เขี้ยวอสูรหิมะที่กำลังเปล่งแสงและค่อยๆกลายเป็นลำแสง ในชั่วขณะที่ลอยค้างกลางอากาศเพื่อสะสมพลังงานเพื่อใช้ในการโจมตี แล้วปลดปล่อยลำแสงสังหารแต่ดูราวกับลำแสงที่มาจากสรวงสวรรค์ ช่างสวยงามและศักดิ์สิทธิ์เมื่อลำแสง(เลเซอร์ดีๆนี่เองเผื่อใครนึกไม่ออก)วิ่งตัดผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงิน อย่างไรก็ตามก็เปี่ยมไปด้วยออร่าที่น่าสะพรึง
กงจักรจันทราถูกปล่อยให้ลอยสูงขึ้น ยามที่จันทราสีเงินหมุนควงนั้นราวกับทะเลที่มีแสงตะวันตกกระทบ ทั้งยังเปล่งประกายที่ดูสงบและหลุดพ้น
เป่ยเฟิงและเด็กน้อยต่างก็กำลังเข้าห้ำหั่นกัน หนึ่งเด็กหนุ่มผู้มีอาร์ติแฟ็กโบราณเป็นอาวุธ ในขณะที่อีกหนึ่งเด็กน้อยผู้ใช้วิชาโบราณ ลำแสงแตกกระจายราวกับห่าฝนและมีเสียงเสียดแก้วหูดังอย่างต่อเนื่อง สั่นสะท้านไปทั้งหุบเขา
มีลำแสง(เลเซอร์)ประมาณ42เส้นที่กำลังร่ายรำอย่างกลางอากาศ ก่อนที่ลำแสงเหล่านั้นจะรวมตัวจนคล้ายดาวตกที่กำลังตกจากฟากฟ้าเปล่งประกายงดงาม จะสวยงามแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นอาวุธสังหารอยู่ดี
แซ่ด..
คล้ายเสียงที่ทำให้แก้วสั่นไหวตามด้วยเสียงที่เหมือนบางอย่างกำลังโดนบดให้เป็นฝุ่น หินผาสูงใหญ่กว่าเจ็ดเมตรถูกเจาะทะลวงเป็นรูโหว่ ไร้ทางต่อต้าน
สีหน้าของเด็กน้อยยังคงหนักแน่นไม่สั่นคลอน แม้ว่าเขาจะใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วก็ตาม เด็กน้อยสร้างกงจักรสีเงิน(ใครนึกไม่ออก ให้คิดถึงคุริลินนะครับ)ขึ้นมาสองวง วงหนึ่งใช้ปกป้องตนเอง อีกวงใช้ตอบโต้กลับด้วยเจตนาสังหารอย่างเห็นได้ชัด เคร้ง เคร้ง เสียงเสียดแก้วหูที่เกิดจากการปะทะกันอย่างน่าหวาดเสียว
ราวกับเป็นการต่อสู้กันของเทพสวรรค์ ประกายแสงโชติช่วงที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันของจันทราสีเงินและแสงพิรุณ(เอาอันนี้แหละ)ทำให้ทั่วทุกที่ถูกพรมด้วยความงดงามอันศักดิ์สิทธิ์ที่ตัดกับแสงตะวันตกดินกลายเป็นเหมือนไอหมอกจากสรวงสวรรค์ดูล้ำค่า
ครืน ครืน..
เสียงสั่นสะเทือนที่เกิดจากลำแสงเหล่านั้นย้อนกลับไปทิศทางเดิมก่อนจะกลายเป็นกำไลเขี้ยวอสูรหิมะดังเดิมที่ประกอบด้วยเขี้ยวที่มีขนาดเท่าเมล็ดธัญพืชที่ดูคล้ายอัญมณีเรียงตัวกันอย่างสวยงามที่ข้อมือของเป่ยเฟิง
สิ่งประดิษฐ์โบราณชิ้นนี้ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว สามารถสังหารผู้คนได้อย่างไร้ทางป้องกันถึงแม้จะเห็นอยู่ตรงหน้าก็ตาม นับว่าเป็นอาวุธที่ถูกสร้างมาอย่างปราณี ซึ่งหากดูเพียงภายนอกจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านี้อาวุธสังหารที่ร้ายกาจ
“เจ้าไม่ได้ใช้สิ่งประดิษฐ์โบราณนี่ จ..จ.เจ้าใช้พลังของตำรากระดูก!!??” เป่ยเฟิงทั้งตกตะลึงและมึนงง นับว่าเป็นการเปลี่ยนสีหน้าครั้งแรกของเด็กหนุ่ม เจ้าเด็กนั่นสามารถเข้าใจและครอบครองวิถีแห่งพลังลี้ลับนั่นได้ จะน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว
“อะไรนะ!!??” ไกลออกไป บรรดาผู้คนจากหมู่บ้านหมาป่าอยู่อาการตกตะลึง แต่ละคนจ้องไปที่เด็กน้อยด้วยสายตาหวาดหวั่นราวกับเห็นสัตว์ประหลาด
“เป่ยเฟิงฆ่ามันซะ เราต้องไม่ปล่อยให้เด็กนั่นรอดไปได้” เป่ยหลี่ชิงผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านหมาป่าออกคำสั่ง
“เจ้าหนูระวังตัวด้วย นั่นคือสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับมาจากวิญญาณพิทักษ์ของพวกมัน มันทำให้พวกมันสามารถใช้สิ่งประดิษฐ์ได้ทันทีแม้ว่าจะไม่เข้าใจในตำรากระดูกก็ตาม” ฉีหยุ่นเฟิงกล่าวเตือนเด็กน้อยโดยที่มือยังคงรักษาอินทรีเกล็ดมรกตอย่างรวดเร็ว อักขระที่เปล่งแสงบนแขนของชายแก่เพื่อกระตุ้นโอสถที่ใช้รักษาบาดแผล
“ครั้งนี้ข้าจะไม่ละเว้นเจ้า” ในช่วงเวลาแค่เพียงหนึ่งวัน ฉีเฮ่าได้รับบทเรียนและประสบการณ์มากมาย สังเกตได้จากสีหน้า กำปั่นที่กำแน่น และโทนเสียงที่มั่นคง
“แม้ยังเด็กแต่กลับเข้าใจในวิถึแห่งพลังลี้ลับของตำรากระดูกทั้งยังเข้าใจได้ลึกซึ้งมากกว่าเผ่าที่ยิ่งใหญ่หลายเผ่า นับว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง” เป่ยเฟิงรักษาความเยือกเย็นและยิ้มอย่างเยือกเย็นกล่าวว่า “แย่หน่อยนะ ที่เจ้าอายุไม่ยืน”
หึ่ง..
กำไลเขี้ยวอสูรหิมะแตกตัวหายไปอีกครั้ง พวกมันกลายเป็นลำแสงลอยค้างกลางอากาศโดยมีเป้าหมายคือฉีเฮ่า
ตอนนั้นเอง ลำแสงรวมตัวกลายเป็นรูปร่างคล้ายหมาป่ากระโจนตัวไปข้างหน้า จากนั้นก็อ้าปากที่ขนาดยักษ์เผยให้เห็นคมเขี้ยวที่น่าหวาดหวั่นราวกับจะกลืนกินเด็กหน้าที่อยู่ตรงหน้า
เคร้ง!!
จันทราสีเงินหมุนควงตัดเข้าหาสัตว์ร้าย เกิดเสียงหวีดหวิวในอากาศ เปล่งประกายสุกปลั่งแลดูสงบ สองพลังเข้าปะทะกันเกิดประกายแสงวิ่งพล่านไปทั่วทั้งบรรยากาศ

“ช่างเป็นวิชาที่ทรงพลังนัก ราวกับกำลังใช้สิ่งประดิษฐ์โบราณเลยททีเดียว ที่สำคัญยังเด็กจนน่ากลัว หากเติบโตขึ้นคงมีสมาคมใหญ่ๆมากมายต้องการตัวอย่างแน่นอน เราต้องไม่ฆ่ามันให้ได้” หัวหน้าหมู่บ้านหมาป่าคำรามด้วยเจตนาต้องการกำจัดฉีเฮ่าและเกลียดชัง ความมีเมตตาไม่สามารถทำให้มีชีวิตยืนยาวได้ ขอแค่เพียงสังหารเด็กนั่นได้แล้ว เขาถึงจะรู้สึกสงบ
ฟู่..
เปลวไฟพุ่งสู่สวรรค์และสัตว์ร้ายก็คืนร่าง ประกายแสงที่ประกอบเป็นส่วนต่างๆ ทั้งกรงเล็บ ปากสีแดงโลหิต หัวสีทองแดงและหลังที่เป็นเหล็กกล้าต่างก็หายไป กลายเป็นลำแสงที่แหลมคมพุ่งเข้ามาเด็กน้อย
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้สร้างมาจากเขี้ยวสัตว์ร้ายสี่สิบสองอัน พวกมันสามารถรวมตัวและกระจายตัวได้ซึ่งทำให้สามารถใช้โจมตีได้อย่างหลากหลาย จนแทบจะไร้การป้องกัน
ในตอนนี้เด็กน้อยสร้างจันทราสีเงินขึ้นมาสองวง เด็กน้อยสั่นสะท้ายไปด้วยความเหนื่อยล้าเนื่องจากต้องต่อสู้กับสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับมาจากวิญญาณพิทักษ์ของพวกมัน
“แบบนี้จะป้องกันได้อีกรึไม่”  เป่ยเฟิงเย้ยหยันแล้วเริ่มสวดคาถาได้เรียนมาจากวิญญาณพิทักษ์ เขี้ยวของสัตว์ร้ายกลายเป็นอาวุธที่มีรูปร่างเหมือนกรงเล็บและหัวของสัตว์ร้ายที่ลักษณะเหมือนของจริง
เคร้ง!!
จันทราสีเงินเข้าปะทะกับกรงเล็บและคมเขี้ยว ปะทะกันไปมาจนกระทั่งกงจักรถูกทำลายเป็นชิ้นๆ ในขณะที่อีกด้านก็ถูกทำลายจนคืนรูปแบบเป็นลำแสงและกระเด็นออกไป
ไกลออกไป เป่ยเฟิงอยู่ในสภาพตกตะลึงและก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว นั่นเป็นเพราะเด็กน้อยใช้การเคลื่อนไหวลี้ลับพุ่วเข้าหาเด้กหนุ่มเด็กเจตนาฆ่าฟัน
ห่าฝนลำแสงกลับเข้ามารวมตัวกันก่อนจะพุ่งกลับมาป้องกันที่เบื้องหน้าร่างของเป่ยเฟิง สีหน้าของเด็กหนุ่มกลับมาสงบ “หากเจ้าเร็วจริง เจ้าจะเร็วเท่าสิ่งประดิษฐ์โบราณหรือเปล่า”
เด็กน้อยไม่ได้ตอบและดำเนินการโจมตีต่อ กงจักรสีเงินสองวงถูกปล่อยเข้าฟาดฟันศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
ในเวลานั้นเอง เขี้ยวทั้งสี่สิบสองอันลอยตัวแล้วเปล่งประกายแสงสุกสว่างจากนั้นก็เชื่อมเข้าหากันกลายเป็นชุดเกราะสวมอยู่บนตัวของเป่ยเฟิง
กงจักรยังคงเข้าปะทะอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ก็ไม่สามารถตัดผ่านร่างของเป่ยเฟิงได้ เขี้ยวทั้งสี่สิบสองเชื่อมต่อกันอย่างแข็งแกร่งและเหนียวแน่นกลายเป็นเกราะแห่งแสงสว่าง

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขี้ยวสัตว์ร้ายบางส่วนได้แยกตัวและกำลังกลายเป็น มีดสั้น ลูกธนูและอาวุธอื่นๆแล้วยิงเข้าหาเด็กน้อยอย่างน่าหวาดเสียว
เคร้ง เคร้ง..
จันทราสีเงินเริ่มจางลง และตัวของฉีเฮ่าก็ถูกกระแทกไปข้างหลัง
“ในที่รกร้างแห่งนี้ ข้าคืออัจฉริยะ แต่การดำรงอยู่ของเจ้าทำให้มันบิดเบี้ยว เพราะฉะนั้นข้าจะจบชีวิตที่แสนสั้นของเจ้าเอง” เป่ยเฟิงก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่เย่อหยิ่ง
จากการพึ่งพาสิ่งประดิษฐ์โบราณช่วยปกป้องร่างของตนเอง เด็กหนุ่มไม่มีความกลัวต่อกงจักรสีเงินทั้งสองวงเลยแม้แต่น้อย หนึ่งในเขี้ยวสัตว์ร้ายได้ลอยออกมาแล้วเปล่งแสงกลายเป็นมีดสั้นมากมายพุ่งเข้าหาเด็กน้อยอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่เด็กในช่วงเวลาที่เขาสังหารใครซักคน เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์ทำให้นิสัยตามธรรมชาติของเขาเป็นดื้อรั้นและยึดติด เพราะฉะนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่มีความรู้สึกผิดบาปเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มด้วยซ้ำ
“ทลาย!!”
เด็กน้อยเอ่ยความเย้ยหยันเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนขี้ขนาด แม้ว่าสิ่งประดิษฐ์โบราณจะแข็งแกร่งแต่นั่นไม่ได้ทำให้เด็กน้อยหวั่นไหวและยังคงใช้เคล็ดวิชาโบราณอย่างต่อเนื่อง
ตูมม
วงจักรสีเงินสองวงหมุนควงประสานกันกลายเป็นแสงจ้าแล้วระเบิดออกมา เกิดเป็นเสียงร่ำร้องที่โกรดเกรี้ยวของวิหคเงาปีศาจก้องกังวานฝ่าอากาศไปถึงอีกฝั่งไกลๆ เศษหินมากมายปลิวกระจายไปสู่หมู่เมฆโดนสำเนียงสั่นสะท้านไปถึงแกนใน
จันทราสีเงินระเบิดกลายเป็นเงาคลุมเครือสองส่วนที่พุ่งสอดประสานเข้าด้วยกัน นับเป็นภาพที่ไม่สามารถจินตนาการได้(ผมเห็นด้วย) แล้วเปลี่ยนรูปร่างเป็นวิหคอสูรที่กำลังกระพือปีกพุ่งเข้าเป่ยเฟิง
ตูม!!
ราวกลับค้อนวิเศษฟาดทำลายพื้นด้านล่าง เป่ยเฟิงกระอักเลือดออกมาอย่างไม่รอช้าในขณะที่ร่างของเด็กหนุ่มโดนกระแทกปลิว สิ่งประดิษฐ์บนร่างเด็กหนุ่มจางลงเล็กน้อย เขี้ยวทั้งสี่สิบสองชิ้นแตกกระจายหายไปจากร่างของเด็กหนุ่ม
สีหน้าของเป่ยเฟิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือดระคนตื่นตระหนก นี่คือสิ่งประดิษฐ์โบราณที่ได้รับมาจากวิญญาณพิทักษ์ไม่ใช่หรือ แต่กลับถูกทำลายเพราะเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง
ท่ามกลางช่วงเวลาวิกฤต เด็กน้อยกลับทลายขีดจำกัดของตนและพัฒนาความเข้าใจต่อเคล็ดวิชาโบราณของตน ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป เขากระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วใช้เท้าคู่เล็กๆของตนดรอบคิกใส่ใบหน้าของเป่ยเฟิง
ตูม!!
แม้ว่าเด็กน้อยจะมีรูปร่างเล็ก แต่พละกำลังของเขาช่างน่าตื่นตระหนกนัก ด้วยกระโดดพียงครั้งเดียวเด็กน้อยกลับลอยตัวกลางสูงหลายเมตรแล้วทิ้งตัวลงมาถีบใส่ใบหน้าเป่ยเฟิงอย่างหนักหน่วง ช่างเป็นกระบวนที่น่าสะพรึงกลัวนัก
ครึ่ก!
กรามซ้ายของเป่ยเฟิงบุบเข้าไป กระดูกของเขาหักแน่นอน ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดและดวงตามีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย  และเด็กหนุ่มก็ปลดปล่อยเสียงโหยหวนดั่งหมาป่าออกมา
ตูม!!
ฉีเฮ่าพลิกตัวโดยใช้ใบหน้าเป่ยเฟิงเป็นฐานแล้วถีบไปที่หน้าอกด้วยแรงที่ไม่อาจประเมิน ทำให้กระดูกบริเวณหน้าอกหักทันที หลักจากนั้นก็มีเสียงแตกหักดังออกมาติดๆกัน
ก่อนหน้านั้นเป่ยเฟิงพึ่งจะรอดชีวิตจากการโดนรุมกระทืบโดยผู้คนจากหมู่บ้านศิลาทั้งยังไม่หายดี ในตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเด็กหนุ่มได้รับการกระแทกจากการกระเด็นไปกับพื้น ทำให้เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุด อาการของเป่ยเฟิงในตอนนี้ย่ำแย่ถึงขีดสุด
เป่ยเฟิงแทบจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด รูปร่างของเขาในตอนนี้แทบจะไม่เหมือนคนอยู่แล้วเพราะฉีเฮ่าใช้ร่างของเขาเป็นเบาะรองในขณะที่หล่นลงพื้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเด็กหนุ่มแนบไปกับพื้นและร่างซีกขวาของเขากระดูกแตกละเอียดอย่างสมบูรณ์ เลือดไหลออกมาที่มุมปากอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ไม่มีใครคิดว่าเด็กน้อยจะเด็ดขาดถึงเพียงนี้ ในช่วงเวลาที่คับขันกลับใช้เคล็ดวิชาที่น่าเกรงขามทำลายพลังของสิ่งประดิษฐ์โบราณที่ได้รับมาจากวิญญาณพิทักษ์ ช่างเป็นพลังที่สั่นสะเทือนได้ทั้งสวรรค์เลยทีเดียว
“หยุดนะ!!”
“รีบยึดสิ่งประดิษฐ์ไว้เร็ว!!”
หัวหน้าหมู่บ้านเป่ยหลี่ชิงและหัวหน้านักล่าเป่ยฉานตะโกนออกมาพร้อมกัน ตัดกับเสียงตะโกนจากหัวหน้าหมู่บ้านศิลาฉีหยุ่นเฟิง
เด็กน้อยสะบัดมือดึงจันทราสีเงินให้ดึงสร้อยข้อมือเขี้ยวอสูรหิมะมาหาตน
สร้อยข้อมือเส้นสวมงามยิ่ง เขี้ยวทั้งสี่สิบสองชิ้นเงางามดั่งไข่มุกและมีประกายแสงแปรบปราบแล่นอยู่ตลอดเวลาดูงดงามและศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเดียวกัน ส่วนประกอบทั้งหมดนี้ขับเน้นให้สร้อยเส้นนี้งดงามและมหัศจรรย์
เด็กน้อยจัดการสวมเข้าที่ข้อมือทันทีที่เห็นมัน หลังจากเห็นเช่นนี้ ผู้คนจากหมู่บ้านหมาป่าต่างโกรธเกรี้ยวและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน นี่เป็นสมบัติที่สำคัญต่อหมู่บ้านของพวกเขาแต่กลับถูกเด็กน้อยผู้หนึ่งขโมยไปต่อหน้าต่อตา
เป่ยเฟิงกรีดร้องอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของฉีเฮ่าที่ทำให้กระดูกเกือบทั้งร่างแตกหัก ยิ่งได้เห็นภาพเช่นนี้ยิ่งทำให้พวกเขาโกรธยิ่งกว่าเดิมแล้วพากันพุ่งเข้าหาเด็กน้อย
ฉีเฮ่าตอบสนองด้วยกระทืบเท้าลงบนร่างเด็กหนุ่มอีกดอกนึง ทำให้กระดูกครึ่งหนึ่งในร่างแตกหักทันที โดยไม่ต้องก้มลงไปมองเด็กน้อยใช้กงจักรจันทราตัดลงไปอย่างไม่ลังเล เสียงเหมือนของเหลวที่ไหลออกมา ใช่แล้ว!!เลือดกระฉูดออกมาจากแขนและขาทั้งสองข้างของเป่ยเฟิง
“อ๊า….” เป่ยเฟิงกรีดร้องราวกับสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งโหยหวนและทรมาน อัจฉริยะจบสิ้นแล้ว แม้จะไม่ตาย แต่ทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก
“ท่านวิญญาณผู้พิทักษ์ ทำไมท่านถึงยังมาไม่ถึงอีก ได้รีบมาโปรดเถิด” ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านในตอนนี้ซีดเผือดจนไร้สีเลือด
ณ ใจกลางหุบเขา ฮู่ม ฮู่ม.. เสียงก้องกังวานของดังสะท้อนออกมา เป็นการประกาศตนว่าตนมาถึงแล้วของสิ่งมีชีวิต รังสีฆ่าฟันแผ่ออกมาสั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน
“หลิงหู่ เฟยเฉียว เจ้าสองพร้อมแล้วใช่ไหม หากวิญญาณพิทักษ์กล้าออกมา ฆ่ามันให้เหี้ยน!!” ฉีหยุ่นเฟิงตะโกนออกมา

 

 

ถามว่าค้างไหม ค้างเหมือนเดิม รอต่อไปครับ เดียวตอนนี้จะรีบลงและแปลให้