บทที่ 9 อาชญากรรมร้ายแรง

เมื่อกลอนประตูถูกพัง เย่เฟิงมีปฏิกิริยาทันที เขารีบมุ่งไปทางระเบียงเพื่อเตรียมจะกระโดดหนี แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีคนที่มีปฏิกิริยารวดเร็วยิ่งกว่าเขา

เย่เฟิงเห็นหญิงสาวลุกขึ้นมาจากโซฟา จากนั้นก็กระโดดเข้ามาเตะเขาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย

เย่เฟิงตื่นตัวเต็มที่ เขาควบแน่นเจินฉีไว้ที่ฝ่ามือเพื่อพร้อมรับลูกเตะของเธอ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ในช่วงเวลานั้นเอง หญิงสาวได้เบี่ยงขาเข้าเตะในอีกทิศทางหนึ่ง จากช่วงล่างขึ้นเป็นช่วงบน ลูกเตะของเธอจึงฟาดเข้ากับหน้าอกของเขา

“ปัง” เย่เฟิงกระเด็นไปติดกับผนังพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยที่หน้าอก

การบ่มเพาะระดับ 8 ปี นี่ไม่เบาเลยจริงๆ

“หึ อย่าบอกนะว่าคุณพึ่งเริ่มฝึกวรยุทธ์?”

มุมปากหญิงสาวโค้งขึ้นขณะที่ดวงตาคู่สวยส่งสายตาเยาะเย้ยมาที่เขา “บ๊าย-บาย~”

ชัดเจนว่าหญิงสาวไม่อยากให้ตำรวจสร้างปัญหาให้เธอ เย่เฟิงเห็นเธอยิ้มบางๆมายังเขา จากนั้นหญิงสาวก็กระโดดออกทางระเบียงพร้อมกับหายตัวไป

เย่เฟิงรู้สึกอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก

เคราะห์ดีที่ก่อนหน้านี้เขารีบควบแน่นเจินฉีไว้ที่หน้าอกไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้น ลูกเตะของเธอคงทำให้เขาบาดเจ็บหนักแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเขาพึ่งสามารถบ่มเพาะระดับวรยุทธ์ได้เพียงหนึ่งวัน เจินฉีของเขาไม่พอจะต้านทานลูกเตะของเธอที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 8 ปีได้ ดังนั้นเมื่อโดนลูกเตะของเธอเข้า จึงทำให้เขาอยู่สึกชา และเคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราว

กลุ่มตำรวจเรียงแถวกันเข้ามาในห้อง ซึ่งนำโดยชายชายจมูกงุ้มที่มีตาเรียวเล็กและดูดุร้าย

“ใส่กุญแจมือเขา”

ชายจมูกงุ้มมองมายังเย่เฟิงแล้วเดินไปที่ระเบียงพร้อมกับพยายามมองหาร่างของหญิงสาว แต่เธอกลับหายไปโดยไร้ร่องรอย เขาจึงเลิกสนใจอีก

ถึงอย่างไร ในเมื่อเขาจับเด็กคนนี้ที่ชื่อว่าเย่เฟิงได้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ชายจมูกงุ้มหัวเราะ ขณะกำลังคิดขอบคุณลูกเตะของหญิงสาวที่เขาให้สามารถจับตัวเย่เฟิงได้อย่างง่ายดาย

“เจ้าหนู มาโรงแรมม่านรูดทั้งที่อายุแค่นี้ ใจกล้าไม่เบาเลยนี่ ฉันที่เป็นตำรวจคงต้องขอเอาเรื่องหน่อยแล้ว”

ชายจมูกงุ้มพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งครึมพร้อมกับกวาดมือบอกตำรวจคนอื่น “พาเจ้าหนุ่มนี่ไปโรงพัก”

ในความเห็นของเขา แม้การเอาเรื่องเจ้าหนุ่มนี่จะเป็นแค่เรื่องรอง แต่มันก็ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์ และผลตอบแทนในอนาคต

ในเวลานี้ เย่เฟิงไม่สามารถขัดขืนอะไรได้จึงต้องยอมทำตามแต่โดยดี

หากเขาไม่ถูกหญิงสาวคนนั้นเตะเข้า มีหรือที่เขาจะต้องกลัวตำรวจพวกนี้? โชคไม่ดีที่ตอนนี้เขาคงต้องยอมทำตามตำรวจพวกนี้ไปก่อน เย่เฟิงจึงถูกจับกุมและนำตัวไปยังโรงพัก

……………..

ภายในห้องสอบสวนที่เล็กและแคบ พร้อมทั้งมีเพียงแสงไฟสลัวๆ ชายจมูกงุ้มเริ่มถามคำถามเย่เฟิง พร้อมกับมีตำรวจวัยกลางคนนายหนึ่งซึ่งมองมาด้วยสีหน้าเฉยเมย

“ชื่อ?”

ชายจมูกงุ้มถามขึ้น

เย่เฟิงนั่งอยู่ตรงกับข้ามกับตำรวจทั้งสองนาย ขณะครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในการหลบหนีไปจากที่แห่งนี้ แต่สุดท้ายเขาก็สรุปว่า คงเป็นไปได้ยาก เพราะแขนของเขาทั้งคู่ยังถูกล๊อคด้วยกุญแจมืออยู่ และด้วยระดับวรยุทธ์ของเขาในปัจจุบัน คงจะยากเกินไปในการใช้กำลังเพื่อหลบหนี หากเขารับประทานหญ้าใบทองเข้าไปเพื่อเพิ่มระดับวรยุทธ์ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น สถานการณ์ตอนนี้ยังอันตรายเกินไปอยู่ดี

“เย่เฟิง”

เขาตัดสินใจตามน้ำไปก่อนเพื่อดูว่าพวกตำรวจมีจุดประสงค์อะไร เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นเย่เฟิงจึงสงบนิ่งและไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย

“เพศ?”

ชายจมูกงุ้มยังคงถามต่อไป

“อายุ?”

“โรงเรียน?”

เย่เฟิงตอบคำตอบที่ตำรวจโยนมาอย่างเชื่อฟัง

ในเวลานั้น ชายจมูกงุ้มรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น “สวัสดีครับ ท่านประธานเทียนใช่ไหมครับ ผมกำลังสอบสวนเขาอยู่ แต่เขาตอบทุกคำถามอย่างเชื่อฟัง คุณคิดว่า………?”

ท่านประธานเทียน?

เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้น ก็เกิดคำถามขึ้นในใจ ใครคือท่านประธานเทียน? ผู้คนที่เขารู้จักบนโลกใบนี้ มีเพียงคนเดียวที่ใช้แซ่เทียนคือเทียนโย่วเหลียง เป็นไปได้ไหมว่าท่านประธานเทียนคนนี้จะเป็นพ่อของเทียนโย่วเหลียง?

ที่โรงเรียนมัธยมปลายเหยียน เทียนโย่วเหลียงถือว่าเป็นคนมีฐานะ เพราะพ่อของเขาเป็นเจ้าของบริษัทขนาดใหญ่ และสินทรัพย์ต่างๆอีกเล็กน้อย ดังนั้นหากจะรู้จักกับตำรวจพวกนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เย่เฟิงเป็นคนที่มีไหวพริบ และสามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยกันได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่าจะมีต้นเหตุมาจากเทียนโย่วเหลียง

“หึ ถ้าพวกมันรวมหัวกันใส่ความฉัน ฉันไม่ยอมอยู่เฉยแน่”

เย่เฟิงพูดในใจพร้อมกับคิดหาทางตอบโต้

“บอกมา ทำไมเธอถึงอยู่กับหญิงขายบริการได้?”

หลังจากได้รับโทรศัพท์ ชายจมูกงุ้มไม่ได้ถามคำถามไร้สาระอะไรอีก และเปลี่ยนคำถามเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี

“ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงขายบริการหรือการค้าประเวณี”

เย่เฟิงตอบ

“อย่ามาโกหก!”

ชายจมูกงุ้มทุบมือลงบนโต๊ะพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงรุนแรง “พวกเรามีหลักฐานพร้อม เธอยังอายุน้อย เพราะฉะนั้นบางทีอาจทำเรื่องผิดพลาดไปบางก็ถือว่าเข้าใจได้ และนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต โทษของเธอคือถูกคุมขังเอาไว้สิบวันพร้อมกับค่าปรับอีกเล็กน้อยเท่านั้น”

เขาพยายามจะโน้มน้าวเย่เฟิงเพื่อให้ยอมสารภาพง่ายๆ แต่ความจริงแล้ว พวกเขาไม่สามารถจับตัวหญิงสาวคนนั้นได้ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีหลักฐานใดๆที่จะเอาผิดเย่เฟิงในเรื่องที่เกี่ยวกับการค้าประเวณี แต่ในโรงพักนี้ พวกเขาคือผู้มีอำนาจ จึงพูดแบบนั้นไป

“ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฏหมาย”

เย่เฟิงยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา หากเขาไม่ยอมรับเสียอย่าง พวกตำรวจก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้มันกระทบต่อชื่อเสียงของเขา

“ดูเหมือนว่าถ้าไม่ลงมือซะหน่อย เธอคงไม่ยอมรับผิดสินะ”

ชายจมูกงุ้มยิ้มเย็นและยืนขึ้น

เย่เฟิงตื่นตัวเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น พร้อมกับคิดในใจว่าเขาควรจะเริ่มตอนนี้เลยไหม?

แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของชายจมูกงุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขารับโทรศัพท์พร้อมกับพูดขึ้น “สวัสดีครับ ท่านหลิวหรือครับ?”

“เสี่ยวจาง เปิดประตูที”

เมื่อชายจมูกงุ้มได้ยินเสียงในโทรศัทพ์ เขามีท่าทางแสดงความเคารพขึ้นในทันใด พร้อมกับเดินไปเปิดประตูของห้องสวบสวน ขณะนี้มีชายลงพุงวัยกลางคนยืนอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นท่านหลิวที่ชายจมูกงุ้มพูดขึ้นตอนคุยโทรศัพท์

ชายวัยกลางคนมองไปยังใบหน้าของเย่เฟิงแล้วยิ้ม เขาตบไหล่ของชายจมูกงุ้มก่อนจะพูดขึ้น “เสี่ยวจาง คุณทำงานได้ดีมาก ตามแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ เด็กคนนี้เกี่ยวข้องกับคดีข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเป็นอาชญากรรมร้ายแรงเมื่อเทียบกับการมีส่วนร่วมในการค้าประเวณี สอบสวนให้ดี งานของตำรวจคือการจัดการกับพวกคนชั่ว คุณรู้ดีใช่ไหม?”

เขาคนนี้มีชื่อว่าหลิวจี้ เป็นผู้กำกับการของสถานีตำรวจแห่งนี้ที่พึ่งได้รับโทรศัพท์สองสาย สายแรกมาจากเลขาของประธานบริษัทในเครือซูเฉิงกรุ๊ปซึ่งบอกเป็นนัยๆให้เขาจับตัวนักเรียนมัธยมปลายชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าเย่เฟิงเอาไว้

แม้เขาจะรู้สึกแปลกใจและไม่เข้าใจว่าทำไมซูเฉิงกรุ๊ปถึงต้องการให้เขาจับตัวเด็กคนนี้ไว้ แต่ต่อมา เขาก็ได้รับโทรศัพท์อีกสายจากหัวหน้าของเขาซึ่งทำให้เขาถึงกับเหงื่อแตก หัวหน้าของเขาได้ย้ำเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าต้องดำเนินคดีกับเย่เฟิงให้ได้โดยไม่ให้มีการประกันตัวใดๆ ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายของผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง

ฟังจากน้ำเสียงของหัวหน้าแล้ว เขาตระหนักได้ทันทีว่าเด็กคนนี้คงไปล่วงเกินผู้มีอิทธิพลบางคนเข้าแล้วอย่างแน่นอน อิทธิพลที่แม้แต่หัวหน้าของเขายังไม่กล้าที่จะปฏิเสธ หลิวจี้งงงวยเป็นอย่างมาก เพราะเด็กคนนี่เป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาเท่านั้น หรือมันไปข่มขืนลูกสาวของคนเหล่านั้นเข้า?

แน่นอนว่าผู้กำกับหลิวตัดสินใจจะทำตามคำสั่งอย่างดีที่สุด แม้เขาจะยังคงสับสนและไม่กล้าถามเหตุผลกับหัวหน้าของเขาก็ตาม

“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับผู้กำกับหลิว!”

ชายจมูกงุ้มดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงแสดงความพึงพอใจของผู้กำกับหลิว เขาคิดว่าเด็กคนนี้ช่างมีเรื่องกับคนใหญ่คนโตมากมายจริงๆ สำหรับข้อหาข่มขืนกระทำชำเราแล้ว โทษของมันย่อมมากกว่าข้อหาก่อนหน้านี้ อย่างน้อยเจ้าเด็กนี่คงต้องติดคุกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 ปี

ผู้กำกับหลิวเดินไปยืนอยู่ข้างชายจมูกงุ้มพร้อมกับกระซิบบางอย่างที่หูของเขา จากนั้นจึงเดินไปยืนอยู่ด้านหนึ่งของห้องโดยไม่ได้ออกจากห้องไป ชัดเจนว่าสิ่งที่เขาบอกกับชายจมูกงุ้มนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

เมื่อชายจมูกงุ้มได้ยินเสียงกระซิบ เขาพยักหน้าแล้วหันมาหาตำรวจวันกลางคนที่ยืนทำหน้าเฉยเมยอยู่พร้อมกับพูดขึ้น “ค้นตัวอีกครั้ง”

พวกเขาทั้งคู่เดินมายังเย่เฟิง

“ค้นตัวอีกครั้ง?”

เย่เฟิงขมวดคิ้ว เพราะเขาได้ยินคำว่า “หญ้าสามต้น”ขณะที่ผู้กำกับหลิวกระซิบผ่านหูของชายจมูกงุ้ม และเพียงไม่นาน เขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันที

ในตอนที่เขาถูกนำตัวมายังห้องสอบสวน พวกตำรวจได้ยึดโทรศัพท์มือถือของเขาไป ตอนนี้ ในตัวเขาเหลือเพียงเช็คมูลค่าสองแสน หญ้าใบทองสองต้น และแหวนดาบมังกรโบราณที่สวมอยู่ที่นิ้ว หากพวกมันถูกยึดไปอีกละก็

ไม่ดีแน่! เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว

……………………

แปลและปรับสำนวน : Solar Spark