บทที่ 10 เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ถูกกดดัน

เย่เฟิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขารู้ดีว่าสาวสวยใบหน้ารู้ไข่คนนั้นมีนิสัยป่าเถื่อนแค่ไหน แล้วมีหรือที่เธอจะยอมปล่อยให้หญ้าใบทองหลุดมือไป?

เวลานี้ ได้ปรากฏความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มต่างๆออกมาแล้ว พวกเขาล้วนกลัวมาเย่เฟิงจะหลบหนีไปพร้อมกับหญ้าสมุนไพร แต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงคือหญิงสาวคนนั้นจะมีอิทธิพลไม่น้อยเช่นกัน อย่างน้อยก็มากพอที่จะสั่งการผู้กับกำการของสถานีตำรวจแห่งนี้ได้

เย่เฟิงยังคงนั่งนิ่งโดยไม่ทำอะไร ขณะที่ตำรวจทั้งคู่กำลังเข้ามาใกล้เขาเพื่อค้นหาหญ้าใบทอง

เขาค่อนข้างเสียใจอยู่ลึกๆที่ก่อนหน้านี้ เขามัวแต่เสีบเวลาเขียนโน้ตทิ้งไว้ หากเขารีบหนีไป เขาก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่เมื่อคิดดูอีกที ต่อให้เขาหนีไปได้ กลุ่มคนที่ต้องการหญ้าใบทองก็สามารถตามตัวเขาได้จากการ์ดเช็คอินเข้าโรงแรมอยู่ดี สุดท้ายแล้วผลลัพท์ก็คงไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่

“ฉันแนะนำให้เธอให้ความร่วมมือกับพวกเรา แล้วจะไม่มีการใช้กำลังใดๆ”

ชายจมูกงุ้มพูดด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ ขณะที่เขากำลังเดินมาทางเย่เฟิงพร้อมกับตำรวจวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง แน่นอนว่าในสายตาของพวกเขา เย่เฟิงก็เป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาทั้งยังถูกใส่กุญแจมือไว้ ดังนั้นจึงไร้ซึ่งภัยคุกคามใดๆ

ผู้กำกับหลินที่อยู่ไม่ไกล ก็รอคอยที่จะเห็นตำรวจทั้งสองนำหญ้าใบทองทั้งสามต้นมาจากเย่เฟิงเช่นกัน และเมื่อเขานำไปให้หัวหน้าของเขาได้ เขาจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม และแม้เขาจะไม่เข้าใจก็ตามว่าเหตุใดเจ้านายของเขาจึงให้ความสำคัญกับหญ้าทั้งสามต้นมากขนาดนี้ แต่แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะถามหาเหตุผล เพราะงานของเขาบางทีรู้เรื่องมากไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี

เมื่อชายจมูกงุ้มและตำรวจวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้ ทันใดนั้น เย่เฟิงกระโดดถอยหลังไปหลายก้าวจนชิดผนังห้อง พร้อมกับใช้มือทั้งคู่ที่ถูกล๊อคด้วยกุญแจมืออยู่นั้น หยิบเอาหญ้าใบทองออกมาจากกระเป๋าลับในเสื้อ

ทั้งหญ้าใบทองสองต้นและเช็คมูลค่าสองแสน เย่เฟิงใส่ของทั้งสองไว้ในกระเป๋าลับของเขา เพราะมันไม่ใช่ของที่ยอมให้ใครยึดไปได้ง่ายๆเหมือนกับโทรศัพท์มือถือของเขา

เวลานี้ เขาคิดจะกินหญ้าใบทองทั้งสองต้นนี้เพื่อรีบดูดซับหลิงฉีที่อยู่ภายใน ถ้าทำสำเร็จ เขาจะมีระดับของการบ่มเพาะวรยุทธ์มากถึง 5 เดือน ซึ่งมากพอที่จะพังกุญแจมือนี้อย่างง่ายดาย

แต่ถึงอย่างนั้น สถานการณ์ในปัจจุบันนี้การดูดซับหลิงฉีจากหญ้าใบทองค่อนข้างจะอันตรายอย่างยิ่ง เพราะหากไม่สามารถอยู่ในท่วงท่าที่เหมาะสมได้แล้ว กระบวนการของมันอาจทำให้เส้นลมปราณภายในร่างได้รับความเสียหาย จนอาจต้องตายอย่างอนาถ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก หากเขาไม่ทำมันในเวลานี้ ไม่เพียงหญ้าใบทองจะถูกยึดไป เขาต้องติดคุกอีกไม่รู้กี่ปีจากการโดนยัดข้อกล่าวหาเหล่านี้?

ซึ่งตัวเขาไม่ยอมอยู่เฉยแน่ๆ

โดยไม่ลังเล เย่เฟิงหยิบหญ้าใบทองใส่ปากอย่างรวดเร็ว และก่อนที่เขาจะกลืนมันลงไป ทันใดนั้น ผู้กำกับหลิวตะโกนก้อง “หยุดเดี๋ยวนี้!”

เวลานี้ หลิวจี้เหงื่อแตกไปทั้งตัว

แม้ในห้องสอบสวนนี้จะมีเพียงแสงไฟสลัวๆ แต่เขายังคงเห็นต้นหญ้าในมือของเย่เฟิง ลักษณะของมันมีรากเป็นสีทองซึ่งตรงกับสิ่งที่เจ้านายของเขาได้อธิบายไว้ทางโทรศัพท์ทุกประการ

มันคือหญ้าสมุนไพรตามที่เจ้านายของเขาบอกไว้ ไม่ผิดแน่!

ตามน้ำเสียงของเจ้านายที่เขาได้ยินทางโทรศัพท์ หญ้าใบทองทั้งสามต้นเป็นของล้ำค่าอย่างยิ่ง แน่นอนว่าเขาไม่สนว่าเย่เฟิงจะอยู่หรือตาย แต่เขาต้องเอาต้นหญ้าเหล่านั้นมาให้ได้ ไม่ว่าจะแลกกับอะไรก็ตาม แต่เวลานี้เย่เฟิงกลับจะกินมันเข้าไป แล้วแบบนี้จะให้เขาอยู่เฉยได้หรือ?

หากหลิวจี้ไม่สามารถเอาหญ้าใบทองมาได้ เขาต้องหมดสิ้นอนาคตในหน้าที่การงานนี้เป็นแน่

“เจ้าหนุ่ม เธอมีชื่อว่าเย่เฟิงใช่ไหม?”

หลิวจี้คิดว่าเขาต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขารีบทำใจให้สงบลงพร้อมกับพูดว่า “ฉันขอแนะนำว่าเธออย่าทำอย่างนั้นดีกว่า ถ้าเธอกินต้นหญ้านั่นเข้าไป รับรองว่าข้อหาของเธอไม่ใช่แค่คดีข่มขืนกระทำชำเราทั่วไปแน่ๆ”

เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้น เขามีความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวก่อนจะหยุดกลืนต้นหญ้า

แน่นอนว่าเขาไม่เกรงกลัวคนเหล่านี้ แต่เย่เฟิงก็สามารถใช้พวกหญ้าใบทองต่อรองกับพวกเขาได้เหมือนกัน

“คุณต้องการต้นหญ้าพวกนี้จริงๆสินะ? ถ้างั้นก็ปล่อยผมไปก่อน ไม่อย่างนั้นรับรองว่าผมกลืนมันลงท้องแน่”

เย่เฟิงรักษาระยะห่างระหว่างคนเหล่านั้นขณะที่ยังอมหญ้าใบทองไว้ในปาก

การกระทำของเย่เฟิง ส่งผลให้ภายในใจของผู้กำกับหลิวเต็มไปด้วยความโกรธ ไอเด็กเวรนี่ถึงกับกล้าเอาต้นหญ้าที่แสนล่ำค่านั่นอมไว้ในปาก ต่อให้เขาเอามันมาได้ พวกหญ้าเหล่านั้นก็ต้องติดน้ำลายของมันมาด้วย ถ้าเจ้านายของเขารู้เข้าละก็………..

“ฉันทำตามที่เธอบอกไม่ได้ ที่นี่คือสถานีตำรวจ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต้องเป็นไปตามกฏหมาย”

หลิวจี้ทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้มานานหลายปี เขาจึงมีประสบการณ์มากมายในการจัดการกับเหตุการณ์เช่นนี้ “ถ้าเธอยอมส่งต้นหญ้าทั้งสามต้นมา เธอจะได้รับเพียงโทษสถานเบาเท่านั้น”

ในความคิดของเขาแล้ว เย่เฟิงเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาเท่านั้น ยังไงก็ต้องมีความรู้สึกเกรงกลัวบ้างในสถานการณ์นี้ ถ้าเขาใช้คำพูดข่มขู่ ยังไงก็ต้องรู้สึกกลัวและเชื่อฟังเขาโดยดี

โชคร้ายสำหรับผู้กำกับหลิวคือ เย่เฟิงไม่ใช่นักเรียนมัธยมปลายธรรมดา มีหรือที่เขาจะเกรงกลัวกับคำพูดข่มขู่แค่นี้?

“อ่อ อย่างนั้นหรือครับ? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอโทษด้วยที่ผมต้องกลืนมันอยู่ดี”

เย่เฟิงขยับปากเคี้ยว แต่ความจริงแล้วเขาแค่แสร้งทำเท่านั้น

เขาคิดว่าสาวสวยใบหน้ารูปไข่คงไม่รู้ว่าหญ้าใบทองต้นหนึ่งถูกใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บของเธอแล้ว เธอจึงต้องการพวกมันทั้งสามต้นคืน

เย่เฟิงหวนคิดถึงตอนนั้น เขาใช้หญ้าใบทองต้นหนึ่งเพื่อช่วยชีวิตเธอซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายเหมือนกัน แต่ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็ยังคงเลือกช่วยหญิงสาวเหมือนเดิม

ทั้งหมดนั้นเพราะหญ้าใบทองทั้งสามต้นเป็นของเธอ เขาคงไม่ไร้มโนธรรมถึงขนาดทิ้งเธอที่ใบเจ็บเจียนตายไว้แล้วขโมยต้นหญ้าทั้งสามต้นมา

“หยุดก่อน! อย่าใจร้อนไปพ่อหนุ่ม”

เมื่อหลิวจี้เห็นเย่เฟิงขยับปากเคี้ยว เขาขวัญเสียขึ้นมาทันที แต่ก็ยังพูดกับเย่เฟิงด้วยใบหน้าที่ดูสงบ “เธอรู้ไหมว่าถ้ากลืนมันลงไป เธอจะได้รับผลที่ตามอย่างไร?”

“ปล่อยผมไป ไม่อย่างนั้นที่คุณพูดมาทั้งหมดก็ถือว่าเป็นเรื่องไร้ประโยชน์”

เย่เฟิงดูเหมือนไม่อยากเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระอีก พวกตำรวจต้องยอมทำตามข้อเสนอของเขาเท่านั้น

ขณะที่พวกเขาทั้งคู่กำลังพูดจาต่อรองกัน ชายจมูกงุ้มและตำรวจวัยกลางคนยืนดูอยู่เฉยๆโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี และในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของผู้กำกับหลิวดังขึ้น เขาก้มลงมองเบอร์โทรที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้วสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ชัดเจนว่าหลังจากเห็นเบอร์โทร เขาก็ไม่อาจจะรักษาความเยือกเย็นได้อีกต่อไป

หลิวจี้รีบวิ่งออกไปจากห้องสอบสวนทันทีพร้อมกับหยิบโทรศัทพ์มือถือขึ้นมารับ ขณะที่เย่เฟิงและตำรวจอีกสองคนต่างได้ยินน้ำเสียงของผู้กำกับหลิวที่แสดงออกถึงความนอบน้อมและหวั่นเกรงได้อย่างชัดเจน แต่ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่อยู่ในสายคือใคร

ชายจมูกงุ้มแปลกใจกับสีหน้าของผู้กำกับหลิว เพราะเขาไม่เคยเห็นหัวหน้าของเขาแสดงความเคารพอย่างมากตอนรับสายแบบนี้มาก่อนเลย แล้วใครกันคือคนที่โทรมาในเวลานี้?

เย่เฟิงไม่ได้ด่วนสรุปว่าคนในสายคือใคร บางทีอาจจะเป็นคนที่อยากทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากมากกว่านี้ก็ได้ ถ้าเขาสามารถบ่มเพาะวรยุทธ์ระดับสิบปีและฝึกทักษะ‘หยินเทวา’ได้ ความประสาทสัมผัสในการมองเห็นและการได้ยินจะสูงขึ้นกว่านี้หลายเท่า ซึ่งมากพอที่จะทำให้เขาสามารถรับรู้สิ่งที่พวกเขาคุยกันทางโทรศัพท์และสามารถประเมิณสถานการณ์ได้ แต่ถึงอย่างนั้น หากเขามีวรยุทธ์ระดับสิบปี เขาคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ตั้งแต่ทีแรกแล้ว

เพียงไม่นาน ผู้กับกำหลิวก็กลับเข้ามาในห้องสอบสวนพร้อมด้วยเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งตัว ชัดเจนว่าเขาพึ่งพบกับแรงกดดันที่น่าหวาดหวั่นมา

หลิงจี้ยืนห่างจากเย่เฟิงสองสามเมตร ขณะที่เวลานี้ ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปแสดงความเคารพ และพูดกับเย่เฟิงอย่างสุภาพว่า “คุณเย่เชา พวกเราต้องขอโทษจริงๆกับสิ่งที่ได้ล่วงเกินกับคุณไป……….คุณสามารถกลับไปได้เลย นี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยเท่านั้นครับ”

(note: เชาแปลว่าคนหนุ่มนะครับ)

เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้น เขามองอย่างแปลกใจอยู่ชั่วครู่ พร้อมกับคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน?

“ไม่นะครับท่าน!”

เมื่อชายจมูกงุ้มได้ยินดังนั้น เขาร้องตะโกนขึ้นด้วยความตกตะลึงพร้อมกับพูดว่า “ท่านหลิว เจ้าเด็กนี่………..”

“คุณหรือผมที่เป็นหัวหน้า?”

ผู้กำกับหลิวจ้องไปยังชายจมูกงุ้มพร้อมกับพูดอย่างเคร่งเครียด

แม้ว่าชายจมูกงุ้มต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นท่าทางแสดงความเคารพของผู้กำกับหลิวต่อหน้าเย่เฟิงแล้ว ก็ปรากฏความตื่นตระหนกขึ้นในใจ คนหนุนหลังของเด็กหนุ่มคนนี้ที่ถึงขนาดกดดันผู้กับกำการของสถานีตำรวจแห่งนี้ได้ย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่

เขามองไปยังเย่เฟิงด้วยสีหน้าที่ดูว่างเปล่า เจ้าหนุ่มคนนี้ถึงกับมีคนหนุนหลังที่แม้ตัวแต่เขายังไม่รู้ว่าเป็นใคร

เย่เชา?

“ทำไมคุณยังไม่รีบไขกุญแจมือคุณเย่เชาออกอีกหะ?”

หลิวจี้พูดตะคอกออกไป

เมื่อชายจมูกงุ้มได้ยิน เขาก็เดินไปยังเย่เฟิงอย่างไม่เต็มใจนัก

แม้เย่เฟิงจะรู้สึกระแวงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ชายจมูกงุ้มไม่ได้แสดงท่าทีมีพิรุธแต่อย่างใด มีเพียงใบหน้าบิดเบี้ยวที่แสดงถึงความไม่พอใจขณะที่ไขกุญแจมือให้เขา

ชายจมูกงุ้มค่อนข้างเกรงกลัวและไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมาเมื่อเห็นท่าทีของหลิวจี้ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อรับสายโทรศัพท์

เย่เฟิงเข้าใจว่าประเทศจีนในตอนนี้  เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายนายต่างถูกกดดันอยู่บ่อยครั้ง ชัดเจนว่าคนที่เพิ่งช่วยเขาจากสถานการณ์ลำบากนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ และมีอิทธิพลมากถึงขนาดแสดงการคุกคามผู้กับกำการของสถานีตำรวจแห่งนี้ได้ อิทธิพลนั้นยังมากยิ่งกว่าคนหนุนหลังของหญิงสาวใบหน้ารูปไข่เสียอีก แม้ว่าเขาจะมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากลในใจ แต่ถ้าตำรวจพวกนี้คิดเล่นตุกติกอะไรละก็ อย่าหวังเลยว่าเขาจะหลงกลกับเลห์เหลี่ยมที่ดูโง่เง่าพรรค์นี้เลย

……………………

แปลโดย : Mediate

ปรับสำนวน : Solar Spark