“ ชี่ “

 

ต่อมาในเวลาไม่นานหนัก ฝ่าเท้าของเยี่ยจงก็ได้ย้ำไปที่พื้นที่ด้านหน้าอย่างรุนแรงคราหนึ่ง ร่างกายในวินาทีนั้นราวกับเหมือนกำลังแต่ระเบิดออกมา ราวกับกำลังส่องแสงออกมาก็มิปาน เสียงพุ่งดังหวือเข้าหาเหล่ากลุ่มคนมากมายของโรงฝึกชิหวินเหล่านั้น

 

“ ชิ้ง เช่ง “

 

เยี่ยจงใช้เพียงย้ำพื้นคราหนึ่ง กระสามารถไปถึงยังบริเวณพื้นที่ด้านหน้า เผชิญหน้ากับเหล่ายอดฝีมือของโรงฝึกชีหวินเหล่านี้ เขามิได้แสดงออกถึงการข่มขู่อย่างเล็กน้อยเหล่านี้ แต่เพราะพลังอันรุนแรงของการย้ำกายเข้าไปดังหวือออกมา ราวกับกำลังระเบิกอากาศได้ก็มิปาน จากนั้นก็หยุดลงเหยียบเข้าไปอย่างรุนแรงบริเวณหน้าอกของคนหนึ่งในกลุ่ม

 

เสียงกระดูกแตกร้าวดังออกมา ร่างกายของคนที่อยู่ด้านหน้าสุดบริเวณหน้าอกได้ยุบตัวลงไปในทันที หลังจากนั้นเหลือไว้แต่เพียงรอยฝ่าเท้าลึกลงไปบริเวณหน้าอก ร่างกายของคนผู้นั้นกระอักเลือดสดๆออกมาในทันที จากนั้นก็กระเด็นบินออกไป ในเวลานี้ได้หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้แล้ว

 

“ ปัง ปัง ปัง “

 

หลังจากที่จัดการคนหนึ่งคนด้วยฝ่าเท้าเรียบร้อย สีหน้าของเยี่ยจงยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันใด ฝ่าเท้าของเขาได้เหยียบลงบนพื้นอีกครา พลังพุ่งตัวของเท้าดังหวือหวือออกมา เป็นเหมือนการโจมตีของเขา ราวกับมีความคมของกลิ่นอายกระบี่ออกมาจาเท้าของเขาก็มีปาน ทุกกระบวนท่าที่ใช้ออก ก็จะมียอดฝีมือของโรงฝึกยุทธ์ชิหวินกระอักเลือดลอยออกไป เขาในตอนนี้ การลงมือของเขานั้นยังดูรุนแรงกว่าตอนที่อยู่ที่วัดโบราณก่อนหน้าอยู่หลายส่วน เหมือนกับกำลังเร่งรีบอยู่ ไม่มีการยั่งมือได้เลย

 

ตอนนี้ เหล่ายอดฝีมือของโรงฝึกยุทธ์ชิหวินต่างก็โอบล้อมเยี่ยจงเอาไว้ แต่ว่าก็ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถเข้าใกล้ถึงตัวเขาได้เลยแม้ซักคนเดียว จากที่เขาเห็น คนกลุ่มนี้ก็เหมือนกับไก่วัดถูกหมาไล่กัดก็มิปาน อ่อนแอเกินคำบรรยาย

 

คนเหล่านี้โดยส่วนมากจะเป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สาม แต่ว่า ตอนนี้ต่อให้มีคนอยู่มากมายมหาศาล ก็แทบจะดูไม่ได้เลย

 

อีกทั้งบริเวณทางด้านหลัง เซียงฉียวี่และพวกทั้งสามคนต่างยืนอยู่ในลักษณะหลังชนหลังกัน ตอนนี้พวกนางไม่ได้มีแม้แต่ไพ่ตายอันใด เพียงแต่ว่าแต่ละคนก็นำกระบี่ยาวสีเงินออกมา ใช้ไว้ป้องกันกันและกัน จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังมิมีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ได้ ก็เหมือนดั่งที่พวกนางเคยกล่าวไว้ก่อนหน้า แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้ช่วยอะไรเยี่ยจงได้มากมายนัก แต่ว่ายังสามารถดึงดูดศัตรูส่วนหนึ่งเข้ามา ยังถือว่าสามารถทำได้อยู่

 

ทว่าพลังยุทธ์ที่อยู่เบื้องหน้าสายตา เหล่ายอดฝีมือของโรงฝึกยุทธ์ชิหวินมีไม่น้อยเลยที่กระอักเลือดล่าถอยไป อีกทั้งพลังของฝ่าเท้าที่กระทบถึงเนื้อหนัง กระดูกต่างก็ส่งเสียงดังออกมา จนทำให้มีคนไม่น้อยที่ใจหล่นเนื้อเต้นออกมา

 

เจียงเล่อยืนอยู่บริเวณรอบนอกวงต่อสู้ ตอนนี้จ้องมองไปที่เหล่าผู้คนเกือบยี่สิบคนที่กำลังล้อมตีอยู่ ทว่าก็ถูกตีแตกกระจายหลายครั้งหลายครา จากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีก็กลับมาปิดล้อมใหม่ทั้งยังมองว่าเยี่ยจง บนใบหน้ามีอยู่หลายส่วนที่ไม่น่าดูเอาซะเลย กระนั้นพวกเข้าก็ทราบดี อีกฝ่ายในเมื่อกล้ามาหาเรื่องถึงที่แล้วละก็ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ถึงว่ายากที่จะต่อกร แต่ทว่า เขาก็คิดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะมีความร้ายกาจเกินกว่าได้คาดคิดเอาไว้อยู่หลายส่วน

 

“ พลังฝีมืออันร้ายกาจ “

 

หลังจากที่มองดูที่ใจกลางลานแล้ว เจียงเล่อก็จ้องมองไปที่เยี่ยจง หลังจากนั้นก็กวาดไปทางหญิงสาวทั้งสามที่อยู่ด้านหลัง หลังจากกนั้นก็กล่าวเสียงแหบพร่า “ เจ้าเด็กน้อยผู้นี้แท้จริงแล้วถือว่ายากที่จะต่อกรด้วย ทว่าสามคนนั้นน่าจะง่ายกว่าเล็กน้อย จับตัวพวกนางเอาไว้ แล้วค่อยนำกลับมาข่มขู่เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ เช่นนี้จึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด “

 

ในระหว่างที่ตนเองกำลังกล่าวแสงแหบพร่า นัยน์ตาของเจียงเล่อก็แปรเปลี่ยนเป็นเร้าร้อนขึ้นมาหลายส่วน เขาเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบหาเรื่องคนอื่นก่อน การจัดการเรื่องราวของเขาถือว่าสมบูรณ์แบบ สิ่งนี้เป็นเหมือนสิ่งที่นำพาความสำเร็จมาให้ตนเองมากที่สุด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าจะออกไปเผชิญหน้ากับเยี่ยจง

 

“ ฉี่ “

 

ในเวลาต่อมา ก็พบว่าร่างของเจียงเล่อเคลื่อนไหวคราหนึ่ง เคลื่อนที่ผ่านเงาของคนทางด้านหน้าที่ตอนนี้แต่ละคนกำลังกระอักเลือดออกมา จากนั้นมาปรากฏบริเวณเบื้องหน้าของหญิงสาวทั้งสามนาง ใช้ออกด้วยพลังฝ่ามือทันที พลังฝ่ามือคมกล้าตัดสายลม เพียงแค่เห็นฝ่ามือนี้ก็ทราบได้ถึงความแข็งแกร่งของเขา ถือว่ามีความสำเร็จอยู่หลายเท่าตัวมากกว่าเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายเหล่านั้นที่กำลังปิดล้อมโจมตีเยี่ยจงอยู่ เห็นได้ชัด เขาสมควรที่จะมีพลังฝึกปรืออยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่แล้ว

 

“ เชอะ “

 

เซียงฉียวี่เห็นว่าในตอนนี้เจียงเล่อตัดสินใจที่จะลงมือต่อนาง นางก็ร้องเชอะอย่างเย็นชาออกม มือขาวราวหยกยื่นออกมา กระบี่ยาวในมือก็หมุนควงรอบหนึ่ง จากนั้นก็มีแสงสว่างสวยงามคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง พุ่งเข้าหาบริเวณคอหอยของเจียงเล่อ

 

“ เหอะ เหอะ พลังฝีมือของแม่นางผู้นี้ช่างอำมหิตยิ่งนัก “

 

เจียงเล่อเห็นว่ากระบี่นี้ของเซียงฉียวี่ ใบหน้าของเขาก็ปรากฏด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น จากนั้นในเวลาต่อมา เขาก็งอนิ้วบนฝ่ามือ จากนั้นก็ใช้ออกด้วยพลังดัชนี

 

“ ติ้ง “

 

เสียงกระทบเบาๆดังออกมาในขณะนี้ พลังดัชนีของเจียงเล่อ แท้จริงแล้วกระบี่ของเซียงฉียวี่ได้ถูกทำลายแตกเป็นชิ้นๆ พลังดัชนีนี้ช่างมีความน่ากลัวเสียจริง จนทำให้ร่างกายของเซียงฉียวี่สั่นไหวจนลอยออกไปนับสิบก้าว ใบหน้าในตอนนี้ เป็นดั่งผ้าขาวผืนหนึ่ง

 

โหยวซือหลิงและชวีเซวียนสองสาวเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็ได้ถอยกายไปอย่างรวดเร็ว คอยป้องกันเซียงฉียวี่ที่บริเวณด้านหลัง

 

“ เหอะ เหอะ พลังฝีมือขั้นก่อเกิดขั้นที่สาม ยังหาญกล้ามายังสถานที่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าข้าสมควรพูดว่าพวกเจ้าเป็นพวกเถรตรง หรือว่าไม่ทราบจริงๆว่าอะไรคืออะไร หากศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวมีฝีมือเช่นนี้แล้วละก็ เช่นนี้ข้าอยากจะขอลองทดสอบซักคราเหมือนกัน วันหน้าว่าต้องการที่จะเข้าร่วมกับลัทธิแห่งดวงดาวหรือไม่ “ เพียงดัชนีเดียวก็ทำให้ทั้งสามสาวถอยได้ ใบหน้าของเจียงเล่อในตอนนี้ปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย จากนั้นก็จ้องมองไปที่ดวงตาของทั้งสามสาว เหมือนกับการละเล่นของแมวที่กำลังเล่นหนูอยู่ เห็นได้ชัดว่า เขาชมชอบความรู้สึกเช่นนี้เป็นอย่างมาก

 

“ เจ้าขยะที่ไร้ยางอาย “ เซียงฉียวี่ร้องเฮอะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง ในน้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความชิงชัง เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกรังเกียจคนเยี่ยงเจียงเล่อเป็นที่สุด

 

“ เหอะ เรื่องราวเช่นนี้มิใช่เรื่องไร้ยางอายแต่อย่างไร ขอเพียงพวกเจ้าทั้งสามยอมให้จับกุมแต่โดยดี เจ้าเด็กน้อยที่น่ารำคาญผู้นั้นก็จะยอมวางมือด้วยตนเองแต่โดยดี เจ้าดู ที่ข้าทำทั้งหมดมิใช่เรื่องที่สมควรทำมากที่สุดหรอกหรือ “ เจียงเล่อมิเพียงไม่มีโทสะเลย อีกทั้งยังยิ้มออกมา จากนั้นร่างของเขาก็ขยับอีกครา เคลื่อนไหวราวกับแสงเคลื่อนที่ออกมา จากนั้นก็ยื่นทั้งสองมืออกมา

 

เซียงฉียวี่และพวกทั้งสามสบตากัน ในวินาทีต่อมา กระบี่ยาวในมือของทั้งก็ใช้ออกราวกับกระแสไฟฟ้าเคลื่อนผ่าน เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนสามารถสื่อสารผ่านสายตากันได้ เพียงครู่เดียวก็ใช้ออกด้วยการประสานมือกัน

 

“ ติ้ง ติ้ง ติ้ง “

 

เสียงกระทบของเหล็กกล้าดังออกมาไม่ขาดสาย ประกายไฟสะท้อนสว่างไปมา แรงกดดันแผ่ครอบคลุมไปทั่ว อีกทั้งทุกครั้งที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ร่างกายของทั้งสามสาวก็จะค่อยๆสั่นเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ถอยร่นหนึ่งก้าว เห็นได้ชัดว่า ได้ถูกพลังฝีมือของเจียงเล่อกดดันอยู่ หรือต่อให้พวกนางร่วมมือกัน ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเจียงเล่อเลย

 

เจียงเล่อเห็นว่าสามสาวสู้พรางถอยพราง นัยน์ตาก็ทอประกายเร้าร้อนลึกล้ำยิ่งขึ้น เขายิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จู่โจมแล้วจู่โจมอีกจนแทบจะเกิดการระเบิดขึ้นมา

 

“ ติ้ง “

 

เจียงเล่อใช้ออกพลังดัชนีอีกครั้ง อีกทั้งพลังดัชนีในครั้งนี้ยังแฝงไว้ด้วยพลังมากมาย ไม่ไว้ไมตรีอีกมุ่งตรงเข้าทำลายกระบี่ยาวเงินอีกด้ามที่อยู่ในมือของเซียงฉียวี่ จนกระทั่งทำให้ร่างอันอ้อนแอ้นสั่นเทาขึ้นมาคราหนึ่ง ใบหน้าที่แดงเปล่งปลั่งราวดอกกุหลาบก็ยังต้องแปรเปลี่ยนราวผ้าขาวขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า “

 

เจียงเล่อหัวเราะออกมาอย่างเย็นเยียบ ไม่ให้โอกาสหลบหลีกแก่เซียงฉียวี่สักนิดเดียว นัยน์ตาของเขาราวกับต้องการที่จะข่มเหงให้ถึงที่สุด หลังจากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวอีกครา ใช้ออกด้วยพลังดัชนีอีกครั้ง ทั้งในครั้งนี้ พลังดัชนียังแตกต่างออกไปราวกับกำลังตัดผ่านสายลมให้ได้

 

“ ดัชนีระเบิดสายลม “

 

เจียงเล่อร้องเฮ้อออกมาคำหนึ่ง รีดเร่งทักษะจู่โจมอันน่าหวาดกลัวระเบิดออกมาในชั่วพริบตา พลังของดัชนีนี้สามารถฆ่าฟันและทำให้บาดเจ็บได้จนถึงขีดสุด พุ่งเข้าปะทะเข้าหาบริเวณที่หญิงสาวทั้งสามอยู่ เห็นได้ชัดว่า หากเข้าปะทะกับกระบวนท่านี้ ทั้งสามสาวคงไม่มีทางที่จะป้องกันการโจมตีได้ อาจถูกทำให้บาดเจ็บสาหัสในทันที

 

เซียงฉียวี่กัดฟันเบาๆ วินาทีต่อมา ก็ขยับมือทั้งสองข้าง ก็ปรากฏกริชสองเล่มออกมาบริเวณใจกลางมือซ้ายและมือขวาของนาง กริชทั้งสองเล่มนี้เห็นได้ชัดว่ามีพลังอยู่อย่างมหาศาล แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจได้อย่างมาก ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นแล้วละก็ เซียงฉียวี่ก็เตรียมตัวที่จะไม่ใช่เสียจะดีกว่า เพียงแต่ว่าในตอนนี้ก็ถูกบีบคั้นจนไม่ใช่ก็ไม่ได้

 

ทว่า ในตอนที่เซียงฉียวี่เตรียมตัวใช้กริชทั้งสองเล่มในเวลาเดียวกัน ทันใดนั้น เงาร่างสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือปะทะเข้าที่สีข้างด้านซ้ายของเจียงเล่อ

 

“ อะไรกัน ? “

 

เจียงเล่อร่างกายสั่นกระตุกคราหนึ่ง ในช่วงเวลาอันคับขันนี้ เขาไม่อาจไม่รั้งเก็บกระบวนท่าได้ ร่างกายราวกับไม่สามารถหยุดอยู่กับที่จนต้องถอนรนไป เมื่อสามารถยืนหยัดไว้ได้แล้ว หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้ามองไปทางด้านหน้า นัยน์ตาเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีฆ่าฟันสายหนึ่ง

 

“ ศิษย์พี่เยี่ยจง “

 

เซียงฉียวี่และพวกทั้งสามนางต่างก็รู้สึกตระหนกในเวลาเดียวกัน ในตอนนี้บุคคลที่เข้ามาช่วยไว้ได้อย่างประทับใจก็คือเยี่ยจงนั้นเอง เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาได้ยื่นมือใช้นิ้วชี้ไปที่กริชที่อยู่ในมือของเซียงฉียวี่ บ่งบอกว่าให้นางรีบเก็บกลับไป จากนั้นก็กล่าวออกมาเสียงดัง “ ที่แห่งนี้ก็มอบให้ข้าจัดการก็แล้วกัน “

 

เมื่อเห็นการแสดงออกของเยี่ยจงเช่นนี้ สามสาวก็ถอยรนไปทางด้านหลัง จากนั้นก็พยักหน้าไปตามๆกัน ไม่ว่าจะกล่าวออกมาอย่างไร ทางด้านหน้าในตอนนี้ เยี่ยจงก็สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้วหรือ ?

 

“ เหอะ “

“呵——”

 

ทางด้านบริเวณของฝ่ายตรงข้าม เจียงเล่อหันกลับไปกวาดสายตามองไปบริเวณทางด้านหลัง จากนั้นนัยน์ตาก็สาดประกายคราหนึ่ง ฝีมือในระดับไม่ทันหมดหนึ่งถ้วยน้ำชา ตอนนี้ที่ทางฝั่งของเขามีคนเกือบยี่สิบคน นอกเสียจากมีไม่กี่คนที่ยังฝืนยืนขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดขาว ยิ่งคนส่วนมากที่นอนดิ้นพร่านอยู่บนพื้นไปมา ทว่าก็ไม่มีผู้ใดที่ถูกเอาชีวิตแต่อย่างไร แต่ว่าก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พลังฝีมือของเยี่ยจง เห็นได้ชัดว่ามีอยู่หลายส่วนที่เกินกว่าเจียงเล่อคาดคิดเอาไว้

 

แต่ทว่า สีหน้าของเจียงเล่อก็มิได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายหนัก หลังจากนั้นเขาก็หันกายกลับมามองที่เยี่ยจง ค่อยหยักไหล่ขึ้นมา จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เป็นอะไร “ เหอะ วีรบุรุษช่วยสาวงามหรือ ? ถือว่าฉากที่ดูไม่เลวเลย เพียงแต่ไม่ทราบว่ารู้สึกอย่างไร ข้าในตอนนี้คงต้องถือโอกาสแปรเปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์แล้วมั่ง ? อยากให้รู้ไว้ เห็นๆอยู่ว่าเป็นพวกเจ้าที่เข้ามาแย่งชิงของๆพวกเรา “

 

“ หรืออีกอย่าง ก็คือสิ่งของทั้งหมดที่อยู่ด้านในความจริงก็เป็นของพวกเรา ทว่าข้าเพียงแค่นำพาพวกนางมานำของสิ่งนั้นไปด้วยตนเองก็เท่านั้น อธิบายเช่นนี้ เจ้าคงรู้สึกสบายขึ้นมาเล็กน้อยแล้วสินะ ? “ เยี่ยจงหัวเราะตามแล้วกล่าวออกมา

 

“ คำพูดที่ไม่เลว ข้าชอบวิธีการแบบนี้นะ แต่ว่า…..ต่อให้เจ้ามีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่แล้วก็ตาม “ เจียงเล่อหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นัยน์ตาทอประกายดุดันราวกับกำลังแสดงเป็นผู้ล่า แม้ว่าพลังฝีมือของเยี่ยจงจะอยู่นอกเหนือเกินกว่าการคาดเดาของเขา เพียงแต่ว่า ในตอนนี้เขาก็ยังมองว่ามีเยี่ยจงมีพลังฝีมืออยู่แค่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่เท่านั้น ระดับของทุกคนต่างก็เหมือนกัน จะมีใครกลัวใครกัน ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึง โรงฝึกยุทธ์ชิหวินของพวกเขา ก็ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ที่เข้ามายังศาลาสดับฟัง

 

“ เจ้าไม่คิดหรือว่า พลังฝีมืออย่างข้ากลับต่อกรกับขยะตัวหนึ่งเยี่ยงเจ้า ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ? “ เยี่ยจงหยักไหล่ไปมา สายตาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ

.

.

.

.