…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วได้จ้องมองไปที่ฮั่นชิงหวูพร้อมกับหัวใจที่ปั่นป่วน เขาสามารถเดาได้ว่าเธอคือเสวี่ยชิงเชิง

แต่ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหลังจากที่เขาตายแล้วเธอถึงได้ตายตามมาด้วย ? หากพูดกันตามตรงแล้วหลังจากที่แย่งแหวนมิติของเขาซึ่งภายในบรรจุไปด้วยสมบัติมากมายรวมไปถึงวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ด้วยซึ่ง ณ ตอนนี้พวกเขาควรจะฉลองอยู่ไม่ใช่หรอไง ?

ที่ดินแดนแห่งนิรันด์ เกิดเรื่องขึ้น ?

แล้วทำไมเสวี่ยชิงเชิงถึงได้มาเกิดใหม่ ?

“ถังซิ่ว เธอเป็นอะไรไป ? ”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ยื่นมืออกมาจับไหล่ของถังซิ่วเอาไว้ก่อนที่จะถามออกมาด้วยใบหน้าที่เป็นห่วง

ถังซิ่วเองก็ได้ระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้พร้อมทั้งสลัดมือเธอออกก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ครูฮั่น ผมคิดได้ว่ามีบางอย่างที่ต้องจัดการพอดีดังนั้นผมขอตัว ”

“เดี๋ยว เดี๋ยว ….”

ถังซิ่วไม่ได้ให้ความสนใจกับการเรียกของเธอแม้แต่น้อย เขาเดินไปทางประตูโรงเรียนทันที

เขาต้องสงบสติอารมณ์ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมั่นใจได้ 100 % ว่าเธอคือเสวี่ยชิงเชิงแต่ทั้งสองนั้นเหมือนกันมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ คำพูด ปานที่หัวไหล่ ภรรยาของเขาได้เคยบอกเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเวียนว่ายตายเกิดสักกี่ครั้งปานอันนี้ก็จะติดตัวเธอไปตลอดชีวิต

ณ ตอนนี้

ถังซิ่วไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรต่อหน้าเธอ

จะฆ่าเธอดีไหม ?

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่ใบหน้าสับสนของเธอซึ่งทำให้เขาไม่สามารถลงมือได้

รับเธอกลับมา ?

แต่เมื่อเขานึกถึงฉากที่เธอรุมฆ่าเขาแล้วความเจ็บปวดก็ได้เอ่อล้นออกมา เขาจะยอมรับเธอกลับมาได้อย่างไร ? เขาจะไปมีสายสัมพันธ์กับเธออีกได้ไงกัน ?

ว่างเปล่า

ถังซิ่วในตอนนี้กำลังรู้สึกเช่นนี้ หลังจากที่กลับไปอาบน้ำและสวมชุดนอนแล้วเขาก็นั่งอยู่บนเตียงเพื่อสงบสติอารมณ์

หลังจากผ่านไปนานถังซิ่วเองก็ได้สติกลับมา เขาคิดว่าหากฮั่นชิงหวูเป็นเสวี่ยชิงเชิงจริงๆเขาก็จะลงมือฆ่าเธอด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามหากว่ายังไม่สามารถมั่นใจได้เขาก็จะเว้นระยะห่างกับฮั่นชิงหวูไว้

“ออกไปสูดอากาศหน่อยดีกว่า”

ถังซิ่วได้ใส่เสื้อผ้าพร้อมทั้งโทรไปหาเยวี่ยไคทันที

“อยู่ที่ไหน ? ”

“หอพัก กำลังจะไปโรงพยาบาล ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ฉันจะไปรอที่หน้าทางเข้าโรงเรียน รีบๆออกมาได้แล้ว เราจะไปโรงพยาบาลด้วยกัน ”

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ไม่ใช่นายกับครูฮั่นมีนัดกันหรอ ? แล้ว……”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“อย่าได้พูดในเชิงนี้อีก ฉันกับเธอไม่ได้มีอะไรกัน หากว่านายยังพูดแบบนั้นอีกก็รับรองได้เลยว่าฉันจะไม่ให้เบอร์หวางหยิงกับนายอย่างแน่นอน ”

“ฉันรับประกันเลยว่าจะไม่พูดอีกต่อไปแล้ว รอฉันอยู่ตรงนั้นแหละ !”

เยวี่ยไคเองก็ได้รีบพูดออกมาพร้อมทั้งวางสายทันที

ถังซิ่วได้เดินออกไปนอกวิลล่าพร้อมทั้งมองไปที่ประตูโรงรถ เขาแทบอย่างจะร้องไห้เพราะเขาไม่ต้องการเป็นจุดสนใจของคนอื่น หลังจากที่เห็นเพื่อนๆของเขาแล้วก็คิดว่าเขาควรจะซื้อรถราคาถูกๆซักคันดีไหม ?

หลังจากผ่านไปไม่นาน

ถังซิ่วเองก็ได้มาถึงที่หน้าประตูทางเข้า ถังซิ่วพบว่าเยวี่ยไคเองก็ยังไม่ออกมาดังนั้นจึงได้ไปซื้อบุหรี่ที่ร้านค้าใกล้ๆพร้อมทั้งจุดสูบ

“อื่มมม”

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากัน เพราะเขาเจอคนที่ไม่ถูกชะตาด้วยอีกครั้งซึ่งก็คือ กลุ่มคนโง่

“ไอ้ฝูงนี้มันเป็นลูกหลานคนรวยสินะ มันใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆไม่ได้หรือไง ? เอาแต่ใช้ชีวิตล่องลอยไปวันๆ ดูเป็นพวกที่ว่างเหลือเกิน ”

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่พวกเขาพร้อมกับรถซูเปอร์คาร์แล้วก็ได้แต่ส่ายศีรษะ

หลังจากผ่านไป 2 นาที

รถ BMW เองก็ได้ขับออกมานอกโรงเรียนพร้อมทั้งจอดอยู่ที่มุมถนน เยวี่ยไค เซ่าเหลียงและฮูชิงซ่งเองก็ได้เดินออกมา

“ว้าว นี่ไม่ใช่นายน้อยเยวี่ย ? …….อุส่าสอบเข้าเรียนที่นี่ได้เนอะ สถานะของนายก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ นี่หันลงไปคบกับพวกขยะเหล่านี้แล้วงั้นหรอ ? ”

หลี่เจิ้งเองก็ได้ยิ้มออกมาขณะที่กำลังสูบบุหรี่พร้อมกับมองไปที่เยวี่ยไคอย่างดูถูกก่อนที่จะพูดออกมาอย่างดัง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตอนนี้มันขาดลูกพี่มันแล้ว ก่อนหน้านี้ยังมีเยวี่ยหยางคอยเป็นโล่ให้ ”

ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ย้อมผมเองก็ได้พูดจาเยาะเย้ยออกมา

หลังจากที่เยวี่ยไคเห็นหลี่เจิ้งเองก็ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธก่อนที่จะตะโกนออกมาอย่างดังว่า

“หลีเจิ้ง ชิงหยูเชิง พวกนายจะหาเรื่องงั้นหรอ ? ”

หลีเจิ้งเองก็ได้กรอกตาไปมาก่อนที่จะเยาะเย้ยออกมาว่า

“แล้วแกจะทำไม ? จะเล่นกับเรางั้นหรอ ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้เดินออกมาก่อนที่จะมองไปที่หลี่เจิ้งและคนอื่นๆพร้อมทั้งพูดว่า

“หากว่าจะเริ่มก็เข้ามา นอกจากพ่อฉันแล้วฉันไม่เคยกลัวใครทั้งนั้น ”

ท่าทางของหลี่เจิ้งเองก็เปลี่ยนไปพร้อมทั้งเดินไปทางเยวี่ยไคและฮูชิงซ่งทันที

ถังซิ่วที่ยืนอยู่ห่างออกไปเองก็มองไปที่หลีเจิ้งและเยวี่ยไค ตอนที่เขาได้พนันเรื่องแข่งรถอยู่นั้นก็ไม่ได้คิดว่าหลี่เจิ้งมันดูขวางหูขวางตาหรืออย่างไรแต่เป็นเพราะเขาจะต้องอยู่กับเยวี่ยไคอยู่บ่อยๆและไม่อยากให้หลี่เจิ้งมาสร้างปัญหาขึ้นเพื่อจะได้ไม่ปะทะกันดังนั้นเขาจะได้ไม่ต้องเข้าไปแก้ปัญหา

แต่ตอนนี้ กลับมาเจอพวกมันที่ทางเข้าซะงั้น

ถังซิ่วเองก็ได้ขยี้ก้นบุหรี่พร้อมทั้งเดินไปทางพวกเขา เมื่อเขาอยู่ห่างจากกลุ่มคนเหล่านั้นไม่ไกลก็ได้ก้าวเดินอย่างรวดเร็วและไปอยู่ตรงหน้าพวกเขาในพริบตา

“ไสหัวไปซะ !”

ถังซิ่วได้มองไปที่หลี่เจิ้งก่อนทีจะพูดออกมาอย่างราบเรียบ

หลังจากที่หลี่เจิ้งเองเห็นว่าเป็นถังซิ่วนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปมันที ทว่าชายหนุ่มตรงข้างเขาเองไม่เคยเห็นถังซิ่วดังนั้นจึงได้ด่าออกมาว่า

“แกออกมาจากไหนกัน ? เสือกเรื่องชาวบ้าน ? อยากโดนต่อยงั้นหรอ ? ”

“ผั๊ว !”

ถังซิ่วไม่ได้หยุดก้าวเดินพร้อมทั้งชกไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นอย่างจัง เขาได้ใช้กำลังไปเล็กน้อยซึ่งส่งผลให้ชายหนุ่มคนนั้นลอยเคว้งไปในอากาศ4-5เมตร ก่อนที่จะกระแทกกับพื้นแล้วสลบไป

“ยังไม่ไสหัวไปอีกงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้มองไปที่หลี่เจิ้งอีกครั้ง

ท่าทางของหลี่เจิ้งเองก็น่าเกลียดเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มอีก 7-8คนข้างๆเขาเองก็ดูไม่ดีเลยแม้แต่น้อยทว่าพวกเขาเองก็ไม่ทำเรื่องโง่ๆเหมือนชายหนุ่มที่เพิ่งถูกต่อยไปเมื่อกี้แต่กลับมองไปที่ถังซิ่วด้วยความโกรธเท่านั้น

“เราไสหัวไปเอง ”

หลี่เจิ้งเองก็ได้ขบฟันพร้อมทั้งเดินไปหาชายที่กำลังสลบอยู่ก่อนที่จะพยุงเขาแล้วเดินจากไป

“เกิดอะไรขึ้น ? ”

เยวี่ยไคถึงกับหวาดผวา ฮูชิงซ่งกำลังตกตะลึงส่วนเซ่าเหลียงเองก็มองอย่างโง่งม

เมื่อกี้พวกเขากำลังจะปะทะกันอยู่แล้วแต่กลับเดินจากไปแบบนี้?

“เราไสหัวไปเองนั่นคือ ? ”

เยวี่ยไคเองก็ได้หันหน้าไปมองถังซิ่วพร้อมทั้งพูดว่า

“ลูกพี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ดูเหมือนว่าไอ้โง่หลี่เจิ้งจะ…..กลัวนายมากๆเลยสินะ ? ”

เซ่าเหลียงเองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า

“ใช่แล้ว เวลาที่เขามองนายก็เป็นเหมือนหนูน้องที่กลัวแมวอยู่เลย ?”

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาก่อนทีจะพูดว่า

“ไม่มีอะไรมาก บางที่ท่าทางของฉันอาจจะดูน่ากลัวไปหน่อยและทางฝั่งเราเองก็มีคนมาเพิ่มถึงได้ทำให้พวกเขาจากไปแต่โดยดี ”

เยวี่ยไคเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า

“ลูกพี่ถัง เราเป็นพี่น้องกันนะ นายไม่เห็นจำเป็นต้องปกปิดเสียหน่อย ฉันรู้จักหลี่เจิ้งดีมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ว่าเราจะมีคนมาเพิ่มอีกก็จะไม่กลัวแม้แต่น้อย ไม่ใช่แต่หลี่เจิ้งเท่านั้นนะยกเว้นคนที่ถูกต่อยไปแล้วคนอื่นๆก็มองนายด้วยความกลัว”

ถังซิ่วเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดว่า

“เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันว่างมากเลยเมื่อวานนี้จึงได้ไปแข่งรถที่ไฮเวย์ตรงชางซี่ เราได้แข่งกันและพนันกับหลี่เจิ้งว่าหากเขาแพ้ก็ต้องไสหัวไปทุกๆครั้งที่เจอหน้าฉัน เป็นเพราะว่าเขาแพ้จึงได้ต้องหลบหน้าฉันทุกครั้งไง ”

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“นายจะบอกว่านายชนะการแข่งขันรถยนต์ที่ไฮเวย์งั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“นับได้ว่าชนะถึงฉันจะได้ที่ 2 ก็ตามเถอะ”

ริมฝีปากของเยวี่ยไคเองก็ได้ขดไปมาพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“ลูกพี่ ดูเหมือนว่านายจะมีเรื่องที่ปิดบังอยู่อีกมากมายเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นคือนายน่าจะ….มาก ”

ถังซิ่วได้โบกมือขัดคำพูดของเยวี่ยไคก่อนที่จะพูดว่า

“ฉันมีทักษะให้นายชื่นชมก็พอแล้ว เอาล่ะเราไปที่โรงพยาบาลกัน ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่ารถของนายจะนั่งไม่พอนะ ”

เยวี่ยไคเองก็ได้กลืนคำพูดของเขากลับลงไป เขาเป็นคนที่ฉลาดไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถสอบเข้าที่นี่ได้ เขาดูออกว่าถังซิ่วไม่ต้องการให้เขาพูดคำว่าร่ำรวยออกมา

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ฉันกับลูกพี่จะไปนั่งแท็กซี่เอง พวกนายตรงไปก่อนเลยแล้วรอเราที่ทางเข้านะ ”

“ได้เลย”

เยวี่ยไคเองก็ลังเลอยู่ก่อนที่จะตอบตกลง

ขณะที่รถ BMW ขับออกไปนั้นฮูชิงซ่งเองก็ได้หันไปมองที่ถังซิ่วพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“ลูกพี่ ดูเหมือนว่าคำพูดที่เยวี่ยไคจะพูดนั้นคือคำว่าร่ำรวยสินะ ? ไม่คิดเลยว่าคนที่ทำตัวไม่โดดเด่นแบบนานจะเป็นคนรวยเหมือนกัน”

ถังซิ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้พร้อมกับพูดว่า

“รวยอะไรกันเล่า ฉันคิดว่าใช้เงินตัวเองมันน่าสนใจกว่าการที่ใช้เงินจากตระกูลนะ ดังนั้นนอกจากของขวัญจากตระกูลแล้วที่เหลือฉันก็ใช้เงินที่หามาเองทั้งนั้น ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“นายหามาเอง ? ไปหามาจากไหนกัน ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เปิดบริษัทไง ขายภาพวาดและตัวอักษร เป็นหมอหรือทำอะไรก็ตามที่ฉันคิดว่ามันจะได้เงิน ” (*ขี้ฟันจริงๆ ที่ได้เงินมาเยอะๆนี่ไปขู่เขามาทั้งนั้น)

ฮูชิงซ่งเองก็ได้กรอกตาไปมาเพราะเขาไม่เชื่อคำพูดของถังซิ่วตั้งแต่แรกก่อนที่จะหยอกล้อว่า

“ลูกพี่ ทำไมฉันคิดว่านายนี่เป็นคนที่ขี้โม้เก่งที่สุดเลยนะ ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“อย่าบอกนะว่านายไม่คิดว่าการโม้นี่ไม่เป็นความสามารถ ? ไม่เคยได้ยินคำพูดนี้หรือไงว่า ความหวังดีเองก็ต้องไปคู่กับคนพูดที่ดี ทุกวันนี้คนกะล่อนมันมีอยู่มากมาย”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาว่า

“นายมันหลอกลวงแล้ว นายพูดเกินจริงแล้ว สิ่งที่นายพูดออกมานั้นคนๆเดียวจะไปทำได้อย่างไร ”

“ฮิ ฮิ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้เปลี่ยนหัวข้อไปว่า

“เราไปกันเถอะ อย่าให้เยวี่ยไครอนานเลย ”

ทันใดนั้นพวกเขาก็รีบโบกรถแท็กซี่เพื่อไปที่โรงพยาบาลโดยทันที