล้ว! ฉันแข็งแกร่ง! นี่มันสนุกจริงๆ! ฉันเหยียบหัวคนอื่นได้! มีความสุขจริงๆ!> มันได้หายไปนานแล้ว

เมื่อเขาสู้มานานเกินกว่าที่จะทำแบบนั้น

เหตุผลเดียวที่เขายังเก็บพวกนั้นไว้เป็นเพราะคำพูดของแอรีส

เหตุผลที่เขาเอ่ยข้อแลกเปลี่ยนเป็นรูนก็เพราะว่าหากไม่ทำแบบนั้น พวกนั้นก็จะขอมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกินไป

‘แอรีส ฉันทำเท่าที่จะทำได้แล้ว’

ฮันซูยักไหล่และยืนขึ้น

เขาไม่ใช่คนใจแคบที่จะ <พวกนายทำให้ฉันโมโห ดังนั้นแล้วฉันจะทำลายพวกนาย>  หรืออะไรแบบนั้น

‘คังเต้พูดอะไรแบบนี้ออกไปได้ไงเนี่ย มันน่าอายสุดๆ ไปเลย’

เอาเถอะ พวกนี้ไม่ใช่ศัตรูจริงๆ ถ้าพวกเขาแยกตัวมันก็จบแค่นี้

“เอาเถอะ ไม่เป็นไร ต่อจากนี้ก็แข็งแกร่งเข้าไว้แล้วกัน”

ทุกคนชะงักไปกับคำพูดของฮันซูขณะที่เขาลุกขึ้นยืน

พวกเขารู้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากในทันทีที่ไม่มีฮันซู

เขาต้องการเพียงแค่กดดันอีกฝ่าย ไม่ใช่ทำให้หมอนั่นไป

และในตอนนั้นที่ทุกคนจึงเริ่มหยุดแทซูน

“ทำนายเป็นแบบนี้เนี่ย? อย่าทะเลาะกันสิ”

เพื่อนๆ ได้พยายามพูดกับเขา แต่แทซูนได้ตัดสินใจไปแล้ว

‘ใช่ ไสหัวไป’

พวกเขามีเจ็ดคน ถ้าพวกเขาทำแบบที่หมอนั่นสอน พวกเขาก็ย่อมสามารถรวบรวมรูนได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวอย่างอันตรายแบบหมอนั่น

ไม่ แม้ว่าเขาจะอ่อนแอลงเขาก็ไม่ชอบความจริงที่ว่ามีคนที่เหนือกว่าเขาอยู่ดี

และท่าทีแบบนั้น

มันเป็นท่าทางที่บอกว่าคนเช่นเขานั้นไม่แม้แต่จะจำเป็น

มันทำให้เขาหงุดหงิดสุดๆ

‘ไอ้ฉิบหาย’

เมื่อแทซูนเห็นว่ามิฮีเดินไปหาฮันซูอย่างช้าๆ เขาก็กระทั่งโกรธมากขึ้น จากนั้นจึงพ่นคำพูดออกมา

“ไปถ้าอยากไป ความคิดใครความคิดมัน ถ้าเราให้หมอนั่นฟรีๆ มันก็จะไม่มีวันจบ ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงแต่เราไม่ต้องการเขา”

จากนั้นก็มีคนที่ตามฮันซูออกไป

“เฮ้! จินมิฮี! เธอจะไปจริงๆ เหรอ? จะทิ้งเราไว้ข้างหลัง?”

มิฮีกัดฟันกรอดกับคำพูดนั้น

‘ฉันต้องไป’

เหตุผลที่คนอื่นไม่ขยับนั้นเพราะเขาไม่เห็นฮันซูสู้ข้างล่าง เธอที่เห็นนั้นรู้ในทันทีว่าไปกับใครแล้วจะปลอดภัยกว่า

“ฉันจะไปกับฮันซู นายเอาฉันไปด้วยได้ไหม?”

ฮันซูส่ายศีรษะ

“ฉันเอาเธอไปด้วยไม่ได้”

“อ่า…”

แต่ฮันซูก็เอ่ยเพิ่มขึ้นในขณะที่มิฮีกำลังสิ้นหวัง

“แต่ฉันก็พูดอะไรไม่ได้ถ้าเธอตามฉันมา”

“ฟิ้ว”

แทซูนเอ่ยกับมิฮีที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกด้วยความเย็นชา

“เธอไปไม่ได้ เธอยังไม่ได้คืนรูนให้ซังจิน”

มิฮีไปไม่ได้

เมื่อเธอมีสกิลที่ล้ำค่า

และถ้าเธอมีหนี้ เธอก็ไปแบบนั้นไม่ได้

‘และ… ฉันจะปล่อยเธอไปได้ยังไง’

ผู้หญิงที่เขาหมายตาไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้า

สถานการณ์แบบนี้นับเป็นโอกาสสำคัญ

“อ่า…”

มิฮีส่งเสียงเศร้าๆ ออกมาเมื่อคิดเกี่ยวกับรูนที่เธอยืมมาจากซังจิน

ซังจินส่ายศีรษะ

“ไม่เป็นไร ฉันก็ไปด้วย”

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ซังจินก็กัดฟันกรอด

‘ไอ้หมอนี่มักจะอยู่หลังฉันเสมอ…’

พ่อของไอ้หมอนั่นทำงานในบริษัทของพ่อเขา

และนั่นเป็นเหตุผลที่หมอนั่นไปไหนไกลไม่ได้

เขาใช้หมอนั่นเป็นอย่างดีมาโดยตลอด แต่อยู่ๆ ก็กลายเป็นแบบนี้

‘ใช่ ไสหัวไป ตอนนี้นายไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกับฉันแล้วนี่ หืม?’

แทซูนเอ่ยคำพูดออกมาขณะที่กัดฟันกรอด

“ได้ งั้นก็ไสหัวไป”

“…”

อีกสี่คนที่มองการทะเลาะกันระหว่างซังจิน มิฮี แทซูน และฮันซูดูเหมือนจะระส่ำระสาย แต่ตัดสินใจที่จะอยู่ข้างแทซูนและเคลื่อนไหวไปกับเขา เมื่อพวกเขารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องที่จะไปเมื่ออาหารทั้งหมดอยู่ที่นี่

แทซูนมองไปยังสามคนที่กำลังไป กัดฟันกรอด ทว่ากลับส่ายศีรษะแทน

‘ไม่สิ มันออกมาดีกว่าที่คิด’

ตอนนี้ฐานะผู้นำได้กลับมาที่เขาแล้ว

อีกสามคนอาจไม่ใช่ระดับเดียวกับมิฮี แต่ว่าก็เป็นสาวงามคุณภาพสูง และยังไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าเขาด้วย

สำหรับการล่านั้นเขาก็แค่ดูฮันซูล่าเพื่อสังเกตจุดอ่อนแล้วค่อยไปล่าที่อื่นแทน

และอาหารทั้งหมดก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน

ตราบเท่าที่มันไม่มีปัญหาอื่น เช่นนั้นมันก็จะไม่มีสถานการณ์ที่ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย

‘หลังจากที่ฉันแข็งแกร่งเพียงพอ ฉันจะค่อยๆ สร้างทางของฉันขึ้นได้’

แทซูนหายใจเข้าออกก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อมองไปยังเพื่อนๆ ที่มองมายังแผ่นหลังของเขา ไม่ใช่ฮันซู

 

ซังจินมองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าไม่พอใจและเอ่ยว่า

“เราไม่ต้องทำอะไรจริงๆ เหรอ? อาหารอยู่กับพวกนั้นหมด”

คำพูดของชายหนุ่มนั้นปรากฏความไม่พอใจอยู่เล็กๆ

ถ้าเป็นฮันซู เขาอาจเอาทั้งหมดกลับมาได้

และเขามากับฮันซูเพราะเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนั้น

แต่ฮันซูไม่ได้ทำอะไรเลย

‘เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?’

ในเมื่อเขาไม่ได้เอาอาหารอะไรมาเลย

เขามีพลังที่จะทำทุกสิ่งได้อย่างที่ต้องการ แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนี้

ฮันซูหัวเราะกับคำพูดนั้น

เมื่อเขาสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

‘เอาเถอะ ถ้าพวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับดวงจันทร์…’

อาหารที่พวกนั้นมีมันเป็นอาหารที่ไร้ประโยชน์แล้ว

ทำไมเขาต้องไปทะเลาะแย่งชิงกับของที่ไร้ประโยชน์แบบนั้นด้วย

‘ดูเหมือนว่าจะใกล้เที่ยงคืนแล้ว’

ฮันซูมองไปยังท้องฟ้า

การกระทำกะทันหันนั้นทำให้ซังจินและมิฮีมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นกัน

ใจกลางท้องฟ้าสีหมึก มีดวงจันทร์กลมโตดวงหนึ่งลอยอยู่

ดวงจันทร์ที่แสนธรรมดา

และจากนั้นบางอย่างแปลกประหลาดก็เข้ามาในสายตาของมิฮี

‘…ฉันตาฝาดไปรึเปล่า?’

หญิงสาวขยี้ตาก่อนจะมองไปยังพระจันทร์อีกครั้ง

‘มันเหมือนกับมีอะไรส่องประกายอยู่บนนั้น’

มิฮีที่มองไปยังดวงจันทร์พลันรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั่วร่างและมีความรู้สึกแย่

พรึ่บ

‘…ดวงจันทร์กระพริบตา’

บนผิวของดวงจันทร์แยกออกก่อนที่ดวงตาน่าสะพรึงดวงหนึ่งจะปรากฏขึ้น

ม่านตาที่ใจกลางดวงตานั้นขยับหมุนไปมาโดยไม่หยุดยั้งราวกับว่ามันได้สำรวจสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งรอบๆ

 

“เมื่อทุกคนไปแล้ว ก็กินเถอะ”

แทซูนเอ่ยอย่างกระตือรือร้นขณะที่เขาเดินไปยังโต๊ะอาหาร

จิซูนมองไปยังแทซูนด้วยความกระวนกระวายเล็กๆ

“เราไม่ควร… ง้อสักหน่อยเหรอ? ฉันคิดว่าเราต้องการฮันซูนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เปลวไฟก็พลุ่งพล่านในร่างของแทซูน

‘ไอ้เวรนั่นมันไปแล้ว! ทำไมแกยังมองหามันอยู่อีก!’

แต่ชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาในฉากหน้าอยู่ดี

สถานการณ์ของเขายังไม่มั่นคง

ถ้าเขาสร้างข้อผิดพลาด ทั้งหมดก็จะไปหาฮันซู

“ไม่ล่ะ ดูหมอนั่นสิ เขามีของบางอย่างแต่ว่าดันเอาไว้ใช้คนเดียว คนแบบนั้นถ้าอยู่ก็มีแต่จะสร้างปัญหา”

“อืมมม…”

พูดตามตรง จิซูนเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน

ถ้ามันมีอะไรดี แม้แต่ใช้ด้วยกันอาจจะไม่พอด้วยซ้ำ แต่ว่าหมอนั่นกลับไปแบบนั้น

แทซูนที่เห็นสีหน้าของจิซูนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“และอาหารทั้งหมดก็อยู่ที่นี่ด้วย ถ้าพวกนั้นหิวก็ต้องกลับมา ถ้าเป็นแบบนั้นพวกนั้นจะไม่พูดง่ายขึ้นหน่อยเหรอ?”

จะนั้นแทซูนจึงเริ่มเอาอาหารออกจากกระเป๋า

ในตอนนั้นเองที่บางสิ่งเกิดขึ้น

“หืม?”

แสงจันทร์ได้ส่องลอดเข้ามาในห้อง

ราวกับว่ามันเลี้ยวได้

ราวกับว่ามันกำลังหาอะไรบางอย่างในทุกซอกทุกมุม

และเมื่อแสงที่ราวกับงูนั้นก็ได้เข้ามาในห้อง อาหารที่ถูกวางอยู่ก็เริ่มไหม้

“เกิดอะไรขึ้น…”

แทซูนพุ่งไปตรวจดูอาหารที่เหลือ

แต่อาหารที่ถูกเก็บไว้ล้วนถูกเผาจนไม่เหลือสิ่งใด

“ฉิบหายเอ้ย! มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง!”

แทซูนและอีกสี่คนอุทานออกมาอย่างตื่นตะลึงจากสถานการณ์แปลกประหลาดที่อาหารทุกสิ่งถูกเผาไหม้จนหมดในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

 


TL: ฮันซูนี่ฮันซูจีจี

 

ติดตามข่าวสารที่รวดเร็วกว่าได้ทาง Facebook: Netear.ST นะคะ