บทที่ 102 ไซ่เชาหง

เย่เฟิงไม่ค่อยรู้เรื่องของรถแลมโบกินี่มากนัก เขารู้เพียงว่ารถยี่ห้อนี้มีราคาหลายล้าน ซึ่งหากเทียบกับรถHummer H2 หรือBMW ของหน้าบากแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารถคันนี้ราคาแพงกว่าทั้งสองคันนั้นหลายเท่า

การที่ได้นั่งอยู่ในรถสปอร์ตคันหรู โดยเฉพาะเมื่อได้นั่งกับสาวสวยราวกับนางฟ้าคนนี้ มันต้องทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งแม้แต่เย่เฟิงก็ไม่เว้น

“น้องเย่ เด็กผู้หญิงคนก่อนหน้านี้เป็นแฟนเราหรอ? เธอดูน่ารักมากเลยนะ”

ขณะที่อยู่ในรถ ดูเหมือนว่าหลินชื่อฉิงจะพยายามสุ่มถามเรื่องของเย่เฟิงเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเหงาจนเกินไป ผมยาวที่นุ่มสลวยของหญิงสาวพัดไหวไปตามสายลม เผยให้เห็นใบหน้าเรียวรูปไข่อันงดงามด้านข้าง ราวกับมันพยายามยั่วเย้าจิตใจของชายหนุ่ม

“อืม คุณไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”

เย่เฟิงหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดว่า “คุณรู้ไหม? ผมไม่เคยได้ยินชื่อคุณมาก่อนเลย จนเพิ่งมาได้ยินจากปากของปู่นี่แหละ”

“ว้าว จริงหรอ?”

หลินชื่อฉิงยิ้มบางๆ พร้อมกับโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อยเป็นการแสดงคำตอบถึงความแปลกใจนิดหน่อย

ความจริงแล้ว ในตอนที่หญิงสาวเตรียมตัวเพื่อมาพบกับเย่เฟิง เธอคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้คงไม่ต่างอะไรกับนักเรียนมัธยมปลายธรรมดา และหากเด็กหนุ่มคนนั้นได้ยินว่าคู่หมั้นของเขาเป็นถึงดาวมหาลัย เขาก็คงดีใจจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อมองดูแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ดูเป็นแบบที่เธอคิดไว้เลยแม้แต่น้อย

หลินชื่อฉิงได้เตรียมคำพูดมามากมายสำหรับการพบเจอในวันนี้ เพราะเธอต้องการใช้เวลาทั้งวันในการสร้างภาพลักษณ์ของพี่สาวลงไปในจิตใจเย่เฟิง เพื่อให้เด็กหนุ่มคนนี้ล้มเลิกความคิดที่จะแต่งงานกับเธอ

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่เตรียมมาเหล่านั้นจะไม่จำเป็นอีกแล้ว

นิสัยของเย่เฟิงนั้นดูเป็นผู้ใหญ่มาก แม้แต่ตอนที่มองเห็นเธอครั้งแรก เขาก็มองมาแบบไม่ได้สนใจอะไรมากนักราวกับเห็นเพื่อนเก่าทั่วๆไป การกระทำของเย่เฟิงนี้ทำให้หลินชื่อฉิงลอบชมเชยชายหนุ่มอยู่ในใจ

ไม่ใช่แค่เฉพาะนักเรียนมันธยมปลาย แม้แต่คนหนุ่มมากมายที่หลินชื่อฉิงเคยพบมาในสังคมชั้นสูง พวกเขาเหล่านั้นก็ยากที่จะข่มใจให้สงบได้เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเธอ

อย่างไรก็ตาม หลินชื่อฉิงไม่ได้รู้สักนิดเลยว่าตอนนี้ ใจของเย่เฟิงนั้นขบคิดอยู่แต่เรื่องที่จะทำอย่างไรถึงจะสามารถแอบถามเรื่องของไซ่เชาจากปากของหญิงสาวได้โดยไม่ให้เธอสงสัย…..

“อะแฮ่ม โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกว่าในเมื่อตอนนี้เป็นยุคสมัยใหม่ เราควรมีสิทธิในเรื่องความรักอย่างอิสระโดยไม่ยึดติดกับเรื่องการหมั้นหมาย”

เย่เฟิงพูดราวกับหวังอะไรบางอย่างจากหญิงสาว เวลานี้ เขาพยายามสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับเธอโดยการใช้คำพูดที่ฝ่ายตรงข้ามจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน

“เยี่ยมเลย เรานี่หัวแข็งใช่ย่อยเหมือนกันนะ”

เป็นไปตามคาด เย่เฟิงสามารถสร้างความประทับใจในสายตาของหลินชื่อฉิงได้แล้ว เธอยิ้มอย่างแจ่มใสก่อนจะพูดว่า “น้องเย่กินข้าวเช้ามารึยัง?”

“ยังครับ”

เย่เฟิงตอบออกไปตามตรง ปกติแล้ว เขามักไปกินข้าวเช้าที่โรงเรียนโดยซื้อของกินจากโรงอาหาร แต่วันนี้เขายังไม่ได้เข้าไปในโรงเรียน ดังนั้นตอนนี้ชายหนุ่มจึงยังไม่ได้กินอะไรเลย

“งั้นเดี๋ยวไปกินอะไรกับพี่สาวนะ”

หลินชื่อฉิงพูดเสียงใส “ใกล้กับมหาลัยเหยียนจิงมีร้านกาแฟสวยๆอยู่ร้านนึงด้วยแหละ ร้านนั้นเป็นของเพื่อนพี่เอง.

“เอางั้นก็ได้ครับ”

เย่เฟิงพยักหน้าและรู้สึกช่วยไม่ได้อยู่ในใจ เธอคนนี้พูดแต่คำว่า‘พี่สาว’ซ้ำไปซ้ำมา สงสัยมันคงทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยละมั้ง

ระยะทางระหว่างโรงเรียนเหยียนจิงกับมหาลัยเหยียนจิงไม่ไกลกันมากนัก ไม่นาน รถแลมโบกินี่สีแดงก็มาหยุดอยู่ตรงถนนใกล้ๆกับมหาลัยเหยียนจิง ซึ่งมีร้านกาแฟที่หญิงสาวพูดไว้อยู่ไม่ไกลจากที่นี่

หลินชื่อฉิงก้าวลงจากรถและปิดประตูพร้อมกับสางผมเบาๆด้วยนิ้วซึ่งทำให้เธอดูงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ การกระทำของหญิงสาวทำให้เย่เฟิงใจสั่นจนอดไม่ได้ที่จะมองอยู่หลายครั้ง ก่อนจะหันไปมองทางอื่น

ถึงแม้ความงดงามของหญิงสาวคนนี้จะกระตุ้นนิสัยความเป็นผู้ชายของเขา แต่เย่เฟิงก็พยายามไม่เหลือบมองเธออีก ไม่อย่างนั้นมันต้องกลายเป็นปัญหาของเขาแน่นอน เพราะชายหนุ่มอุตสาห์สร้างภาพลักษณ์เด็กหนุ่มที่ใสซื่อลงไปในใจของหลินชื่อฉิงได้แล้ว หากเขายังจ้องมองเธอแบบนั้น ภาพลักษณ์ที่อุตสาห์สร้างมาคงถูกทำลายไปในทันที

“ไปกันเถอะ”

ทันใดนั้น กลิ่นหอมหวานอันบริสุทธิ์ก็ลอยมาแตะจมูกเย่เฟิง หลินชื่อฉิงได้เดินมาอยู่ข้างๆก่อนจะเอาแขนมาคล้องคอเขาพร้อมกับยิ้ม ซึ่งหญิงสาวกำลังนำทางไปยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อพิจารณาจากความสูงของทั้งคู่แล้ว หลินชื่อฉิงเตี้ยกว่าเย่เฟิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงเอาแขนมาคล้องคอเขาได้อย่างสบายๆ ซึ่งภาพนี้ ทำให้พวกเขาทั้งคู่ดูไม่ต่างอะไรจากพี่สาวน้องชาย และไม่เหมือนคู่รักแม้แต่น้อย

การแต่งตัวของเย่เฟิงนั้นดูลวกๆตั้งแต่หัวจรดเท้าซึ่งเหมือนกับเด็กผู้ชายทั่วไป ขณะที่อีกด้านหนึ่ง การแต่งตัวของหลินชื่อฉิงให้ความรู้สึกถึงการเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก และทุกๆการกระทำของเธอยังเต็มไปด้วยความน่าดึงดูด ซึ่งมันทำให้พวกเขาทั้งคู่ดูต่างกันมาก

ที่ริมถนน เหล่านักศึกษามหาลัยเหยียนจิงและคนเดินเท้ามากมายมองมาที่พวกเขาทั้งคู่อย่างไม่กระพริบตา ก่อนที่บางคนจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปจากระยะไกล

ในฐานะที่เป็นสาวสวยอันดับหนึ่งของมหาลัยเหยียนจิง หลินชื่อฉิงมีชื่อเสียงและความนิยมสูงมากจนไม่ต่างอะไรจากดาราดัง เพราะฉะนั้น ภาพที่หญิงสาวเอาแขนคล้องคอเด็กนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งจึงเป็นที่ฮือฮาอยากมากในสายตาของคนระแวกนั้น และไม่นาน ข่าวนี้ก็ถูกโพสลงในเว็บบอร์ดมหาลัยและกระจ่ายออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ทุกๆคนล้วนสงสัยไปในทางเดียวกันว่า เด็กหนุ่มคนนี้คือคู่หมั้นของคุณหนูตระกูลหลินงั้นหรือ?

อย่างไรก็ตาม หลินชื่อฉิงไม่ได้กลัวความเข้าใจผิด เพราะเธอได้วางแผนรับมือกับเรื่องพวกนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว

ขณะที่สถานการณ์ของเย่เฟิงในตอนนี้ การที่เขาได้ใกล้ชิดกับหลินชื่อฉิง โดยเฉพาะยามที่หน้าอกอันอวบอิ่มของเธอสัมผัสกับแขนของเขา มันไม่ต่างอะไรกับการราดน้ำมันใส่กองไฟในจิตใจของชายหนุ่ม รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆรอบๆตัวหญิงสาวที่ทำให้ใจเขาเต้นรัวจนแทบจะทนไม่ไหว

‘บ้าชิบ แบบนี้เราไม่ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆหรือไง? ก่อนหน้านี้เราก็เคยอยู่ด้วยกันกับอาจารย์คนสวยทุกวัน แต่มันไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย’

เย่เฟิงตำหนิตัวเองราวกับเขาพยายามที่จะรักษาความมั่นคงในจิตใจเอาไว้ให้ได้

“มาเถอะ”

หลินชื่อฉิงยิ้มหวานก่อนจะนำทางเขาไป และไม่นาน พวกเขาทั้งคู่ก็มาถึงทางเข้าร้านกาแฟเล็กๆที่ชื่อว่า “ร้านกาแฟชี่ชี่”

เวลานี้ มีนักศึกษาหลานคนเดินออกมาจากร้าน และทันใดนั้น พวกเขาก็มองเห็นหลินชื่อฉิงที่เอาแขนคล้องคอเย่เฟิงไว้อยู่

“อ้าว บังเอิญจังเลย พี่หลินมากินข้าวเช้าที่นี่กับเพื่อนหรอครับ?”

เมื่อชายหนุ่มรูปหล่อคนที่เดินนำมามองเห็นเย่เฟิงและหลินชื่อฉิงที่มีท่าทางใกล้ชิดกัน เขาก็พลันอึ้งไปพักใหญ่ ซึ่งหากได้มองดูชายหนุ่มคนนี้ใกล้ๆ เขาดูเกือบคล้ายพวกดาราดัง

“ใช่แล้ว นี่คือเย่เฟิง เป็นญาติของพี่เอง เดี๋ยวเขาก็จะมาเรียนต่อที่มหาลัยนี่แล้ว พี่เลยพาเขามาเดินเที่ยวจะได้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมน่ะ”

หลินชื่อฉิงตอบกลับไปอย่างสุภาพพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า จากนั้นเธอจึงถามกลับไป “น้องจ้าว เชาหงไม่อยู่กับเราหรอ?”

“ไม่ครับ พี่ไซ่ไปซ้อมบอลตอนเช้า”

ชายหนุ่มคนนั้นที่ถูกเรียกว่า“น้องจ้าว” มองมาที่เย่เฟิงด้วยท่าทีสงสัย ก่อนจะเดินออกมาจากร้านพร้อมกับเพื่อนของเขา

“งั้นไว้ค่อยเจอกันนะ”

หลินชื่อฉิงโบกมือให้ชายหนุ่มพวกนั้นพร้อมกับยิ้ม ก่อนจะนำเย่เฟิงเข้าไปในร้าน

“พี่จ้าว นี่เรื่องใหญ่แล้ว เย่เฟิงคนนั้นไม่ใช่คู่หมั้นของคุณหนูหลินที่เคยได้ยินก่อนหน้านี้หรอ?”

ชายหนุ่มคนหนึ่งมองพวกเย่เฟิงอยากแปลกใจ ก่อนจะกระซิบบอก

“พี่หลินตัดสินใจเองได้อยู่แล้ว เราจะต้องกังวลไปทำไม? ไม่ต้องคิดมากหรอก ไว้ฉันจะบอกเรื่องนี้กับพี่ไซ่ที่หลัง”

ชายหนุ่มที่ชื่อจ้าวโบกมือก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือและส่งข้อความออกไป หลังจากนั้นเขาค่อยหันมาพูดกับเพื่อนของเขาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กหน้าจืดเย่เฟิงนั่นหรอจะคู่ควรกับพี่หลิน หัวใจของพี่หลินถูกพี่ใหญ่ไซ่กุมไว้แล้ว พวกนายจะกังวลกันไปทำไม?”

เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ยิ้มอย่างโล่งใจ ใช่แล้ว เจ้าเด็กหน้าจืดตัวเล็กๆนั่นจะไปคู่ควรกับดาวมหาลัยได้อย่างไร?

……

เย่เฟิงได้เดินตามหลินชื่อฉิงเข้ามาในร้าน แต่สีหน้าของเขานั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว

พี่ใหญ่ไซ่เชาหง

ไซ่เชาหง

ไซ่เชา?

ชื่อของ ‘ไซ่เชาหง’ ที่เขาได้ยินนั่น…….หรือว่าจะเป็นคนๆเดียวกันกับไซ่เชาที่เป็นหัวหน้าขององค์กรลึกลับกัน?

……………………….

แปลโดยทีมงาน GSI

Solar Spark: เอาหน่าพี่เย่ ความหื่นเป็นธรรมชาติของผู้ชาย 55+