บทที่ 111 ไหวิญญาณสีดำ

ขณะที่ยืนอยู่ใกล้ทะเลสาบจำลอง เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปยังใบหน้าอันซีดเซียวของจ้าวอี้เปย และพลันคิดในใจว่าเมื่อกี้นี้ที่เขากุดหัวร่างของขวานวายุ ร่างกายของมันก็พลันกลายเป็นขี้เถ้า

“หลินซิวเหวินก็เหมือนกับศพพวกนั้น เขาตกอยู่ภายใต้การควบคุมของชายชรา และถูกชักใยให้ลงมือต่อเสี่ยวฉี”

ชายสวมหน้ากากพูดต่อย่างจริงจัง “โม่จิ่วเกอ ถ้านายสามารถจัดการชายชราคนนั้นได้จริง ด้วยความแข็งแกร่งระดับนั้น พวกเราต้องลอบสังหารไซ่เชาหงสำเร็จแน่!”

“เข้าใจแล้ว”

เย่เฟิงพยักหน้า ถึงอย่างนั้น เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดในตอนนี้ เย่เฟิงพยายามค้นหาร่องรอยของชายชรา แต่น่าเสียดายที่ในป่าไผ่แห่งนี้ นอกจากพวกเขาทั้งสองคน และศพเดินได้อีก 8 ร่างแล้ว เขาไม่พบร่องรอยของใครคนใดอีกเลย

‘ถ้าเรามีวรยุทธ์ระดับ 10 ปี เราคงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณเพื่อรับรู้สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวในรัศมีร้อยเมตร และมันจะไม่มีสิ่งใดแม้แต่สิ่งเดียวที่หลุดรอดสัมผัสของเราไปได้เลย ช่างน่าเสียดายจริงๆ…..”

ขณะมองสอดส่องไปทุกที่อย่างระวัง เย่เฟิงคิดกับตัวเองว่าถ้าเขาได้ดูดซับพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สัมผัสได้ในชั้นใต้ดินของบ้านไซ่เชาหง วรยุทธ์ของเขาต้องเพิ่มเป็นระดับ 10 ปีได้แน่ และด้วยเหตุนี้ ความมั่นใจของเขาจะเพิ่มขึ้นมากเมื่อไปตามหาซูเฟยหยิ่งอาจารย์ของเขาที่ทะเลจีนตะวันออก

เพราะฉะนั้น ไซ่เชาหงต้องตาย!

เมื่อศพเดินได้ทั้งแปดล้อมรอบพวกเขาไว้ ร่างของหลัวลี่และหลัวเล่ยก็เริ่มกวัดแกว่งหมัด‘เป้าฉุย’เข้าใส่เย่เฟิง โดยวิชานี้ ทั้งคู่ได้ฝึกเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ในสำนักหมัดเทพทวารา

เมื่อต้องประมือกับศพทั้งสองร่างนั้น เย่เฟิงไม่ออมมือแม้แต่น้อย เขาหลบหลีกกำปั้นของทั้งคู่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะสวนกระบี่เจินชี่ในมือตรงเข้าใส่ตำแหน่งหัวใจของร่างทั้งสองของพวกมันทีละตัว ด้วยเสียงดัง “ฉึก” ร่างของพวกมันทั้งคู่กลายเป็นฝุ่นผงไปในทันที

เมื่อเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ก็ไม่ไกลก็รู้สึกสั่นเทาไปทั้งร่าง เขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่เฟิงอย่างชัดเจนแล้ว เพราะถึงแม้ตัวเขาจะมีปืนอยู่ในมือ แต่ก็ไม่อาจต่อกรกับศพเดินได้พวกนั้นได้เลย ถึงอย่างนั้น ชายที่ชื่อ‘โม่จิ่วเกอ’คนนี้เพียงกวัดแกว่งกระบี่ในมือก็ยังสามารถเอาสังหารศพเดินได้พวกนี้ได้อย่างง่ายดายแล้ว ฝีมือของชายคนนี้สูงส่งอย่างแท้จริง!

ภาพติดตาของเย่เฟิงปรากฏขึ้นไปทั่วทุกบริเวณ และด้วยกระบี่ในมือของเขาที่ฉายวาบขึ้นมาประมาณ 2 หรือ 3 ครั้ง ศพเดินได้ทั้งเจ็ดตัวก็ถูกทำให้กลายเป็นขี้เถ้าอยู่ในป่าไผ่แห่งนี้ ศพเดินได้ตัวสุดท้ายคือร่างของจ้าวอี้เปย ซึ่งเย่เฟิงยังไม่อาจทำใจลงมือกับร่างๆนั้นได้

ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจัดการกับศพเดินได้อยู่นั้น เขาได้เพ่งความสนใจไปรอบๆด้วยเช่นกัน แม้ป่าไผ่แห่งนี้จะอยู่ค่อนข้างไกลกับย่านพักอาศัย แต่ก็ยังไม่มีเงาของร่างน่าสงสัยในบริเวณนี้เลยแม้แต่น้อย

มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ชายชราคนนั้นจะมีความสามารถในการล่องหน นอกจากนี้ ในป่าไผ่ยังไม่มีที่ที่สามารถซ่อนตัวได้ ในเมื่อชายชราคนนั้นกำลังควบคุมศพเดินได้อยู่ ระยะห่างระหว่างเขาและศพเดินได้เหล่านี้ก็ไม่ควรจะอยู่ห่างกันมาก

ในเวลานี้ เย่เฟิงคิดว่าคงถึงเวลาสมควรที่ชายชราจะออกมาจากที่ซ่อนตัวได้แล้ว

เย่เฟิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ขณะที่เขาพยายามแกล้งทำเป็นต่อสู้กับศพของจ้าวอี้เปย ถึงอย่างนั้น เขาก็เตรียมพร้อมสำหรับรับการโจมตีที่อาจลอบจู่โจมเข้ามาได้ทุกเวลา!

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อชายสวมหน้ากากร่างที่พริ้วไหวของเย่เฟิงที่กำลังจัดการกับศพเดินได้เหล่านั้น เขาก็ค่อยโล่งใจขึ้น เขาสรุปว่าโม่จิ่วเกอคนนี้เป็นมือกระบี่ที่มีฝีมือน่าเกรงขามอย่างมาก ดังนั้น ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับไซ่เชาหง ชัดเจนว่าเขาต้องไม่เพลี่ยงพล้ำอย่างแน่นอน

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง…..
ขณะที่เย่เฟิงกำลังยุ่งอยู่กับการครุ่นคิด ทันใดนั้น เสียงระเบิดของน้ำก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา พร้อมทั้งปรากฏร่างที่เลือนลางของคนๆหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากน้ำและเข้าจู่โจมใส่เย่เฟิง

การจู่โจมนี้ พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด!

“กรงเล็บวิญญาณมรณะ!”

น้ำเสียงแหบแห้งดังขึ้นมาในทันใด ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเย่เฟิงถึงไม่พบร่องรอยของชายชราคนนี้แม้แต่น้อย นั่นเพราะมันซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวน้ำของทะเลสาบจำลองนั้นเอง!

“หึ”

เย่เฟิงรอเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามจะปรากฏตัวออกมาอยู่นานแล้ว!

ชายหนุ่มเดาไว้แล้วว่าชายชราคนนี้ต้องหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวน้ำ แต่เขาไม่แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีวรยุทธ์สูงแค่ไหน เพราะฉะนั้น การลงไปใต้จึงเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป อย่างไรก็ตาม การลอบจู่โจมของชายชราเมื่อกี้นี้ล้วนตกอยู่ในการรับรู้ของเย่เฟิงอยู่ตลอด ชายหนุ่มจึงใช้วิชากรงเล็บมังกรสวนกลับไปในทันใด!

ชายชราหมุนตัวเพื่อให้หลุดจากการคร่ากุมของเย่เฟิง ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงไม่ได้คลายมือของเขาออก เวลานี้ เจินชี่ภายในร่างชายหนุ่มเดือดพร่านจนแทบระเบิดออกมา และในเสี้ยววินาที เขาใช้ทักษะกรงเล็บมังกรบีบร่างของชายชราไว้แน่น ก่อนจะเหวี่ยงร่างนั้นลงบนพื้นอย่างรุนแรง

ปัง!

ฝุ่นควันได้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ตามมาด้วยหยดน้ำที่กระจายออกจากร่างของชายชรา เวลานี้ ร่างของชายชราลงไปคลุกฝุ่นจนสภาพดูแทบไม่ได้

“วิชากรงเล็บมังกรขั้นสอง!”

ชายชราร้องตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึง!

ในโลกใบนี้นั้น มีผู้ฝึกยุทธ์อยู่เพียงหยิบมือเดียวที่สามารถปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกมาใช้นอกร่างกายได้ และแม้ชายชราจะมีวรยุทธ์อยู่ที่ระดับ 20 ปี มันก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะทำแบบนั้นได้

ก่อนหน้านี้ ชายชราได้ใช้วิชา‘กรงเล็บวิญญาณมรณะ’ลอบจู่โจมใส่เย่เฟิง หากวันใดที่เขาสามารถปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกมาใช้นอกร่างกาย และสามารถใช้วิชากรงเล็บวิญญาณมรณะในระดับสองได้ เขาจะสามารถใช้มันทำลายประสาทการฟังและการมองเห็นของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายได้ จากนั้น ก็ค่อยสังหารและนำร่างของมันมาทำเป็นศพเดินได้! น่าเสียดายที่ชายชรายังไม่อาจบรรลุถึงขั้นนั้น ไม่อย่างนั้นเย่เฟิงคงได้กลายเป็นหนึ่งในศพเดินได้ของเขาไปแล้วตอนนี้

ปัง! ปัง! ปัง!
ปฏิกิริยาของชายสวมหน้ากากนั้นรวดเร็วเช่นกัน เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขารีบยกปืนขึ้นมาแล้วกระหน่ำยิงใส่ชายชราทันที

“น่าเสียดายที่วรยุทธ์ของแกยังต่ำเกินไป!”

ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงมืดมน และขณะเดียวกัน พลังชี่ภายในในร่างของเขาก็เริ่มไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง ชายชราดิ้นหลุดจากวิชากรงเล็บมังกรของเย่เฟิงแล้วรีบพุ่งตัวหลบกระสุนของชายสวมหน้ากากไปยังอีกด้านหนึ่ง

เย่เฟิงไม่คิดว่าชายชราจะสามารถดิ้นหลุดจากการคร่ากุมของเขาได้ ถึงแม้ชายหนุ่มจะใช้วิชากรงเล็บมังกรระดับสอง แต่ความต่างของระดับวรยุทธ์ยังห่างกันเกินไป เมื่อชายชราใช้พลังของเขาเต็มที่ มันจึงเป็นเรื่องยากที่เย่เฟิงเวลาจะจับกุมตัวเขาเอาไว้ได้

เคร้ง!

ร่างของเย่เฟิงพริ้วไหวและกวาดกระบี่ในมือที่อัดแน่นด้วยพลังเข้าใส่ชายชรา ถึงอย่างนั้นเวลานี้ ชายชราดึงของแข็งบางอย่างออกมาจากอกเพื่อขวางการโจมตีของเย่เฟิง เมื่อมองดูใกล้ๆแล้ว เย่เฟิงพบว่ามันคือไหสีดำอันหนึ่งที่คล้ายกับโลงศพ ถึงแม้ว่าตัวไหจะถูกโจมตีจากกระบี่เจินชี่ของเย่เฟิงอย่างรุนแรง มันก็ยังคงไร้ซึ่งรอยขีดข่วน และกลับโจมตีสวนกลับมาจนทำให้เย่เฟิงเกือบต้องร่วงลงบนพื้นอย่างรุนแรง

“หรือนั่นจะเป็น….เครื่องรางเวทย์?”

เย่เฟิงตกใจเล็กน้อย

เครื่องรางเวทย์นั้นเป็นสิ่งที่บรรจุกลิ่นอายของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ภายใน ถึงอย่างนั้น มันก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มอาวุธเวทย์ระดับต่ำในโลกเทวะ แต่แม้เครื่องรางเวทย์จะเป็นอาวุธเวทย์ระดับเริ่มต้น มันก็ยังเป็นหนึ่งในอาวุธเวทย์ที่เทียบได้กับอาวุธสวรรค์ และมันยังมีคุณสมบัติเฉพาะตัวอย่างอื่นอีกด้วย

“เจ้าหนู แค่สามารถสังหารไห่ถังได้ แล้วคิดว่าจะจัดการกับข้าคนนี้ได้ง่ายๆงั้นรึ? เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”

ชายชรายิ้มอย่างวิปริต เขากางมืออันเหี่ยวย่นออกจากนั้นจึงเคาะใส่ไหสีดำในมือหลายครั้ง

ตึง!

เสียงทุ้มต่ำดังไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้น กระแสพลังที่มองไม่เห็นก็พวยพุ่งออกมาจากไหในมือชายชรา และก่อตัวเป็นรูปร่างของใครบางคน!

“ไห่ถัง?”

เย่เฟิงมองศพร่างนั้นที่ปรากฏตัวขึ้นมา และคิดในใจว่าเขาไม่ได้สังหารหญิงสาววิปริตจากวังกระบี่สวรรค์ที่เขาฉางไป่ไปแล้วหรือยังไง? ไหสีดำนั่นมันอะไรกัน?

“แกชื่อว่าโม่จิ่วเกอใช่ไหม?”

ชายชรายิ้มอย่างมืดมน “สบายใจได้เลยว่าหลังจากแกตาย วิญญาณของแกจะถูกข้าคนนี้เก็บไว้ในไหวิญญาณ และเมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะทำให้แกกลายเป็นศพเดินได้เหมือนกับศพเหล่านี้!”

ไหวิญญาณงั้นรึ?

กักเก็บวิญญาณของผู้คน? ถ้าอย่างนั้นในกรณีนี้ วิญญาณของจ้าวอี้เปยก็ถูกเก็บไว้ในไหสีดำนั้นเหมือนกันงั้นสิ?

ถ้าเขาเอาไหวิญญาณอันนั้นมาได้ละก็……

เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองไปยังชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ไม่ไกล

ระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงนั้นไม่สูงพอจะต่อกรกับชายชราคนนี้ หากเขาต้องการสังหารผู้ใช้ความตายคนนี้ อย่างแรก เขาต้องร่วมมือกับชายสวมหน้ากากในการต่อสู้กับชายชรา ถึงแม้ว่าชายสวมหน้ากากคนนั้นจะมีแค่ปืนกระบอกเดียวในมือ แต่หากสามารถใช้ได้ในเวลาที่เหมาะสมละก็ พวกเขาก็มีโอกาสสังหารชายชราคนนั้นได้

เย่เฟิงไม่ลืมว่าถึงแม้ผู้ใช้ความตายคนนี้จะหลบกระสุนทั้งสามนัดอย่างง่ายดาย แต่นั้นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่กลัวกระสุนเหล่านั้น หากสามารถยิงเข้าที่หัวของมันแบบจังๆได้ละก็ มันย่อมไม่อาจมีชีวิตรอดไปได้แน่นอน

ชายสวมหน้ากากเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดีเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงส่งสัญญาณกลับด้วยการพยักหน้า

การลงมือพร้อมกันของพวกเขากำลังจะเริ่มขึ้นตอนนี้แล้ว!

………………………………

แปลโดย Solar Spark