บทที่ 11 ทะเลสาบเหวยหมิง

 

แม้ว่าเย่เฟิง จะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคนที่ช่วยเขาไว้ แต่อย่างไรเขาต้องใช้โอกาสนี้เอาคืนชายจมูกงุ้มเสียบ้าง ที่ทำให้เขาต้องมาเจอกับเรื่องยุ่งยากเหล่านี้

 

หลังจากกุญแจมือถูกปลดออก เย่เฟิงยิ้มด้วยท่าทางเป็นมิตร พร้อมกับตบไปที่ไหล่ของชายจมูกงุ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับที่ช่วยดูแลผมอย่างดี เหตุการณ์ในครั้งนี้ผมจะไม่มีวันลืมเลย”

 

ใบหน้าของชายจมูกงุ้มเปลี่ยนเป็นมืดครึ่มอย่างน่ากลัว แต่เขายังคงยิ้มแล้วกระซิบ “ผมแค่ตาบอดไปชั่วครู่เท่านั้นคุณเย่เชา คุณอย่าได้ใส่ใจกับคนตำแหน่งเล็กน้อยอย่างผมเลย…….”

 

“โอ้ งั้นหรือ ก่อนหน้านี้ ผมนึกว่าคุณได้พูดคุยกับคนใหญ่คนโตบางคนมาแล้วเสียอีก”

เย่เฟิงยิ้มบางๆพร้อมกับกล่าวออกมา

 

“คุณพูดเรื่องอะไร?”

ชายจมูกงุ้มรู้สึกกลัวจนขี้หดตดหาย เขาแช่งประธานเทียนในใจหลายต่อหลายครั้ง ที่ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ความจริง เขาควรตรวจสอบประวัติเบื้องหลังของเจ้าหนุ่มนี่ให้ดีก่อนจะแสดงท่าทีคุกคามแบบนั้นออกไป เพราะความผิดพลาดในครั้งนี้ คงจบด้วยการที่ตัวเขาถูกเตะอัดกำแพงเป็นแน่

 

เพื่อให้รอดจากสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น ชายจมูกงุ้มตัดสินใจบอกความจริงอย่างรวดเร็ว “คุณเย่เชา ที่ผมทำสิ่งที่ล่วงเกินคุณไปเพราะได้รับคำสั่งมาจากประธานเทียน ประธานบริษัทหลานเทียนแอดเวอร์ไทซิ่ง……..”

 

“ลูกชายของเขามีชื่อว่าเทียนโย่วเหลียงใช่ไหม?”

เย่เฟิงถาม

 

“ใช่ครับ”

ชายจมูกงุ้มจ้องมองอย่างแปลกใจอยู่ชั่วครู่

 

“เหอะ เรียกตัวเองว่าเป็นตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ แต่กลับถูกใครบางคนจูงจมูกอย่างง่ายดาย พวกคุณก็กลับไปคิดทบทวนเอาเองเถอะ”

เย่เฟิงพ่นลมออกทางจมูกอย่างเย็นชาพลางหันไปมองหลิวจี้

 

เมื่อผู้กำกับหลิวเห็นสายตาของเย่เฟิงที่มองมา เขารีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “คุณเย่เชา สบายใจได้ จางกว๋อฉายทำผิดวินัยของตำรวจ เขาจะถูกปลดออกจากหน้าที่ทันที และมีการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ”

 

“อืม”

เย่เฟิงเต๊ะท่าวางมาดพลางมองไปรอบๆ จากนั้นจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินเชิดหน้าออกไป

 

ผู้กำกับหลิวยิ้มกว้างขณะเดินก้มหัวไปส่งเย่เฟิงที่หน้าสถานีตำรวจ แต่เมื่อเห็นโทรศัทพ์มือถือ เขานึกบางสิ่งขึ้นได้จึงเงยหน้าแล้วกล่าวกับเย่เฟิงว่า “เดี๋ยวก่อนครับคุณเย่เชา ผมลืมบอกไปเรื่องหนึ่ง รบกวนคุณไปที่ทะเลสาบเหวยหมิงด้วย มีใครบางคนรอคุณอยู่ที่นั่น”

 

“ทะเลสาบเหวยหมิงงั้นหรอ?”

เย่เฟิงแสดงอาการขมวดคิ้ว แต่ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าคงเป็นคนที่ช่วยเขาไว้ รอเขาอยู่ที่ทะเลสาบเหวยหมิงตอนนี้

 

ตามความทรงจำของเย่เฟิงคนก่อนแล้ว ชัดเจนว่าเขาไม่เคยมีเพื่อนคนไหนที่เป็นคนใหญ่คนโตมาก่อน ดังนั้น เย่เฟิงจึงอยากรู้เช่นกันว่าบุคคลที่ช่วยเขาไว้ในเวลาลำบากเช่นนี้คือใครกัน

 

“ผมเข้าใจแล้ว”

เย่เฟิงพยักหน้าและเดินออกไปจากสถานีตำนรวจ ในวันนี้ เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงหลายต่อหลายอย่าง และตอนนี้ เขากำลังจะได้พบกับคนที่ช่วยเหลือเขาไว้ซึ่งน่าจะมีอิทธิพลไม่น้อยเลยทีเดียว

 

หลังจากเย่เฟิงกลับไปแล้ว ผู้กำกับหลิวค่อยรู้สึกผ่อนคลายลง

 

“ท่านหลิว ใครคือคนที่หนุนหลังเจ้าหนุ่มคนนั้นกัน?”

ชายจมูกงุ้มอดไม่ได้ที่จะถามเขา

 

“เอาละ เรื่องในวันนี้ คุณห้ามบอกให้ใครรู้เด็ดขาด และตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ให้คุณพักอยู่บ้านสัปดาห์หนึ่ง ไม่ต้องมาทำงาน”

 

ทั่วร่างของผู้กำกับหลิวเต็มไปด้วยเหงื่อขณะกล่าวเตือนชายจมูกงุ้ม เขาหันตัวจากไปทันที เพราะแม้ว่าเรื่องของเย่เฟิงได้จบลงแล้ว แต่เรื่องของเขายังไม่จบ

 

หลิวจี้ยังต้องหาเรื่องมาอธิบายกับประธานบริษัทในเครือซูเฉิงกรุ๊ป รวมทั้งหัวหน้าของเขาด้วย แต่เขาคงไม่มีทางบอกไปตรงๆว่าคนที่ช่วยเหลือเย่เฟิงมีอิทธิพลมากกว่าหัวหน้าของเขาแน่ๆ

 

เขาหวังเพียงว่าตัวเขาจะไม่ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้กำกับการของสถานีตำรวจแห่งนี้ เพราะไม่สามารถนำสมุนไพรทั้งสามต้นไปมอบให้หัวหน้าของเขาได้

 

………………………

 

ในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ปรากฏร่องรอยแห่งชัยชนะขึ้นบนใบหน้าของเทียนโย่วเหลียง เขาได้กระจายข่าวที่เย่เฟิงเข้าไปมีส่วนพัวพันกับการค้าประเวณีออกไปแก่ทุกคนในห้องเรียนแล้ว และบอกไปว่าเย่เฟิงจะถูกคุมขังไว้เป็นเวลาสิบวัน ข่าวนี้ต้องทำให้ชื่อเสียงของมันย่อยยับอย่างแน่นอน

 

ภายในหมู่บ้านเหยียนซีเวลานี้ ซูเหมิงหานอารมณ์เสียกับการที่เธอถูกขังอยู่แต่ในห้อง และเพื่อบรรเทาความเบื่อ เธอจึงเปิดคอมเล่นอินเตอร์เน็ต แน่นอนว่าเธอพบกับข่าวของเย่เฟิงเช่นกัน

 

“เขาไปที่แหล่งค้าประเวณี……..?”

ซูเหมิงหานคิดถึงลักษณะของเย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

 

เย่เฟิงที่เธอรู้จักไม่น่าจะใช่แบบนั้น แม้เขาจะชอบโดดเรียนไปยังร้านเกมส์ออนไลน์อยู่บ่อยๆ แต่เรื่องนี้มันเหลือเชื่อสำหรับเธอเกินไป

 

ซูเหมิงหานคิดจะโทรถามเย่เฟิง แต่ก็รีบสงบใจลง เธอคิดในใจว่าท่าทางของเย่เฟิงตลอดเวลาที่แสดงออกมาคือการเสแสร้งงั้นหรือ?

 

เพียงแค่คิดว่าเย่เฟิงได้ไปหาหญิงขายบริการเข้าจริงๆ กระแสของความอึดอัดก็ถาโถมเข้ามาในจิตใจของเธอจนเธอไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้อีก ซูเหมิงหานรู้สึกสมเพศตัวเองที่ชอบคิดถึงยามที่เธอต้องอยู่ในอ้อมกอดของเขาเป็นเวลานานขณะหลบหนีจากกลุ่มชายขี้เมา เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอีดใจอย่างบอกไม่ถูก

 

ซูเหมิงหานจึงเลิกคิดถึงสิ่งเหล่านี้ แล้วเตรียมตัวที่จะอาบน้ำ แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

 

เธอก้มลงมองและเห็นว่าเป็นสายจากซูซินฉาง ซูเหมิงหานลังเลเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับ

 

“ซูเหมิงหาน เกี่ยวกับเรื่องของลูกแล้ว พ่อเอาแต่คิดเรื่องนี้มาตลอดทั้งวัน”

น้ำเสียงพอใจของซูซินฉางดังออกมาจากโทรศัพท์และเหมือนว่าเขาจะตำหนิตัวเองอยู่เล็กน้อย “ถ้าลูกไม่อยากจะอยู่กับน้าเซี่ย งั้นพรุ่งนี้ ลูกจะกลับไปอยู่หมู่บ้านชิงเฟิงก็ได้………”

 

“ทำไมจู่ๆพ่อถึงใจดีขึ้นมาแบบนี้ ถ้าพ่อต้องการอะไรก็บอกหนูมาตามตรงดีกว่า”

ซูเหมิงหานพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ

 

น้าเซี่ยคือภรรยาใหม่ของพ่อเธอที่แต่งงานใหม่หลังจากแม่ของเธอเสีย น้าเซี่ยคนนี้มาจากตระกูลเซี่ย ซึ่งตระกูลเซี่ยนี่เอง ที่เป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จทางธุรกิจในปัจจุบัน

 

“ซูเหมิงหาน ลูกเข้าใจผิดแล้ว”

ซูซินฉางถอนหายใจ “ตั้งแต่วันนี้ไป พ่อจะไม่ห้ามกับความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับเย่เฟิงอีก เมื่อคืน พ่อมองเขาในแง่ร้ายเกินไป ถ้าลูกชอบเขา พ่อก็จะสนันสนุนเรื่องลูกกับเขาเต็มที่”

 

ความจริงแล้ว ซูซินฉางไม่ได้รู้สึกผิดหรือเห็นอกเห็นใจอะไร เพียงแต่เขาพึ่งได้รับโทรศัพท์จากผู้กำกับหลิวที่บอกเขาว่า เย่เฟิงมีคนคอยหนุนหลังและคนๆนั้นมีอิทธพลมากถึงขนาดที่หัวหน้าของเขายังไม่กล้าล่วงเกินเย่เฟิง

 

เมื่อเป็นแบบนี้ หากเขาสามารถทำให้ซูเหมิงหานลูกสาวของเขาใกล้ชิดกับเย่เฟิงจนลงเอยกันในที่สุดได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะรู้สึกยินดีแค่ไหน

 

ในปัจจุบันนี้ แม้ซูเฉิงกรุ๊ปจะเป็นแหล่งศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองและเศษฐกิจของเมืองเหยียนจิงในประเทศจีน แต่ก็ยังมีเพียงอิทธิพลชั้นสองเท่านั้น และยังต้องคอยพึ่งพาตระกูลเซี่ยซึ่งเป็นตระกูลชั้นสองเช่นกัน

 

ด้วยความทะเยอทะยาน ซูซินฉางไม่ต้องการหยุดอยู่เพียงเท่านี้ หากเขาสามารถสร้างสายสัมพันธ์กับเย่เฟิงได้ นี่ก็คือโอกาสอันดีที่จะเพิ่มอำนาจของเขาให้มากขึ้นไปอีก!

 

“หนูไม่ได้ชอบเขา!”

ซูเหมิงหานพูดแล้ววางหูโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอนั้นแสดงถึงความรังเกียจต่อเย่เฟิงอย่างชัดเจน

 

ซูซินฉางถึงกับมึนงงเมื่อได้ยินคำตอบของลูกสาวเขา แต่แน่นอนว่าเขายังคงไม่ยอมแพ้ที่จะผลักดันซูเหมิงหานให้กับเย่เฟิง เขาจึงคิดที่จะใช้แผนเด็ดขาดที่ซูเหมิงหานจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฟังตามคำพูดของเขา

 

……………….

 

เมื่อเย่เฟิงออกมาจากสถานีตำรวจ ตอนนี้ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว

 

ทะเลสาบเหวยหมิง เป็นทะเลสาบเทียมในมหาวิทยาลัยเหยียนจิง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใด คนๆนั้นถึงเลือกจะพบเขาที่นั่น แต่เย่เฟิงก็ยังคงเรียกแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบนั้น

 

ในช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนเมษายน จะมีคู่รักที่แสดงความรักอย่างเปิดเผยปรากฏอยู่ทั่วมหาลัยเหยียนจิง เย่เฟิงเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายซึ่งเคยมาเยี่ยมชมมหาลัยครั้งหนึ่งตอนมาทัศนศึกษากับโรงเรียน เขาจึงเดินไปยังทะเลสาบเหวยหมิงที่อยู่ในความทรงจำ

 

“ทะเลสาบเหวยหมิงไม่ใช่เล็กๆเสียด้วย แล้วฉันจะหาเขาเจอได้ที่ไหนกัน?”

เย่เฟิงเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับความสงสัยในใจจนมาถึงยังถนนหินบนทะเลสาบเหวยหมิง เขามองไปยังต้นหลิวที่โบกสะบัดไปตามสายลม พร้อมกับความรู้สึกปลอดโปร่งและสบายใจ

 

ที่นี่มีผู้คนเดินไปมามากมาย แต่เขาไม่พบใครที่ดูน่าสงสัยในกลุ่มคนเหล่านั้นเลย

 

แต่ทันใดนั้น มีกระแสจากแรงลมจู่โจมเข้ามาทางด้านหลังของเขา!

 

“แอบลอบโจมตี?”

เย่เฟิงตอบสนองทันที เขาต้องการหลบไปยังด้านข้างเพื่อดูว่าเป็นใครที่ลอบโจมตีมา แต่มันกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ เขาไม่สามารถหลบการโจมตีนั้นได้! และทันใดนั้น สิ่งที่กระแทกเข้ากับหัวของเขาดูเหมือนจะเป็นลูกเกาลัดลูกหนึ่ง

 

ปัก!

 

เย่เฟิงที่โดนลูกเกาลัดลูกนั้นเข้าไปถึงกับเสียการทรงตัวจนล้มใส่ลำต้นของต้นหลิว มันทำให้เขารู้สึกมึนงงและสายตาพร่าเลือนไปหมด

 

ใจของเขาร้องเตือนให้รีบลุกขึ้นยืน แต่เมื่อหันไปมองรอบๆ เขากลับไม่เห็นใครที่น่าสงสัย ที่นี่ยังคงมีเพียงเหล่าคู่รักที่นั่งจู๋จี๋กันตามทะเลสาบ เย่เฟิงจึงรู้สึกสับสนอย่างมาก คู่รักเหล่านั้นต่างก็รู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นเย่เฟิงที่เดินมาดีๆ จู่ๆก็เอาหัวไปกระแทกกับต้นไม้เสียอย่างนั้น

 

ใครกัน!?

เย่เฟิงตื่นตระหนกเพราะคนที่ลอบจู่โจมเขา อาจเป็นคนที่มาจากโลกเทวะเช่นเดียวกัน

 

“ไอหนู ตอนนี้แกกำลังแกล้งทำใจกล้าอยู่สินะ?”

น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อยลอยเข้ามาในหูของเขา

 

………………………….

แปลโดย : Mediate

ปรับสำนวน : Solar Spark