…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉินเหว่ยได้แอบกระซิบออกมาเบาๆก่อนที่จะยืนขึ้นแล้วยื่นมือไปทางหลงเจิ้งหยูก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“สุดหล่อ ฉันชื่อเฉินเหว่ย คุณสามารถเรียกฉันว่าเหว่ยเหว่ย”
เมื่อหลงเจิ้งหยูได้ยื่นมือออกไปนั้นก็รู้สึกถึงนิ้วของเธอกำลังสะกิดมือของเขาตอนที่จับมือกันซึ่งทำให้เขาจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง
ถังซิ่วสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของหลงเจิ้งหยูทันทีก่อนที่จะมองไปได้เฉินเหว่ยด้วยความรู้สึกตลกขำขันพร้อมพูดขึ้นว่า
“ฉันเตือนไว้ก่อนนะว่าอย่าได้ไปยั่วเขาล่ะ ! ในเมืองนี้เขาสามารถหาผู้หญิงมาได้มากมายเธอเองก็ระงับอารมณ์หน่อยอย่าได้เจ้าชู้ไปทั่วเดี๋ยวจะติดโรคของเธอกันหมดทั้งเมืองนี้”
เฉินเหว่ยได้พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า
“ถังซิ่ว นายพูดออกมาอย่างไงได้ยังไง ? เราเองก็เป็นเพื่อนที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยกันไม่ใช่หรอ ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยความประหลาดใจว่า
“ผ่านความยากลำบาก ? เราไปผ่านด้วยกันตอนไหนน่ะ ?”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ตอบอย่างเอาจริงเอาจังว่า
“ที่บาร์และโรงแรมเมื่อวานนี้ไง !”
ถังซิ่วก็ได้พูดออกไปอย่างขบขันก่อนที่จะมองบนว่า
“นั่นก็นับได้ว่าผ่านความยากลำบากงั้นหรอ ? เรื่องเหลวไหลกับการล่อลวงของผู้สูงวัยแบบเธอนี่เยอะจริงๆเลยนะ หลงเจิ้งหยู นายจะยืนบื้ออยู่ทำอะไรล่ะ ? ถ้ายังไม่ทานข้าวก็มาทานกับเราส่วนถ้าทานแล้วนายก็ไปทำเรื่องของนายซะ!”
จริงๆแล้วหลงเจิ้งหยูนั้นได้ทานอาหารมาก่อนแล้วและเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะนั่งอยู่ที่นี่แต่ว่าหลังจากที่เห็นความสัมพันธ์ระหว่าถังซิ่วและเฉินเหว่ยแล้วนั้นมันก็ได้ไปสะกิดต่อมแห่งความอยากรู้อยากเห็นของเขา ทันใดนั้นเขาก็ได้รีบลากเก้าอี้มานั่งก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“นี่พวกนายไปเปิดโรงแรมอยู่ด้วยกันงั้นหรอ ? มิสเหว่ยเหว่ยนั้นถือว่าโชคดีมากๆแต่ก็โชคร้ายเช่นกัน อ๊า !”
เฉินเหว่ยเองก็ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“คุณหมายความว่าอย่างไร ?”
หลงเจิ้งหยูได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ที่ฉันบอกว่าเป็นโชคดีของคุณก็เพราะว่าฉันไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่สามารถทำให้ถังซิ่วไปอยู่ใต้กระโปรงของเธอได้แต่โชคร้ายคือคู่แข่งของคุณนั้นมีมากและแต่ละคนเองก็โดดเด่นด้วยกันทั้งหมดซึ่งสามารถทำให้หัวใจของผมหวั่นไหวเลยทีเดียว”
เฉินเหว่ยได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“นี่มีคนที่ชอบเขาด้วย ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน ? ไอ้เจ้านี่นอกจากจะทำเป็นเท่กับปากหมาแล้วจะมีอะไรที่ผู้หญิงมาชอบงั้นหรอ ? ”
หลงเจิ้งหยูตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“หากว่าจะให้พูดถึงคนที่มีความสามารถนั้นก็อยู่ถัดออกไปจากห้องนี้สองห้องนั้นมีผู้หญิงที่สวยมากๆอยู่และต้องการที่จะพลีกายให้แก่เขา”
เฉินเหว่ยได้รีบถามออกมาโดยทันทีว่า
“ทางไหน ? ”
“ซ้าย!”
หลงเจิ้งหยูได้ตอบกลับไป
เฉินเหว่ยเองก็รีบผลักเก้าอี้ออกพร้อมวิ่งออกไปนอกห้องอาหารโดยทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นถังซิ่วจึงได้รีบตะโกนออกมาว่า
“เหว่ยเหว่ย นั่นเธอคิดจะไปไหนกันน่ะ ? กลับมานี่ อย่าสร้างปัญหาไปทั่วสิรีบๆกลับมาทานอาหารเดี๋ยวนี้ !”
อย่างไรก็ตามเฉินเหว่ยเองก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย หลังจากที่ออกจากห้องไปแล้วนั้นก็ได้รีบวิ่งไปที่ทางเดินอย่างรวดเร็ว
ถังซิ่วได้หันหน้ามาจ้องหลงเจิ้งหยูก่อนที่พูดออกมาว่า
“นายพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ? ฉันได้รับการขอร้องให้ดูแลยอดหญิงคนนั้นแค่สองวันเท่านั้นเธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศและมาถึงเมืองนี้เมื่อวานแต่เพื่อนของเธอนั้นไม่ว่างจึงต้องขอช่วยฉัน”
หลงเจิ้งหยูตอบกลับอย่างแปลกใจว่า
“เพื่อนของนายคนไหนกัน ? ถึงได้ทำให้นายดูแลเอาใจใส่และสนใจขนาดนี้ ?”
ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เห้อ บอกก็ได้ ! เธอเป็นเพื่อนของครูฉัน”
“อ่อ มันเป็นอย่างงี้นี่เอง !”
หลงเจิ้งหยูเองก็ได้พูดต่อว่า
“อุปนิสัยของนายนั้นสุดๆมากและการที่จะเป็นเพื่อนกับนายได้ก็เรียกได้เลยว่ายากอย่างมหาศาล ฉันเองก็คิดว่าจะเป็นใครกันที่มีความสามารถพอที่จะเป็นเพื่อนของนาย ! อ่อใช่ ได้ยินมาว่าครูของนายสวยมากเลยหนิ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ในสายตาของนายแล้วนอกจากผู้หญิงสวยแล้วยังมีอะไรอยู่บ้าง ? ”
หลงเจิ้งหยูได้แกล้งทำเป็นท่าทางตกหลุมรักพร้อมกับพูดออกมาอย่างอ่อนโยนว่า
“ในสายตาฉันก็ยังมีนายอยู่ไงล่ะ !”
“ไปตายซะ !”
ถังซิ่วได้ขนลุกขึ้นมาพร้อมกับตอบกลับอย่างขบขัน
ห้องส่วนตัวที่อยู่ถัดไป
ถังซิ่วกำลังทานอาหารร่วมกับหัวหน้าของแต่ละตำแหน่งในเมืองนี้ แจ๊คที่พูดเก่งนั้นก็ได้เล่าเรื่องตลกให้พวกเขาฟัง ไวน์เองก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
“ขอโทษด้วยครับ คุณเข้าไปไม่ได้”
เสียงของพนักงานได้ดังขึ้น
ขณะที่คำพูดนั้นดังขึ้นเฉินเหว่ยเองก็ได้ฝ่าเข้ามาในห้องแล้วและเมื่อสายตาของเธอกวาดไปรอบๆห้องก่อนที่จะไปหยุดอยู่ที่คังเซี่ยนนั้นเธอก็ต้องจ้องมองอยู่นาน
สวย !
สวยจริงๆ !
เธอได้เห็นผู้หญิงที่สวยมามากมายแต่ไม่เคยเห็นใครสามารถเทียบได้กับเธอคนนี้เลย แม้ว่าฮั่นชิงหวูเองก็ยังเทียบกับเธอไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ! ทำไมผู้หญิงสวยระดับสุดยอดคนนี้ถึงได้มีหน้าตาคุ้นๆกัน ?
เฉินเหว่ยได้ส่ายศีรษะของเธอเพราะเธอไม่เชื่อว่าคังเซี่ยนจะรู้จักกับถังซิ่วเพราะเธอคิดว่าเขาคงไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นเจ้าของเธอได้
อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะยืนยันคำพูดของหลงเจิ้งหยูนั้นเธอจึงได้พูดออกมาว่า
“คนสวย คุณรู้จักกับถังซิ่ว ?”
คังเซี่ยนนั้นรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้หญิงที่ฝ่าเข้ามาในห้องเป็นอย่างมากและกำลังจะถามเธอว่าบุกเข้ามาที่นี่ทำไมแต่เมื่อได้ยินคำถามของฝ่ายตรงข้ามนั้นก็คำให้เธอโบกมือให้พนักงานพร้อมกับตอบว่า
“ฉันรู้จัก แล้วคุณคือ ? ”
เฉินเหว่ยได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“คุณแน่ใจงั้นหรอ ? ถังซิ่วที่ฉันพูดถึงนั้นเป็นเด็กที่อายุประมาณ20ปีและเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปหมาดๆ !”
คังเซี่ยนเองก็ตอบอย่างแน่วแน่ว่า
“ฉันว่าคนที่คุณพูดถึงและคนที่ฉันรู้จักคือคนเดียวกัน”
เฉินเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“อย่าบอกนะว่าที่หลงเจิ้งหยูพูดนั้นเป็นความจริง ? คุณชอบเขาและกำลังตามจีบเขางั้นหรอ ? ”
คังเซี่ยนเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า
“ถังซิ่วเองก็ไม่ได้ทำอะไรหลังจากได้ยินคำพูดของหลงเจิ้งหยูงั้นหรอ ? ”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ไอ้เจ้าถังซิ่วนั่นมันเป็นเด็กหัวรั้นที่ชอบเถียงอยู่แล้ว เขาจะไปยอมรับได้อย่างไรล่ะ ”
คังเซี่ยนเองก็ได้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มออกมาพร้อมกับหันหน้าไปทางหัวหน้าที่นั่งดื่มกันอยู่พร้อมกับพูดว่า
“ฉันมีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อยพวกคุณเชิญดื่มกันไปก่อน แจ๊คนายอยู่คอยสร้างความบันเทิงให้พวกเขาซะหากว่านายทำไม่ได้ฉันจะไม่ยกโทษให้นายอย่างแน่นอน !”
แจ๊คเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“ได้เลย !”
คังเซี่ยนเองก็ได้ยิ้มออกมาจางๆก่อนที่จะพาเฉินเหว่ยออกจากห้องไปและถามเธอตรงที่ทางเดินว่า
“ถังซิ่วเองก็อยู่ที่ห้องอาหารหลงด้วยงั้นหรอ ?”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว เขาเป็นคนพาฉันมาที่นี่ !”
คังเซี่ยนได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันขอแนะนำตัว ฉันมีชื่อว่าคังเซี่ยนเป็นผู้จัดการบริษัทถังผู้สูงส่ง ขอช่วยให้คุณนำทางไปหาเขาหน่อยได้หรือไม่ ? ”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“ฉันรู้สึกว่าชื่อคุณนี่คุ้นๆดีจัง ฉันไปได้ยินมาจากที่ไหนกันนะ ”
คังเซี่ยนเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“ชื่อของฉันเองก็มีคนใช้กันมากมายก็น่าจะไม่แปลกนะ !”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ศีรษะพร้อมกับระงับความสงสัยไว้และพูดว่า
“ไปกัน ! ฉันจะพาคุณไปพบเขา หลงเจิ้งหยูได้บอกเอาไว้ว่าผู้หญิงสวยๆที่ชอบเขานั้นมีมากมายและห้องข้างๆนี้ก็มีอยู่คนหนึ่ง ฉันนั้นไม่อยากจะเชื่อแต่เมื่อได้เห็นคุณแล้วฉันก็เชื่อจริงๆเพราะคุณเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเห็นเลย”
“ขอบคุณสำหรับคำชม !”
คังเซี่ยนได้ยิ้มออกมาจางๆ
เมื่อมาถึงที่ห้องอาหารพร้อมกับเห็นว่าถังซิ่วและหลงเจิ้งหยูกำลังคุยกันอยู่นั้นเธอก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“บอส ฉันมาขัดจังหวะคุณหรือเปล่า ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“เพิ่งได้ยินมาจากหลงเจิ้งหยูว่าเธอต้องมาดื่มกินเป็นเพื่อนกับพวกผู้มีอำนาจ เธอดื่มไปเยอะหรือเปล่า ?”
คังเซี่ยนได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ช่วงบ่ายนี้ก็ยังมีงานที่ต้องทำดังนั้นจึงไม่ได้ดื่มไปมาก ตอนนี้ให้แจ๊คคอยอยู่กับพวกเขา”
ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า
“ให้เวลาฉันอีกหน่อยแล้วฉันรับประกันได้เลยว่าเวลาจะทำธุรกิจนั้นเธอไม่จำเป็นต้องออกมาไขว่คว้าหาโอกาสอีกแล้วและหากว่าใครกล้าที่จะไม่ให้เกียรติเธอก็ไม่ต้องไว้หน้าพวกเขาแล้วตอบโต้ได้เลย หากว่าใครกล้าที่จะข่มขู่หรืออะไรก็ตามเธอสามารถมาบอกฉันได้เลย ฉันจะเป็นคนจัดการเอง”
คังเซี่ยนได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“การที่มีบอสแบบคุณที่ทำให้ฉันมีความสุขที่สุดเลยล่ะ ”
“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว!”
เฉินเหว่ยได้มายืนอยู่ตรงหน้าของถังซิ่วก่อนที่จะชี้ไปที่เขาแล้วพูดออกมาว่า
“หัวหน้าคัง เมื่อกี้คุณเรียกเขาว่าอะไรนะ ? บอส ? คุณบอกว่าคุณเป็นผู้จัดการบริษัทถังผู้สูงส่งแสดงว่าเขาก็เป็นเจ้าของบริษัทงั้นหรอ ?”
คังเซี่ยนก็ได้พยักหน้าแล้วตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ใช่แล้ว เขาเป็นเจ้าของบริษัทของเรา !”
เฉินเหว่ยได้มองไปด้วยความรู้สึกทึ่งก่อนที่จะถามออกมาด้วยความลังเลว่า
“งั้น……. ทรัพย์สินโดยรวมของบริษัทคุณมีเท่าไหร่งั้นหรอ ? ”
คังเซี่ยนได้ส่ายศรีษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เป็นความลับทางธุรกิจที่ไม่สามารถเปิดเผยได้”
เฉินเหว่ยได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาอย่างดังว่า
“นายบอกมาเดี๋ยวนี้นะ !”
ถังซิ่วไม่ได้ตอบคำถามของเฉินเหว่ยตรงๆแต่กลับถามคังเซี่ยนว่า
“เรื่องพวกนั้นเองก็น่าจะจบลงแล้วใช่ไหม ? เราได้ส่วนแบ่งกลับมาเท่าไหร่กัน ? ”
คังเซี่ยนก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เกือบจะเรียกได้ว่าจบแล้ว การดำเนินการก็เรียบร้อยและในอนาคตเองก็จะได้รับมันมา มูลค่าที่ได้มาก็ไม่น่าจะต่ำกว่า4พันล้าน”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจว่า
“ด้วยเงิน200ล้านแต่ได้กลับมา4พันล้านนี่ถือว่าคุ้มจริงๆ”
เฉินเหว่นเองก็ได้มองไปที่พวกเขาขณะที่ปากของเธออ้าค้างอย่างตกตะลึง มันสามารถยัดไข่ลงไปได้ทั้งใบ
“นาย นาย นายเป็นใครกันแน่ ? ”
เฉินเหว่ยได้เรียกออกมา
หลงเจิ้งหยูเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เขาก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัท ฉันรับประกันได้เลยว่าการที่เขามีคังเซี่ยนผู้โด่งดังนั้นจะสามารถทำให้ทรัพย์สินโดยรวมของบริษัทเราเพิ่มขึ้นหลายพันเท่าอย่างแน่นอน หลังจากนี้เขาสามารถรวยกว่าบิลเกทได้แน่นอน !”
ในพริบตานั้นเฉินเหว่ยเองก็เกือบจะทรุดลงไปกับพื้นพร้อมมองไปที่คังเซี่ยนด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ เธอพูดออกมาว่า
“ฉันคิดแล้วว่าทำไมคุ้นๆ ! อย่าบอกนะว่าคุณคือคังเซี่ยนผู้โด่งดังที่สามารถเขย่าโลกได้ผู้ที่ออกมาจากตลาดหลักทรัพย์ ? ”
คังเซี่ยนได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“เขย่าโลกได้ไหมนี่ไม่รู้นะแต่ฉันออกมาจากที่นั่น”
เฉินเหว่ยได้เดินเซไปเซมาก่อนที่จะกลับไปนั่งที่ของเธอพร้อมกับเอามือกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้นาน
ช๊อค ! ความรู้สึกช๊อคที่เธอได้รับไปในวันนี้มันมากเกินไป !
ความรู้สึกนี้ไม่ได้มาจากคังเซี่ยนแต่เป็นถังซิ่วไอ้เด็กเวรที่ชอบกวนเธออยู่ทุกวันนี้ เขามีสถานะที่น่าทึ่งขนาดนั้นได้อย่างไรกัน
คังเซี่ยนเป็นใครกัน ?
เธอเป็นผู้ที่มีความสามารถมากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ของโลกแต่เธอดันกลับมาอยู่ที่ประเทศเกิดของเธอและไปเป็นลูกน้องของถังซิ่ว ?
ใช่แล้ว !
ก่อนหน้านี้หลงเจิ้งหยูเองก็ได้บอกว่าคังเซี่ยนนั้นสนใจในตังถังซิ่ว ? อย่าบอกนะว่ามันเป็นเรื่องจริง ?
ถังซิ่วที่เห็นท่าทางของเฉินเหว่ยนั้นก็ไม่ได้พูดแก้อะไรไป เขาพูดกับคังเซี่ยนว่า
“เธอไม่จำเป็นต้องไปจริงจังกับเรื่องพวกนั้นมาก หากว่าไม่จำเป็นก็กลับไปพักผ่อนซะ !”
คังเซี่ยนเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“มันน่าจะยังไม่จบและฉันเองก็ได้ให้แจ๊คอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา เอาล่ะ ฉันเองก็ออกมาที่นี่นานแล้วและน่าจะถึงเวลากลับไปที่ห้องแล้วดังนั้นฉันขอตัว”
“ก็ดี !”
ถังซิ่วได้พยักหน้าตอบกลับไป