บทที่ 116 วรยุทธ์ระดับ 10 ปี

เย่เฟิงคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งแล้วหันกลับไปมองด้วยสายตาเยียบเย็น

ชายหนุ่มเห็นทางเข้าห้องลับที่เขาสร้างไว้ก่อนหน้านี้ มีทหารอาวุธหนักในชุดอำพรางยืนอยู่สองคน แต่ละคนถือปืนรูปร่างประหลาดไว้พร้อมกับสวมหมวกกันกระสุนที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ครอบดวงตาเอาไว้ ยิ่งกว่านั้น ที่บนอกเสื้อของคนพวกนั้นยังมีรูปดาว 5 ดวงปักอยู่ แสดงให้เห็นถึงความภักดีต่อประเทศชาติ

เมื่อเสี้ยววินาทีก่อนหน้านี้ หนึ่งในสองคนนั้นได้ยิงปืนเข้าที่ขาขวาของเขา

แต่ข้างหลังสองคนนั่น ยังมีชายวัยกลางคนหนวดเคราสั้นที่จับจ้องมายังเย่เฟิงอย่างหนักแน่นยืนอยู่ ถึงแม้เย่เฟิงจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองสักเท่าไหร่ แต่เขาจำได้ดีว่าชายคนนั้นเป็นใคร

ชายหนุ่มเคยเห็นการถ่ายทอดสดการประชุมระดับชาติในทีวีบ่อยๆ ซึ่งเย่เฟิงก็ได้เห็นชายคนนั้นอยู่บ่อยครั้ง เขาคือพ่อของหลินชื่อฉิง สมาชิกคนสำคัญของตระกูลหลิน เขาเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจมากที่สุดของประเทศจีน และมีนามว่า หลินเต๋อเทียน

แล้วเขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร? หรือเขาอยากจะจัดการชายสวมหน้ากากด้วยตัวเองเลยอย่างงั้นหรอ?

เย่เฟิงรู้สึกขบขันเล็กน้อยที่เห็นชายคนนั้นที่นี่ ไม่นานนัก น้ำเสียงหวานใสของหลินชื่อฉิงก็ดังเข้ามาในห้องลับแห่งนี้ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถปลุกเสี่ยวฉีให้ตื่นขึ้นได้ หญิงสาวจึงประคองเพื่อนของเธอขึ้นมา และตั้งใจจะพาไปส่งโรงพยาบาล

หลังจากที่เห็นเลือดของไซ่เชาหง เสี่ยวฉีก็เป็นลมไป แล้วทำไมเธอคนนี้ไม่ยอมตื่นขึ้นมาสักที?

เย่เฟิงรู้สึกว่าดวงของเขาในวันนี้จะไม่เข้าข้างเขาเสียเลย เพราะหากหญิงสาวคนนั้นตื่นขึ้นมา เธอก็สามารถอธิบายทุกสิ่งให้ชัดเจนได้ แล้วปัญหาของเขาก็จะถูกคลี่คลายในที่สุด….

ถึงอย่างนั้น อย่างน้อยเขาก็ได้ลูกปัดสวรรค์เม็ดนี้มา หากมีเวลาอีกเล็กน้อย ชายหนุ่มก็พอจะหาทางแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ได้

“พวกเราล้อมไว้หมดแล้ว ยอมจำนนซะ!”

หลินเต๋อเทียนบอกให้ชายหนุ่มชูมือขึ้นแล้วยอมจำนน ดูเหมือนว่าหากเขามีท่าทีจะขัดขืนเมื่อไหร่ เย่เฟิงจะถูกยิงอีกครั้งทันที

เวลานี้ เย่เฟิงพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่ขาข้างขวา ความจริงแล้ว ถึงแม้กระสุนก่อนหน้านี้จะไม่ได้ทำให้ขาของเขาขาด แต่มันก็ยังสร้างรูโหว่ประมาณครึ่งกำปั้น ทำให้เลือดยังคงไหลทะลักออกมา แต่นี่ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ สิ่งสำคัญคือตอนนี้กระสุนที่ยิงเข้ามา ได้เริ่มกัดกร่อนเส้นลมปราณที่ขาข้างขวาของเขาทีละนิด และทำให้ชายหนุ่มสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดไป
‘ดูเหมือนว่าพวก NSA จะมีอาวุธที่ใช้จัดการกับคนของโลกยุทธภพเสียด้วย ไม่น่าแปลกใจว่าทำให้ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนถึงไม่กล้าก่อความวุ่นวายออกมาอย่างโจ่งแจ้ง……’

เย่เฟิงขบกรามแน่นขณะเงยหน้ามองไปยังหลินเต๋อเทียนและทหารอีกสองคนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้า

วืด!

s

ร่างของชายหนุ่มไหววูบโดยเคลื่อนไหวเพียงขาข้างเดียว เย่เฟิงพุ่งไปยังทางเข้าห้องลับอันคับแคบขณะรีดเค้นเจินชี่หยดสุดท้ายในร่าง เมื่อมาถึงทางเข้าห้อง ชายหนุ่มกวัดแกว่งกระบี่ในมือทันที

“ยิง!”

เมื่อเห็นการกระทำอย่างฉับพลันของเย่เฟิง ประกายตาของหลินเต๋อเทียนก็ฉายวาบ เขายังให้ยิงทันทีอย่างไม่ลังเล

ปัง! ปัง!

เสียงยิงปืนที่แสบแก้วหูดังขึ้นทันทีเมื่อหลินเต๋อเทียนออกคำสั่ง แต่หลังจากเย่เฟิงฟาดฟันกระบี่ออกไปมากมาย ทางเข้าของห้องลับแห่งนี้ก็ทรุดตัวลง และหินขนาดใหญ่ได้กลิ้งลงมาปิดทางเข้าออกห้องแห่งนี้อย่างสมบูรณ์!

การทรุดตัวไม่ได้หยุดอยู่แค่ทางเข้าของห้อง ในเมื่อห้องลับแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของฐานรากของบ้านหลังนี้ ขอบเขตการทรุดตัวจึงกว้างขึ้นเรื่อยๆ และเกิดการพังทลายตามมา

คุณภาพของบ้านในหมู่บ้านเหยียนซีนั้นไม่ได้สูงจริงตามที่เจ้าของโครงการได้กล่าวอ้างไว้ ครึ่งหนึ่งของตัวบ้านได้ยุบตัวลงมา เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมดังไปทั่วบริเวณ

ถึงอย่างนั้นในความวุ่นวาย เย่เฟิงปิดไฟในห้องลับแห่งนี้จนเหลือเพียงแสงสีเขียวของลูกปัดสวรรค์ที่อยู่ในมือ ลูกปัดเม็ดนี้ปลดปล่อยกินอายอันลึกลับให้กระจายไปทั่วทั้งห้อง สิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกนั้น เย่เฟิงไม่รู้และไม่ต้องการจะสนใจตอนนี้

ในเวลานี้ ชีวิตของเขาสำคัญที่สุด เย่เฟิงต้องรีบดูดซับพลังวิญญาณในลูกปัดสวรรค์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!

เมื่อทั่วทั้งห้องตกอยู่ภายใต้แรงสั่นสะเทือนอันน่ากลัว เวลานี้ เย่เฟิงพยายามอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่ขาข้างขวา ชายหนุ่มถือลูกปัดสวรรค์ไว้ในมือและเริ่มหมุนเวียนจุดตันเถียนที่อยู่ภายในร่าง จุดตันเถียนจึงค่อยๆดูดซับพลังวิญญาณจากลูกปัดสวรรค์เข้าไป

มูลค่าของลูกปัดสวรรค์เม็ดนี้นั้น สูงกว่าหินวิญญาณทั่วไปนับร้อยเท่า หากใครขายลูกปัดเม็ดนี้ในโลกยุทธภพ เขาคนนั้นคงขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน แน่นอนว่าสำหรับเย่เฟิงนั้น ต่อให้ใครยื่นเงินให้เขา 100 ล้าน ชายหนุ่มก็ไม่มีทางขายลูกปัดเม็ดนี้แน่นอน

เพราะสำหรับเขาแล้ว ความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เงินตรา ความแข็งแกร่งต่างหากคือความมั่งคั่งที่แท้จริง ชายหนุ่มเชื่อว่าไม่ว่าโลกเทวะหรือโลกใบนี้ ความแข็งแกร่งนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

เมื่อชีวิตและความตาย ตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้มีอำนาจ เวลานั้น เงินที่มากมายมหาศาลจะสามารถช่วยชีวิตเขาได้จริงงั้นหรือ?

แน่นอนว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่ได้ขึ้นกับระดับวรยุทธ์เท่านั้น สำหรับโลกใบนี้ อำนาจ อิทธิพล และสิ่งอื่นๆก็สำคัญไม่แพ้กัน

เย่เฟิงกำลูกปัดสวรรค์ในมือไว้แน่น การหมุนเวียนที่จุดตันเถียนของเขาเพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด เวลานี้ ไอของพลังวิญญาณหลั่งไหลออกมาจากลูกปัดเม็ดนี้ราวกับเคลื่อนแห่งท้องทะเลที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ไอเหล่านี้ตรงเข้าสู่จุดตันเถียนของชายหนุ่มก่อนจะกลายสภาพกลายเป็นเจินชี่

เคราะห์ดีที่ก่อนหน้านี้ ในขณะที่เย่เฟิงค้นหาร่องรอยของซูเฟยหยิ่งที่เขาฉางไป่ ชายหนุ่มได้ใช้เวลาบางส่วนขยายเส้นลมปราณของเขาไว้แล้ว มันจึงสามารถรองรับวรยุทธ์ระดับ 10 ปีได้อย่างพอดิบพอดี หากหลังจากดูดซับพลังวิญญาณจากลูกปัดเม็ดนี้เสร็จสิ้น ต่อให้เขาได้รับหินวิญญาณเม็ดอื่นมาอีกในเวลานี้ เย่เฟิงก็ไม่อาจเพิ่มระดับวรยุทธ์ของเขาได้แล้ว

6 ปี!

7 ปี!

8 ปี!

เย่เฟิงใช้เวลาไปหลายนาทีในการเพิ่มระดับวรยุทธ์ขึ้นแต่ละปี ถึงอย่างนั้นในเวลา 10 นาทีสุดท้าย กองทัพ NSA ที่ยืนอยู่นอกห้องได้ตัดสินใจจะใช้ระเบิดเปิดทางเข้าออกห้องนี้

ไม่นานนัก เสียงระเบิดก็ดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่วบริเวณ

ด้วยการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากแรงระเบิด ร่างของเย่เฟิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น กระเด็นไปกระแทกเข้ากับผนังอย่างรุนแรง กองเหล็กที่ถูกล๊อคเอาไว้มากมายก็ถูกกลบไปด้วยเสาหิน และเศษชิ้นส่วนของห้องแห่งนี้ ทิ้งไว้เพียงปริศนาว่ามีสิ่งใดที่อยู่ด้านในกล่องเหล่านั้น

ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงไม่ได้เสียสมาธิไปกับสิ่งเหล่านี้ เพราะขณะที่ดูดซับพลังวิญญาณ สัมผัสของเขาว่องไวขึ้นมากกว่าปกติ เขาจึงรู้ว่ากล่องเหล็กทั้งหมด 56 กล่องนั้น มีเพียงกล่องเดียวที่มีลูกปัดสวรรค์อันล้ำค่า ส่วนที่เหลือคือสิ่งของต่างๆซึ่งไม่คุ้มค่าจะให้ความสนใจในเวลานี้เลยแม้แต่น้อย

9 ปี!

ตอนนี้ที่อีกด้านหนึ่ง ทหารหน่วย NSA ในชุดอำพราง พุ่งเข้ามาในห้องที่มืดมิดและเต็มไปด้วยฝุ่นควันขณะถือปืนความแม่นยำสูงไว้ในมือ พวกเขาเปิดไฟฉายขึ้นหลายอันจนห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงสลัวๆ

โชคดีที่เวลานี้ เพราะลูกปัดสวรรค์ถูกดูดซับพลังวิญญาณไปมากแล้ว แสงสีเขียวของมันจึงเหลือเพียงแสงสลัวอ่อนๆ ยิ่งกว่านั้น ห้องลับในเวลานี้ยังเต็มไปด้วยฝุ่นควันและเศษผง เย่เฟิงจึงไม่ถูกตรวจเจอโดยฝ่ายตรงข้าม

ตอนนี้เย่เฟิงซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ จุดตันเถียนของเขาหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่งขณะยังคงดูดซับพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

เส้นลมปราณทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มเริ่มอัดแน่นไปด้วยปริมาณเจินชี่อันมหาศาล ทำให้เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่สูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง ไม่เพียงแค่นั้น เจินชี่ที่เย่เฟิงใช้ไปจนเหือดแห้งยังฟื้นกลับคืนมาจนเต็มเปี่ยม เลือดที่บาดแผลบริเวณต้นขาขวาก็หยุดไหลไปด้วยเช่นกัน

“แกถูกล้อมไว้หมดแล้ว ยอมจำนนซะ! ต่อให้แกจะมีระดับวรยุทธ์กี่ปี แกก็ไม่มีทางต่อกรกับทหารชั้นเยี่ยมจากหน่วย NSA ได้!”

น้ำเสียงหยาบกระด้างดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เสียงนี้ไม่เหมือนกับหลินเต๋อเทียน ดูเหมือนว่าน้ำเสียงนี้จะเป็นของหัวหน้าหน่วย NSA เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ห้องแห่งนี้อันตรายเกินไป ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่หลินเต๋อเทียนจะเสี่ยงเข้ามาที่นี่ด้วยตัวเองแน่

ชายคนนั้นคิดว่า การที่ฝ่ายตรงข้ามของเขาตวัดกระบี่แค่ครั้งเดียวก็ถึงกลับสามารถถล่มบ้านทั้งหลังได้ พลังระดับนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปแน่!

“งั้นหรอ?”

เวลานี้มุมปากของเย่เฟิงโค้งขึ้น เขายิ้มออกมาอย่างมีลับลมคมนัย

ระดับ 10 ปี!

ในที่สุดเย่เฟิงก็สามารถมีวรยุทธ์ระดับนี้ได้อีกครั้งหนึ่ง ผลก็คือ ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขาคล่องแคล่วและยืดหยุ่นขึ้นอย่างมากราวกับปลาที่อยู่ในน้ำ เวลานี้ เย่เฟิงรู้สึกเหมือนตอนที่เขาเคยอยู่ในโลกเทวะอีกครั้ง ในตอนนั้น เขาได้ติดตามซูเฟยหยิ่ง และได้เผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูมากมาย……

เย่เฟิงรีบส่ายหัว เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาคิดถึงเรื่องเหล่านี้

ในที่สุดชายหนุ่มก็มีวรยุทธ์ระดับ 10 ปี เวลานี้ เขาสามารถใช้งานทักษะเซียนต่างๆได้เยอะขึ้นไปอีก ตัวอย่างเช่น เพลิงสีแดง แสงศักดิ์สิทธิ์ ทักษะล่องหน ทักษะชุมนุมวิญญาณ และอีกมากมาย ยิ่งกว่านั้น เขาสามารถใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณ เพื่อรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัวได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตามอง

แต่ตอนนี้ เย่เฟิงไม่มีเวลาพอจะใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณ ถึงอย่างนั้น เขาสามารถใช้ทักษะล่องหนได้!

ในที่สุด ลูกปัดสวรรค์ก็สูญเสียพลังไปทั้งหมดจนกลายเป็นเพียงลูกปัดธรรมดา เย่เฟิงโยนมันลงพื้นอย่างไม่ใยดี ในห้องอันมืดมิดแห่งนี้ ร่างกายของชายหนุ่มค่อยๆจางหายไปในทันใด…..

…………………….

แปลโดย Solar Spark

Solar Spark: บ่นมาหลายตอน ในที่สุดวรยุทธ์พี่เย่ก็ถึง 10 ปีสักที55