…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ถังซิ่วไม่คิดเลยว่าฮั่งชิงหวูเองจะถามอะไรมากจึงได้ตอบกลับไปว่า
“เป็นคนรู้จักกันตอนที่ได้ไปจินซิตี้แล้วคลุกคลีกันนิดหน่อย”
“เพราะคลุกคลีกันนิดหน่อยแล้วจะขอให้เขาอนุญาตงั้นหรอ ? เท่าที่ฉันรู้คือเขาเป็นคนที่พูดด้วยยากอย่างมาก ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้แสดงสีหน้าเหมือนว่ารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเหล่ใบยี่
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“คุณเองก็รู้จักกับเขาด้วยงั้นหรอ ? ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“มันไม่เรียกว่าสนิทหรอกนะจริงๆแล้วฉันสามารถย้ายเข้ามาอย่างราบรื่นแต่เป็นเพราะเขา……….”
ถังซิ่วได้มองไปที่เธอพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไงต่อ ? ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า
“ช่างมันเถอะ ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว หากว่าเธอต้องการจะลาจริงๆก็ต้องหาเหตุผลเหมาะๆด้วย ฉันจะหาวิธีช่วยแต่เท่าที่ฉันรู้คือแม้ว่าจะเป็นอาจารย์หรือโปรเฟสเซอร์เองก็ไม่มีสิทธิก้าวก่ายการฝึกทหารได้ ”
ถังซิ่วได้เงียบไปก่อนที่จะพูดอกมาว่า
“ผมจะลองดู หากว่าสามารถลาได้ก็คงจะดีหากว่าไม่ผมก็จะเข้าร่วมการฝึก”
“อื่มมม”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งถามว่า
“เธอจะทำอะไร กลับไปที่ห้อง ? …….”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ที่ห้องยังมีเรื่องอะไรอีกงั้นหรอ ? ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า
“ตอนนี้ยังไม่มี ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ในเมื่อยังไม่มีอะไรงั้นผมก็ไปก่อนแล้วกัน ผมคิดว่าจะไปที่ห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือบางอย่าง อ่อใช่ ที่นี่สามารถยืมหนังสือเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหม ? ”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ใช่แล้ว”
ถังซิ่วได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งโบกมือแล้วพูดว่า
“งั้นผมไปที่ห้องสมุดก่อนแล้วกัน คุณก็ไปทำอะไรที่คุณจำเป็นต้องทำเถอะ ”
หลังจากผ่านไป 20นาที
ถังซิ่วก็ได้ไปถึงที่ห้องสมุดและสิ่งที่ทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออกคือมันกว้างเป็นอย่างมาก มากยิ่งกว่าที่เขาเคยเข้าไปตอนยังอยู่ที่เมืองสตาร์ซิตี้หลายเท่า จากห้องเรียนมาถึงห้องสมุดนี้ต้องใช้เวลาเดินทั้งหมดกว่า20นาที
ณ ตอนนี้ นักศึกษาที่อยู่ตรงทางเข้าเองก็มีจำนวนน้อยมากๆหากเทียบกับที่อื่นๆ หลังจากที่ถังซิ่วเดินเข้าไปแล้วก็เห็นกับแถวหนังสือยาวเหยียดที่อยู่ในห้องโถงซึ่งทำให้เขาต้องตกตะลึง
“สวัสดีครับ ผมเป็นเด็กนักเรียนปีหนึ่งและต้องการจะมายืมหนังสือครับ ”
ถังซิ่วได้เดินไปที่พนักงานซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนก่อนที่จะพูดกับเธอ
หญิงวัยกลางคนเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“สวัสดีค่ะ ตอนนี้นักศึกษาหน้าใหม่ยังไม่สามารถยืมหนังสือได้ชั่วคราวแม้ว่าเธอจะได้รับการลงชื่อจากโรงเรียนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้จัดการเรื่องบัตรเข้าห้องสมุด หากว่าเธอต้องการที่จะยืมบ่อยๆก็สามารถส่งเอกสารให้กับเราแล้วทางเราจะจัดการเรื่องบัตรให้กับเธอเอง”
ถังซิ่วได้พูดออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นานว่า
“จำเป็นต้องใช้เอกสารอะไรบ้างครับ ผมจะให้ไปเดี๋ยวนี้ ”
“ดีค่ะ ”
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที
ถังซิ่วเองก็ได้ยื่นเอกสารไปทั้งหมดก่อนที่จะเข้าไปในห้องสมุด ความรู้ก็เปรียบเสมือนสารอาหาร ยิ่งเรียนรู้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเข้าใจขึ้นมากเท่านั้น แม้ว่ามันจะไม่สามารถเทียบได้กับดาราศาสตร์หรือภูมิศาสตร์แต่การมีความรู้เก็บเอาไว้ก็จะทำให้เขาเดินไปบนเส้นทางต่างๆได้ราบรื่นขึ้น
11โมง
หลังจากที่ถังซิ่วอ่านหนังสือแล้วก็ได้ถามถึงที่อยู่ของสำนักงานเหล่ใบยี่
“ถังซิ่ว ? ”
ในห้องสำนักงาน เหลี่ใบยี่กำลังนั่งส่องหินก้อนหนึ่งด้วยแว่นขยายแต่เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วเขาจึงได้เงยหน้าขึ้นมาทันที
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ผมมารบกวนโปรเฟสเซอร์เหล่หรือเปล่า ? ”
เหล่ใบยี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มขณะที่ลุกออกมาจากโต๊ะอย่างรวดเร็วว่า
“มันดีมากเลยที่เธอมาหาฉัน ฉันดีใจจนบอกไม่ถูกแล้ว ถังซิ่วเราไม่ได้เจอกันมากว่าสองเดือนแล้วใช่ไหม ? ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ก็น่าจะประมาณนั้นนะ ”
หลังจากที่เหล่ใบยี่ได้เชิญให้ถังซิ่วนั่งแล้วก็ได้ไปชงชามาด้วยตัวเองก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“โชคดีจริงๆเลยที่ฉันเจอเธอที่จินซิตี้ไม่เช่นนั้นก็ไม่คิดว่าโรงเรียนของเราจะได้รับผู้มีพรสวรรค์อย่างเธอ เป็นไงบ้าง ? รายงานตัวแล้ว ? แล้วยังมีอะไรไม่เรียบร้อยไหม ? บอกฉันมาสิแล้วฉันจะจัดการให้เอง”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“จริงๆแล้วที่ผมมาในวันนี้ก็มีเรื่องที่จะขอให้คุณช่วยด้วยกันสองอย่าง”
เหล่ใบยี่ที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ว่ามาสิ ตราบใดที่ฉันช่วยได้ฉันก็จะไม่ปฏิเสธแน่นอน”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“โปรเฟสเซอร์เหล่ ผมมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องไปจัดการในตอนนี้และไม่สะดวกที่จะเข้ารับการฝึกทหาร ช่วยเปิดช่องทางให้ผมหน่อยได้ไหม ? ”
คิ้วของเหล่ใบยี่ได้ยกตัวขึ้นก่อนที่จะถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“เธอจะไปทำอะไร ? ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ต้องไปที่เกาะจิงเหมินเพื่อจัดการเรื่องสำคัญบางอย่าง”
เหล่ใบยี่เองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า
“เรื่องนี้สามารถจัดการได้ หัวข้อที่ฉันศึกษาอยู่ในช่วงนี้เองก็ต้องไปที่ทะเลทางใต้เพื่อลงสำรวจ ฉันจะใส่ชื่อของเธอลงไปในทีมสำรวจด้วยแล้วกัน แล้วมีอะไรอีกบ้าง ? ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ได้ยินมาว่าเด็กปี1 ต้องอยู่ที่หอพัก ช่วยละเว้นผมหน่อยได้ไหม ? แน่นอนว่าผมอาจจะมานอนที่โรงเรียนอยู่แต่……”
เหล่ใบยี่เองก็ได้โบกมือพร้อมกับพูดว่า
“อย่าไปฟังเรื่องเหลวไหลจากคนอื่นหน่า หากว่าเด็กปี1ไม่ต้องการจะอยู่ก็สามารถไปอาศัยอยู่นอกโรงเรียนได้ นี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันแล้วกัน”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยความซึ้งใจว่า
“ขอบคุณมากโปรเฟสเซอร์เหล่ ตอนบ่ายว่างไหม ? ผมจะได้เลี้ยงข้าวคุณ ”
เหล่ใบยี่เองก็ได้ปรบมือด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามฉันเลี้ยงเองเพราะฉันเองก็ยังไม่ได้เลี้ยงต้อนรับเธอเลย หากว่าเจ้าแก่ที่เมืองจินซิตี้รู้ล่ะก็เขาจะต้องหักกระดูกฉันแน่นอน ไปกันเถอะ เราไปที่ร้านอาหารทงฟูแล้วกัน ฉันเป็นลูกค้าประจำของที่นั่น ”
ถังซิ่วได้ยิ้มออกมา
เลี้ยง
เขาคงจะให้เหล่ใบยี่เลี้ยงไม่ได้เพราะเขาเป็นคนที่มาขอความช่วยเหลือ
หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วนั้นเหล่ใบยี่เองก็ได้ชวนให้เขาดื่มชา หลังจากนั้นก็ได้กลับมาที่ห้องสมุดของมหาลัยอีกครั้ง หลังจากที่อ่านหนังสืออยู่1ชั่วโมงเขาก็กลับไปที่ห้องเรียน
ณ ตอนนี้นักเรียนภายในห้องเองก็มีมากกว่าเมื่อเช้ามาก ขาดไปแค่10คนเท่านั้นซึ่งการมาถึงของถังซิ่วเองก็ได้ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาก่อนที่จะแอบนินทากันโดยคิดว่าถังซิ่วจะไม่ได้ยิน
“เพื่อนถัง มานี่ ”
เซ่าเหลียงเองก็ได้ยืนขึ้นพร้อมโบกมือเรียกถังซิ่ว
ถังซิ่วได้เดินไปนั่งพร้อมกับได้ยินเซ่าเหลียงพูดออกมาว่า
“ลูกพี่ถัง ตอนนี้เรามั่นใจแล้วว่าครูฮั่นมาสอนที่นี่ก็เพราะนาย หลังจากที่นายออกจากห้องไปแล้วก็ทำให้เธอใจลอยทันทีก่อนที่จะออกจากห้องไป ”
คิ้วของถังซิ่วได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“บางทีเธออาจจะมีเรื่องที่ต้องทำก็เป็นได้ เอาล่ะเรามาเปลี่ยนหัวข้อกันเถอะ ใครรู้บ้างว่าใครเป็นหัวหน้าห้องของรุ่นพี่เรา ? ”
เยวี่ยไคเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า
“นายถามไปทำไมกัน ? ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“เพราะเธอได้ยืมหนังสือที่ฉันต้องการ ฉันเองก็ต้องการที่จะยืมเช่นกัน หากว่ามันไม่สามารถทำได้ฉันก็จะออกไปซื้อด้านนอก ”
เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ยืมอะไรกัน ไปซื้อเลยดีกว่า บอกฉันมาสิว่าอยากจะได้หนังสืออะไรและจดมันมาให้หมด หลังจากที่เราออกไปด้านนอกในช่วงบ่ายแล้วฉันจะไปซื้อให้นายเอง ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“งั้นซื้อใหม่ก็ได้ หลังจากที่ออกไปในช่วงบ่ายแล้วฉันจะเลี้ยงข้าวพวกนายเอง ”
เยวี่ยไคเองก็ได้ยกนิ้วโป้งขึ้นมาชื่นชมว่า
“ลูกพี่ถังนี่ใจดีจริงๆ เราจะไปทานอาหารที่ไหนกัน ? ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไปที่ร้านอาหารทงฟูก็ได้ ฉันคิดว่าอาหารที่นั่นก็ดีใช้ได้ ”
เยวี่ยไคเองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า
“ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามนายกระเป๋านูนหรือเปล่า ? หากว่าใช่ก็ไปเรียกเซ่าเหลียงมาแล้วเรา 7 คนจะไปดื่มกัน”
ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมพูดว่า
“เอางั้นก็ดี ”
เยวี่ยไคเองก็ได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า
“นายได้ยินข่าวนี้หรือยัง ? เพื่อนร่วมหอพักของเราที่ยังไม่มานั้นได้ผดุงคุณธรรมและถูกรุมทำร้ายโดยกลุ่มอันธพาลจนต้องเข้าโรงพยาบาล ได้ยินมาว่าอาการบาดเจ็บก็ไม่ได้ร้ายแรงนักทว่าคงมาเรียนไม่ได้สักพัก อิจฉาเขาจริงๆที่ไม่ต้องมาฝึกทหาร”
ผดุงความยุติธรรม ?
บาดเจ็บ ?
ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรอ ? ”
เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาว่า
“เพื่อนคนนั้นได้ไปเจอเข้ากับโจรที่ชิงทรัพย์แม่ของเจ้านายเขาแต่ก็ถูกแทงโดยพวกมัน แต่เพราะเขากลัวที่จะมารายงานตัวสายดังนั้นจึงได้กดแผลไว้แล้วมาถึงหน้าโรงเรียนเรา ได้ยินว่าหลังจากที่พนักงานที่ประจำอยู่ที่จุดลงทะเบียนเห็นก็รีบแจ้งตำรวจทันที หลังจากที่ตำรวจได้สืบสวนแล้วก็พบว่าเขาผดุงความยุติธรรมและได้รับบาดเจ็บจากโจรเหล่านั้น อ่อใช่ แม่ของเจ้านายเขาเองก็ได้ทำป้ายเชิดชูเกียรติมาให้โรงเรียนเราด้วยนะ ”
ถังซิ่วเองก็ได้แสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ดูเหมือนว่าเพื่อนของเราคนนี้จะเป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริง เราหาเวลาไปเยี่ยมเขากันไหม ? ”
เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาว่า
“จริงๆแล้วพวกเราเองก็ได้ตกลงกันว่าจะไปเยี่ยมเขาตอนบ่าย”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“งั้นไปด้วยกันเลยแล้วกัน”
ณ ตอนนี้
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้เดินเข้ามาในห้อง หลังจากที่เธอกวาดตามองแล้วเห็นถังซิ่วนั้นก็ได้แสดงรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“เด็กๆที่เพิ่งจะมารายงานตัว ฉันชื่อว่าฉั่นชิงหวู เป็นครูประจำชั้นของพวกเธอ ”
ทันใดนั้น นักเรียนที่เพิ่งมารายงานตัวเองก็ได้เขียนชื่อและเบอร์โทรให้ไว้แก่ฮั่นชิงหวู
“ก๊อก ก๊อก ….”
ประตูห้องเรียนได้ถูกเคาะพร้อมทั้งสายตาของทุกคนเองก็ได้จับจ้องไปที่ประตู อย่างไรก็ตามหญิงสาวต่างๆที่มองไปหน้าประตูเองก็ถึงกับชะงักไปทันที
งดงาม !
งดงามมากๆ !
ใครหลายคนในห้องเองก็แทบจะไม่เคยเห็นใครที่งดงามขนาดนี้มาก่อน
“เธอมีอะไรงั้นหรอ ?”
ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ถามออกมาทันที
“ฉันมาหาถังซิ่ว”
หญิงสาวคนนั้นเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม