บทที่ 114 ไพ่ตายของไซ่เชาหง

ขณะยืนอยู่ที่เดิม เย่เฟิงมองชายหน้ากากโครงกระดูกกระโดดออกไป และรีบวิ่งไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นไม่นาน เขาก็ยกปืนในมือลั่นไกขึ้นบนฟ้า

ปัง!

เสียงยิงปืนนั้นไม่ได้ดังมาก แต่ด้วยเวลานี้เป็นยามค่ำคืนที่เงียบสงบ ทุกคนในบริเวณนี้จึงได้ยินเสียงชัดเจน มันทำให้กลุ่มทหารในชุดอำพรางตื่นตัวขึ้นทันที

เย่เฟิงค่อยสังเกตเหล่าทหารหน่วย NSA อย่างระวัง ด้วยที่ทหารกลุ่มนั้นถูกฝึกมาเพื่อรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ไหวพริบและการตอบสนองของพวกเขาย่อมสูงกว่าคนทั่วไป

แม้จะมีเสียงปืนดังขึ้น แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวรอบๆบ้านหลังนั้นแต่อย่างใด ถึงอย่างนั้น ในสายตาของเย่เฟิง เขาเห็นทหารหลายคนค่อยๆเคลื่อนที่ไปยังต้นกำเนิดของเสียงปืน

หากก่อนหน้านี้ เย่เฟิงและชายหน้ากากโครงกระดูกไม่สังเกตโดยรอบอย่างระวังเสียก่อน พวกเขาก็ย่อมไม่รู้ว่ามีกลุ่มทหารแฝงตัวอยู่รอบๆบ้านอย่างแนบเนียน

ในวินาทีที่เสียงปืนดังขึ้น เย่เฟิงรีบกระโดดออกจากที่ซ่อนไปอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงา และทักษะอำพรางร่วมกัน มันจึงไม่ใช่แค่ความเร็วของเขาเท่านั้นที่สูงขึ้น ร่างกายของเขายังโปร่งแสงจนแทบจะกลายเป็นอากาศธาตุ

ความจริงแล้ว ทักษะประเภทอำพรางตัวเองนั้น จะมีผลอย่างดีเยี่ยมเมื่อมีระดับวรยุทธ์อย่างน้อย 10 ปี หากอยู่ในระดับนั้น ร่างกายของผู้ใช้จะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมอย่างสมบูรณ์ และจะไม่มีสิ่งใดสามารถสังเกตเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องทั่วไป กล้องตรวจตรา หรือแม้แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ตรวจจับสิ่งต่างๆ

ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ปัจจุบันของเย่เฟิงในตอนนี้ เขาทำได้แค่ให้ร่างกายตัวเองกลายเป็นโปร่งแสง เรื่องนี้ค่อนข้างเสี่ยงอยู่มากที่จะถูกตรวจจับโดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่คนทั่วไป หากสังเกตอย่างละเอียดก็สามารถมองเห็นชายหนุ่มในสภาพนี้ได้เช่นกัน

แต่ในความวุ่ยวายเพียงเสี้ยววินาทีนั้น เหล่าทหารล้วนถูกเสียงปืนดึงดูดความสนใจไปแทบทุกคน เย่เฟิงจึงมีโอกาสทะลุผ่านการปิดล้อมของฝ่ายตรงข้ามไปได้ในชั่วพริบตาโดยไม่มีใครล่วงรู้เลยแม้แต่น้อย!

หลังจากเข้ามาในบ้านได้ เย่เฟิงยังคงใช้ทักษะอำพรางคงสภาพโปร่งแสงไว้อยู่ บ้านหลังนี้ค่อนข้างสว่าง แต่เย่เฟิงไม่พบร่องรอบของไซ่เชาหงอยู่เลย เขาจึงตรงไปยังทางเข้าของห้องใต้ดิน ซึ่งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขารับรู้ถึงกลิ่นอายแห่งพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อันเข้มข้น

เมื่อไม่มีใครคนใดในบริเวณนี้ เย่เฟิงไม่ลังเลที่จะก้าวลงบันไดและเมื่อมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องใต้ดิน กระบี่เจินชี่สีแสดก็พลันปรากฏขึ้นมาในมือของเขา ชายหนุ่มวาดประบี่ในมือสองครั้งเพื่อผ่าประตูไม้ออกเป็นทางเข้าขนาดใหญ่

ย่างก้าวไร้เงา!

เย่เฟิงไม่รีรอที่จะพุ่งเข้าไปในห้องทันที

วืด!

ทันใดนั้น กระแสลมที่รุนแรงปะทะเข้าใส่ใบหน้าของเย่เฟิง และเกือบจะบดขยี้หัวของเขาให้แหลกละเอียด แต่ชายหนุ่มระวังไว้อยู่แล้ว เมื่อรับรู้ถึงสัญญาณอันตรายที่เข้ามาใกล้ เย่เฟิงสามารถหลบกระโจมตีของฝ่ายตรงข้ามอย่างง่ายดาย และเมื่อเข้ามาในห้องนี้ได้ ชายหนุ่มเงยขึ้นมองไปรอบๆห้องใต้ดินที่อึมครึมแห่งนี้

“แกมาจริงๆด้วย”

น้ำเสียงอันแผ่วเบาดังก้องไปทั่วห้องนี้

ไซ่เชาหงในชุดสูทสไตล์ตะวันตกปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเย่เฟิง เวลานี้ ชายคนนั้นยืนอยู่จนเกือบสุดทางเดินของห้อง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเยาะเย้ยขณะมองมาที่เย่เฟิง ที่เป็นผู้บุกรุกเข้ามายังห้องใต้ดินแห่งนี้
อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวฉีที่ถูกลักพาตัวมาถูกมันปากเอาไว้แน่น ดวงตาของหญิงสาวมีประกายแห่งความโกรธขณะจ้องเขม็งไปยังไซ่เชาหง เธอพยายามดิ้นรนให้ตัวเองมีอิสระ

แต่นอกจากทั้งสองคนแล้ว ยังมีคนอื่นๆอีกหลายคนอยู่ในห้องแห่งนี้ คนพวกนั้นสวมเสื้อโค้ตกันลมตัวใหญ่ ซึ่งชัดเจนว่าคนพวกนั้นคือตัวประหลาดที่เย่เฟิงเคยเห็นก่อนหน้านี้ ตัวประหลาดที่ถูกยาชนิดใหม่ทำให้เซลล์เกิดการกลายพันธุ์ พวกมันดักซุ่มโจมตีเย่เฟิงอยู่ใกล้ๆกับประตูห้อง

“หึ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

เมื่อเห็นเสี่ยวฉีที่นี่ เย่เฟิงก็เข้าใจสถานการณ์ก่อนหน้านี้ทันที ดูเหมือนว่าขณะที่เขากำลังเดินทางมาที่นี่ ไซ่เชาหงได้เตรียมการทุกสิ่งไว้หมดแล้ว

ยิ่งกว่านั้น ในขณะที่เขาและชายหน้ากากโครงกระดูกกำลังต่อสู้กับชายชราผู้ใช้ความตายอยู่นั้น ไซ่เชาหงได้ให้คนของมันไปที่อพาร์ทเม้นท์เสี่ยวฉี และลักพาตัวเธอมาที่นี่

ส่วนเรื่องที่ทหารหน่วย NSA ที่ได้รับหน้าที่ให้มาคุ้มกันที่นี่ ชัดเจนว่าไซ่เชาหงได้ป้ายสีความผิดทั้งหมดมาที่เขา และแสดงให้ตระกูลหลินเห็นว่าตัวเขาคือผู้ร้าย นั่นหมายความว่าในตอนนี้ เย่เฟิงไม่เพียงต้องเผชิญหน้ากับไซ่เชาหงเท่านั้น เขาต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังอันแข็งแกร่งของตระกูลหลินด้วย!

แต่….แค่เพื่อคุ้มกันไซ่เชาหง ตระกูลหลินต้องระดมพลมามากขนาดนี้เลยงั้นหรอ?

เย่เฟิงรู้สึกสงสัย แน่นอน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าการที่เขาลงมือต่อหลินซิวเหวินรุนแรงเกินไปหน่อย นั้นทำให้หลินซิวเหวินในเวลานี้เสียสติจนกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้ว……

“ตาย!”

โดยไม่รีรอ เย่เฟิงเคลื่อนที่พุ่งเข้าหาไซ่เชาหงทันที!

เคร้ง!

ในเวลาเดียวกัน ตัวประหลาดเหล่านั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว พวกมันไม่เพียงขวางทางของเย่เฟิง แต่ยังจู่โจมใส่เขาด้วย เมื่อกระบี่ของเขาปะทะกับการโจมตีของตัวประหลาด เย่เฟิงรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังฟันกระบี่เข้าใส่กำแพง แรงปะทะส่งผลให้ชายหนุ่มถอยร่นไปเล็กน้อย

น่าตกใจมาก ความเร็วแบบฉับพลันของเจ้าตัวประหลาดนั้นเร็วยิ่งกว่าเย่เฟิงเสียอีก!

“แกคิดว่าฉันคนนี้เป็นพวกโง่เง่าที่รอนั่งเฉยๆรอความตายหรือไง?

ไซ่เชาหงไขว้มือไว้ด้านหลังขณะยืนนิ่งอย่างสงบ มุมปากของเขาโค้งขึ้น “ก่อนหน้านี้ เจ้าพวกนั้นมันประมาทไปหน่อย แต่ตอนนี้ ด้วยเจ้าพวกระดับสูง 5 ตัวนี้ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยยาพิเศษรุ่นสอง ถ้าแกคิดว่ามันจะเหมือนกับพวกตัวก่อนหน้านี้ละก็ ฉันขอบอกเลยว่าพวกนี้แข็งแกร่งกว่าเป็น 10 เท่า!”

ตัวประหลาดระดับสูง 5 ตัวนี้คือไพ่ตายของไซ่เชาหง!

ดังนั้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องหลบหนีหรือเกรงกลัวต่อเย่เฟิง ไซ่เชาหงเพียงแค่รอเวลาให้เย่เฟิงก้าวเข้ามาในกับดักที่เขาสร้างไว้ ส่วนเรื่องกองกำลังตระกูลหลินนั้น เขาเพียงแค่เตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

ในกรณีที่เย่เฟิงเกิดเก่งกาจเกินกว่าที่คาดไว้ เวลานั้นไซ่เชาหงเพียงแจ้งให้คนของ NSA ลงมาคุ้มกันตัวเขา

ไซ่เชาหงมองไปรอบๆห้อง สายตาของเขาไปตกอยู่ที่เสี่ยวฉี

ในตอนที่เขาจับตัวเธอมา ไซ่เชาหงไม่ได้ตั้งใจจะจับหญิงสาวมาแบบยังมีชีวิตอยู่ แต่จะให้ฆ่าสาวสวยแบบนี้ไปเลยก็ดูน่าเสียดายเกินไป เพราะเจ้าตัวระดับสูง 5 ตัวนี้เป็นพวกที่มีความบ้าคลั่งอย่างมาก เขาเชื่อว่าสาวสวยคนนี้คงพอให้เจ้าพวกนั้นได้เล่นสนุกจนพอใจได้…….

ไซ่เชาหงอยากรู้อย่างยิ่งว่าสาวสวยคนนี้จะโรมรันกับเจ้าพวกนั้นได้นานสักแค่ไหน?

เย่เฟิงกำกระบี่ในมือไว้แน่น เขาพบว่า 5ตัวประหลาดนี้กำลังล้อมรอบตัวเขาเข้ามา

พวกมันนั้นสูงเกินกว่าสองเมตรและดูน่าเกรงข้ามอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว ความแข็งแกร่ง หรือปฏิกิริยาตอบสนอง สิ่งเหล่านี้สูงยิ่งกว่าประตัวหลาดที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้หลายเท่า หากต้องการจะกุดหัวพวกมัน อย่าว่าแต่ 5 กระบี่เลย กระทั่ง 15 กระบี่ เย่เฟิงก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดการพวกมันได้หรือไม่!

‘ถ้าเป็นทักษะกระบี่มังกรโบราณ เราเชื่อว่ามันน่าจะสามารถจัดการเจ้าตัวประหลาดพวกนี้ได้ในครั้งเดียว’

เย่เฟิงครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็ว ‘แต่ทักษะกระบี่มังกรโบราณกินปริมาณเจินชี่มากเกินไป และเรามีโอกาสใช้มันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น!’

ชายหนุ่มเงยหน้าและมองไปยังไซ่เชาหงที่ยืนห่างออกไป 10 เมตร

ไซ่เชาหงยังคงยืนนิ่งอย่างไร้กังวลด้วยความมั่นใจ ใบหน้าอันหล่อเหล่าจ้องมองมาที่เย่เฟิงด้วยความเยาะเย้ย “ฉันละอยากรู้จริงๆว่าใบหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากของแกเป็นยังไง แกฆ่าสมุนของฉันไปไม่น้อย เพราะงั้น ฉันจะจบเรื่องราวทั้งหมดในวันนี้!”

“โอเค งั้นฉันยอมแพ้”

เย่เฟิงพูดพร้อมกับทิ้งกระบี่ในมือลงและชูมือขึ้น

การกระทำของชายหนุ่มทำให้ไซ่เชาหงจ้องมองอย่างแปลกใจ

อะไรนะ? ยอมแพ้งั้นหรอ?

ตัวประหลาดระดับสูงทั้ง 5 ที่กำลังจะเริ่มจู่โจม หยุดการเคลื่อนไหวลงทันที

ถึงอย่างนั้นในชั่วพริบตา เย่เฟิงรีบคว้ากระบี่ด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับควบแน่นเจินชี่เข้าไปในกระบี่ ทันใดนั้น ผิวของกระบี่ก็พลันปรากฏประกายรังสีเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง ชายหนุ่มปลดปล่อยพลังอันมหาศาลที่ควบแน่นไว้ในกระบี่เข้าใส่ตัวประหลาดระดับสูงตัวหนึ่งทันที ในชั่วพริบตานั้น รังสีกระบี่ได้เจาะทะลุผ่านหัวของมันจนแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

แต่อำนาจการทะลุทะลวงของรังสีกระบี่ชี่ ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ มันยังคงพุ่งต่อไปหาไซ่เชาหงที่ยืนห่างออกไปประมาณ 10 เมตร เพื่อหมายจะปลิดชีพเขาในทันที!

ความยุติธรรมไม่เคยมีอยู่ในสงคราม แม้เย่เฟิงจะเป็นถึงเซียนที่เก่งกาจในโลกเทวะ แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้วิธีสกปรกจัดการกับเป้าหมาย ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นยอมแพ้เพื่อรบกวนสมาธิของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งแม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่นั้นก็มากเกินพอสำหรับทักษะที่เขามี

………………….

แปลโดย Solar Spark

Solar Spark: พี่เย่ เดี๋ยวนี้เป็นคนแบบนี้แล้วหลอ