บทที่ 115 ลูกปัดสวรรค์

อำนาจของรังสีกระบี่ชี่สีฟ้าน้ำแข็งนั้นไม่ใช่ธรรมดา

เดิมที่อำนาจการทะลุทะลวงของกระบี่เจินชี่สีแดงนั้น เทียบได้กับกระสุนปืนทั่วไป ส่วนกระบี่เจินชี่สีแสดนั้นรุนแรงกว่าสีแดงเป็นเท่าตัว อย่างไรก็ตาม สำหรับรังสีกระบี่ชี่สีฟ้าน้ำแข็งนั้น หากเทียบกับทั้งสองสีก่อนหน้านี้แล้ว ความรุนแรงของมันสูงยิ่งกว่านับ 10 เท่า!

แต่ทักษะนี้คือการควบแน่นเจินชี่ปริมาณมหาศาลทั่วร่างมาใช้ในชั่วพริบตา

และด้วยระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงในตอนนี้ หากเขาใช้ทักษะนี้ออกไปละก็ เจินชี่ทั่วร่างของเขาก็แทบจะแห้งเหือดไปในทันที ซึ่งหลังจากนั้น แม้แต่กระคงสภาพกระบี่เจินชี่เอาไว้ หรือใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาแค่ครั้งเดียว ก็ถือเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับเขา

อำนาจกระทะลุทะลวงของรังสีกระบี่ได้เจาะทะลุหัวของตัวประหลาดระดับสูงไปในทีเดียว จนมันแตกกระจายเป็นชิ้นๆ จากนั้น มันได้ทะลวงต่อไปเข้าหาไซ่เชาหง!

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับรังสีกระบี่ชี่ที่ใกล้เข้ามา รูม่านตาของไซ่เชาหงก็พลันแคบลง

เขาไม่เคยคิดว่าเย่เฟิงจะสามารถปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกมาใช้นอกร่างกายได้ นี่มันรังสีกระบี่ชี่!

ไซ่เชาหงเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป ชัดเจนว่าเขาไม่อาจตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ในชั่วพริบตาก่อนตาย สีหน้าที่หลากหลายก็แสดงออกมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม

ไซ่เชาหงคิดไปถึงตอนที่เขายังอยู่ที่อเมริกา พ่อของเขาคือประธานบริษัทเผ่ยเขิงกรุ๊ป ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม ก็จะได้รับความเคารพจากคนรอบข้าง นอกจากนี้ ชายหนุ่มยังถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ยอดเยี่ยมในสายตาของคนทั่วไปมากมาย มีคนใหญ่คนโตในกองทัพมักจะเชิญชวนเขาไปทานอาหารเย็นร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไซ่เชาหงก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนพวกนั้น

เมื่อเขามายังประเทศจีน ด้วยประวัติการศึกษาอันยอดเยี่ยม และความมีเสน่ห์ต่อผู้คนโดยธรรมชาติ ไซ่เชาหงประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆมากมาย และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากมาที่เขาได้

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ชายหนุ่มได้เปิดเผยความทะเยอทะยานที่สูงส่งอันนับไม่ถ้วนแก่พ่อของเขา เมื่อมาถึงที่ประเทศจีน ด้วยการลงมือที่รอบคอบและมั่นคงตลอด 1 ปี เวลาเก็บเกี่ยวของเขาก็มาถึง

แต่เขากลับถูกขัดขวางแผนการ เพราะเย่เฟิงและชายสวมหน้ากาก!

ด้วยความสันพันธ์อันน่าตกใจระหว่างเย่เฟิงและตระกูลหลิน รวมทั้งข่าวลือเรื่องคู่หมั้นของเย่เฟิงคือหลินชื่อฉิง ทั้งสองสิ่งนี้ส่งผลอย่างร้ายแรงต่อแผนที่วางเอาไว้ของไซ่เชาหง มันทำให้เขาต้องยืดเวลาแผนการออกไปอีก แต่เมื่อชายสวมหน้ากากลงมือสังหารซ่งหู่ ตู้ปางหลง และเหล่ามือดีมากมายที่เขาอุตส่าห์ฟูมฟักมาอย่างดีตลอดหนึ่งปี ชายหนุ่มก็รู้สึกโมโหอย่างมาก มันทำให้เขาต้องเร่งสร้างกลยุทธ์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งใช้พลังงานสมองไปไม่น้อย

เพราะสิ่งเหล่านี้ ชายหนุ่มถูกใครบางคนก่อกวนแผนการจนยุ่งเหยิงไปหมด เขาจึงจำเป็นต้องว่าจ้างใครบางคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าชายสวมหน้ากากมาจัดการ……

ไซ่เชาหงรู้ว่าที่ประเทศจีนแห่งนี้ มีผู้ฝึกยุทธ์ที่เชี่ยวชาญมากมาย ซึ่งก็มีบางส่วนที่เขาได้ว่าจ้างมาเช่นกัน แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าชายหนุ่มสวมหน้ากากที่ดูกระจอกเช่นนี้ จะแข็งแกร่งถึงขนาดปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกมานอกร่างกายได้

ฉึก!

รังสีกระบี่ชี่พุ่งทะลุตัดขั้วหัวใจของไซ่เชาหง

ทันใดนั้น เลือดสดๆก็สาดกระจายออกมา พร้อมกับร่างที่ร่วงลงไปบนพื้นดัง “ปัง”

“กริ๊ดดด!”

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเสี่ยวฉีเห็นเลือดสดๆที่สาดกระเซ็น เธออดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา จากนั้นก็สลบไป

เย่เฟิงไม่มีเวลามาสนใจอาการของหญิงสาว สายตาของเขารีบกวาดไปมองตัวประหลาดระดับสูงอีก 4 ตัวที่เหลือ แต่ทันใดนั้น เขาก็พบว่าพวกมันไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย ร่างของพวกมันนิ่งไม่ไหวติ่งราวกับเสียการควบคุมไป

น่าแปลกจริงๆ

เย่เฟิงเดินไปยังร่างของไซ่เชาหงที่นอนอยู่บนพื้น และพบรีโมตควบคุมในกระเป๋าเสื้อของมัน แต่เพราะรังสีกระบี่ชี่ของเขา มันจึงพังไปแล้ว ชายหนุ่มเชื่อว่าเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ต้องเป็นสิ่งควบคุมเจ้าตัวประหลาดพวกนั้นแน่

ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงรู้สึกขี้เกียจเกินกว่ามานั่งสนใจอุปกรณ์ไฮเทคชิ้นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่มีความสามารถพอจะตรวจสอบของสิ่งนี้ด้วยตัวเองได้

ทันใดนั้น เย่เฟิงรู้สึกถึงการสั่นไหวของไหวิญญาณสีดำในกระเป๋าเสื้อของเขา เมื่อล้วนมันออกมา ชายหนุ่มมองเห็นควันสีน้ำเงินลอยออกมาจากร่างของไซ่เชาหง และไหลเข้าไปในไหวิญญาณในทันที

“เจ้านี่มันดูดวิญญาณแบบอัตโนมัติเลยงั้นหรอ?”

เย่เฟิงรู้สึกแปลกใจ ถึงอย่างนั้น เขาไม่ได้ใช้มันอัญเชิญศพเดินได้ออกมา แน่นอนว่าเจ้าสิ่งนี่มันแทบจะไร้ประโยชน์สำหรับเขาเลย

เมื่อไหวิญญาณได้ดูดวิญญาณของไซ่เชาหงเข้าไปแล้ว มันก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรออกมาอีก

‘ถึงแม้วิญญาณของไซ่เชาหงจะไม่ได้มีความสำคัญกับเราเท่าไหร่ แต่ไว้เรามีวรยุทธ์ระดับ 10 ปีเมื่อไหร่ เราจะเอามันออกมาลวงคอถามเรื่องสำคัญสักหน่อย…..’

เย่เฟิงคิดในใจก่อนจะเก็บไหวิญญาณเข้าไปในกระเป๋าเสื้อดังเดิม

เขาหันไปมองเสี่ยวฉีที่ถูกห้อยแขนทั้งสองข้างและถูกมัดปากเอาไว้ ชายหนุ่มวาดกระบี่ในมือตัดเชือกที่ผูกหญิงสาวเอาไว้ ทำให้ร่างเล็กๆของเธอร่วงลงมาเบาๆ

‘เราช่วยเธอคนนี้ไว้สองครั้งแล้วสิ แต่จริงๆก็เป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น’

เย่เฟิงคิดในใจและปล่อยหญิงสาวเอาไว้แบบนี้

เวลานี้ สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือพลังงานวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่มีกลิ่นอายรั่วไหลออกมาจากห้องลับในห้องใต้ดินแห่งนี้ ด้วยพลังนั่นมันอาจเพิ่มระดับวรยุทธ์ของเขาได้ถึง 5 ปีในทีเดียว!

เย่เฟิงยังคงมีเจินชี่หลงเหลืออยู่ในร่างเล็กน้อย ดังนั้น เขาจึงควบแน่นให้กลายเป็นกระบี่ออกมา ชายหนุ่มรีบเดินไปยังกำแพงอย่างไม่คิดให้มากความ แล้วใช้กระบี่ตัดกำแพงให้เป็นช่องที่พอจะให้คนเดินเข้าไปด้านในได้

ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงอำนาจแห่งพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อันล้นเหลือที่อยู่ไม่ห่างจากตัวเขา

‘นี่มันอะไรกัน?’

เย่เฟิงผงะถอยหลังไปเล็กน้อยกับแรงกดดันอันหนาแน่น แต่เขาก็ไม่รีรออะไรอีกแล้วรีบเข้าไปในห้องลับอย่างรวดเร็ว

ทางเข้าห้องลับแห่งนี้ เดิมทีถูกตั้งรหัสเอาไว้ แต่ในเมื่อเย่เฟิงสามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของพลังนี้ได้ ดังนั้น ไม่ว่าห้องลับจะถูกซ่อนเร้นไว้อย่างไร มันก็ไม่อาจรอดพ้นสัมผัสของเขาไปได้ บางที ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปของโลกใบนี้อาจจะไม่สามารถรับรู้ถึงพลังนี้ได้ แต่สำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียนอย่างเย่เฟิงแล้ว พลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับหิ่งห้อยยามค่ำคืนที่เขาไม่มีทางมองข้ามมันไปได้อย่างเด็ดขาด

ห้องลับแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางฟุต กำแพงรอบๆห้องถูกทาด้วยสีขาวทำให้ห้องดูค่อนข้างกว้างขวาง ที่นี่มีกล่องเหล็กที่ถูกตั้งรหัสวางไว้มากมายที่มุมห้อง พวกมันทำให้ผู้ที่ได้เห็นรู้สึกสงสัยว่าจะมีสิ่งใดที่ใส่เอาข้างใน

แต่ทันใดนั้น หัวใจของเย่เฟิงก็พลันเต้นรัวเมื่อรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่เล็ดลอดออกมาจากกล่องใบหนึ่งซึ่งถูกตั้งรหัสไว้!

ชายหนุ่มก้าวไปยังกล่องใบนั้นแล้วกวัดแกว่งกระบี่ในมือเพื่อเปิดมันออกมาอย่างระมัดระวัง

หลังจากเปิดฝากล่องเหล็กออกมาได้ มันไม่ได้มีสิ่งใดที่ดูผิดปกติซึ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจ

เขาหยิบมันเข้ามาใกล้ๆแล้วมองเข้าไปข้างใน ชายหนุ่มมองเห็นหินก้อนหนึ่งที่มีขนาดเท่ากับกำปั้น ลวดลายที่ผิวของมันแลดูแปลกประหลาด ทั้งยังดูโปร่งแสงและมีสีเขียวใส มีพลังวิญญาณรั่วไหลออกมาจากเจ้าของสิ่งนี้แบบไม่จบไม่สิ้น

นี่มัน….ลูกปัดสวรรค์!

หัวใจของเย่เฟิงพ่องโตขึ้นทันที!

ในโลกเทวะ สมบัติสวรรค์ที่สามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ให้แก่ผู้ฝึกวรยุทธ์นั้น มีเหลืออยู่ไม่มากในปัจจุบัน ส่วนของที่สมบัติทั่วไปที่สามารถหาได้ไม่ยาก จะสามารถเพิ่มระดับให้แก่ผู้ใช้ได้เพียงครั้งแรกที่ใช้เท่านั้น ลูกปัดสวรรค์ลูกนี้ถือว่าเป็นสมบัติสวรรค์ชั้นยอดในกลุ่มพวกนั้นอย่างแท้จริง!

ที่โลกเทวะนั้น แม้แต่ตระกูลโม่ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ในโลกแห่งนั้น ก็ยังไม่มีโอกาสได้ยลโฉมสมบัติสวรรค์เลยแม้แต่อันเดียว หากข่าวเรื่องลูกปัดสวรรค์ปรากฏขึ้นมาที่โลกแห่งนั้น ผู้คนมากมายโดยเฉพาะพวกเฒ่าประหลาดที่มีระดับวรยุทธ์มากกว่า 100 ปี คงได้ตามหากันจนแทบพลิกแผ่นดิน

เหตุผลหลักเป็นเพราะว่าเจ้าลูกปัดสวรรค์อันนี้ สามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ของผู้ใช้ได้ถึง 5 ปีในทีเดียว

ระดับวรยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นมา 5 ปีนั้น ไม่ถือว่าน้อยเลย เพราะอายุขัยของมนุษย์นั้นมีจำกัด หากมีโอกาสได้เพิ่มวรยุทธ์ขึ้น 5 ปีในแค่ไม่กี่นาที จะมีใครคนใดไม่ปรารถนากัน?

“ทีนี้ เราจะได้มีวรยุทธ์ระดับ 10 ปีเสียที”

เย่เฟิงรู้สึกตื่นเต้นไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ดูเหมือนว่านี้เขาจะโชคดีมากจริงๆ

ถึงแม้จะดูน่าเหลือเชื่อที่ไซ่เชาหงมีของล้ำค่าแบบนี้อยู่ด้วย แต่ในเมื่อลูกปัดเม็ดนี้ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว เย่เฟิงก็คงไม่อาจไม่เชื่อได้อีก

หากเขาต้องการรู้เบื้องหลังทั้งหมด เย่เฟิงเพียงแค่ดูดซับของสิ่งนี้ แล้วหลังจากนั้น เขาจะสามารถใช้ทักษะชุมนุมวิญญาณ และลากวิญญาณของไซ่เชาหงจากไหวิญญาณออกมาถามรายละเอียดทั้งหมดได้

เย่เฟิงพยายามยับยั้งความตื่นเต้นในใจ เพราะชายหนุ่มรู้ว่าเวลานี้เขายังมีเรื่องอื่นต้องทำอยู่อีก

แต่ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมากจากด้านหลัง

“เสี่ยวฉี!”

น้ำเสียงหวานใสของหลินชื่อฉิงดังมาจากภายนอก ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าอย่างเป็นจังหวะของคนกลุ่มหนึ่ง ไม่นาน ชายหนุ่มก็ถูกคนพวกนั้นปิดทางเข้าออกห้องแห่งนี้ทำให้เย่เฟิงติดกับอยู่ข้างใน

ฉึก!

เสียงลูกกระสุนเจาะผ่านบางสิ่งดังขึ้นอย่างชัดเจน

ตั้งแต่ที่เย่เฟิงใช้งานเจินชี่ภายในร่างไปหมดสิ้น เขาก็ไม่อาจหลบหนีลูกกระสุนได้ทัน ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ต้นขาข้างขวา เลือดของเขาหลั่งไหลออกมาจากรูโหว่ขนาดใหญ่ที่ต้นขา และในเวลาเดียวกัน กระสุนลูกนี้ได้ส่งผลประหลาดบางอย่างต่อเส้นลมปราณที่ขาข้างขวาของเขา

นี่มันปืนอะไรกัน? ทำไมมันถึงได้รุนแรงแบบนี้?

เย่เฟิงคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วรีบหันกลับไปมองด้านหลัง!

…………………………………

แปลโดย Solar Spark