บทที่ 101 สาวสวยปานนางฟ้า

เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงประตูโรงเรียน พวกเขามองเห็นร่างบางอันสง่างามร่างหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น ซึ่งเป็นที่ดึงดูดสายตานักเรียนและผู้ปกครองในละแวกนั้นมากมาย

ปริมาณผู้คนอันมหาศาลทำให้พวกเขายากที่จะมองเห็นหญิงสาวคนนั้นได้ชัดเจน ซึ่งได้เห็นเพียงแค่ผู้คนที่ยืนล้อมเธออยู่ ผู้คนเหล่านั้นพยายามจะยื้อแย่งกันเข้าไปยลโฉมความงดงามของหญิงสาว และนอกจากนั้น เหล่าผู้ปกครองยังรู้ได้ทันทีว่าเธอคนนี้คือคุณหนูตระกูลหลิน ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามจะทำความรู้จักกับเธอเช่นกัน

“เย่เฟิง!”

ทันใดนั้น น้ำเสียงหวานใสอันน่ารื่นรมณ์ก็ดังมาจากหน้าประตูโรงเรียน และหลังจากเสียงนั่นไม่นาน เหล่าฝูงชนที่ยืนอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสามกับประตูโรงเรียนก็ค่อยๆแวกทางออกไป

เมื่อเย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมองไปยังหญิงสาว ทันใดนั้นก็ เขาก็อึ้งไปกับความงดงามของเธอทันที

ชายหนุ่มมองเห็นร่างบางอันงดงามพร้อมด้วยรอยยิ้มอันแจ่มใสที่หากใครได้เห็นก็ย่อมรู้สึกดีกับหญิงสาวคนนี้ เธอกำลังเดินอย่างช้าๆมาทางเขา ใบหน้าอันงดงามที่โดดเด่นและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้หลงไหล ทำให้โลกใบนี้กลายเป็นสวยงามขึ้นมาในทันตา

ผู้หญิงอะไรจะงดงามได้ถึงขนาดนี้ นี่มันเจ้าหญิงในนิยายชัดๆ!

หลังจากได้เห็นความงดงามและใบหน้าที่ขาวเนียนอันบริสุทธิ์ของหญิงสาว ก็ย่อมไม่มีใครคนใดจะลืมภาพของเธอไปจากใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตาคู่สวยที่กระจ่ายใสและเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ของเธอคนนี้

ด้วยผมสีดำยาวสยายที่ไหลลงมาจนถึงไหล ดูตัดกับซอกคอสีขาวราวกับหิมะของเธอ ซึ่งทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมองดูหญิงสาวหลายต่อหลายครั้ง

โดยเฉพาะเสื้อยืดคอวีที่เผยให้เห็นร่องลึกของหน้าอกอันน่าอัศจรรย์ใจทั้งสองข้าง และหน้าอกอันเหลือล้นคู่นั้นที่ตั้งตรงและแนบไปกับเสื้อยืดสีขาว ทำให้ผู้ชายหลายคนต้องคอแห้งผากไปตามๆกัน

หญิงสาวคนนี้สวมประโปรงสั้นสีดำที่รัดอยู่รอบๆเอวขอดกิ่วของเธอ ซึ่งทำให้รูปร่างของสาวสวยคนนี้มองเห็นส่วนเว้าโค้งได้อย่างชัดเจน ส่วนขาที่เรียวยาวทั้งสองข้างของหญิงสาว สวมถุงนองสีเนื้อเอาไว้ซึ่งช่วยขับแน่นเสน่ห์ของเธอให้มากยิ่งขึ้น หลินชื่อฉิงสวมรองเท้าส้นสูงที่เผยให้เห็นข้อเท้าที่เรียวบางที่เนียนและไร้ตำหนิ และที่นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่ทำให้หญิงสาวงดงามไม่ต่างอะไรกับนางฟ้าคือรอยยิ้มหวานของเธอที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าตลอดเวลา สิ่งนี้ทำให้จิตใจที่หนักแน่นดังหินผาของชายหนุ่มทั้งหลายต้องถูกทำลายไปตามๆกัน

“เฮ้ย เธอมองมาทางฉันด้วยว่ะ ฮ่า ฮ่า!”

“ฝันกลางวันแล้วเพื่อนเอ้ย เธอยิ้มให้ฉันต่างหาก!”

นักเรียนชายสองคนต่างเถียงกันไปมา แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีใครสนใจพวกเขา เพราะตอนนี้ ความสนใจทั้งหมดของทุกคนตกไปอยู่ที่จุดๆเดียว คือสาวสวยปานนางฟ้าคนนั้นกำลังเดินเข้าไปหานักเรียนชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเย่เฟิง

ถึงแม้ว่าเย่เฟิงจะมีชื่อเสียงนิดหน่อยในแวดวงนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายเหยียน แต่ผู้ปกครองของนักเรียนหลายคนยังไม่รู้จักเขา พวกเขาล้วนมองดูอย่างใจจดใจจ่อเพราะอยากรู้ว่าสาวสวยคนนี้จะทำอะไรกับนักเรียนที่ดูธรรมดาคนนั้น พวกเขารู้จักกันงั้นหรือ?

“ชิ มองตาค้างเลยนะ”

เมื่อเห็นเย่เฟิงจ้องมองหลินชื่อฉิงด้วยสีหน้าที่ดูว่างเปล่า ซูเหมิงหานก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแขนเขาทีนึง

“อ่อ ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่แปลกใจนิดหน่อยที่เธอคนนั้นดูต่างจากที่ฉันเคยคิดไว้……”

เย่เฟิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดว่าความสวยของหลินชื่อควรจะอยู่ในระดับเดียวกับซูเฟยหยิ่งอาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นความสวยที่ดูสง่างามและดูสูงส่ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้น

“หืมมม งั้นนายก็คุยกับเธอไปเถอะ ฉันจะเข้าไปในโรงเรียนแล้ว”

ซูเหมิงหานเค้นเสียงเบาๆก่อนจะหยิกแขนเขาอีกทีนึง ความจริงแล้วซูเหมิงหานเป็นเด็กสาวที่รู้กาลเทศะ เธอจึงเลือกจะปลีกตัวออกไปก่อน และเดิมทีเย่เฟิงคิดว่าสาวน้อยคนนี้จะน้อยใจและทำสิ่งที่ไร้เหตุผลออกมา แต่เมื่อเห็นเธอปล่อยให้พวกเขาได้คุยกันตามสะดวก เย่เฟิงจึงค่อยรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย

“ผึ้งน้อย เฮ้อ ทำให้ดีที่สุดล่ะ”

อู๋บีถอนหายใจและพูดออกมาขณะที่ตบไหลเย่เฟิงเบาๆ

อู๋บีเก็บซ่อนความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต่อเย่เฟิงไว้ในใจเสมอมา โดยเฉพาะเรื่องที่ชายหนุ่มมีคุณหนูตระกูลหลินเป็นคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่เขายังสามารถเอาชนะใจดาวโรงเรียนซูเหมิงหานได้อีก ให้ตายเถอะ! หมอนี่มันน่าอิจฉาเกินไปแล้ว!

เห็นปฏิกิริยาแบบนั้นของอู๋บี เย่เฟิงก็เพียงแค่ยิ้ม

เมื่ออู๋บีได้ปลีกตัวออกมาแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียน ความสนใจของสาวสวยคนนี้จึงตกอยู่ที่เย่เฟิง เธอยิ้มและยื่นมือที่ขาวเนียนออกมา “ฉันหลินชื่อฉิงนะ”

“ผมเย่เฟิง”

ชายหนุ่มยื่นมือออกมาจับมือหญิงสาวเพื่อทักทาย แต่เมื่อเขาได้สัมผัสกับมืออันเนียนนุ่มของเธอ เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่าทำไมถึงนุ่มขนาดนี้ มือของผู้หญิงคนนี้ไม่มีกระดูกเลยหรือไงกัน!

เหล่านักเรียนและผู้ปกครองต่างมองเย่เฟิงจากอีกด้านหนึ่งด้วยความอิจฉา นักเรียนชายคนนั้นได้จับมือกับสาวสวยระดับนี้ด้วย นั่นมันต้องรู้สึกวิเศษมากแน่ๆ ผู้คนทั้งหมดล้วนจ้องมองเย่เฟิงอย่างใจจดใจจ่อและแทบจะอยากเข้าไปยืนแทนที่เด็กหนุ่มคนนั้น หากพวกเขาได้จับมือสาวสวยคนนี้ล่ะก็ พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยมือเธอเด็ดขาด!

น่าเสียดายที่เย่เฟิงไม่ได้คิดเหมือนคนเหล่านั้น ชายหนุ่มเพียงแค่จับมือหญิงสาวอย่างสุภาพชั่วครู่ ก่อนจะถอนมือออกมาซึ่งทำให้ผู้คนที่ดูอยู่ล้วนแปลกใจไปตามๆกัน

เด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้เด็กเกินไป เขาไม่คิดที่จะเอาเปรียบสาวสวยสักเล็กน้อยบางหรือไง ผู้คนมากมายต่างคิดว่าเย่เฟิงต้องแต่งตัวมาวันนี้อย่างดีที่สุดเพื่อสร้างความประทับใจ ถึงอย่างนั้น ก็มีเหล่านักเรียนมากมายที่รู้ข่าวว่าคู่หมั้นของเย่เฟิงคือคุณหนูตระกูลหลิน ดังนั้น พวกเขาจึงคิดว่าในเมื่อทั้งคู่เป็นคู่หมั้นกัน แค่การจับมือมันจะไปสำคัญอะไร?

ทุกๆคนต่างไม่รู้ว่าที่เย่เฟิงไม่คิดจะทำอะไรกับหลินชื่อฉิง หรือไม่พยายามสร้างความประทับใจต่อหญิงสาว นั้นเป็นเพราะว่าวันนี้ เขามีทั้งหลงหวางเอ๋อ และซูเหมิงหานแล้ว ซึ่งสาวสวยทั้งสองคนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าสาวสวยอันดับหนึ่งอย่างหลินชื่อฉิงเลยแม้แต่น้อย

ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าหลินชื่อฉิงคนนี้ดูแล้วช่างน่าดึงดูดจริงๆ จากรูปลักษณ์อันยอดเยี่ยมและการแสดงออกที่ดูสุภาพอ่อนโยนของเธอ มันไม่น่าแปลกใจเลยที่หญิงสาวคนนี้จะถูกเรียกว่าสาวสวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเหยียนจิง

หลินชื่อฉิงตอนนี้มีอายุ 21 ปี และกำลังเรียนอยู่มหาลัยปีสอง ซึ่งด้วยความสวยปานนางฟ้าและใบหน้าที่ละเอียดอ่อน ทั้งหมดนี้มากพอที่จะทำให้ผู้ชายมากมายต้องเลือดกำเดาไหล

“ไปกันเถอะ ไหนๆนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เจอกัน เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะพาไปเที่ยวเอง”

บางที หลินชื่อฉิงคงรู้สึกว่าฝูงชนโดยรอบทำให้การพูดคุยที่นี่ทำได้ไม่สะดวก ดังนั้น หญิงสาวจึงยิ้มและขยิบตา ก่อนจะดึงข้อมือเย่เฟิงไปด้วยกัน

เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกมึนงงกับคำว่า“พี่สาว”ที่หญิงสาวพูดออกมา

ถึงอย่างนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก็เข้าใจความคิดของหลินชื่อฉิง ดูเหมือนว่าการที่หญิงสาวมาเจอเขาวันนี้ก็เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของเธอ ซึ่งนั่นคือการแสดงความชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ ดังนั้น หญิงสาวจึงทำให้ตัวเองเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์โดยการแสดงออกถึงความเป็นพี่สาวน้องชายระหว่างพวกเขาทั้งคู่ ซึ่งนี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ต้องการจะเป็นคู่หมั้นของเขาเช่นกัน

“ดูเหมือนว่าสาวสวยคนนี้จะไม่ได้มีดีแค่ความสวยจริงๆ ในอนาคต เธอต้องประสบความสำเร็จในเรื่องธุรกิจ สังคม และการเมืองได้ไม่ยากแน่ๆ”

เย่เฟิงคิดในใจ และเดินตามหญิงสาวไปโดยไม่สนใจสายตาของฝูงชนที่มองมาทางพวกเขา

หากหลินชื่อฉิงตั้งใจปฏิเสธการหมั้นหมายด้วยการอ้างสถานะพี่น้อง เป้าหมายของเธอก็คงสำเร็จได้ไม่ยาก นอกจากนั้นมันยังไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลินและตระกูลเย่ต้องแย่ลงแม้แต่น้อย ซึ่งสำหรับหญิงสาวแล้ว นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดของเธอ

หลินชื่อฉิงไม่ต้องการหมั้นหมาย แต่เธอก็เลือกใช้วิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสม

แต่ถึงอย่างนั้น เธอจะสามารเปลี่ยนใจผู้เฒ่าตระกูลหลินได้งั้นหรอ?

นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย……

“ขึ้นรถเลย”

เย่เฟิงเดินตามหลินชื่อฉิงมายังข้างถนนซึ่งมีรถแลมโบกินี่สีแดงที่เด่นเป็นสง่าจอดอยู่ หญิงสาวเปิดประตูกรรไกรของรถก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ตอนแรก พี่อยากไปรับเราที่บ้าน แต่พี่ไม่รู้ว่าน้องเย่จะออกจากบ้านกี่โมง ก็เลยมารอที่โรงเรียนดีกว่า แล้วก็จะได้ทำเรื่องขอลาวันนี้ด้วย”

ความคิดของหลินชื่อฉิงนั้นถือว่ารอบคอบ แต่น่าเสียดายที่หญิงสาวประเมิณชื่อเสียงของตัวเธอเองต่ำไปหน่อย เธอจึงถูกผู้คนรุมล้อมจนเกิดความวุ่นวายก่อนหน้านี้…..

“ทำเรื่องขอลา? คุณจะพาผมไปเดินเล่นทั้งวันเลยงั้นหรอ?”

เย่เฟิงยิ้มขณะถาม เขาก้าวเข้าไปนั่งในรถสปอร์ตสีแดงพร้อมกับรู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆของหญิงสาวที่กระจายไปทั่วทั้งคัน ซึ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

“หืม…น้องเย่ไม่ว่างหรอ?”

ดวงตาคู่สวยของหลินชื่อฉิงจ้องมองมายังชายหนุ่มขณะยิ้ม

“ไม่หรอกครับ ผมว่างอยู่แล้ว”

เย่เฟิงพยักหน้าแล้วค่อยๆพิงร่างกับเบาะที่นั่ง

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ชายหนุ่มยังคงคิดถึงเรื่องขององค์กรลึกลับในเมืองเหยียนจิง เขาไม่รู้ว่าตระกูลหลินมีข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนี้บ้างหรือไม่ ถึงอย่างไร เขาจะค่อยๆลองเลียบเคียงถามเรื่องนี้จากปากของหลินชื่อฉิงดู

จากนั้น รถแลมโบกินี่สีแดงจึงวิ่งออกจากโรงเรียนมัธยมปลายเหยียนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทิ้งกลุ่มฝูงชนที่มองมาด้วยความอิจฉาริษยาที่หน้าประตูโรงเรียนไว้เบื้องหลัง…..

……………………………….

แปลโดยทีมงาน GSI

Solar Spark: อื้อหือ ไม่ทันไรพี่เย่เราก็เจอเฟรนด์โซนซะล่ะ 5555

ปล. หวงเปยหรงกับหวงเหล่าเป็นคนๆเดียวกันนะครับ แค่มีสองชื่อผมลืมบอกไป