………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ดั่ยซินหยูเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“จะเป็นอย่างงั้นได้อย่างไร ! ฉันชอบทุกอย่างที่ศิษย์พี่ให้อยู่แล้ว ”

เมื่อพูดจบเธอก็ได้คลี่ภาพออกพร้อมกับท่าทางของเธอที่ตกตะลึงพร้อมกับความประหลาดใจ

เธอคิดว่าดูจากอายุของกู่หยินแล้วต่อให้วาดภาพก็คงไม่สวยมากเท่าไหร่แต่ภาพนี้นั้นสวยมาก นี่เป็นภาพวาดทิวทัศน์มีภูเขา น้ำตกและวิลล่าที่ดูคุ้นตามากๆ เมื่อเธอมองไปที่มันดีๆก็ตระหนักได้ว่ามันเป็นวิลล่าที่เธอกำลังยืนอยู่นั่นเอง

“สวยมากๆ !”

ดั่ยซินหยูได้ถอนหายใจออกมาหลังจากที่เธอพูด

ถังซิ่วเองก็ได้มีท่าทางประหลาดใจเมื่อเห็นรูปภาพเหมือนกัน เขายิ้มแล้วถามกู่หยินว่า

“หยินหยิน พื้นหลังของมันนี้เป็นจินตนาการของเจ้า ? แต่ฉันรู้ว่าวิลล่านั่นเป็นของเรา ”

กู่หยินเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ท่านอาจารย์ ช่วงเวลาที่หนูเบื่อนั้นก็มักจะวาดภาพเพื่อฆ่าเวลาและหนูคิดว่าการวาดภาพนั้นน่าสนใจมากๆ”

ถังซิ่วเองก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“หลังจากนี้ถ้าข้าว่างข้าจะสอนเจ้า”

“อื้ม อื้ม !”

กู่หยินเองก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า

“แล้วแม่ของข้าล่ะ ? ทำไมถึงได้ไม่อยู่ที่บ้านกัน ? ”

กู่หยินเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“คุณยายได้กลับไปที่ร้านอาหารค่ะ เธอบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมา”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดว่า

“หลังจากนี้อีกไม่กี่วันข้าเตรียมตัวว่าจะไปนอกเมืองเสียหน่อย เมื่อถึงเวลาแล้วข้าจะให้เจ้าหยุดเรียนสองวันแล้วพาเจ้าไปด้วยกัน”

กู่หยินเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“จริงๆหรอค่ะ เรา ……เราจะไปที่ไหนกัน ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ข้าจะพาไปหาศิษย์พี่หญิงของเจ้า ”

กู่หยินเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“ท่านอาจารย์ หนูมีศิษย์พี่หญิงด้วยงั้นหรอค่ะ ? ทำไมก่อนหน้านี้หนูถึงไม่เคยได้ยินท่านพูดถึงเลย ? ”

ถังซิ่วเองก็ไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่ได้เดินไปในห้องครัวพร้อมกับเห็นว่าแม่บ้านกำลังเตรียมกับข้าวอยู่ เขาตัดสินใจว่าหลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้วจะไปที่บ้านของซันเหว่นจิงทันที

พื้นที่หรูหราในเมืองสตาร์ซิตี้

บ้านที่มีพื้นที่มากว่า160 ตรมซึ่งถูกตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหราขณะนี้ซันเหว่นจิงเองก็กำลังนั่งอยู่ที่โซฟาพร้อมกับโดนพี่ชายสองคนและน้องสาวอีกหนึ่งคนสอบสวนด้วยท่าทางอึมครึม

“ฉันบอกไปแล้วไงว่าถังซิ่วเป็นหมอที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลของเราและถึงขั้นที่ถูกเรียกว่าหมอเทวดา ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเราเองก็ยังยอมรับว่าเขาด้อยกว่าถังซิ่ว หากว่าเขาไม่สามารถรักษาแม่เราได้ก็ไม่มีใครในโลกที่สามารถทำได้แล้ว ดังนั้นพวกเธอไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว”

ซันเหว่นจิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง

ซันเจียนไฮ่ที่เป็นหัวหน้าแผนกการคลังของเมืองนี้ซึ่งเป็นพี่สายคนโตสุดก็ได้ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า

“หลี่ฮงจี้พูดอย่างงั้นจริงๆหรอ ? ที่บอกว่าความสามารถของเขายังด้อยกว่าถังซิ่ว ? ”

ซันเหว่นจิงเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ใช่แล้ว จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการให้ฉันไปเป็นผู้ช่วยของเขาแต่ฉันกลับมองคนที่ภายนอกจึงได้ดูถูกเขาไป ตอนนี้ฉันสำนึกแล้วว่าฉันคิดผิดไป เขาสามารถรักษาได้แม้กระทั่งคนไข้ที่อาการหนักที่พักฟื้นอยู่ในแผนกผู้ป่วยภายในของเรา เท่าที่ฉันรู้นั้นตั้งแต่ที่เขาได้มาประจำที่นี่เป็นเวลาสองวันก็ได้รับป้ายเชิดชูเกียรติจากญาติๆผู้ป่วยมากว่า20ใบแล้ว ”

“มากกว่า20 ? ”

ซันเจียนไฮ่เองก็ตกตะลึงเป็นอย่างมากขณะที่มองไปที่ซันเจีนรจุนและซันเหว่นหมินด้วยท่าทางประหลาดใจ พวกเขารู้ว่าการที่ผู้ป่วยได้ทำป้ายเชิดชูเกียรติไปให้แพทย์นั้นหมายถึงอะไร มันหมายความว่าพวกเขารู้สึกขอบคุณคุณหมออย่างสุดหัวใจ

ซันเหว่นจิงเองก็ได้พูดต่อว่า

“ยังมีบางเรื่องที่พวกเธอยังไม่รู้คือก่อนหน้านี้เองก็ได้มีแม่คนหนึ่งที่พาลูกสาวของเธอไปทั่วทุกโรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นแผนตระวันตกหรือแผนจีนก็ไปมาหมดแล้วแต่ก็ไม่สามารถรักษาอาการป่วยประหลาดๆของลูกสาวเธอได้สุดท้ายแล้วก็บังเอิญไปเจอกับถังซิ่วซึ่งช่วยรักษาเธอไว้ ! ดังนั้นช่วยทำตัวนอบน้อมเมื่อเขามาถึงด้วย เขาจะได้ตั้งใจรักษาแม่ของพวกเรา”

ซันเจียนไฮ่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“หากว่าเขาสามารถรักษาแม่ได้จริงฉันก็ยอมให้ได้ทุกอย่าง น้องสองนายเอาเงิน2แสนนี่ไปเป็นการแสดงคำขอบคุณ”

ซันเหว่นจิงเองก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า

“ไม่ได้ !”

ซันเจียนไฮ่เองก็จ้องมองพร้อมถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“หมายความว่าอย่างไร ? ”

ซันเหว่นจิงเองก็ได้พูดขึ้นว่า

“ถังซิ่วนั้นตอบตกลงที่จะรักษาแม่ของเราด้วยเงื่อนไขสามข้อและหนึ่งในนั้นคือให้นำเงินไปบริจาคให้แก่ผู้ป่วยที่ขาดเงินซึ่งเขานั้นไม่ต้องการเงินแม้แต่น้อย”

“นี่….”

ซันเจียนไฮ่เองก็ตกใจเป็นอย่างมาก ในยุคปัจจุบันนี้เงินคือสิ่งที่ล้ำค่า มันจะยังมีคนที่ไม่ต้องการมัน ยังมีเด็กแบบนี้อยู่อีกงั้นหรอ ?

ซันเหว่นหมิงเองก็ได้ถามออกมาว่า

“แล้วเงื่อนไขอีกสองข้อคืออะไรกัน ? ”

ในพริบตานั้นแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

ซันเหว่นจิงเองก็ได้พูดออกมาว่า

“หนึ่งในนั้นคือการที่เขาจะมารักษาแม่ที่บ้านของเรา อีกข้อคือการที่เราห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เขาสามารถรักษาอาการของเธอแม้แต่น้อย”

ซันเจียนไฮ่เองก็ได้พูดออกมาช้าๆว่า

“ฉันเข้าใจความกังวลของเขาแล้ว มะเร็งตับระยะที่สองนั้นเป็นอะไรที่รักษาแทบไม่ได้ในโลกนี้ หากว่าเขาสามารถทำได้ก็จะสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมากมาย ฉันไม่คิดเลยว่าเด็กที่มีทักษะด้านการแพทย์ที่น่าทึ่งขนาดนี้กลับเป็นคนที่ไม่ทำตัวโดดเด่นแม้แต่น้อย ฉันรู้สึกชอบเขาแล้วสิ”

ซันเหว่นหมินเองก็ได้พูดออกมาว่า

“พี่ใหญ่ เงิน1แสนนี่ฉันจะเป็นคนจ่ายเอง ! ไม่ว่าเขาจะรักษาแม่ของเราได้ไหมฉันก็ยินดีที่จะบริจาคมันให้แก่มูลนิธิผู้ยากไร้ที่ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา”

ซันเจียนไฮ่เองก็ได้แสดงท่าทางมีความสุขออกมาพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

เสียงกริ่งก็ได้ดังขึ้นพร้อมกับซันเหว่นจิงที่ได้รีบพุ่งไปที่ประตูพร้อมพบว่าถังซิ่วและดั่ยซินหยูกำลังยืนคอยอยู่ด้านนอก

“หมอถัง หมอดั่ยต้องรบกวนพวกคุณด้วย”

ซันเหว่ยจิงได้พูดออกมาอย่างนอบน้อม

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องโถงก่อนที่จะพบกับพี่น้องของเธอ หลังจากที่ซันเหว่นจิงได้แนะนำพวกเขาแล้วถังซิ่วก็ได้ถามออกมาว่า

“ผู้ป่วยอยู่ที่ไหน ! ขอฉันดูอาการของเธอหน่อย ”

ซันเหว่นจิงเองก็ได้พูดขึ้นว่า

“ตามฉันมา !”

ในห้องที่สว่างจ้า แม่ของซันเหว่นจิงนั้นกำลังนั่งดูทีวีอยู่และแม่เธอเห็นลูกๆนำถังซิ่วเข้ามานั้นเธอก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เด็กน้อย นี่คือถังซิ่วที่ได้ยินจากปากของผู้อำนวยการหลี่งั้นหรอ ? ”

ซันเหว่นจิงเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“ใช่ค่ะคุณแม่ เขาคือคุณหมอถัง”

ถังซิ่วเองก็ยิ้มออกมาให้กับหญิงชราที่หน้าตาซีดเสียวนั้นพร้อมกับพูดว่า

“ผู้อาวุโส ผมขอตรวจร่างกายคุณหน่อยนะ เมื่อถึงยามที่รักษาแล้วมันอาจจะเจ็บปวดมากๆ คุณจะทนไหวหรือเปล่า ? ”

หญิงชราคนนั้นก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันเคยป่วยมาตลอดและผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วนยิ่งกว่านั้นไม่ใช่ว่าการคลอดลูกเจ็บปวดที่สุด ? ขนาดการคลอดฉันยังทนได้เลย คุณหมอถังไม่ต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ ”

ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ก็คือแม่ คำพูดนี้มันมีเหตุผลจริงๆ ลูกๆที่กตัญญูนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด คุณมีลูกๆที่ดี ดีจริงๆ !”

เมื่อพูดจบถังซิ่วก็ได้ตรวจไปที่ชีพจรของเธอและพบว่ามีสารพิษมากมายในร่างกายเธอ พวกสารพิษนี้ก็น่าจะเป็นเซลล์มะเร็งที่เขาเรียกกันตามการแพทย์ มันลุกลามไปถึงเลือดของเธอด้วย

“คุณหมอถัง เป็นอย่างไรบ้าง ? ”

ซันเหว่นจิงที่อยู่ด้านหลังถังซิ่วนั้นก็ได้ถามออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ฉันไม่มั่นใจถึง100%ว่าจะสามารถรักษาเธอได้แต่ก็ยังมีความหวังอยู่มาก ไปเอาผ้าขนหนูและน้ำอุ่นมาเยอะๆ เธอไปถอดเสื้อผ้าของผู้อาวุโสพร้อมกับเหลือไว้แค่กางเกงในก็พอ”

น้ำอุ่น !

ผ้าขนหนู !

เมื่อได้ยินเช่นนั้นซันเหว่นจิงจึงได้เตรียมการอย่างรวดเร็วพร้อมกับถอดเสื้อผ้าของแม่เธอ

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ไปเอาน้ำอุ่นมาอีกครึ่งถ้วย จำไว้ว่าอุณหภูมิของน้ำต้องอยู่ระหว่า30-40องศา”

“ได้เลย !”

ซันเหว่นจิงเองก็ได้ไปเอาน้ำอุ่นมาให้ถังซิ่วโดยทันที

ถังซิ่วได้น้ำยาปรับสภาพร่างกายที่เจือจางไว้แล้วออกมาจากเสื้อของเขาพร้อมกับหยดมันลงไปในน้ำอุ่น3หยดพร้อมกับให้ซันเหว่นจิงเอาให้แม่ของเธอดื่ม

ครอบครัวซันที่ยืนดูอยู่นั้นก็ไม่ได้สอบถามว่าสิ่งที่ถังซิ่วหยดลงไปและให้แม่ของพวกเขาดื่มนั้นคืออะไร พวกเขาเพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆด้วยความเชื่อมันและกำลังสังเกตอย่างตั้งใจ

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“พวกคุณควรจะกดแขนและขาของผู้อาวุโสพร้อมกับเอาผ้าขนหนูอุดปากเธอเอาไว้ด้วยไม่อย่างงั้นหากว่าผมฝังเข็มลงไปเมื่อไหร่เธอจะต้องดิ้นอย่างแน่นอน”

“ได้เลย ”

ครอบครัวซันเองก็ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของถังซิ่วอย่างเคร่งครัด

หลังจากที่ดื่มน้ำลงไปนั้นร่างกายของหญิงชราก็เริ่มสั่นพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากว่าเธอไม่ได้ถูกลูกๆกดเอาไว้นั้นเธอคงจะเจ็บจนกลิ้งไปมาแล้ว

ถังซิ่งได้มองไปที่หยาดเหงื่อที่อยู่ไหวออกมาจากร่างกายของเธอพร้อมกับผิวหนังที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เขารีบเอาเข็มปักลงไปที่เธอทั้ง9จุด

เมื่อเสร็จแล้วเขาก็ได้ยืนรอการตอบสนองของเธออยู่ข้างๆ

ร่างกายของเธอสั่นขึ้นเรื่อยๆและความเจ็บปวดนั้นก็ทำให้เธอหมดสติและปลุกเธอขึ้นมาพร้อมๆกัน ท่าทางของลูกชายทั้งสองเธอเองก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาทนดูไม่ได้ส่วนลูกสาวทั้งสองเองก็ร้องไห้ออกมา

ถังซิ่วนั้นได้มองไปที่ท่าทางของลูกๆของเธอด้วยความรู้สึกชื่นชมและยินดีที่เธอสามารถมีลูกๆที่กตัญญูได้ขนาดนี้

“หือ ? กลิ่นอะไรน่ะ ? ”

คิ้วของซันเจียนจุนเองได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่เขาจะถามออกมาทันที

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ควัน !”

ซันเจียนจุนเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“ควัน ? ควันจากไหนกัน ? ร่างกายของแม่……”

ถังซิ่วได้อธิบายว่า

“สำหรับผมแล้วเซลล์มะเร็งนั้นก็เหมือนกันพิษร้ายที่ส่งผลเสียของร่างกาย มันจะถูกขับออกมาทางผิวหนังและส่งกลิ่นแบบนั้น พวกคุณต้องอดทนพร้อมกับห้ามให้เธอขยับได้แม้แต่น้อยเพราะมันจะอันตรายมากหากว่าเข็มเงินนั้นเคลื่อนที่”