…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

การทานอาหารได้จบลง

ถังซิ่วและหลิงเจิ้งหยูเองก็ได้แยกกันออกไปก่อนที่จะพาเฉินเหว่ยไปที่ธนาคารใกล้ๆนี้เพื่อเบิกเงินพร้อมกับให้เธอไป2ล้านหยวนซึ่งเธอก็ยืนยันที่จะไม่รับมันไว้

หลังจากที่ออกมาจากธนาคาร

พวกเขากำลังยืนกันอยู่ข้างถนนที่รถติดเป็นอย่างมาก ถังซิ่วได้ถามออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า

“อาหารก็ได้ทานเงินก็ได้มาแล้ว เธอจะเป็นเด็กดีอยู่ที่โรงแรมได้ไหม ? ฉันเองก็ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการและไม่มีเวลาพอที่จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ”

เฉินเหว่ยได้ถามออกมาว่า

“นายจะไปไหนกัน ? ”

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า

“จัดการธุระส่วนตัว”

เฉินเหว่ยได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าแล้วกล่าวว่า

“นายไปเถอะ ! ฉันจะกลับไปที่โรงแรมเอง ในช่วงบ่ายนี้นายจะ……..จะมาพาฉันไปทานอาหารไหม ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“หากว่าเธอสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีอยู่ที่โรงแรมฉันก็จะไม่ไปแต่จะไปหาเธอบ่ายวันพรุ่งนี้แทนเพราะฮั่นชิงหวูกลับมาตอนนั้น เมื่อถึงเวลาหน้าที่ของฉันก็จบลงตรงนั้น”

ท่าทางของเฉินเหว่ยกลายเป็นซับซ้อนทันทีพร้อมถามออกมาว่า

“นายต้องการเขี่ยฉันทิ้งขนาดนั้นเลยหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“เธอเป็นคนที่ดีและฉันเองก็หวังว่าจะได้พบเธอก่อนหน้านี้”

เฉินเหว่ยได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“หากว่านายไม่มาหาฉันในช่วงบ่ายฉันจะวิ่งไปทั่วทุกที่เลยคอยดูสิ”

ถังซิ่วได้จ้องมองก่อนที่จะส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มขมขื่น

หลังจากนั้น

เฉินเหว่ยนั้นเป็นเหมือนกาวที่ติดหนึบอยู่กับถังซิ่วและไม่ยอมให้เขาไปไหนหรือแม้กระทั่งกลับบ้านก็ตาม เขาต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอที่โรงแรมเพราะเธอกลัว ถังซิ่วเองก็เกือบจะทนไม่ได้ที่จะทำให้เธอหมดสติอีกครั้ง

บ่ายวันต่อมา

ถังซิ่วได้รับสายของฮั่นชิงหวู เฉินเหว่ยเองก็กำลังทานอาหารอยู่ข้างทางขณะที่ฮั่นชิงหวูรีบมาถึงนั้นถังซิ่วก็ได้พูดออกมาตรงๆว่า

“ครู ผมหวังว่าหลังจากนี้คุณจะไม่ขอให้ผมช่วยเรื่องแบบนี้อีกแล้ว เอาล่ะ หน้าที่ของผมจบลงแล้ว ผมขอตัว”

ฮั่นชิงหวูเองก็รีบขวางถังซิ่วไว้ขณะที่เธอพูดในทำนองที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“นี่ถังซิ่ว เธออยู่เป็นเพื่อนเฉินเหว่ยแค่สองวันนั้นทำไมถึงได้ดูเหมือนว่าได้รับประสบการณ์ที่ขมขื่นมาล่ะ ? อย่าบอกนะว่าหล่อนลวนลามเธอ ? ฉันรู้จักเหว่ยเหว่ยดี หล่อนเป็นคนที่ปากเก่งแต่ไม่มีกึ๋นพอ ตั้งแต่รู้จักกันมาหล่อนยังไม่เคยมีแฟนสักคนเลยด้วยซ้ำ !”

ถังซิ่วได้หัวเราะแห้งๆออกไปมาแล้วพูดว่า

“บอกเลยว่าหล่อนมันบ้า ! หากว่าผมไม่ได้ขัดไว้ก็คงจะพาสาวน้อยเข้าโรงแรมแล้ว”

ฮั่นชิงหวูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า

“หล่อนบอกว่าเธอว่าหล่อนเป็นbisexualงั้นหรอ ? อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของหล่อนลย หล่อนก็ชอบผู้ชายปกติๆนี่ล่ะ ”

ถังซิ่วได้จ้องมองไปที่เฉินเหว่ยที่กำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขาต้องการที่จะฉีกปากเธออกจริงๆ ความคิดบอกผู้หญิงนี่ยากจะหยั่งถึงเหลือเกิน เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์ก็วันนี้นี่แหละ

“ลาก่อน !”

เมื่อพูดจบถังซิ่วก็ได้เดินจากไปทันที

ฮั่นชิงหวูได้มองไปที่หลังของถังซิ่วขณะที่เขาเดินจากไปด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น เธอหันกลับมาแล้วพูดกับเฉินเหว่ยว่า

“เธอไปทำอะไรเข้า ? รังแกอะไรเขากันน่ะ ? ”

เฉินเหว่ยได้มองไปที่หลังของถังซิ่วที่กำลังเดินจากไปโดยที่ประกายตาของเธอยังไม่ได้หายไปแม้แต่น้อย เธอรีบทำทำท่าทางให้เบาเสียงลงพร้อมกับพูดว่า

“ฉันไม่ใช่เสือซะหน่อยจะไปทำอะไรกับเขาได้ล่ะ ? เธอรู้ไหมว่านักเรียนของเธอมันไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นพระเจ้า หากว่าไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาทำให้ฉันหมดสติไปเมื่อวานนี้ก็ถือว่าฉันพึงพอใจที่ได้ใช้เวลากับเขามาก”

ฮั่นชิงหวูได้มองไปที่เฉินเหว่ยด้วยท่าทางแปลกๆเพราะเธอได้เหมือนว่าเพื่อนของเธอนั้นได้ใช้ชีวิตที่สบายเป็นอย่างมากใจช่วงสองวันมานี้แต่เมื่อได้ยินว่าเธอถูกทำให้หมดสตินั้นท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไปทันที

“เหว่ยเหว่ย ถังซิ่วทุบตีเธองั้นหรอ ? แถมยังทำให้เธอหมดสติ ? ”

เฉินเหว่ยเองก็ได้พ่นลมหายใจออกมาก่อนที่จะพูดว่า

“ใช่แล้ว เจ้านั่นไม่ยั้งเลยด้วย”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ทำไมงั้นหรอ ? ”

เฉินเหว่ยได้พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“เขาเห็นความหวังดีของฉันเป็นเรื่องไม่ดี ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่อันตรายเกิดขึ้นฉันจึงเป็นห่วง………..”

ขณะที่เธอได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฮั่นชิงหวูฟังนั้นก็ทำให้เธอถึงกับช๊อคไปครึ่งวันเลยทีเดียว

“เธอ เธอจะบอกว่าถังซิ่วได้ให้ตำรวจมาปิดบาร์เพื่อให้เธอกลับไปอยู่ที่โรงแรมอย่างเชื่อฟังแต่ดันพบว่ามีคนค้ายาเสพติดงั้นหรอ ? หลังจากนั้นเจาก็ตามเบาะแสกลับไปที่โรงแรม ? เขาได้มีส่วนร่วมในการปะทะที่มีคนตายมากมาย ?”

เฉินเหว่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ใช่แล้ว ดังนั้นเจ้าถังที่ไม่ฟังคำเตือนของฉันนั้นจึงได้ทำให้ฉันหมดสติพร้อมกับออกไปเป็นฮีโร่ โชคดีที่เขาไม่เป็นอะไรไม่อย่างนั้นแทนที่เขาจะต้องดูแลฉันแต่มันจะเป็นฉันที่ต้องดูแลเขา”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้แสดงใบหน้าที่รู้สึกอิจฉาออกมาก่อนที่จะพูดว่า

“ช่างวิเศษจริงๆหากรู้อย่างงั้นฉันคงไม่ไปเซี่ยนไฮ้อย่างแน่นอน อ่อใช่ก่อนหน้านี้เธอบอกว่านอกจากจะได้ทานอาหารและเครื่องดื่มแล้วก็ยังทำเงินได้อีกนี่หมายความว่าอย่างไร ? ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินเหว่ยจึงได้ยิ้มจ้าออกมาพร้อมกับพูดว่า

“รายละเอียดนั้นไม่สามารถบอกเธอได้เพราะฉันได้สัญญาเอาไว้กับเขาแล้วว่าห้ามพูดเรื่องนี้อย่าไรก็ตามสิ่งที่ฉันบอกเธอได้ก็คือนักเรียนของเธอนั้นน่าทึ่งเป็นอย่างมากแม้กระทั่งเด็กที่มีพรสวรรค์ดั่งสัตว์ประหลาดที่ต่างประเทศเองก็ไม่สามารถเทียบกับเขาได้แม้แต่น้อย รออีกหน่อยเถอะ ! ร่างกายของเขาจะต้องส่องแสงสีทองออกมาอย่างแน่นอน เหมือนกับเทพเจ้าที่สวมชุดเกราะนักรบเชียวล่ะ”

“พุฟฟฟฟ”

ฮั่นชิงหวูเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราออกมาก่อนที่จะพูดว่า

“เหว่ยเหว่ย มันไม่เหมือนกับว่าเธอกำลังอธิบายถึงคนใหญ่คนโตเลยนะแต่เหมือนกับกำลังอธิบายถึงเจ้าบ้าวเลย ! บอกมาตรงๆนะว่าเธอชอบนักเรียนของฉันงั้นหรอ ?”

เฉินเหว่ยเองก็ได้ลูบไปที่ท้องของเธอก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“จริงๆแล้วก็ชอบนั่นแหละ ฉันจะซื่อสัตย์กับสามีไม่ว่าเขาจะไปแต่งงานกับหมาตัวไหนก็ตาม หลังจากนี้ฉันก็จะเรียกเธอว่าอาจารย์ฮั่น !”

“กลับไปเลยไป๊ !”

“ฮ่า ฮ่า…….”

หลังจากนั้นฮั่นชิงหวูก็ได้ถามออกมาอีกครั้งว่า

“เหว่ยเหว่ย เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะ !”

เฉินเหว่ยเองก็ได้หุบยิ้มทันทีพร้อมกับพูดว่า

“เรื่องที่ฉันสามารถบอกเธอก็ได้ให้คำตอบไปแล้ว หากว่าเธออยากจะรู้เกี่ยวกับเขาแล้วก็ต้องไปคุยกับเขาเอง”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ถามออกมาว่า

“คำตอบไหนกัน?”

เฉินเหว่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“คำตอบที่ว่าเขาน่าทึ่งแค่ไหนกันไง เอางี้ก็ได้ ! เธอคิดว่าห้องอาหารหลงในเมืองนี้นั้นหรูหราแค่ไหน ? ”

ฮั่นชิงหวูได้ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า

“หากว่าให้ที่สองก็คงไม่มีใครเป็นที่หนึ่ง”

เฉินเหว่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ถังซิ่วเป็นสมาชิกของที่นั่นและเป็นตัวตนที่อยู่ในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติระดับสูง ที่เหลือเธอก็ไปคิดหาคำตอบเอาเองแล้วกัน !”

ถังซิ่ว ?

สมาชิกของห้องอาหารหลง ?

ฮั่นชิงหวูได้ถามออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“เธอเล่าเรื่องตลกอะไรกัน ? ถังซิ่วนั้นเป็นแค่เด็กนักเรียนที่ฐานะทางบ้างก็ไม่ค่อยจะดีนะ เขาจะไปเป็นสมาชิกของที่นั่นได้ไงกัน ? เหว่ยเหว่ย เธอกำลังเล่นเรื่องตลกอะไรให้ฉันฟังกัน ?”

เฉินเหว่ยเองก็ได้ยกนิ้วขึ้นมาสาบานแล้วพูดว่า

“หากว่าฉันโกหกก็ขอให้ตลอดชีวิตนี้แต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากจะแต่งกับเธอ”

“มันไม่เหมาะสมนะ !”

ฮั่นชิงหวู่ได้หยอกล้ออกมา

ที่สนามบินเมืองสตาร์ซิตี้

หลังจากที่ถังซิ่วบอกลาพวกเธอทั้งสองแล้วก็ได้มาที่นี่โดยทันทีเพราะเขาเองก็จำเป็นที่จะต้องไปที่จินซิตี้เพื่อซื้อคริสตัลแห่งลมและหินเศษเสี้ยวดวงดาวที่ได้ติดต่อไว้ก่อนหน้านี้

เพราะว่ายังเหลือเวลาอยู่ตั้งสองชั่วโมงกว่าเครื่องจะออกถังซิ่วจึงได้ไปหาร้านกาแฟนั่งรอเพื่อฆ่าเวลาอย่างไรก็ตามเขาเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมหมวกและแว่นตาพร้อมกับหลบๆเข้ามาให้ร้านนี้อย่างเงียบๆ

“อื่ม ? ”

ท่าทางของถังซิ่วนั้นเปลี่ยนไปเพราะว่าเขาพบว่าผู้หญิงคนนี้นั้นหน้าตาเหมือนกับนักร้องหญิงคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากๆ

ซางซิงหยา ?

หลังจากที่เธอได้เข้ามาในร้านนั้นก็ได้มองไปทางถังซิ่วทันทีเพราะมุมที่เขานั่งนั้นเงียบสงบเป็นอย่างมาก

“คุณหนู ต้องการจะดื่มอะไรงั้นหรอ ? ”

พนักงานเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสุภาพ

เสียงที่น่าหลงใหลก็ได้เปล่งออกมาจากผู้หญิงคนนั้นว่า

“ขอกาแฟมอคค่าแก้วนึงค่ะ ขอบคุณ”

“โปรดรอสักครู่ !”

พนักงานคนนั้นก็ได้ตอบพร้อมหันหลังกลับไปโดยทันที

ถังซิ่วที่ได้เห็นเธอถอดแว่นตาออกนั้นก็สามารถยืนยันได้ทันทีว่าเธอเป็นนักร้องที่โด่งดังระดับภูมิภาคเอเชีย ซางซิงหยา

เขาเองก็ไม่ใช่แฟนพวกนักร้องถึงแม้ว่าเธอจะมีหน้าตาที่สวยงามและดึงดูดแต่เขาก็มองเธอเพียงแค่สองครั้งก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมอ่านข่าวสารมากมายก่อนที่จะเสิร์ชหาอะไรต่างๆในอินเตอร์เน็ต

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีก็ได้มีเสียงที่น่าดึงดูดดังออกมาอีกครั้งว่า

“คุณคะ ฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมค่ะ ฉันต้องการโทรหาใครบางคน”

ถังซิ่วได้เงยหน้าขึ้นมาและพบว่าซางซินหยาที่กำลังถือแก้วกาแฟอยู่นั้นได้มานั่งตรงกันข้ามกับเขา ตัวของถังซิ่วนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“หากว่าคุณต้องการเบอร์ของผมนั้นก็ต้องขอโทษด้วยเพราะผมคงให้ไม่ได้แต่หากว่าต้องการจะยืมใช้นั้นผมคิดนาทีละ100หยวน”

“คุณ……..”

ซางซินหยาได้โกรธมากพร้อมพูดออกมาว่า

“ฉันไม่มีความสนใจที่จะได้เบอร์คุณหรอกนะ ฉันแค่ขอยืมแค่นี้คุณจำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“เธอเข้าใจผิดแล้ว โทรศัพท์นี่เป็นของส่วนตัวของฉันและข้างในนี้เองก็มีความลับอยู่มากมายที่ไม่สามารถให้คนอื่นๆเห็นได้ หากว่าเธอต้องการจะยืมก็ต้องเสียเงิน เธอคิดว่าไม่คุ้มงั้นหรอ ?”

ซางซินหยาเองก็ได้พูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“ฉันไม่สนใจในความลับไร้สาระอะไรในโทรศัพท์ของนายหรอกนะ มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย! ยิ่งไปกว่านั้นคือนายไม่รู้จักฉันงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ถามกลับไปว่า

“ฉันจำเป็นต้องรู้จักเธองั้นหรอ ?”

ซางซินหยาเองก็ถามออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“นายไม่รู้จักจริงๆหรอเนี่ย ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยความหงุดหงิดว่า

“จะใช้หรือไม่ใช้ ถ้าไม่ก็หุบปากเสียที”

ซางซินหยานั้นหมดคำพูดทันที ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในวงการบันเทิงเมื่ออายุ18นั้น เธอใช้เวลาเพียง6ปีก็สามารถโด่งดังไปทั่วพร้อมกับจำนวนแฟนๆมากมาย เธอมีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือคนแก่ใน99%ก็ต้องรู้จักเธออย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในทีวี อินเตอร์เน็ตหรือช่องทางอื่นๆก็ตาม

“หรือเจ้านี่มันออกมาจากถ้ำกัน ? แม้ว่าจะออกมาจากถ้ำจริงๆก็ควรที่จะยอมรับในรูปลักษณ์ที่สวยงามของฉัน ? ”

ซางซินหยาที่กำลังสังเกตถังซิ่วอยู่นั้นก็ได้รู้จักประหลาดใจเป็นอย่างมาก ถังซิ่วนั้นดูบริสุทธิ์เหมือนเด็กทารกที่เพิ่งคลอดและไม่หวั่นไหวต่อเรื่องพวกนี้เลยงั้นหรอ ?