…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ท่าทางผิดหวังได้ปรากฏขึ้นบนในหน้าของเธอก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“แน่นอนว่าฉันไม่สามารถรับผิดชอบได้ หากว่านายไม่ต้องการจะช่วยเราก็ไม่เป็นไร ออกไปได้แล้ว ! ฉันจะส่งคนเข้าไปล้อมพวกเขาไว้และหวังจะจะสามารถจับพวกเขาได้”

ถังซิ่วก็จ้องมองไปที่เฉิงเสวี่ยเหม่ยก่อนที่จะเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามออกมาว่า

“ทำไมเธอถึงเลือกฉันงั้นหรอ ?”

เฉิงเสวี่ยวเหม่ยเองก็ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ฉันคิดว่าหากว่าฝึกนิดหน่อยนายก็สามารถเป็นตำรวจที่แข็งแกร่งได้ในอนาคต ฉันหวังพึ่งพลังในการสังเกตการณ์ของนายจากการที่เราได้ดูจากกล้องวงจรปิดแล้วก็พบว่านายมีพลังในการสังเกตที่ดีเป็นอย่างมาก มันเป็นเรื่องยากที่จะพบว่ามีการค้ายาเสพติดกันทั้งๆที่มาเป็นครั้งแลกแถมนายยังสามารถบ่งบอกได้ว่าใครเป็นคนที่ขายซึ่งมันช่วยเราเป็นอย่างมาก”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมฝืนยิ้ม

“ฉันรู้สึกเขินนิดๆนะที่ถูกเธอชม ช่างมันเถอะ ฉันจะช่วยเธอสักครั้ง บอกฉันมาว่าพวกมันอยู่ห้องไหนชั้นอะไร ฉันมีวิธีที่จะบอกสถานการณ์ภายในห้องให้ได้”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยเองก็ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“วิธีอะไรงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับว่า

“ความลับ ฉันไม่สามารถบอกเธอได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉิงเสวี่ยเหมยเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

“ถังซิ่ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นนะ มันสามารถจำไปสู่การฆาตกรรมได้อย่างง่ายๆเลยนะ คนเหล่านี้นั้นโหดร้ายและทารุณเป็นอย่างมาก ฉันได้ยินมาว่าไตซีเย่คนนั้นมันฆ่าได้โดยไม่กระพริบตาด้วยซ้ำยิ่งกว่านั้นคือเราไม่สามารถให้เขาเหล่านั้นรู้ตัวได้”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ไม่ต้องเป็นห่วง ! ฉันรู้ดี ฉันแค่จะช่วยเธออธิบายสถานการณ์ภายในห้องเท่านั้นส่วนเรื่องจับกุมก็เป็นหน้าที่ของเธอ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยก็ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า

“ห้อง 806ถึง808 เราได้เค้นมาจากคนที่จับได้ว่าพวกเขามีกันอยู่6คน”

ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะเปิดประตูรถออกไปแล้วทิ้งท้ายไว้ว่า

“รอข้อความจากฉันแล้วกัน”

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีถังซิ่วก็ได้ไปอยู่ที่ชั้น8ของโรงแรมไคเซอร์ หลังจากที่หาห้องเจอแล้วเขาก็ปลดปล่อยจิตสัมผัสออกไปทันที เขาค้นพบว่าในห้องนี้ไม่ได้มีแค่หกคนแต่เป็นแปด หนึ่งในนั้นเป็นหนุ่มผมสีขาวกำลังอยู่บนตัวผู้หญิง

อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะไม่ให้รู้ว่าเขามีจิตสัมผัสเขาจึงได้เปิดประตูห้อง805พร้อมกับปีนออกไปนอกหน้าต่างแล้วไปที่ห้อง807ที่อยู่ใกล้ๆห้อง808

ทันใดนั้นเขาก็ได้ลงมาจากชั้น8พร้อมกับโทรไปหาเฉิงเสวี่ยเหม่ยเพื่อรายงานสิ่งที่เขาค้นพบ

“สิ่งที่ควรจะพึงระวังคือไอ้หนุ่มหัวขาวที่ห้อง806นั้นเพราะนอกจากเขาจะมีปืนพกอยู่ข้างๆแล้วก็ยังมีปืนสไนเปอร์ที่เหมือนกับที่เห็นในหนังวางไว้ตรงทีวีเช่นกัน ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้ถามออกมาอย่างกระวนกระวายว่า

“นายแน่ใจว่าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม ? ”

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า

“แน่ใจ !”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้พูดขอบคุณพร้อมกับวางสายโดยทันที

ถังซิ่วเองก็เก็บโทรศัพท์ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากโรงแรมแต่เขาก็ไม่ได้กลับไปพร้อมกับเดินไปที่ตึกสูงฝั่งตรงข้ามพร้อมกับเฝ้าสังเกตการณ์โรงแรมไคเซอร์ทางหน้าต่าง

เขาพบว่าตึกของเขาเองก็ได้ถูกยึดโดยหน่วยสไนเปอร์พร้อมกับตำรวจที่เตรียมพร้อมอยู่รอบตึก

“มาถึงเร็วจริงๆ ”

ถังซิ่วได้ถอนหายใจออกมาเงียบๆ

อย่างไรก็ตามท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาพบว่ามีชายวัยกลางคนได้ส่องกล้องส่องทางไกลลงมาจากห้อง808

พวกเขารู้ตัวแล้ว !

ถังซิ่วได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีพร้อมกับโทรไปหาเฉิงเสวี่ยเหม่ยและเมื่อเธอรับสายก็ได้รีบพูดทันทีว่า

“หากว่าฉันเดาไม่ผิดการวางตำแหน่งของคนของเธอได้ถูกตรวจพบแล้ว ฝ่ายตรงข้ามเองก็ได้ใช้กล่องส่องทางไกลมองไปที่ฝูงตำรวจมากมาย หากว่าเธอคิดจะทำอะไรก็ขอให้รีบๆทำหน่อยนะ ”

ท่างทางของเฉิงเสวี่ยเหม่ยที่ยืนอยู่ที่ชั้นแปดได้เปลี่ยนไปเป็นน่าเกลียดโดยทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่ว ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกเชื่อคำพูดของถังซิ่วเป็นอย่างมากดังนั้นเธอจึงรีบตะโกนอย่างดังว่า

“บุกเข้าไปทันทีและตอบโต้พวกเขาทุกคน ให้ความสนใจกับคนทั้งสามในห้อง808ด้วยเพราะพวกเขาน่าจะค้นพบว่าเรามาแล้ว”

“โคร๊ม……”

“โคร๊ม……”

“โคร๊ม……”

ประตูห้องทั้งสามได้ถูกพังเข้าไปพร้อมกับหน่วยตำรวจได้วิ่งเข้าไปควบคุมพื้นที่อย่างรวดเร็ว

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง …..”

ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากห้อง806และ808 และสไนเปอร์ที่อยู่ในอีกตึกนึงก็ได้เริ่มเปิดฉากยิง คนสองคนในห้อง807ก็ได้ยืนอยู่นิ่งๆหลังจากที่ได้เห็นตำรวจมากมายพุ่งเข้ามาในห้อง

ถังซิ่วที่ได้มองไปที่ฉากการต่อสู้สมัยใหม่นี้ก็ได้แต่ส่ายศีรษะ เขาเชื่อว่ากรมตำรวจนั้นมีความแข็งแกร่งพอที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้ได้และตราบใดที่อีกฝ่ายขัดขืนก็จะถูกฆ่าโดยทันที ส่วนทางฝั่งตำรวจนั้นก็อาจจะมีผู้บาดเจ็บและผู้เสียสละอยู่บ้างแต่ผลสุดท้ายคือพวกเขาก็จะสามารถฆ่าหรือจับผู้ร้ายได้อยู่ดี

“กลับดีกว่า !”

เมื่อถังซิ่วกำลังจะเดินออกจากหน้าต่างนั้นก็ได้พบร่างสองร่างได้กระโดดออกมาจากหน้าต่างห้อง808พร้อมกับเชือก ทักษะของเขานั้นเหมือนกันลิง เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้ลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็ว

“ไอ้หนุ่มหัวขาวนั่นนี่หว่า”

ความมืดในตอนกลางคืนก็ไม่สามารถบดบังสายตาของถังซิ่วได้แม้แต่น้อย หลังจากนั้นเขาก็สามารถยืนยันสถานะของฝ่ายตรงข้ามได้ทันที

“มันไม่ถูกต้อง หน้าต่างใต้ห้อง808เองก็ถูกเปิดทิ้งไว้ มันน่าจะมีคนอยู่อีก ผู้หญิงคนนั้น…….”

หลังจากที่สังเกตการณ์แล้วถังซิ่วก็ได้ค้นพบว่าหลังจากที่ชายหนุ่มหัวขาวกระโดดออกมาจากหน้าต่างห้อง808นั้นเขาก็ได้เหยียบขอบของมันไว้พร้อมกับผู้หญิงที่ดูมีอายุประมาณ30ปีได้ยื่นมือมาจับขาของเขาเอาไว้พร้อมกับดึงเขาเข้ามาในห้อง

ถังซิ่วในตอนนี้ได้แต่รู้สึกชื่นชมในแผนการของพวกเขา เชือกนั่นคงจะเป็นเส้นทางหนีที่ถูกเตรียมเอาไว้แล้วหากต้องเจอกับอันตรายร้ายแรง ผู้หญิงในห้องข้างล่างเองก็คงจะเป็นคนที่ถูกเตรียมไว้เหมือนกัน

“เห้อ ตราบใดที่ไอ้สองตัวนั่นยังอยู่ในโรงแรมแขกก็ยังคงได้รับอันตราย หวังว่าเฉินเหว่ยจะยังคงอยู่ในห้องนะ หากว่าเกิดอะไรขึ้นฉันเองก็คงไม่มีหน้าไปอธิบายให้ฉั่นชิงหวูฟังแน่นอน”

ถังซิ่วได้คิดอยู่ในใจก่อนที่จะรีบออกจากตึกนั้นโดยทันที

“ขอโทษด้วย โรงแรมนี้ได้ถูกกักกันไว้ ห้ามมีผู้ใดเข้าออก”

เมื่อมาถึงที่หน้าโรงแรมแล้วถังซิ่วก็ได้ถูกขวางทางไว้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ฉันชื่อว่าถังซิ่วและฉันเองก็มีส่วนรู้เห็นในคดีนี้ หากว่านายไม่เชื่อก็ลองเรียกเฉิงเสวี่ยเหม่ยสิ ”

ตำรวจคนนั้นจ้องมองอยู่อย่างลังเลก่อนที่เขาจะเรียกวิทยุสื่อสารไปหาผู้บังคับบัญชาพร้อมได้รับคำสั่งมาให้ปล่อยให้ถังซิ่วผ่านไปได้

ทางเดินที่ชั้น8

เฉิงเสวี่ยเหม่ยที่กำลังจัดการที่เกิดเหตุที่ประทะกันอยู่นั้นเมื่อได้เห็นว่าถังซิ่วกำลังเดินเข้ามาเธอจึงรีบถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“กลับมาได้อย่างไร ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“จะปล่อยให้เธออยู่คนเดียวได้ไงกัน ส่งคนไปดูที่ใต้ห้อง806ซะเมื่อกี่ฉันเห็นว่าไอ้คนหัวขาวได้กระโดดออกมาพร้อมกับไต่เชือกเข้าไปที่ชั้นสองและที่ห้องนั่นก็ยังมีหญิงอายุประมาณ30รออยู่ ฉันเชื่อว่าเธอน่าจะเป็นพวกเดียวกัน หากว่าคนของเธอสามารถกันพวกเขาไว้แน่นพอก็จะสามารถจับพวกเขาได้อย่างแน่นอน”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้พูดออกมาด้วยความรู้สึกช๊อคว่า

“นายรู้ได้อย่างไร ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ก่อนหน้านี้ฉันได้เฝ้าอยู่ที่อีกตึกหนึ่ง ฉันเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่างภายในตึกนี้ ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้พยักหน้าก่อนที่เธอจะรีบกระจายคำสั่งทันที เธอไม่ถามความเห็นแม้กระทั้งเด็งเจี้ยนหมินที่เป็นหัวหน้าของเธอที่เพิ่งมาถึง

ถังซิ่วและเด็งเจี้ยนหมินได้เจอหน้ากันตรงๆส่วนเฉิงเสวี่ยเหม่ยก็รีบออกไป ถังซิ่วได้มาถึงหน้าห้องของเฉินเหว่ยพร้อมกับเคาะประตูอย่างดัง หลังจากนั้นประตูก็ได้ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับเฉินเหว่ยที่กำลังสวนชุดนอนสุดน่ารักยืนอยู่ที่หน้าประตู

“สวัสดี ไม่ใช่ว่านายไปแล้วงั้นหรอ ? กลับมาที่นี่ได้ไง ? ”

ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั้นก็ได้รีบเดินไปหาถังซิ่วพร้อมจูงมือเขาเข้ามาในห้องพร้อมกับล๊อคประตูทันที

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ที่นี่นั้นอันตรายอย่างมาก ดังนั้นฉันจึงได้กลับมา”

เฉินเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยความขมขื่นว่า

“ฉันเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าฉันมันโชคร้ายจริงๆ นี่ฉันเพิ่งจะมาถึงที่นี่แท้ๆแต่กลับต้องมาอยู่ท่ามกลางเหตุปะทะกันของตำรวจและผู้ร้าย นายบอกฉันมาหน่อยสิว่ามันเกิดขึ้นบ่อยหรือเปล่า ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรนัดหรอกแต่ผ่านช่วงสองเดือนมานี้นั้นมีเหตุฆาตกรรมมากมาย หากว่าเธอกลัวก็สามารถออกไปจากเมืองนี้ได้เลยในวันพรุ่งนี้”

เฉินเหว่ยได้พูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“ใครบอกว่าฉันกลัวห๊ะ ? ป้าคนนี้แค่ไม่ชินแค่นั้นเอง ฉันผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอนฉันจะบอกอะไรให้ว่าที่ต่างประเทศเองก็มีเหตุยิงกันแบบนี้อยู่บ่อยๆอ่อ ยิ่งไปกว่านั้นคือฉันลืมบอกนายไปว่าฉันเป็นเทควันโด้สายดำนะ ผู้ชายธรรมดาๆ3-5คนไม่ใช่คู่มือของฉันหรอก”

ถังซิ่วได้มองไปที่แขนและขาที่เล็กกะทัดรัดของเธอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาได้เดินไปที่หน้าต่างพร้อมมองออกไปข้างนอกขณะที่ปลดปล่อยจิตสัมผัสของเขาออกไปคลุมตั้งตึกนี้ ตราบใดที่ไอ้หนุ่มหัวขาวคนนั้นยังอยู่ในโรงแรมนี้ก็ไม่มีทางที่จะรอดพ้นการตรวจสอบของเขาไปได้

“แปลกแหะ เป็นไปได้ไง ? ”