“เจ้าคิดจะสังหารวิญญาณพิทักษ์รึ? เจ้ากล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร!!” สีหน้าของเป่ยหลี่ชิงเปลี่ยนเป็นดำมืด อัจฉริยะเป่ยเฟิงกลายเป็นคนพิการและอาร์ติแฟกยังมาถูกช่วงชิง นับว่าเป็นการพ่ายแพ้ที่หนักเหลือเกินสำหรับหมู่บ้านหมาป่า
“หากมันกล้าโผล่หัวมา พวกเราก็กล้าสังหาร!!” ฉีหยุ่นเฟิงตะคอกกลับอย่างดุดัน ชายแก่กำลังโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก
ท้องฟ้าในตอนนี้เข้าสู่ความมืดมิดไปนานแล้ว ผืนป่าแผ่ความเยือกเย็นและวังเวงออกมา กลิ่นคาวเลือดลอยอ้อยอิ่งไปในอากาศและเข้าสู่สัมผัสการดมกลิ่นของทุกคน
“บรู้วววว..” ทุกๆที่เต็มไปด้วยเสียงสัตว์ร้ายกำลังเห่าหอน บรรยากาศอันแสนเย็นเยียบแผ่ขยายจนทำให้หลายคนต้องคนหัวลุก ราวกับปีศาจร้ายกำลังครวญคราง น่าสะพรึงกลัวนัก
ตูม!!
เมื่อเห็นผู้คนจากหมู่บ้านหมาป่าพุ่งเข้าหาตน เด็กน้อยจัดการเตะเป่ยเฟิงไปในอากาศด้วยขาข้างเดียว ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มพุ่งไปทางกลุ่มคนจากหมู่บ้านศิลา
“แม้ว่าตอนนี้มันจะพิการ แต่ปล่อยไว้รังแต่จะทำให้ผู้คนเดือดร้อน ทำให้มันจบๆไปเถอะ” พ่อของเอ๋อเมิ่งพูดออกมา เขาช่างเด็ดขาดนัก ปราศจากคำพูดใดแล้ววาดดาบในมือของตนบั่นคอของเป่ยเฟิงอย่างรวดเร็ว สายโลหิตพุ่งราวกับน้ำพุสีแดง
“ม่ายยยยยย ลูกข้า!!!” เป่ยหลี่ชิงตะโกนออกมา เขาทายมือของตนไปที่หน้าอก มันเจ็บปวดเกินจะทันแล้วกระอักเลือดออกมา มันจบสิ้นแล้ว ลูกชายคนเดียวของเขาถูกบั่นคอต่อหน้าต่อตาเขา
“พวกเราเคยปล่อยมันไปแล้ว นี่คือสิ่งที่มันจะต้องจ่าย จงโทษตัวเองเสียเถอะ”  ฉีหลิ่งหู่พูดอย่างเย็นชา
ฉีเฟยไฉคว้าหัวที่โชกเลือดด้วยมือของตนแล้วโยนคืนไป “อย่าลืมเอากลับบ้านนะ”
“รีบมาเร็วเข้า!! วิญญาณพิทักษ์” ผมของเป่ยหลี่ชิงกระเซอะกระเซิงอีกทั้งใบหน้ายังแดงกล่ำราวกับคนบ้า มันง่ายเลยที่จะทำให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้
ผู้คนจากหมู่บ้านศิลารวมกลุ่มแล้วตั้งแนวป้องกันเพื่อเตรียมการรับมือกับวิญญาณพิทักษ์ที่กำลังใกล้เข้ามา พวกเขากลัวว่าจะถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว กลุ่มของหมู่บ้านหมาป่าถอยไปอีกด้านนึง ในเวลาพวกเขาได้รับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ จึงได้เตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของวิญญาณพิทักษ์ของพวกเขา
ผืนป่าหนาแน่นจนเต็มไปด้วยความมืดมิด เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังผ่านออกมา แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีสิ่งมีชีวิตพุ่งเข้าหาพวกเขา
ผู้คนจากหมู่บ้านศิลายืนล้อมรอบอินทรีเกล็ดเขียวมรกตเพื่อปกป้อง หัวหน้าฉีหยุ่นเฟิงพยายามใช้ทุกวิชาแพทย์ที่มีและโอสถที่ปรุงขึ้นมารักษา จนในที่สุดชายแก่ก็ได้ใช้ยาที่สกัดมาจากโลหิตทายาทอสูรโบราณจนกลายเป็นเม็ดสีแดงเลือด
ซู่ม!!
ลูกธนูพุ่งผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็ว เต็มเปี่ยมไปด้วยความแม่นยำราวกับจับวางโดยมีเป้าหมายเล็งไปที่ดวงตาของอินทรีเกล็ดมรกต ลูกธนูช่างน่ากลัว เนื่องจากถูกยิงมาจากชายฉกรรจ์ผู้มีแรกที่จะยกน้ำหนักมากกว่าหกพันจินได้อย่างไม่หนักแรง ผู้คนจากหมู่บ้านหมาป่ากลัวว่าอินทรีเกล็ดมรกตจะฟื้นฟูแล้วกลายเป็นหายนะสำหรับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามก่อกวนและลอบสังหารอินทรีเกล็ดมรกต
เคร้ง!
ฉีหลิงหู่ฟาดดาบอย่างรวดเร็วจนตัดลูกธนูเป็นสองส่วนแล้วกระเด็นไปฝังตัวอยู่ในผาหินขนาดใหญ่อีกด้านหนึ่ง
ย่าห์!!
เด็กน้อยขมวดคิ้วแล้วถีบตัวพุ่งออกไป วันนี้พวกหมู่บ้านหมาป่าต้องการจะสังหารพวกเขากับอินทรีเกล็ดมรกต เด็กน้อยเกลียดคนพวกนั้นจับใจ จันทราสีเงินโดนตวัดส่งออกไป
ราวกับดาวหางที่ตกลงมาจากสรวงสวรรค์ กงจักรจันทราล่อนไปข้างหน้าดั่งคลื่นสีขาวที่พัดมาจากมหาสมุทร เสียงดังกึกก้องและสั่นสะเทือนไปทั้งหุบเขา
ฉัวะ ฉัวะ..
อีกด้านหนึ่งเกิดภาพสยดสยองประกอบกับเสียงของเนื้อที่โดนตัดขาด ใช่แล้ว!! คนห้าคนที่กระเด็นไปข้างหลังในสภาพเลือดไหลอย่างบ้าคลั่ง บาดแผลของพวกเขาสาหัสนัก ห่างไปไม่ไกลมีแขนสี่ข้างตกอยู่ที่พื้น เป็นสาเหตุทำให้ใบหน้าของเจ้าของแขนซีดเผือด จากนั้นก็กรีดร้องด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
เด็กน้อยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โจนทะยานราวกับเหยี่ยวน้อย จากนั้นวาดแขนอย่างลื่นไหลโคจรพลังอักขระลี้ลับไปที่กำไลเขี้ยวอสูรหิมะจนเปล่งแสงออกมา
ซู่ม ซู่ม..
กำไลเขี้ยวอสูรปล่อยลำแสงออกมา เขี้ยวแต่ละอันที่ประดับอยู่เปล่งประกายสวยงามราวกับดวงตาของสัตว์อสูรที่ลี้ลับ พวกมันแยกตัวออกจากันแล้วพุ่งไปข้างหน้า
แสงพิรุณอันงดงามที่กำลังล่วงหล่น แต่ก็เปี่ยมไปด้วยพลังสังหารสะท้านโลก เป็นเหตุให้ผู้คนหยุดชะงักจนทำให้โดนเขี้ยวเหล่านั้นเจาะทะลวงร่างอย่างโหดร้าย
ดอกไม้โลหิตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงกระดูกแตกหักทำให้ผู้คนโอดครวญด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่สามารถป้องกันตัวได้จากอาร์ติแฟกโบราณที่กำลังระเบิดการฆ่าฟัน
“เกิดอะไรขึ้น!!?? ทำให้วิญญาณพิทักษ์ถึงยังไม่ปรากฏตัว รีบมาปกป้องพวกเราด้วยเถอะ” เป่ยหลี่ชิงตะโกนด้วยความหวาดกลัว หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง  หากเป็นเช่นนี้ต่อหมู่บ้านหมาป่าจะต้องสิ้นชื่ออย่างแน่นอน
“ถอย!!!!”
ความสว่างไสวของเขี้ยวอสูรหิมะแสดงให้เห็นสิ่งประดิษฐ์โบราณที่ถูกใช้โด้ยฉีเฮ่าแข็วแกร่งกว่าเป่ยเฟิง นั่นเพราะเขาเข้าใจในวิถีพลังลี้ลับแห่งตำรากระดูก ทำให้สิ่งประดิษฐ์โบราณอยู่ในระดับที่แตกต่างออกไป
กลุ่มของหมู่บ้านหมาป่าแตกต่างออกไป แม้ว่าจะไม่ได้ยินคำสั่งล่าถอยจากหัวหน้า แต่พวกเขาก็รีบหนีไปไกลๆทันที เพราะพวกเขาไม่ต้องการที่จะตาย เนื่องจากวิญญาณพิทักษ์ไม่แม้จะปรากฏตัวออกมา
“เจ้าหนู!! อย่าได้ตามไป” ฉีหยุ่นเฟิงกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
“ขอรับ กำไลเขี้ยวอสูรหิมะนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ” ฉีเฮ่าสะบัดหัวด้วยความอ่อนเพลีย เด็กน้อยค่อนข้างตกตะลึง ในขณะที่เขี้ยวทั้งสี่สิบสองชิ้นกำลังลอยกลับมารวมกันเป็นกำไลสวมที่ข้อมือของเขา
“รีบกลับมานี่เร็ว วิญญาณพิทักษ์ของพวกมันน่าสงสัยนัก ข้าอยากจะสังหารมันนัก แต่ก็อดไว้เพราะมันแม่xยังไม่โผล่มาเลย” ฉีหยุ่นเฟิงสบถออกมา
หรือว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกลวง แต่เพื่ออะไรล่ะ? ทำให้ผู้คนจากหมู่บ้านศิลาไร้คำพูดใดๆ
ผู้คนราวๆหนึ่งร้อยคนช่วยกันยกร่างของอินทรีเกล็ดมรกต เพื่อพากลับหมู่บ้านให้เร็วที่สุด พวกเขาเติบโตในที่รกร้างแห่งนี้มากพอที่จะทำให้รู้หากต้องการรักษาลมหายใจตัวเองไว้ ต้องเคลื่อที่อย่างรวดเร็ว โดยมีฉีหลิงหู่เป็นผู้นำ
อีกกลุ่มหนึ่งมีฉีเฟยเฉียวเป็นผู้นำ พวกเขาได้รับมอบหมายให้ขนและปกป้องร่างของซุนหนี่ ซากเขาโลหิตและแขนของปีศาจวานร พวกเขาทั้งตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน เพราะของเหล่านี้ล้ำค่าเกินไป
บนพื้นภูเขาที่มีพุ่มไม้ปกคลุมอยู่ และมีต้นไม้เก่าแก่ที่มีความสูงใหญ่แนบกับท้องฟ้า กลุ่มผู้คนเคลื่อนที่อย่างว่องไวแม้จะมีอาการบาดเจ็บก็ตาม
บรู้ว.. เสียงสั่นประสาทดังออกมาราวว่าอยู่ทุกทิศทาง
ระยะทางไปถึงหมู่บ้านศิลากำลังลดลง จนเกือบจะถึงแล้ว อย่างไรก็ในป่าเขาที่ถูกปกคลุมด้วยความมืด ดวงตาสีเขียวเข้มคู่หนึ่งปรากฏออกมา
“สวรรค์!!! หมาป่าอะไรใหญ่เบอร์นั้น”
ผู้คนจากหมู่บ้านศิลาตกอยู่ในอาการตกตะลึง พวกกำลังถูกล้อมกรอบโดยฝูงหมาป่าที่มีขนสีดำท้องสีขาวที่มีขนาดยักษ์ ซึ่งแต่ละตัวมีขนาดใหญ่พอๆกับบ้านหนึ่งหลัง พวกมันแยกเขี้ยวเผยให้เห็นปากสีแดงเลือดและฟันที่มีขนาดฟุตครึ่ง(ไม้บรรทัดสามสิบเซ็นกับอีกครึ่งอัน)สีขาวจั๊วะตัดกับลิ้นสีแดงกล่ำของมัน ทำให้พวกมันดูน่าขนลุกอย่างยิ่ง
นั่นไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหรือสองตัว แต่มากกว่าห้าสิบตัว กลุ่มสัตว์ร้ายที่แสนอำมหิตกำลังโอบล้อมพวกเขา น่ากลัวยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับพวกหมู่บ้านหมาป่าเสียอีก
“บ้าเอ้ย!! ต้องเป็นฝีมือของวิญญาณพิทักษ์แน่เลย มากพอๆกับหมาป่าหนึ่งฝูงเลยนะเว้ย”
สำหรับหมาป่าตัวเท่าช้างเช่นนี้ ตามปกติในหนึ่งวัน จะหาให้เจอซักตัวยังยากเลย แต่นี่กลับมาพร้อมกันถึงห้าสิบตัว นี่มันหายนะชัดๆ
ณ ใจกลางป่าลึก ปรากฏดวงตาสีเขียวเข้มอันน่าหวาดหวั่นที่มีขนาดพอๆกับลูกโบวลิ่งคู่หนึ่ง สายตาคู่นั้นเปล่งประกายน่าหวั่นเกรงอย่างทีไม่เคยพบเจอมาก่อน
บรู้ว… เสียงหอนของหมาป่าตัวนั้นดังปานฟ้าผ่า เงายักษ์กระโจนเข้าหาพร้อมกับเสียงคำรามจากด้านหลังของหมู่บ้านศิลา
ชาวบ้านคนหนึ่งอยู่ในสภาพเลือดท่วมตัวที่เกิดจากการที่ลำตัวท่อนล่างโดนทำร้าย ทั้งแขนและหัวไหล่มีร่องลอยของกรงเล็บ อาการสาหัสยิ่งนัก
ฉึก!!
ในช่วงเวลาวิกฤต ฉีหลิงหู่รวบรวมแรงแล้วขว้างหอกกล้าทะลวงเข้าผิวหนังของหมาป่ายักษ์ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจมาจากชาวบ้านคนนั้นเพื่อไม่ให้เขาโดนฉีกเป็นชิ้นๆ
หมาป่าตัวเท่าช้างเพียงตัวเดียวก็น่ากลัวแล้ว หากมีเพียงสองถึงสามตัวพวกเขาก็ยังสามารถจัดการได้ อย่างไรก็ตามจำนวนห้าสิบตัวเป็นอะไรที่ผู้คนหนึ่งร้อยคนจะต่อต้านได้
อวู้…
ฝูงหมาป่ายักษ์หอนออกมายาวนานจากบนเขาสร้างความสั่นสะเทือนเป็นคลื่นไปทั่วทั้งยังแฝงไปด้วยออร่าที่เหี้ยมโหด
อ้ากกก…
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมองจากสองทิศทาง หมาป่ายักษ์หลายตัวประสานเข้าจู่โจมในเวลาเดียวกัน ด้วยกรงเล็บที่แหลมคมและแรงมหาศาลตวัดเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำลายต้นไม้ใหญ่ได้อย่างง่ายๆ ยิ่งกว่านั้น พวกมันเริ่มกระชับวงล้อมเข้ามาเรื่อยๆ ชาวบ้านที่น่าสงสารที่ตอนนี้ไส้ทะลักออกมา
“เร็วเข้า!! เปลี่ยนรูปขบวน” ฉีเฟยเฉียวตะโกนสั่งการอย่างเร่งร้อน
ท่ามกลางสภาพป่าเขาที่มืดมิดและย่ำแย่ ฝูงหมาป่าที่ดุร้ายและแข็งแกร่ง พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตอบโต้แทบไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายใช้รูปแบบสงครามกองโจร
ในตอนนั้นเอง หมาป่าราวสิบตัวเคลื่อนไหวออกมาอย่างเป็นระบบเข้าโจมตีชาวบ้านโดยอาศัยความมืด
ซู่ม!!
เด็กน้อยวาดมือขึ้นมาแล้วโคจรพลังลี้ลับไปที่กำไลปรากฏเขี้ยวทั้งสี่สิบสองชิ้นเปล่งประกายน่าหลงใหลอยู่เบื้องหน้าเด็กน้อย
ฉัวะ ฉัวะ..
บรรดาหมาป่าตัวที่อยู่หน้าสุดโดนเจาะกะโหลกโดยผ่านทางดวงตาของพวกมัน ทำให้เลือดไหลทะลัก พวกมันร้องโหยโหนแล้วทิ้งตัวกลิ้งไปกับพื้น ตายสนิท
แม้ว่าหมาป่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่อาจต้านอาร์ติแฟกโบราณได้ พวกมันก็ไม่ต่างจากเป้าฝึกซ้อม และหากมันโดนโจมตีที่จุดตาย พวกมันก็สามารถตายได้
“เจ้าพวกหมาบ้า!! ถอยไปน้า” เด็กน้อยตะโกนก้อง
เด็กน้อยสร้างกงจักรจันทราเงินสองวงพร้อมทั้งพุ่งไปข้างหน้า เกิดเสียงสองเสียงเหมือนอะไรโดนตัวขาด เด็กน้อยหั่นครึ่งหมาป่าที่แข็งแกร่งกว่าและดุร้ายกว่าอย่างง่ายดาย ทิ้งภาพที่เต็มไปด้วยดอกไม้โลหิตไว้เบื้องหลัง
บรรดาหมาป่าที่เหลือก็ชะงักและไม่กล้าพุ่งเข้ามาอีก
ดวงตาสีเขียวเข้มกวาดมองไปทั่วทุกทาง หมาป่าทุกตัวที่อยู่ล้อมรอบต้องหายใจเอาไอสีขาวออกมาทางจมูกแฝงไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ทำให้ผู้คนหนาวสันหลัง
“พวกเจ้าทั้งหมดต้องตายแน่นอน มันเป็นชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว” เป่ยหลี่ชิงปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าอันเย็นชาอีกครั้งหนึ่ง โดยที่เขาอยุ่บนหลังหมาป่ายักษ์สีขาวเงินน่าเกรงขาม
ชาวหมู่บ้านหมาป่ากลับมาอีกครั้ง ชายฉกรรจ์ทั้งหลายปีนขึ้นไปอยู่บนหลังของหมาป่ายักษ์ แล้วยกธนูเล็งไปที่ชาวบ้านจากหมู่บ้านศิลาด้วยสายตาเกลียดชังและเย็นชา
ผู้คนจากหมู่บ้านศิลาสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ ด้วยความช่วยเหลือจากฝูงหมาป่า ทำให้พวกเขาดูน่ากลัวขึ้นทันที มันไม่ใช่พลังที่สมควรมีครอบครองไว้จริงๆ
“วิญญาณพิทักษ์ของพวกเรามาถึงแล้ว หมดเวลาหายใจของพวกเจ้าแล้ว” หัวหน้าทีมนักล่าเป่ยฉานตะโกนออกมาเสียงดัง
“มันก็แค่หมาแก่ๆล่ะวะ ป่านนี้ฟันคงล่วงหมดปากแล้วมั้ง? ดีไม่ดี แค่วิ่งยังไม่ไหวด้วยซ้ำแบบนี้จะทำอะไรได้” ฉีหยุ่นเฟิงดูถูกอย่างโจ่งแจ้ง
วิญญาณพิทักษ์หมาป่าคือหมาป่าในตำนาน ทั้งหมู่บ้านหมาป่าและหมู่บ้านศิลาต่างก็ตั้งชื่อโดยอ้างอิงมาจากวิญญาณพิทักษ์ทั้งนั้น
หมาป่ากว่าสิบตัวคำรามออกมาพร้อมทั้งแผ่รังสีอันดำทะมึนออกมาราวกับแสดงเจตนาเข่นฆ่าออกมาอย่างชัดเจน
“หมดเวลาหายใจแล้ว” เป่ยหลี่ชิงเอ่ยด้วยความเย็นชา
“เจ้าไม่กลัวจะแหกกฎ แล้วทำให้ทุกหมู่บ้านโจมตีหมู่บ้านพวกเจ้ารึ” ฉีหยุ่นเฟิงกล่าวโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“หลังจากสังหารพวกเจ้า แค่จับตัวเด็กกับผู้หญิงในหมู่บ้าน แล้วอธิบายว่าพวกเรารวมหมู่บ้านเข้าด้วยกัน หากวิญญาณพิทักษ์ทลายขีดจำกัดแล้ว จะมีผู้ใดกล้าตั้งคำถามอีก” หัวหน้านักล่ากล่าวด้วยรอยยิ้มอันเย็นเยียบ
หมาป่ายักษ์กว่าห้าสิบตัวเข้าโจมตีราวกับสายน้ำ ทุกคนในหมู่บ้านศิลาป้องกันอย่างหนักแน่นในขณะที่เด็กน้อยคอยจู่โจมสวนกลับ ทุกๆครั้งที่เขาโจมตีจะต้องมีหมาป่ายักษ์ตายไปอย่างน้อยแปดตัว ร่างหมาป่ายักษ์ทรุดตัวลงกับพื้นทำให้ทั้งป่ามีแต่กลิ่นคาวเลือด
สองชั่วโมงเต็มผ่านไปวิญญาณพิทักษ์แห่งหมู่บ้านหมาป่ายังไม่ปรากฏตัวออกมา มีเพียงการโจมตีจากฝูงหมาป่าและการยิงธนูจากเป่ยฉานกับทีมนักล่า
ชาวบ้านหมู่บ้านศิลาสองสามคนได้รับบาดเจ็บจากกรงเล็บของหมาป่าบนร่างของพวกเขา
“อย่างที่คาด เจ้าหมาแก่นั่นหวาดระแวงทำให้ไม่กล้าออกตัวแรง ใช้อาร์ติแฟกซะ!!” ฉีหยุ่นเฟิงสั่งการออกมา
การถ่วงเวลาออกไปไม่เป็นประโยชน์แก่พวกเขาและพวกเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเจ้าพวกเป่ยมันซ่อนอะไรไว้อีก ทุกคนต้องกลับหมู่บ้านให้เร็วที่สุดเพื่อที่พวกเขาจะได้รับการปกปักษ์จากต้นโอ๊คโบราณ
“ท่านหัวหน้า หากเราเปิดเผยสิ่งประดิษฐ์ของเรา มันจะสร้างปัญหาใหญ่ให้เราหรือไม่ขอรับ” ฉีเฟยเฉียวถามกลับ
“ชีวิตของพรรคพวกเราสำคัญกว่า จากนั้นก็สังหารพวกหมู่บ้านหมาป่าให้หมด พวกมันบีบบังคับเราเอง ไม่ต้องถามหาความยุติธรรมอีกต่อไป” ฉีหยุ่นเฟิงกล่าวอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าว่างเปล่าแบบที่ชายแก่ไม่เคยทำมาก่อน
พวกเขาแบกอินทรีเกล็ดมรกตอย่างระมัดระวังโดยให้อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง เพราะนี่คือกำลังสำคัญของพวกเขาในอนาคต บางทีอาจถึงขั้นต่อกรกับเหล่าวิญญาณพิทัดษ์ได้ด้วยซ้ำ
ทุกคนกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็วและฉีหลิงหู่ก็นำพาหุอสูรออกมาเตรียมตัว นี่คืออาร์ติแฟกโบราณที่สืบทอดกันมาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างน่าตกตะลึง
ทันใดนั้นเอง ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้เคลื่อนไหวไปมากกว่านี้ ที่ภูเขาไกลออกไปเกิดเสียงคำรามสะท้านแก้วหูดังอย่างต่อเนื่องแถมยังพุ่งมาทางพวกเขาอีกตะหาก
“ฝูงสัตว์ร้าย บ้าเอ้ย!!! เจ้าหมาแก่นั่นไปใจกลางหุบเขาเพื่อต้อนสัตว์ร้ายให้มาโจมตีที่นี่ ช่างเจ้าเล่ห์นัก” ฉีหยุ่นเฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
ฉีหลิงหู่ตะโกนออกมา “เจ้าหมาแก่สวะนั่น จะใช้ฝูงสัตว์ร้ายเหยียบเราให้จมดิน ทุกคนเตรียมป้องกัน”
ไม่ใช่แค่ฝ่ายของพวกเขาแค่ฝ่ายเดียว แม้แต่ฝั่งหมู่บ้านหมาป่าก็หน้าเปลี่ยนสีทันที วิญญาณพิทักษ์ของพวกเขาโหดเหี้ยมเหลือเกิน พวกเขาตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก เพราะมีแค่บางคนที่ได้ขี่อยู่บนหลังหมาป่ายักษ์ อีกครึ่งของผู้คนต่างก็อยู่บนพื้นดิน
“เร็วเข้า!! ขึ้นมาบนหลังหมาป่า” เป่ยหลี่ชิงสั่งการอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว เสียงสั่นสะเทือนมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว แม้กระทั่งเหล่าหมาป่ายักษ์ก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัยและพวกมันหนีไปซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว
ฮู่มมม….
เสียงคำรามที่ดังราวกับเสียงผีร้ายแห่งขุนเขา หวาดกลัวจนไร้คำพูด เหนือฝูงสัตว์ร้ายมีสิ่งมีชีวิตปริศนาที่กำลังใช้ปีกทั้งสองข้างบินมาหาพวกเขา
มันมีความยาวเพียงสองเมตร มีผิวสีแทนคลุมทั้งตัว อย่างไรก็ตามช่างแลดูแก่มากและบนใบหน้าปรากฏริ้วรอยเหี่ยวย่น นี่คือหมาป่าในตำนานที่หาพบได้ยากยิ่งกว่ายาก เพราะมีอัตรากำเนิดที่ต่ำมากๆ
ขาคู่หน้าของสั้นจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถใช้เดินได้ แต่โชคดีที่กลางหลังของมันมีปีกสีแดงกล่ำขนาดใหญ่แลดูแข็งแกร่งคู่หนึ่งกำลังกระพืออยู่
โดยรวมแล้ว ก็ดูน่ากลัว ที่ตามตัวของมันมีร่องรอยจางๆของอักขระโบราณเปล่งสลัวๆอยุ่ นี่คือสัตว์ร้ายระดับดึกดำบรรพ์อย่างแน่นอน