บทที่ 103 คนรักของหลินชื่อฉิง

ร้านกาแฟนี้ประดับตกแต่งด้วยสิ่งของต่างๆอย่างสวยงาม สภาพแวดล้อมภายในร้านดูงดงามและเงียบสงบมาก พื้นหลังโทนสีขาวทำให้ทั่วทั้งร้านดูสดใหม่และน่ารื่นรมณ์

ณ ที่นั่งริมหน้าต่าง เย่เฟิงและหลินชื่อฉิงได้นั่งอยู่ตรงข้ามกัน สายตาของชายหนุ่มถูกดึงดูดด้วยเสื้อยืดคอวีของหญิงสาวที่เผยให้เห็นร่องลึกที่ขาวเนียน แต่ด้วยอาการเคอะเขินทำให้เขารีบหันหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

หลินชื่อฉิงไม่ได้สนใจอะไร ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มบางๆขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ หญิงสาวหยิบเมนูที่โต๊ะมาดูแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงใส “น้องเย่จะกินอะไรดีจ๊ะ?”

“อะไรก็ได้ครับ”

เย่เฟิงไม่คุ้นเคยกับร้านกาแฟแบบนี้เท่าไหร่ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่ค่อยจู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร เวลานี้ ความคิดของชายหนุ่มล้วนจดจ่อกับเรื่องของไซ่เชาหง เขาสงสัยว่าชายคนนั้นจะมีความสัมพันธ์อะไรกับไซ่เชาจากองค์กรลึกลับหรือไม่?

“กำลังคิดอะไรหรอ?”

เมื่อหลินชื่อฉิงเห็นเย่เฟิงที่เป็นแบบนั้น เธอจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย ริมฝีปากสีดอกกุหลาบของหญิงสาวโค้งขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของเธอดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

“ผมกำลังคิดถึงเรื่องไซ่เชาหง เขาเป็นใครงั้นหรอ?”

ชายหนุ่มยิ้มและถามออกไปตรงๆ

เมื่อหลินชื่อฉิงได้ยินดังนั้น เธอก็แสดงรอยยิ้มที่คาดไม่ถึงออกมา แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงใสดังมาจากด้านหลังของเย่เฟิง “อ้าว นายไม่รู้จักแม้กระทั่งไซ่เชาหงหรอกหรอ แล้วนายจะเหมาะสมในฐานะคู่หมั้นของหลินชื่อฉิงได้ไงเนี่ย?”

เย่เฟิงหันหลังกลับไปเห็นสาวสวยคนหนึ่งเดินออกมาจากในครัว หญิงสาวคนนั้นเดินมาถึงโต๊ะของทั้งคู่อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงยิ้มหวานด้วยความอยากรู้และมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ

“นี่เสี่ยวฉี อย่าทำให้น้องเย่กลัวสิ”

เมื่อเห็นดังนั้น หลินชื่อฉิงยิ้มก่อนจะพูดว่า “น้องเย่ เธอชื่อว่าเสี่ยวฉีเป็นเจ้าของร้านนี้เอง แล้วก็เสี่ยวฉี นี่คือเย่เฟิง เขากำลังจะสอบเข้ามหาลัยเหยียนจิง เพราะงั้น ฉันเลยพาเขามาที่นี่ให้คุ้นชินกับบรรยากาศน่ะ”

คำว่า ‘น้องเย่’ทำให้เสี่ยวฉีเข้าใจความคิดของหลินชื่อฉิงได้อย่างรวดเร็ว ชัดเจนว่าหลินชื่อฉิงไม่อยากพูดคุยถึงเรื่องการหมั้นหมายกับเย่เฟิง เธอถึงเรียกเขาว่าน้องเย่ตลอดเวลา

เสี่ยวฉีอยู่ในตระกูลเล็กๆของเมืองเหยียนจิง ตามปกติแล้ว ตระกูลของเธอไม่อาจเทียบได้เลยกับตระกูลหลินซึ่งเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเหยียนจิง ถึงอย่างนั้น นี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคระหว่างหลินชื่อฉิงและเสี่ยวฉีในการเป็นเพื่อนสนิทที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ดังนั้น พวกเธอจึงเข้าใจความคิดของกันและกันได้อย่างรวดเร็ว

ร้านกาแฟฉีฉีแห่งนี้ เสี่ยวฉีพูดคุยกับครอบครัวของเธอเพื่อขอนำเงินมาลงทุนเปิดร้าน และถึงแม้ว่าตระกูลเสี่ยวจะเป็นตระกูลเล็กๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองเช่นกัน

“อ่า เรื่องเมื่อกี้นี้”

เสี่ยวฉีในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวและกางเกงขาเดฟนั่งลงข้างๆเย่เฟิง ขณะที่ผมหางม้าของเธอคลออยู่รอบๆลำคอ หญิงสาวยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “น้องเย่ ไซ่เชาหงคือที่รักของชื่อฉิงของพวกเราไงล่ะ”

“เธออยากตายรึไงยะ?”

หลินชื่อฉิงพูดอย่างขบขัน “มันยังเร็วเกินไปย่ะ”

“อ่อหรอ? งั้นฉันขออนุญาติพูดคุยเรื่องนี้ได้มั้ยจ๊ะ?”

เสี่ยวฉิงพูดขณะยืดอกเล็กๆของเธอขึ้น แต่น่าเสียดาย ขนาดของหญิงสาวยังเทียบกับขนาดของหลินชื่อฉิงไม่ได้แม้แต่น้อย

“สวัสดีครับพี่เสี่ยวฉี พูดต่อได้เลย ผมค่อนข้างสนใจเรื่องนี้นิดหน่อย”

เย่เฟิงยิ้ม

เสี่ยวฉีมองมาที่เย่เฟิงพร้อมกับคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ยังเด็กจริงๆ คงไม่ใช่ว่าเขาหึงหรอกนะ?

ราวกับเข้าใจความคิดของหญิงสาว เย่เฟิงจึงรู้สึกขบขันในใจเล็กน้อย

หากไซ่เชาหงเป็นคนๆเดียวกันกับไซ่เชาจากองค์กรลึกลับจริงๆ แล้วภายใต้เปลือกตาของตระกูลหลิน เขาสามารถทำเรื่องต่างๆอย่างง่ายดายภายในหนึ่งปี ยิ่งกว่านั้น ตระกูลหลินยังไม่แม้แต่จะรู้ว่าคุณหนูหลินสนใจในตัวชายคนนี้ เช่นนั้นก็บอกได้ว่า ไม่ตระกูลหลินโง่เง่าเกินไปก็ไซ่เชาหงฉลาดเกินไป เพราะเขาสามารถเก็บงำเรื่องธุรกิจสกปรกที่ทำอยู่เป็นความลับได้อย่างสมบูรณ์

หากจะบอกว่าตระกูลหลินมีความสัมพันธ์กับองค์กรลึกลับในเชิงหุ้นส่วนก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะตระกูลหลินคงไม่ลากตัวเองมายุ่งกับโลกอาชญากรรมของเมืองเหยียนจิง

เย่เฟิงไม่รู้อีกด้วยว่าหากไซ่เชาหงเป็นชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟคขนาดไหนถึงทำให้สาวสวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเหยียนจิงอย่างหลินชื่อฉิงหลงไหลเขาได้

เมื่อเสี่ยวฉีเห็นว่าหลินชื่อฉิงไม่ได้คัดค้านอะไร เธอจึงเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าหลินชื่อฉิงอาจต้องการใช้โอกาสนี้ทำให้เย่เฟิงเสียงความมั่นใจ ดังนั้น หญิงสาวจึงยิ้มก่อนจะเล่าว่า “ไซ่เชาเป็นนักกีฬาบาสมือหนึ่งของมหาลัยเราและเขายังหล่อเหล่ามากเลยล่ะ ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นคนจีน แต่ตัวเขาเองมีสัญชาติอเมริกา ตอนนี้เขาเป็นประธานของบอร์ดบริหารบริษัทเผ่ยเขิง และเรียนอยู่มหาลัยนี้ปีสองเหมือนกับชื่อฉิง เขายังเป็นเดือนมหาลัยด้วยล่ะ~”

เย่เฟิงฟังสิ่งที่หญิงสาวเล่าอย่างสนอกสนใจ แล้ว….ชายคนนั้นมีสัญชาติอื่นงั้นหรอ?

สำหรับบริษัทเผ่ยเขิง เย่เฟิงเคยได้ยินมาเช่นกัน บริษัทนี้เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเรื่องเทคโนโลยีในอเมริกา สมัยนี้ อุปกรณ์ทางการทหารและอุปกรณ์สื่อสารส่วนใหญ่ล้วนถูกพัฒนาขึ้นมาจากบริษัทนี้ แน่นอน ลิขสิทธิ์ต่างๆล้วนอยู่ในมือของอเมริกา….

“ก็แค่สัญชาติของเขาน่ะ”

เสี่ยวฉีขยิบตาให้เย่เฟิงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ความจริง พ่อแม่ของเขาเป็นคนจีน”

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ”

หลินชื่อฉิงพูดเบาๆ “ถ้าเขาไม่ย้ายสัญชาติ ฉันก็คงยอมรับเขาไม่ได้”

สายตาของหญิงสาวปรากฏร่องรอยแห่งความเสียดาย ราวกับว่าเธอพยายามแสดงให้เห็นว่าเธอสนใจในตัวไซ่เชาหงแล้ว ซึ่งตอนนี้ติดแค่เรื่องสัญชาติของเขาเพียงอย่างเดียว

อาจบอกได้ว่าหลินชื่อฉิงเป็นตัวแทนทางการเมืองของประเทศจีน หากเธอมีความรักกับชายหนุ่มสัญชาติอเมริกาแล้ว มันอาจเกิดผลร้ายแรงตามมา ซึ่งเธอต้องคิดถึงจุดนี้แน่นอน

ไม่นานนัก อาหารที่หลินชื่อฉิงสั่งซึ่งประกอบด้วย แซนวิชสองชิ้น พาย และนม ก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะของพวกเขา

ขณะกินอาหารเช้า เย่เฟิงยังคงถามเรื่องของไซ่เชาหงเรื่อยๆทั้งเรื่องของนิสัย งานอดิเรก และอื่นๆ แต่น่าเสียดายที่สุดท้าย เขาก็ไม่อาจสรุปได้ว่าไซ่เชาหงมีความเชื่อมโยงกับไซ่เชาจากองค์กรลึกลับหรือไม่

ชายหนุ่มแทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับไซ่เชา ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะสรุปข้อมูลที่ถูกต้องออกมาได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ตัดสินใจจะเริ่มสืบค้นทุกอย่างจากชายที่ชื่อว่าไซ่เชาหง

เมื่อเห็นเย่เฟิงถามเรื่องเกี่ยวกับไซ่เชาหงอย่างไม่รู้จบ หญิงสาวทั้งสองจึงมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ ชัดเจนว่าพวกเธอเข้าใจว่าเย่เฟิงพยายามจะเอาชนะไซ่เชาหง จึงพยายามถามเรื่องราวของเขา

ช่างน่าสงสาร ในสายตาของเสี่ยวฉี สภาพของเย่เฟิงในตอนนี้ไม่อาจเทียบกับไซ่เชาหงได้เลย ขณะที่อีกด้าน หลินชื่อฉิงคิดว่าเธอล้มเหลวในการสร้างภาพลักษณ์ความเป็นพี่สาวลงในใจของเย่เฟิง ดังนั้น เธอจึงตั้งใจจะพยายามมากขึ้น และเธอจะทำให้เย่เฟิงรู้ว่าความรักในเชิงหนุ่มสาวระหว่างพวกเขาทั้งคู่มันเป็นไปไม่ได้

แม้เย่เฟิงจะพอเข้าใจว่าหญิงสาวทั้งสองกำลังคิดกับเขายังไง ถึงอย่างนั้นเย่เฟิงก็ไม่ได้อธิบายแก้ตัว เพราะความเข้าใจผิดนี้ทำให้เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าหญิงสาวทั้งคู่ไม่ได้สงสัยในจุดประสงค์แท้จริงที่เขาถามเรื่องของไซ่เชาหง

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับไซ่เชาหงที่เย่เฟิงได้มานั้น อาจสรุปแบบหยาบๆได้ว่า ชายคนนั้นเป็นนักกีฬาบาสอันยอดเยี่ยมของมหาลัยเหยียนจิง อัจริยะทางด้านดนตรี มีความสามารถทางธุรกิจ เป็นรองประธานสโมสรนักศึกษา มีร้านกาแฟ และมักทำการกุศลอยู่บ่อยๆ…….

ซึ่งข้อมูลแต่ละอย่างของไซ่เชาหงแสดงถึงความเป็นบุคคลที่แสนจะเพอร์เฟคอย่างน่าเหลือเชื่อ

“พี่หลินพาผมไปเจอเขาหน่อยได้ไหม?”

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เย่เฟิงได้เอ่ยถามขึ้นขณะที่บรรยากาศเงียบสงบ

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง หลินชื่อฉิงและเสี่ยวฉีพลันรู้สึกตกใจขึ้นมาในทันใด ทำไมเย่เฟิงถึงอยากไปเจอไซ่เชาหงล่ะ?

หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้อยากไปท้าทายไซ่เชาหงโดยตรงงั้นหรอ?

หลินชื่อฉิงคิดแบบนั้น เพราะอย่างไรก็ตาม เธอไม่ต้องการเห็นตระกูลเย่ ตระกูลหลิน และไซ่เชาหงต้องเกิดการเผชิญหน้ากัน หญิงสาวอยากจะแก้ปัญหานี้ด้วยความสันติ

เมื่อเย่เฟิงเห็นหลินชื่อฉิงกำลังขบคิด เขาก็ยิ้มก่อนจะเอ่ยเพิ่มเติมว่า “ผมแค่อยากไปเห็นหน้าพี่เขยในอนาคตน่ะครับ แบบนี้คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

หากชายหนุ่มพูดออกมาแบบนี้ หลินชื่อฉิงก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นหญิงสาวจึงยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “ได้แน่นอนไม่มีปัญหา แต่ถึงยังไงมันก็เร็วไปที่จะพูดแบบนั้นนะ พี่กับเขาพึ่งสนิทกันได้ไม่นานเอง”

เมื่อสังเกตเห็นท่าทีที่นิ่งสงบของเย่เฟิง หลินชื่อฉิงก็รู้สึกชื่นชมเขาอยู่ในใจนิดหน่อย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอยอมรับเรื่องการหมั้นหมายกับเขา หากเธอนำเย่เฟิงไปพบกับไซ่เชาหง หลินชื่อฉิงคิดว่ามันอาจจะทำให้เย่เฟิงได้รู้ถึงความต่างระหว่างเขาและไซ่เชาหง และทำให้เย่เฟิงล้มเลิกความตั้งใจที่จะเอาชนะใจเธอ

ได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็ยืนขึ้นและรอยยิ้มอันคลุมเครือก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา

สำหรับเย่เฟิงแล้ว การหมั้นหมายและเรื่องของหลินชื่อฉิงไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจแม้แต่น้อย สำหรับตอนนี้ ชายหนุ่มสนใจเพียงแค่ต้องการไปเห็นไซ่เชาหง ซึ่งเขาอาจจะได้พบเบาะแสบางอย่าง และอาจมีโอกาสได้ใช้ทักษะสะกดจิตใส่ชายคนนั้น หากเขาพบว่าไซ่เชาหงคือไซ่เชาจากองค์กรลึกลับแล้วละก็ เขาจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะฆ่ามันด้วยมือคู่นี้!

……………………….

แปลโดยทีมงาน GSI

Solar Spark : ฆ่ามานนนนนน!!!