…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ที่สำนักงาน เซี่ยงไฮ้

รถซูเปอร์คาร์ราคาแพงเองก็ได้ขับไปจอดที่หน้าสำนักงานอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยอีกหลายคนเองก็ได้รีบมาเปิดประตูให้พวกเขา

“พยุงหยูไป ”

หลังจากที่หลี่เจิ้งออกมาจากรถแล้วเขาก็ได้พูดออกมาทันที

ทันใดนั้นพวกเขาเองก็เข้าไปในตัวอาคารพร้อมทั้งขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น3 ซึ่งเป็นห้องโถงที่กว้างใหญ่ หน่วยรักษาความปลอดภัยได้วางชายหนุ่มคนนั้นลงพร้อมกับเดินออกไปทันที

“มันจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว เพื่อนเจิ้ง ฉันไม่สามารถทนรับเรื่องนี้ได้ ”

ชายคนหนึ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยความโกรธ

หลี่เจิ้งเองก็ได้มองไปที่นัยน์ตาของเขาด้วยความเย็นชาก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“นายไม่สามารถทนได้แล้วคิดว่าฉันทนได้งั้นหรอ ? สิ่งสำคัญคือ……เราไม่มีทางไปแก้แค้นได้”

คิ้วของชายคนนั้นเองก็ได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“ทำไมถึงไม่ได้ ? อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กนั่นมันมีความสามารถพอ เราจำเป็นต้องรับความอับอายนี่ ? เพื่อนหยูเองก็โดนชกไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ ฉันกลัวว่าเขาจะได้รับผลกระทบทางสมองจริงๆ ”

หลี่เจิ้งเองก็ได้มองไปที่ หยูที่นอนอยู่ตรงโซฟาพร้อมกับจุดบุหรี่สูบ หากว่าเขาไม่รู้จักถังซิ่วที่ถนนไฮเวย์นั่นก็คงจะแก้แค้นโดยทันที

ทว่า ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะทำ

“เพื่อนเจิ้ง พูดมาสิว่าทำไมเราถึงต้องทำตามข้อตกลงที่พนันกันไว้พร้อมทั้งหลบหน้ามัน ? คนที่มายืนขวางหน้าเราไว้ตั้งแต่เด็กจนโตแล้วมีใครบางที่มีจุดจบอย่างดี ? ”

ชายหนุ่มอีกคนเองก็ได้พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

หลี่เจิ้งเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“คิดว่าฉันไม่อยากเอาคืนงั้นหรอ ? แต่หากว่าเราแก้แค้นแล้วไม่สำเร็จแถมถูกมันจับได้ก็รับรองได้เลยว่าเราต้องจบชีวิตอย่างแน่นอน”

ชายหนุ่มคนนั้นเองก็ชะงักไปพร้อมกับถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“หมายความว่าอย่างไร ? ”

หลี่เจิ้งเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“เหมือนดั่งคำพูดที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่เรารู้ข้อมูลของเขางั้นหรอ ? หากว่าเราไปล่วงเกินคนมีอำนาจเข้าโดยบุ่มบ่ามก็ได้แต่นั่งรอชะตากรรมแล้วล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นคือในวันนั้นเองที่ฉีหนานก็ต้องการที่จะฆ่าฮ่วงหยู หากว่าไม่ใช่เพราะถังซิ่ว……ตอนนี้เขาก็คงจะตายไปแล้ว ”

ชายหนุ่มคนนั้นเองก็ได้พูดออกมาด้วยความสับสนว่า

“หลังจากที่แข่งจบแล้วฉันเองก็ได้ยินเขาพูดแบบนี้เช่นกัน มันเป็นเรื่องจริงงั้นหรอ ? ”

หลี่เจิ้งเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ใช่แล้วมันเป็นเรื่องจริง ฉันเองก็ได้ไปดูที่เกิดเหตุและรถของฮ่วงหยูแล้ว หากว่าไม่ใช่เพราะถังซิ่วแล้วเขาก็คงจะตายเพราะฉีหนานไปนานแล้ว นี่มันอธิบายได้ว่าฉีหนานเป็นคนที่โหดเหี้ยมและไร้ความปราณีซึ่งไม่สนใจชีวิตคนแม้แต่น้อย ทว่าผู้หญิงคนนั้นกลับเคารพถังซิ่วเป็นอย่างมาก อย่าบอกนะว่าพวกนายไม่เข้าใจความหมายที่ฉันกำลังจะสื่อ ? ”

“เพื่อนเจิ้ง หรือนายจะบอกว่า…….ถังซิ่วมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งงั้นหรอ ? ”

ชายหนุ่มคนนั้นเองก็ไดพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ

หลี่เจิ้งเองก็ได้แสยะออกมาว่า

“ห้องอาหารร้อยงานฉลองเองก็เป็นห้องอาหารระดับต้นๆของเซี่ยงไฮ้ บอสใหญ่เองก็ลึกลับเป็นอย่างมาก ฉันคิดว่าถังซิ่วกับห้องอาหารเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันอย่างแน่นอน หากว่านายต้องการจะเล่นกับถังซิ่วจริงก็ต้องสืบสวนเบื้องหลังของเขามาก่อนไม่เช่นนั้นก็จะทำให้พวกเราชิบหายกันหมด ”

ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนอื่นๆอีก5-6คนเองก็เงียบไป หากว่าสิ่งที่หลี่เจิ้งคาดการณ์ไว้เป็นจริงพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินถังซิ่วง่ายๆอย่างแน่นอนเพราะอย่างไรก็ตามคนที่สามารถทำให้ฉีหนานผู้ซึ่งอำมหิตขนาดนั้นแสดงความเคารพได้ก็ต้องมีเบื้องหลังไม่น้อยอย่างแน่นอน หากว่าพวกเขาไปล่วงเกินและทำให้ถังซิ่วโกรธก็อาจจะส่งคนมาฆ่าพวกเขา……

“รอให้เพื่อนหยูตื่นก่อนแล้วเราค่อยว่ากันอีกครั้ง”

หลี่เจิ้งเองก็ได้ถอนหายใจออกมา เขาได้เปิดขวดเบียร์ที่อยู่บนโต๊ะพร้อมทั้งดื่มมันลงไปเต็มกระเพาะ

โรงพยาบาลเซี่ยงไฮ้

ถังซิ่วและฮูชิงซ่งที่นั่งแท็กซี่มานั้นก็เห็นเยวี่ยไคและคนอื่นๆที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูทางเข้า พวกเขาทั้ง6คนเองก็ซื้อกระเช้าผลไม้มาพร้อมกับเดินไปที่แผนกผู้ป่วยภายในทันที

แผนกผู้ป่วยภายใน ห้อง 608

เสวี่ยเฉาที่นอนเบื่ออยู่บนเตียงเองก็ไม่อยากจะมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือเลยแม้แต่น้อย เขาออกมาจากป่าเขาเพื่อมาดูโลกภายนอกและเรียนรู้สิ่งต่างๆทว่าไม่คิดเลยว่าการที่มาเซี่ยงไฮ้ครั้งแรกจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้

“ประมาทเกินไปแล้ว ฉันนี่มันประมาทเกินไป ไอ้สัตว์ตัวน้อยเหล่านั้นมันกล้าเอามีดมาแทงฉันเลย หากว่าฉันรู้ก่อนหน้านี้ก็คงจะจัดการอัดพวกมันให้น่วมไปแล้ว คุณย่ามันเถอะ เรื่องนี้ต้องห้ามพูดออกไปโดยเด็ดขาด ถ้าลูกชายฉันรู้ล่ะก็ โตขึ้นมาเขาจะต้องหัวเราะใส่ฉันอย่างแน่นอน ”

เสวี่ยเฉาเองก็กำลังหาวนอน

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ช่วยคนอื่นไปแล้วเขาก็ได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย ทางโรงเรียนเองก็ได้ละเว้นค่าใช้จ่ายให้เขาทั้งหมดซึ่งทำให้เขามีความสุขมากๆเพราะบ้านของเขาไม่ค่อยจะมีเงินมากมาย ขนาดค่านมลูกยังไม่ค่อยจะพอเลยด้วยซ้ำ

“ต้องหาเงิน ต้องหาเงิน !”

“ไอ้แก่คนนี้จะต้องหาเงินให้ได้ไม่เช่นนั้นหากลูกโตขึ้นก็จะต้องบอกว่าฉันไม่มีความสามารถอย่างแน่นอน รอให้ฉันได้ไปเรียนก่อนเถอะแล้วฉันจะไปหางานทำ ไม่ว่าจะเป็นแบกปูนแบกก้อนอิฐฉันก็จะทำ ไม่มีปัญหา…….ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ลูกๆที่อยู่ในภูเขาเองจะต้องไม่มีปัญหา ”

เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาเองก็ได้มองไปที่ห้องตรงกันข้ามซึ่งเป็นชายหนุ่มอายุไล่ๆกับเขา ผมที่ยาว ผิวที่ใสกระจ่างพร้อมกับสวมแว่นตาซึ่งครอบครัวของเขามาคอยอยู่นานแล้ว

ทันใดนั้นเขารู้สึกอิจฉาอย่างมาก เด็กที่ได้รับการเอาใจใส่มาตั้งแต่ยังเล็กๆ ดูแลมาอย่างดี ทำไมถึงต้องเอาญาติพี่น้องมามากมายขนาดนั้น ?

“เบื่อโว้ย !”

ความรู้สึกของเขาเองก็ปั่นป่วนพร้อมทั้งหันหน้ามองออกไปทางนอกหน้าต่างทันที

“ใครคือเสวี่ยเฉา ? ”

เสียงสำเนียงทางเหนือเองก็ได้ดังขึ้นที่หน้าประตูทางเข้า

เสวี่ยเฉาเองก็ชะงักไป เมื่อเขาเห็นว่ามีชายหนุ่มซึ่งอายุไล่เลี่ยกับเขากำลังเดินเข้ามามากมายนั้นก็ได้หยิบตะปูเหล็กที่อยู่ใต้หมอนทันที

“อย่าบอกนะว่าเป็นพรรคพวกของไอ้เปรตพวกนั้นมันจะมาแก้แค้นงั้นหรอ ? ”

หัวใจของเขาเองก็ได้มีความคิดนี้พร้อมทั้งประกายตาแห่งความเย็นชา

“ฉันเอง !”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้เดินไปที่เสวี่ยเฉาที่ผิวคล้ำพร้อมทั้งเนื้อตัวบวมปูดก่อนที่จะพูดออกมาทันที

“นายเองหรอเสวี่ยเฉา ? สวัสดีเพื่อน ดูเหมือนว่านายจะไม่เป็นอะไรมากนะ ฉันขอแนะนำตัวก่อนเลยว่าฉันชื่อว่าฮูชิงซ่งนายสามารถเรียกฉันว่าเจ้าแก่ฮูหรือชิงซ่งก็ได้ อ่อ เพื่อนฮูก็ดีนะ ”

หัวใจของเสวี่ยเฉาเองก็รู้สึกผ่อนควายทันทีหลังจากที่เห็นว่าพวกเขากำลังถือกระเช้าเข้ามาก่อนที่จะถามออกไปว่า

“พวกนายเป็นใครกัน ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ละลึกได้ว่าตัวเองลืมพูดอะไรไปจึงได้พูดออกมาด้วยท่าทางอึดอัดว่า

“เราเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นี่คือเยวี่ยไคส่วนนี่คือถังซิ่วและเพื่อนร่วมหอพักคนอื่นๆ นี่คือเซ่าเหลียง หยางฮู และซันเสี่ยวเขวียน ซึ่งอยู่ห้องตรงกันข้ามกับเรา ”

เพื่อนร่วมหอ ?

เสวี่ยเฉาเองก็ได้สำรวจพวกเขาพร้อมกับปล่อยมือออกจากตะปูเหล็กใต้หมอนพร้อมทั้งจับมือกับพวกเขาแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“สวัสดีเพื่อนๆ ฉันไม่คิดเลยว่าพวกนายจะมาเยี่ยมฉันถึงที่นี่ ”

เยวี่ยไคเองที่นั่งอยู่ข้างเตียงเองก็ได้พูดออกมาว่า

“นายเป็นเหมือนฮีโร่ในใจของพวกเราเลยนะ หลังจากที่ได้ยินวีรกรรมของนายแล้วเราก็ตกลงกันว่าจะมาเยี่ยมนาย ! เราจะต้องเป็นเพื่อนกันไปอีกตั้ง 4 ปีนะ ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ใช่แล้ว เราเป็นเพื่อนกันซึ่งไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนร่วมห้องเท่านั้น น่าเสียดายที่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงไม่เช่นนั้นฉันจะคงจะเป็นคนแรกที่ช่วยนายปลดปล่อย ”

“ค๊อก ค๊อก …….”

เสวี่ยเฉาเองถึงกับสำลักออกมาทันที เขามองไปที่เยวี่ยไคและฮูชิงซ่งด้วยความรู้สึกแปลกๆก่อนที่จะถอนหายใจ : เห้อนี่เหรอเพื่อนเรา ?

ถังซิ่วเองก็ได้เดินไปหาเขาพร้อมกับพูดว่า

“ที่นี่มีแค่นายคนเดียวงั้นหรอ ? ไม่มีคนเฝ้าเลย ?”

เสวี่ยเฉาเองก็ได้โบกมือพร้อมกับพูดว่า

“ฉันมาเรียนที่นี่คนเดียวแล้วทำไมจะต้องมีคนมาคอยดูแลด้วยล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นแผลนี้ก็เล็กน้อยมากๆ พักผ่อนอีก2วันก็คงจะกลับไปเรียนได้แล้ว ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“เดี๋ยวฉันจะบอกกับพยาบาลเองว่าอาหารและทุกอย่างที่นายต้องการจะให้คนมาดูแล ยิ่งไปกว่านั้นนายมีความต้องการอะไรก็สามารถบอกพวกเราได้ทุกเมื่อ ”

เสวี่ยเฉาเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า

“ไม่เป็นไร แผลนี่ยังโอเคอย่าได้เสียเงินเปล่าเลย ปีนี้ยิ่งหาเงินยากๆอยู่ด้วย ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงเพราะฉันจะจัดการให้เอง หากว่านายมีความต้องการอะไรก็บอกพวกเราได้เลย หากว่านายยังปฏิเสธอีกพวกเราก็เหมือนเป็นคนนอกสิ”

“นี่…..”

เสวี่ยเฉาเองก็ลังเลอยู่ก่อนที่สุดท้ายจะพยักหน้า

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เสวี่ยเฉา ได้ยินว่านายไปสู้กับอันธพาลมาสามคนงั้นหรอ ? ก่อนหน้านี้เคนฝึกวิทยายุทธมา ? ”

เสวี่ยเฉาเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า

“เปล่าหรอก บ้านของฉันนั้นอยู่ในภูเขาและต้องล่าสัตว์อยู่บ่อยๆ แม้ว่าฉันจะไม่เคยฝึกวิทยายุทธก็ตามแต่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาตั้งแต่เด็กๆ อย่าว่าแต่ไอ้สามคนนั่นเลย ต่อให้มาอีกสามฉันก็สู้พวกมันได้”

ล่าสัตว์ ?

ดวงตาของเยวี่ยไคเองก็เป็นประกายก่อนที่จะชื่นชมออกมาว่า

“สุดยอดไปเลย ฉันเองก็ได้ยินมาว่านายพรานเองแข็งแกร่งมากแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง พวกเรานี่มีแต่คนที่แข็งแกร่งจริงๆ เจ้าแก่ฮูเองก็เพิ่งจะไปช่วยสาวสวยจากเหล่าอันธพาลมาเหมือนกัน หลังจากนั้นพวกมันก็ตามมาล้างแค้นแต่ก็ถูกลูกพี่ถังแสดงอิทธิฤทธิ์ใส่จนอึราดกางเกงไปแล้ว ตอนนี้หากรวมพวกเราทั้งสี่แล้วก็เป็นพระวัชรปาณีโพธิสัตว์ทั้งสี่เลยก็ว่าได้”

พระวัชรปาณีโพธิสัตว์ทั้งสี่ ?

ถังซิ่วได้ถอยหลังกลับไปพร้อมทำเป็นไม่รู้จักเยวี่ยไคทันที

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เพื่อนเยวี่ย พูดอะไรเพ้อเจ้อ อยู่ได้ พระวัชรปาณีโพธิสัตว์ทั้งสี่อะไรกัน? มีแค่พวกเราสามคนเท่านั้นที่จัดการเหล่าอันธพาลพวกนั้นแต่ดูๆไปแล้วนายนี่ยิ่งโตก็ยิ่งงดงามเหมือนเจ้าหญิงนะ”

“มาต่อยกันไหม !!!! ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเยวี่ยไคเองก็โห่ร้องออกมาด้วยความโกรธทันที