บทที่ 109 ศัตรูของศัตรูคือมิตร

ชายสวมหน้ากากสองคนได้เผชิญหน้ากันในสวนสาธารณะอันมืดมืดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ่อนพนันแก๊งเทียน ความแตกต่างคือ หน้ากากของเย่เฟิงเป็นรูปใบหน้าบึ้ง ขณะที่อีกฝ่ายเป็นหน้ากากโครงกระดูกสีดำ

สายตาของเย่เฟิงภายใต้หน้ากาก จับจ้องไปยังฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะเอ่ยถามเสียงโทนต่ำ “คุณเป็นใคร?”

“อย่ากังวลไป”

ชายหน้ากากโครงกระดูกยืนนิ่งพร้อมกับชูมือขึ้น เขาหัวเราะก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ตามที่เขาว่ากันไว้ ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร เพราะงั้นสหาย ฉันขอถามว่าเป้าหมายสูงสุดของนายคือไซ่เชาใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินดังนั้น ใจของเย่เฟิงก็พลันเต้นรัว

ชายคนนี้เดาได้อย่างไรว่าเป้าหมายสูงสุดของเขาคือไซ่เชา? ยิ่งกว่านั้น เขายังบอกว่า ‘ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร’ แล้วตัวตนของชายคนนั้นเป็นใครกัน?

“เพื่อความสบายใจ ฉันจะแสดงตัวตนให้นายได้รู้”

ชายหน้ากากโครงกระดูกยิ้มบางๆ ขณะล้วงเอาเหรียญสีเงินจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมา เขาโยนเล่นในมือสองครั้ง ก่อนจะโชว์ให้เย่เฟิงได้เห็น

แก๊งประตูสวรรค์ใต้!

เย่เฟิงเข้าใจในตัวตนของชายคนนี้ได้ทันที

เมื่อหนึ่งปีก่อน ขณะที่องค์กรลึกลับเพิ่งปรากฏตัวขึ้นมา พวกมันจัดการกำจัดแก๊งประตูสวรรค์ใต้ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่แก๊งใหญ่ของเมืองเหยียนจิงจนสิ้นซาก และยังมีข่าวลือกระจายออกมาอีกว่า พวกมันไม่เพียงกำจัดแก๊งๆนี้เท่านั้น แต่ยังตามสังหารครอบครัวของคนในแก๊งจนแทบจะไม่หลงเหลืออยู่เลยในเมืองเหยียนจิง

แล้วชายหน้ากากโครงกระดูกคนนี้ เป็นคนของแก๊งประตูสวรรค์ใต้อย่างนั้นหรือ?

ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชายคนนั้นถึงพูดว่าศัตรูของศัตรูก็คือมิตร เพราะสำหรับเขาแล้ว แค้นที่มีต่อไซ่เชานั้น ลึกซึ้งยิ่งกว่าเย่เฟิงไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

“ถูกต้อง ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร”

เย่เฟิงแกล้งแสดงท่าทีโล่งใจออกไปก่อน

ปัง!

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงทุ้มต่ำดังสนั่นไปทั่วบริเวณ พาให้หัวใจของเย่เฟิงเต้นรัวไปชั่วครู่ ชายหนุ่มพลันเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นชายหน้ากากโครงกระดูกถือปืนพกและยิงมาทางเขา!

แน่นอนว่าเป้าหมายของชายคนนั้นไม่ใช่เย่เฟิง แต่เป็นชายหนุ่มเจ้ามือที่ถูกเขาจับตัวเอาไว้ กระสุนได้พุ่งทะลุหน้าผากของเจ้ามือหนุ่มพาให้วิญญาณของเขาหลุดลอยออกจากร่างไปในทันที

“ในเมื่อมันรู้ตัวตนของฉันแล้ว ฉันก็คงปล่อยมันไว้ไม่ได้”

ชายหน้ากากโครงกระดูกพูดเบาๆ

“คุณแม่นปืนดีนะ”

เย่เฟิงยิ้มก่อนจะโยนร่างของชายหนุ่มเจ้ามือเข้าไปในพงหญ้า “ดูแล้วพวกเราน่าจะร่วมมือกันได้”

ชายคนนี้ได้สังหารเจ้ามือหนุ่มที่มีสถานะค่อนข้างสูงในแก๊งเทียนอย่างไม่ลังเล เย่เฟิงจึงแน่ใจว่าชายสวมนั้นกากคนนี้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับเขา

“ไปคุยกันต่อที่อื่นเถอะ เดี๋ยวอีกไม่นานคงมีคนมาแถวนี้”

ชายหน้ากากโครงกระดูกพูดขณะมองไปรอบๆ

ถึงแม้จะเป็นสวนสาธารณะที่ห่างไกล แต่ที่นี่ก็ยังเป็นจุดที่คู่รักมากมายนิยมมาพลอดรักกัน ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที ผู้คนเกือบทั้งหมดวิ่งหนีไปด้วยความตื่นกลัว แต่อีกไม่นานคงมีพวกคู่รักคู่ใหม่มาที่นี่อีก และหากคนพวกนั้นพบศพเข้า เย่เฟิงและชายสวมหน้ากากอีกคนคงต้องเจอกับปัญหาใหญ่ การเปลี่ยนที่พูดคุยกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับพวกเขา

ความจริงแล้ว ด้วยทักษะของเย่เฟิง กลุ่มตำรวจไม่มีทางค้นหาตัวตนของเขาได้อย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นในกรณีนี้ที่มีเจ้ากอลิล่าสองตัวเกี่ยวข้องด้วย ตำรวจทั่วไปคงไม่มีอำนาจจะมาจัดการเรื่องนี้ได้

หลังจากทั้งคู่ตกลงกันได้ พวกเขาก็ออกจากสวนสาธารณะนี้โดยมีชายหน้ากากโครงกระดูกเป็นคนนำทาง ชายคนนั้นเดินตามซอยเล็กๆไปทางทิศตะวันตก

เย่เฟิงก็ได้เดินตามเขาไปอย่างสงบเช่นกัน

ชายสวมหน้ากากคนนี้สืบหาเรื่องราวเหล่ามาตลอดหนึ่งปี ชัดเจนว่าเขาย่อมรู้เรื่องราวเกี่ยวกับไซ่เชามากกว่าเย่เฟิง และมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะรู้ว่าไซ่เชาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

แต่หากไม่เป็นไปตามนี้แล้วมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น เย่เฟิงจะใช้กระบี่กุดหัวชายคนนี้อย่างไม่ลังเล เพราะอะไรก็ตามที่เป็นภัยคุกคามกับเขา มันต้องถูกกำจัดทันที!

“ชายคนที่ฉันยิงไปเมื่อกี้คือหัวหน้าบ่อนพนันของแก๊งเทียน คนอื่นๆเรียกมันว่าพี่ใหญ่ฟาง เจ้าหมอนี่มันฆ่าคนที่ติดหนี้ของมันแล้วไม่มีจ่ายไปมากมาย ยังมีคนอีกมากที่ถูกมันล่อล่วงจนล้มละลายและสุญเสียทุกสิ่ง มันสมควรถูกเรียกว่าสวะสังคมอย่างแท้จริง…….”

ขณะเดินนำทาง ชายหน้ากากโครงกระดูกค่อยๆพูดอธิบาย “และคืนนี้ งานของมันคือการทำให้หลินจื่อฉิงเอาเงินภาษีมาเล่นพนัน และเก็บหลักฐานชิ้นโตเอาไว้สำหรับแผนการชิ้นใหญ่ของพวกมัน”

“ถ้างั้น ตระกูลหลินก็เป็นเป้าหมายหลักของไซ่เชางั้นรึ?”

เย่เฟิงถาม

“ก็ควรจะเป็นแบบนั้นละนะ”

ชายหน้ากากโครงกระดูกยิ้ม และเอ่ยเสียงนิ่ม “เผ่ยเขิงกรุ๊ปเป็นคนส่งมันมาที่ประเทศจีน และมอบหมายให้มันค่อยๆหาวิธีกัดเซาะตระกูลหลินเพื่อหวังเข้าครอบงำในที่สุด และเพื่อหวังทำลายเศรษฐกิจของประเทศจีน พวกมันจึงพัฒนายาต้องห้ามและส่งเข้ามาในตลาดจีน นอกจากนี้ แผนอื่นๆของพวกมันคือสร้างขุมกำลังที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในประเทศนี้

“เผ่ยเขิงกรุ๊ป………ถ้างั้นไซ่เชาหงก็คือไซ่เชา!”

ประกายตาเย็นเยียบฉายวาบขึ้นมาในดวงตาเย่เฟิง

“ถูกต้อง และเพื่อจัดการกับตระกูลหลิน แผนของไซ่เชาวางไว้ละเอียดมาก มันตั้งใจจะลงมือกับหลินจื่อฉิงก่อน จากนั้นก็ควบคุมหลินซิวเหวิน และสุดท้ายคือหลินชื่อฉิง ไซ่เชาต้องการเข้าครอบครองเธอคนนั้น”

ชายหน้ากากโครงกระดูกพูดต่อด้วยท่าทีเศร้าใจ “แผนของมันสมบูรณ์แบบเกินไป เพราะงั้นต่อให้บอกเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้ก็ย่อมไม่มีใครเชื่อ”

ใช่แล้ว คงไม่มีใครคิดว่าจะมีใครคนหนึ่งกล้าวางแผนแบบนี้ขึ้นมา อาจบอกได้เลยว่า ถ้าแผนนี้ประสบความสำเร็จ เศรษฐกิจของประเทศจีนคงถึงคราวล่มสลาย และกลุ่มคนที่มีศักยภาพพอ จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ทันที!

ยิ่งกว่านั้น ตัวตนของไซ่เชาหงยังเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในมหาลัยเหยียนจิง ทุกๆคนย่อมเชื่อถือมันมากกว่าเชื่อถือชายสวมหน้ากากคนนี้อยู่แล้ว

“แล้ว… ทำไมคุณถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้รวมทั้งแผนของมันด้วย?”

เย่เฟิงเอ่ยถามด้วยความเพลิดเพลิน “ดูเหมือนตัวตนของคุณจะได้รับความเชื่อใจจากเจ้านั่นนะ”

“ฮ่า ฮ่า ถ้านายจัดการมันได้เมื่อไหร่ นายจะได้รู้เอง”

ชายสวมหน้ากากหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดว่า “แต่อาศัยพลังของนายในตอนนี้ ฉันแนะนำว่านายอย่าเข้าชนกับมันแบบตรงๆจะดีกว่า เพราะเจ้าพวกกอลิล่าก่อนหน้านี้ ไซ่เชาซ่อนพวกมันไว้อีกมากกว่าร้อยตัวรอบๆตัวมัน……”

เมื่อเย่เฟิงได้ยินว่ามีพวกกอลิล่าอีกมากกว่าร้อยตัว หัวใจของเขาก็พลันหนาวเย็น ด้วยความแข็งแกร่งของชายหนุ่มในปัจจุบัน การปะทะกับพวกมันหนึ่งตัวอาจไม่ลำบากสำหรับเขาเท่าไหร่ แต่ถ้าต้องเจอมากกว่าร้อยตัวละก็ เขาไม่อาจจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่จุดสำคัญที่ชายหนุ่มสงสัยคือ ไซ่เชาเก็บซ่อนพวกกอลิล่าจำนวนมากขนาดนั้นไว้ที่ไหน

โดยไม่รอให้เย่เฟิงได้ถามคำถามอีกครั้ง ชายสวมหน้ากากพูดต่อ “ในเมื่อพวกเราจัดการเรื่องของหลินจื่อฉิงได้แล้ว งั้นก็ไปที่มหาลัยเหยียนจิงกัน เป็นไปได้ว่าแผนต่อไปของไซ่เชาจะลงมือในคืนนี้”

“แผนอะไร?”

เย่เฟิงถามด้วยความสงสัย

“ใช้วิธีบางอย่างเพื่อควบคุมหลินซิวเหวิน…..”

ชายสวมหน้ากากหัวเราะและพูดต่อไปว่า “ต่อจากนี้ไป นายจะได้เห็นความหายนะเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น มีหญิงสาวตระกูลเสี่ยวคนหนึ่งที่จะต้องถูกสังเวยในแผนๆนี้ แต่ด้วยตัวฉันคนเดียว ฉันไม่กล้าเข้าไปขัดขวางแผนนี้”

หญิงสาวตระกูลเสี่ยวงั้นหรอ?

เมื่อได้ยินคำพูดของชายสวมหน้ากาก ภาพเมื่อตอนเช้าก็ฉายวาบขึ้นมาในใจของเย่เฟิง ไซ่เชาหงและหลินซิวเหวินได้พูดคุยบางอย่างกันขณะที่อยู่ในสนามบาสเกตบอล

หรือจะเป็นเสี่ยวฉี?

เย่เฟิงพลันนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในร้านกาแฟเมื่อเช้าวันนี้ ชายหนุ่มได้เจอกับหญิงสาวน่ารักที่ดูมีชีวิตชีวาคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของร้านกาแฟร้านนั้น เย่เฟิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่เกี่ยวกับเธอคนนี้ ถึงแม้ว่าปัจจุบัน เขาสนใจแค่เพียงจัดการกับไซ่เชาหง แต่ถ้าเสี่ยวฉีเกี่ยวข้องกับแผนของมันแล้วละก็ เย่เฟิงก็ไม่อาจมองข้ามเรื่องนี้ไปได้

“ถ้างั้นเอาเป็นว่า พวกเราไปที่มหาลัยเหยียนจิงก่อน แล้วหลังจากนั้น คุณค่อยตามผมไปจัดการกับไซ่เชา แบบนี้เป็นไง?”

เย่เฟิงถามด้วยเสียงโทนต่ำ

ชายหนุ่มยังคงคิดเกี่ยวกับชั้นใต้ดินของบ้านไซ่เชาหง ที่ที่เขารู้สึกถึงพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อันมหาศาล

“ก็ขึ้นอยู่กับว่านายแข็งแกร่งพอจะขัดขวางแผนนี้มั้ย”

ชายสวมหน้ากากพูดเสียงต่ำและบอกว่า ตัวเขาเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ถึงแม้จะมีปืน นั่นก็ยังไม่พอที่จะจัดการไซ่เชาได้ ไม่อย่างนั้นตลอดเวลาหนึ่งปีมานี่ เขาคงสังหารไซ่เชาหงด้วยตัวเองไปแล้ว

เรื่องการจัดการกับไซ่เชาหง ความหวังเดียวของเขาจึงตกอยู่ที่เย่เฟิง!

“ฉันไม่ได้จะดูถูกนายหรอกนะ แต่ศัตรูของเราในครั้งนี้ นายห้ามประมาทเด็ดขาด”

ชายสวมหน้ากากพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะจ้องมองมายังเย่เฟิง “ถ้านายมั่นใจว่าแข็งแกร่งพอ นายก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้ว ไปจัดการไซ่เชาและแก้ปัญหาทั้งหมดในคืนนี้เลย!”

เย่เฟิงยังคงครุ่นคิดว่าไซ่เชาหงจะสามารถใช้วรยุทธ์ได้หรือไม่? ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ทั้งคู่ได้มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกและไม่นาน พวกเขาก็มาถึงอพาร์ทเม้นท์ใกล้กับมหาลัยเหยียนจิง สภาพแวดล้อมที่นี่ดูงดงามและสงบเงียบ

ลมหนาวยามค่ำคืนค่อยๆพัดผ่านไปเบาๆ พร้อมด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ ด้วยที่เป็นพื้นที่พักอาศัยในเวลากลางคืน มันจังไม่ค่อยมีเสียงรบกวนเท่าไหร่นัก

“หญิงสาวตระกูลพักอยู่ที่นี่…..”

ขณะที่ชายสวมหน้ากากกำลังพูด ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของเย่เฟิงพลันเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจ

สิ่งที่เขาเห็นภายใต้แสงไฟสลัวใกล้ๆกับอพาร์ทเม้นท์ คือร่างๆหนึ่งที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในชุดที่ขาดรุ่งริ่งราวกับขอทาน แต่เย่เฟิงรู้ว่านั่นไม่ใช่ขอทาน เพราะเมื่อมองเข้าไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นแล้ว มันกลับกลายเป็น–

จ้าวอี้เปย?

ทำไมศพจ้าวอี้เปยที่หายไปถึงมาปรากฏอยู่ที่นี่? ยิ่งกว่านั้น ใบหน้าของเขายังดูซีดเซียวและน่ากลัว หรือนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนของไซ่เชา?

หัวใจของเย่เฟิงพลันสั่นสะท้านเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ และในขณะเดียวกันที่อีกด้านหนึ่ง ดูเหมือนร่างของจ้าวอี้เปยจะพบว่าเย่เฟิงกำลังมองมา เขารีบกระโดดเข้าไปในซอยเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลและหายไปในทันใดอย่างไร้ร่องรอย!

………………….

แปลโดย Solar Spark