…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ในพริบตานั้น ทุกๆคนรวมไปถึงฮั่นชิงหวูเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่ว พวกเขามองไปด้วยสายตาที่อิจฉาที่ทำไมหวางหยิงผู้ซึ่งงดงามหยดย้อยถึงไม่มาหาพวกเขา
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะถามออกมาว่า
“รู้จักกันด้วย ? ”
“รู้จัก”
ถังซิ่วได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งแสดงท่าทางมีความสุขออกมา เขาได้เดินออกไปที่หน้าประตูพร้อมทั้งพูดว่า
“ครูฮั่น ผมไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับมา”
“อืม”
ฮั่นชิงหวูที่ท่าทางแปลกๆไปเองก็ไดก็พยักหน้า
หลังจากผ่านไปไม่นาน
ถังซิ่วและสาวสวยคนนั้นเองก็ได้เดินมาถึงทางเดินก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“มู่หวางหยิง ได้ยินมาว่าเธอเองก็จะเข้าย้ายมาเรียนที่นี่แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาจริงๆ ดูเหมือนว่าเราจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องสินะ ”
มู่หวางหยิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันเรียกนายว่ารุ่นน้องถังได้ไหม ? ฉันใกล้จะจบอยู่แล้วแต่นายเพิ่งเป็นเด็กปี 1 นะ ”
ถังซิ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ฉันคิดว่าเธอเรียกชื่อฉันก็พอแล้ว ว่ามาสิ มาหาฉันเพราะมีเรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”
มู่หวางหยิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“อะไรล่ะ ฉันมาหาไม่ได้หรือไง ? ได้ยินอาจารย์บอกว่านายไปทานข้าวกับเขามาในช่วงบ่าย”
อาจารย์ ?
เหล่ใบยี่ ?
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันมีเรื่องที่ต้องให้เขาช่วยน่ะ พอดีว่ามีเวลาว่างเลยชวนเขาออกไปทานอาหาร”
มู่หวางหยิงเองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า
“ฉันได้ยินมาจากอาจารย์ว่านายว่างในช่วงเย็นใช่ไหม ? ฉันจะมาชวนนายไปทานข้าว ”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า
“ฉันได้นัดกับเพื่อนร่วมห้องไว้แล้ว หากว่าเธอต้องการก็สามารถไปด้วยกันได้หากว่าไม่ งั้นเราก็ค่อยไปทานกันวันหลัง”
มู่หวางหยิงเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า
“ฉันไม่ไปดีกว่า ฉันไม่รู้จักกับเพื่อนของนายเลย งั้นเย็นวันพรุ่งนี้แล้วกัน เราไปเจอกับที่หน้าทางเข้านะ ”
“ได้”
ถังซิ่วได้พยักหน้า
มู่หวางหยิงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ก่อนหน้านี้ฉันเองก็กังวลว่านายจะเป็นคนที่เข้าถึงยากเสียอีก แต่หลังจากที่ฉันรู้จากถังหยิงแล้วว่านายเป็นน้องชายของเธอ ฉันก็รู้สึกโล่งใจจริงๆ ”
ถังหยิง ?
ถังซิ่วถามออกมาด้วยวามสับสนว่า
“เธอรู้จักกันด้วย ? ”
มู่หวางหยิงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เราเป็นเพื่อนวัยเด็กน่ะ เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆแล้ว”
ถังซิ่วเองก็ได้ฝืนยิ้มแล้วพูดออกมาว่า
“โลกนี้มันแคบจริงๆเลยนะ เอาละ ฉันต้องกลับไปที่ห้องแล้ว เรามาแลกเบอร์กันแล้วค่อยเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ได้สิ”
หลังจากที่แลกเบอร์กับไปแล้วมู่หวางหยิงเองก็ได้จากไปทันที
หลังจากที่ถังซิ่วกลับมาที่ห้องแล้วก็เรียกความสนใจจากผู้คนมากมาย ฮั่นชิงหวูเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อถังซิ่วได้นั่งลงแล้วเยวี่ยไค ฮูชิงซ่งและคนอื่นๆเองก็ได้ยื่นหน้าเข้ามาทันที
“ลูกพี่ถัง นั่นมันอะไรกัน ผู้หญิงที่งดงามเมื่อครู่นั่นนะ ? ”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยสำเนียงทางเหนือพร้อมกับถามออกมาในขณะที่กอดแขนถังซิ่ว
เซ่าเหลียงเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“นี่ลูกพี่ ลูกพี่จะปิดบังไม่ได้นะ ผู้หญิงสวยระดับนี้ มันน่า…..น่ารักจริงๆเลย ฉันจะยอมอายุสั้นเหลือ10ปีก็ได้หากว่าสามารถได้เธอมาเป็นแฟน”
ถังซิ่วมองไปที่คนเหล่านี้อย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีก่อนที่จะพูดว่า
“ฉันและเธอไม่ได้สนิทกันแค่เคยทานข้าวด้วยกันเท่านั้นเอง เพราะก่อนหน้านี้เธอได้รู้มาว่าฉันจะมาเข้าเรียนที่นี่จึงได้ชวนฉันออกไปพูดคุย หากว่าพวกนายต้องการจะจีบจริงๆฉันก็ช่วยเป็นพ่อสื่อได้นะ ”
เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“เธอเป็นของฉัน พวกนายห้ามมาแย่งนะ ลูกพี่ถังเอาเบอร์ของเธอมาหน่อยสิ ? หลังจากนี้ในช่วงเย็นฉันจะโทรไปชวนเธอ รับรองเลยว่าฉันจะจัดโต๊ะฉลองให้นายอย่างแน่นอน”
ถังซิ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ฉันไม่สามารถให้เบอร์เธอกับนายได้ อย่างไรก็ตามฉันจะถามเธอว่าต้องการจะรู้จักกับพวกนายไหมแล้วหากว่าเธอต้องการฉันก็จะให้มันกับนายเพราะเบอร์โทรศัพท์นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น”
เยวี่ยไคเองก็ได้แสดงจิตวิญญาณอันแรงกล้าออกมาพร้อมทั้งยกนิ้วโป้งขึ้นมาชื่นชมว่า
“ลูกพี่ ลูกพี่นี่ดีจริงๆที่เคารพผู้หญิง ไม่มีปัญหา พรุ่งนี้ฉันจะรอฟังข่าวดีนะ หากว่าวันนี้นายจะเลี้ยงก็รับรองได้เลยว่าฉันจะแย่งนายจ่ายอย่างแน่นอน หลังจากที่เราอิ่มหนำสำราญแล้วก็จะไปที่ห้องคาราโอเกะกัน”
ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ลูกพี่ถัง นายห้ามโปรดปรานเฉพาะคนสิ เอาเบอร์ของเธอมาให้พวกเราด้วย ”
เซ่าเหลียงเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ใช่แล้ว สุภาพบุรุษก็ต้องคู่กับหญิงงามเป็นธรรมดา ในเมื่อเรายังไม่มีแฟนดังนั้นก็ต้องแย่งกันจีบ ใครได้เธอไปก็อยู่ที่ความสามารถของตัวเอง อย่างไรก็ตามถึงเราไม่จีบก็ต้องมีผู้ชายนับไม่ถ้วนมาจีบเธออยู่ดี “
เยวี่ยไคเองก็คิดว่าสิ่งที่เซ่าเหลียงพูดนั้นถูกต้อง ผู้หญิงที่สามารถทำให้ผู้ชายหลงใหลได้นั้นก็ต้องมีผู้ชายที่หน้าหนามากมายเข้าไปรุมล้อมเธออยู่แล้ว
“โอเค แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนนะว่าหากว่าใครสามารถได้เธอไปก็ต้องยอมปล่อยน่ะ ”
“ไม่มีปัญหา ”
“ตกลง ”
“ดีมาก”
ผู้ชายอีก7-8คนข้างๆถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่พวกเขาแบบหมดคำพูด มองไปที่แววตาของฮั่นชิงหวูก่อนที่เขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า
“เพื่อนๆทั้งหลาย เราหยุดอยู่ตรงนี้ก่อนเถอะ ตอนนี้ครูฮั่นเองก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเห็นไหม เรื่องนี้เราค่อยคุยกันหลังเลิกเรียนโอเคไหม ? ”
“ได้”
ชายคนอื่นๆเองก็ได้มองไปที่ใบหน้าที่ดูไม่ค่อยดีของฮั่นชิงหวูก่อนที่จะนั่งตัวตรงทันที
เยวี่ยไคเองก็ได้ยกมือมาบังปากก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆว่า
“ลูกพี่ถังนี่น่าสงสารจริงๆ นายมีครูฮั่นอยู่แล้วดังนั้นนายห้ามมาแย่งกับเรานะ เอาล่ะไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราจะชดเชยให้นายอย่างแน่นอน ฮูชิงซ่งจะซักถุงเท้าให้นายไม่กี่เดือนก็น่าจะพอไหม ?”
“ฉันจะเลี้ยงข้าวนาย ”
“ฉันเองก็รวยเหมือนกันนะ ”
ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่คนรอบๆตัวเขาที่กัดกันอยู่ด้วยเสียงกระซิบก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ถ้าพวกนายยังพูดไม่หยุดก็อย่างหวังว่าจะได้เบอร์เธอเลย ”
ช่วงบ่ายวันนี้เองก็ไม่ค่อยจะมีเรื่องอะไรนัก
ถึงช่วงที่ต้องเลือกนายทหารฝ่ายเสนาธิการ
สิ่งที่ทำให้ถังซิ่วหมดคำพูดคือ เขาไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมแต่ทุกคนในห้องกลับเลือกเขาทั้งหมด มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งในห้องที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าหน่วย
ไม่นานหลังจากนั้นนายทหารฝ่ายเสนาธิการของห้องอื่นๆเองก็ได้รับเลือกกันหมดแล้ว ฮั่นชิงหวูเองก็ได้นำนักเรียนไปหยิบหนังสือจากนั้นก็ปล่อยกลับบ้านทันที
“ถังซิ่ว เธออย่าเพิ่งไป ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้เรียกออกมาขณะที่ถังซิ่วกำลังเตรียมตัวที่จะเดินออกไป
เยวี่ยไคที่ยืนอยู่ข้างๆถังซิ่วนั้นก็ได้หยิบกุญแจรถ BMW ออกมาพร้อมทั้งยื่นให้เขาแล้วขยิบตาก่อนที่จะพูดว่า
“ลูกพี่ หากว่าจะออกไปข้างนอกก็เอารถฉันไปได้เลยส่วนหากว่านายไม่กลับมาทานอาหารในช่วงเย็นนั้นฉันจะเลี้ยงเอง ฉันไม่รอนายที่หอพักหรอกนะ ”
“ไปไกลๆตีนเลยไป ”
ถังซิ่วได้หยิบกุญแจรถมาพร้อมทั้งยัดมันคืนไปในมือของเขาด้วยใบหน้าที่อับอาย หนังสือคู่มือต่างๆที่ได้รับมาเองก็ได้ฝากให้เยวี่ยไคเอากลับไปไว้ที่หอพัก
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้มองไปที่เยวี่ยไคอย่างมีความสุขและตลกไปในตัว เธอเข้าใจถึงความหมายคำพูดของเขาดี
“พูดไร้สาระอีกครั้ง รับรองได้เลยว่าครูจะไม่ให้เธอสอบผ่านแน่นอน”
“ไปแล้วๆ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเยวี่ยไคเองก็ได้รีบเดินจากไปทันที
หลังจากที่ทั้งคู่ได้เดินอยู่ด้วยกัน ฮั่นชิงหวูไม่ได้พูดอะไรส่วนถังซิ่วเองก็เงียบอยู่เช่นกัน ในท้ายที่สุดเธอก็ทนไม่ได้จนต้องถามออกมาว่า
“ผู้หญิงเมื่อกี้ใครกัน ? ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ผมเองก็คิดว่าคุณจะทนไม่ถามออกมาได้นานแค่ไหนกัน ? เธอเป็นศิษย์ของรองผู้อำนวยการและจะเรียนจบในปีนี้ เรารู้จักกันตอนที่ได้พบกับรองผู้อำนวยการ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มทันทีว่า
“ไม่คิดเลยว่าเธอเองจะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงเยอะแยะเลยเนอะ ฉันยังจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้ที่สตาร์ซิตี้เองก็มีผู้หญิงสวยมาหาเธอเหมือนกันหนิเนอะ ? ”
ถังซิ่วได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ผมจะไปมีได้ไงกัน ? ทุกๆวันเอาแต่ทำงานยิ่งไปกว่านั้นผมยังไม่คิดที่จะมีความรักหรอกนะ ทุกๆครั้งที่เยวี่ยไคล้อผมที่ไรก็รู้สึกเศร้าทุกที ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“ทำไมถึงไม่อยากมีความรักล่ะ ? ไม่ใช่ว่ามหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดแล้ว ? ”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งตอบกลับไปว่า
“ผมยุ่งมากๆ ต้องเรียน ต้องหาเวลาว่างซึ่งสำหรับผมแล้วความรักมันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยสำคัญ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้พูดออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า
“จากคำพูดของเธอแล้วดูเหมือนว่านายมองได้ทะลุปรุโปร่งเลยนะ ? นายคงไม่ใช่ร่างเกิดใหม่ของตาเฒ่าอายุ100ปีหรอกใช่ไหม ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ร่างเกิดใหม่อะไรกัน……..”
ทันใดนั้น ท่าทางของถังซิ่วก็เปลี่ยนไปเหมือนกับโดนฟ้าผ่าเข้ากลางจิตใจ ร่างกายของเขาสั่นเครือทันที
เกิดใหม่ ?
เขาคิดได้ทันทีว่าหากเสวี่ยชิงเชิงได้ตายลงในดินแดนแห่งนิรันด์แล้วจะมีโอกาสมาเกิดใหม่ที่โลกได้หรือไม่ ?
ต้องรู้ก่อนว่าในดินแดนแห่งนิรันด์นั้นมีโลกอยู่หลายหมื่นล้านดวงแต่ก็ยังมีดวงตาแห่งสังสารวัฏซึ่งควบคุมวัฏจักรสงสาร หากว่ามีนิรันด์ตายลงและดวงวิญญาณยังไม่ดับสลายนั้นก็มีโอกาสที่จะเกิดใหม่ได้อีกครั้งในดินแดนแห่งนิรันด์และโลกเองก็เป็นหนึ่งในโลกใบเล็กหลายหมื่นล้านดวงเหล่านั้น
“ถังซิ่ว เธอเป็นอะไรไป ? ”
ฮั่นชิงหวูเองก็รับรู้ได้ว่าถังซิ่วเปลี่ยนไปเล็กน้อยจึงได้ถามออกมา
ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาทันทีว่า
“ที่ไหล่ด้านซ้ายของคุณมีปานอยู่สามจุดหรือเปล่า ? ”
ฮั่นชิงหวูเองก็เงียบไปก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“เธอรู้ได้ไง ? ฉันไม่เคยที่จะใส่เสื้อแขนกุดเลยนะ ?”
“มีจริงๆงั้นหรอ ? ”
นัยน์ตาของถังซิ่วเองก็หดเล็กลงทันที
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้พูดออกมาว่า
“มี มันมีมาตั้งแต่ที่ฉันเกิดแล้ว มันเป็นปานเล็กๆรูปร่างเหมือนสามเหลี่ยม พ่อแม่ของฉันเองก็ได้บอกว่ามันมีมาตั้งแต่เกิดแล้ว ”
ถังซิ่วเองก็ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าของเขาซีดเผือดพร้อมทั้งจ้องมองไปที่เธอก่อนที่จะพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
“เธอเป็นใครกันแน่ ? ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ตกตะลึงพร้อมกับก้าวถอยหลังไป เธอได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“เธอพูดอะไรกัน ? ฉันก็คือฉันสิ ”