…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เอาจริงดิ !
เฉินเหว่ยได้มองไปที่เฉิงเสวี่ยเหม่ยและตำรวจคนอื่นๆด้วยความโกรธขณะที่เอาบัตรประจำตัวออกมาแล้วพูดด้วยเสียงกระซิบว่า
“เวรแท้ๆ ทำไมพวกตำรวจพวกนี้ถึงได้มาก่อนกวนวันที่ป้าคนนี้มีความสุขกัน ฉันเองก็คิดเสียว่าวันนี้จะได้ปลดปล่อยตัวเองอย่างเต็มที่แล้วซะอีก !”
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอนั้นก็เกิดอาการลนลานก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ฉันจะไปห้องน้ำก่อนนะ ”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาว่า
“ต้องการให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม ? ”
“ไม่จำเป็น !”
เด็กคนนั้นก็รีบตอบโดยทันที
ตาของถังซิ่วได้หรี่ลงขณะที่กำลังสังเกตผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ผู้หญงที่เธอยุ่งด้วยนั้นดูไม่ค่อยธรรมดาเลยนะ เธอดูลนลานแปลกๆหากว่าไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมายก็คงเป็นเรื่องที่ตัวตนของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ตำรวจไม่ควรจะตรวจสอบ”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“นายรูได้อย่างไร ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“เดา !”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า
“เดาบ้านนายสิ ! รีบๆเอาบัตรประจำตัวออกมาได้แล้ว นายน่าจะเป็นผู้ใหญ่แล้วใช่ไหม ? ฉันจำได้ว่าฮั่นชิงหวูสอนระดับมัธยมปลายและนักเรียนของเธอก็เพิ่งจะผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมา นายเป็นนักเรียนของเธอดังนั้นก็น่าจะมีบัตรประจำตัว”
ถังซิ่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า
“ตรรกะของเธอนั้นก็ดีหนิแต่ฉันเป็นคนที่ใครๆก็เกรงใจแม่กระทั่งตำรวจเองก็จะไม่ตรวจบัตรของฉัน เธอเชื่อไหมล่ะ ? ”
เฉินเหว่ยได้ล้อเลียนว่า
“ตั้งแต่ที่ฉันอยู่กับนายมาก็พบว่านายมักจะพูดโอ้อวดเสมอเลยนะ ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาตรงๆว่า
“งั้นเรามาพนันกันไหม ? นอกจากตำรวจจะไม่กล้าตรวจบัตรฉันแล้ว ฉันจะไปพูดจาลวนลามตำรวจผู้หญิงคนนั้นด้วย เธอเห็นไหม คนที่ก่อนหน้านี้ขึ้นไปตะโกนน่ะ แน่นอนว่าเธอต้องเป็นหัวหน้าของพวกเขาอย่างแน่นอน”
เฉินเหว่ยได้พูดอย่างหงุดหงิดว่า
“นายเนี่ยนะ ? นายที่เหมือนกระต่ายที่ไม่กล้าแม้แต่ยุ่งกับผู้หญิงเนี่ยนะจะกล้าพูดจาลวนลามตำรวจ ? นายเล่าเรื่องตลกอะไรกัน ? ”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“เธอตอบฉันมาก่อนว่ากล้าพนันกันไหม ? !”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“หากว่าตำรวจไม่ตรวจบัตรนายและนายกล้าที่จะพูดจาลวนลามเธอ ฉันจะเชื่อฟังคำพูดทุกอย่างของนาย !”
ถังซิ่วได้ถามต่อว่า
“เธอแน่ใจนะ ?”
“แน่ใจ !”
ถังซิ่วได้ปรบมือพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“เธอรอดูแล้วกัน !”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ได้ดื่มค๊อกเทลทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับเดินไปหาเฉิงเสวี่ยเหม่ยแต่เฉินเหว่ยเองก็ได้เดินตามหลังเขาไปด้วย
“สุดสวย เธอได้เห็นข้อความที่ฉันส่งไปหรือยัง ? ”
เมื่อเฉิงเสวี่ยเหม่ยเห็นว่าเป็นถังซิ่วจึงได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“เห็นแล้ว ฉันให้ตำรวจไปตรวจสอบเรียบร้อย ต้องขอบคุณนายจริงๆ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“รักษาความสงบของโลกนั้นเป็นหน้าที่ของประชาชนอย่างเรา อ่อใช่ เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าฉันจะได้รางวัลอะไร ? ”
เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้พูดด้วยความโกรธว่า
“อย่าให้มันมากนะ ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“มันมากยังไง ? อย่าบอกนะว่าฉันทำไปขนาดนี้แล้วกลับไม่มีรางวัลเลย ? หากไม่มีฉันพวกเธอจะจัดการคดีนี้ได้งั้นหรอ ?”
เฉิงเสวี่ยเหม่ยเองก็ได้พูดว่า
“บอกมาสิว่านายต้องการอะไรเป็นรางวัล ? ”
ท่าทางของถังซิ่วได้เปลี่ยนเป็นจริงจังเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ก่อนหน้านี้ที่ฉันได้บอกไปว่าหลังจากที่เรียนจบแล้วเธอจะต้องแต่งงานกับฉัน ! เมื่อถึงเวลาก็จะต้องมีลูกๆให้ฉันเยอะๆและส่วนเรื่องที่อยู่นั้นให้เธอไปถามแม่ฉันได้เลย เธอว่าอย่างไรฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ !”
“พุฟฟฟฟฟฟฟฟฟ….”
เฉินเหว่ยที่เดินตามหลังถังซิ่วมานั้นถึงกับสำลักออกมา แม้ว่าเธอจะรู้ว่าก่อนหน้านี้ถังซิ่วได้วางกับดักเธอเพื่อรอให้เธอกระโดดลงไปในนั้นแต่เธอเองก็ไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย เธอพบว่าเด็กหนุ่มที่เดิมตามก้นเธอทั้งวันนั้นเป็นคนละคนกับเด็กหนุ่มคนนี้
ท่าทางของเฉิงเสวี่ยเหม่ยเองก็เปลี่ยนไปทันทีก่อนที่เธอจะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอได้กวาดตามองไปที่เฉินเหว่ยก่อนที่จะมองไปที่ถังซิ่วด้วยความโกรธแล้วพูดว่า
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ ? ระวังว่าฉันจะอัดนายแล้วลากกลับไปดื่มชาที่โรงพักนะ !”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ตำหนิและเฆี่ยนตีนั้นคือความรัก แม้ว่าฉันเองจะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดพวกนี้ก็ตามแต่ฉันคิดว่าการที่เธอพาฉันกลับไปยังโรงพักนั้นมีความนัยอะไรบางอย่างแน่นอน !”
“นายย…..”
เฉิงเสวี่ยเหม่ยเองก็ได้แต่ส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
“แต่ละอย่างที่นายพูดออกมานี่ไร้สาระจริงๆ ได้ยินมาว่านายเลือกเรียนที่เซี่ยงไฮ้งั้นหรอ ? มั่นใจไหมว่าจะสามารถเข้าเรียนได้ ? ”
“แน่นอน !”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
เฉิงเสวี่ยเหม่ยเองก็พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ฉันเองก็ขอให้นายได้เรียนที่นั่น เอาล่ะ อย่างไรก็ตามนี่มันดึกแล้วแม้ว่านายจะมาสังสรรค์หลังสอบเสร็จก็ไม่ควรมาในที่แบบนี้ รีบๆกลับไปนอนได้แล้วและหากว่าทุกๆอย่างเป็นไปตามที่นายพูดฉันจะมาเลี้ยงข้าวนายทีหลัง”
ถถังซิ่วได้ถามต่อว่า
“จะเลี้ยงฉันก่อนที่เธอจะกลับไปที่เมืองหลวงงั้นหรอ ? ”
คิ้วของเฉิงเสวี่ยเหม่ยขมวดเข้าหากันพร้อมกับมองไปรอบๆและรู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่าไม่มีใครได้ยินคำพูดของถังซิ่ว
“อย่าพูดเรื่องนี้ที่นี่ ฉันจะต้องไปจัดการเรื่องสำคัญบางอย่าง ! ฉันจะติดต่อนายกลับไป ”
“พูดแล้วอย่าคืนคำล่ะ”
ถังซิ่วได้ตอบตกลงด้วยเสียงหัวเราก่อนที่จะมองไปที่เฉินเหว่ยด้วยท่าทางยั่วยุพร้อมกับเดินกลับไปที่โรงแรมไคเซอร์
“ยังจำการพนันของเราได้ไหม ? เธอแพ้แล้ว ”
เฉินเหว่ยได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า
“นั่นไม่นับเพราะนายขี้โกง”
ถังซิ่งมองไปที่เธอก่อนที่จะถามออกมาว่า
“ฉันโกงตรงไหน ? ”
เฉินเหว่ยได้ตอบกลับด้วยความโกรธว่า
“นายรู้จักเธอมาก่อนและนายเองก็เป็นคนเรียกเธอมาที่นี่ ! นายรู้อยู่แล้วว่าจะต้องชนะเลยหลอกล่อฉันให้ตกลงไปในหลุมพรางของนาย ฉันไม่ยอมรับมัน ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“หากว่าไม่มั่นใจฉันก็คงไม่พนันกับเธอหรอกจริงไหม ? อย่าพูดเยอะเลย เธอจะยอมรับหรือไม่ก็เรื่องของเธอแต่ถ้าไม่ยอมรับนั้นฉันก็คิดว่าเธอนั้นเป็นคนไม่ดีเลย”
เฉินเหว่ยเองก็ได้ตะโกนกลับไปว่า
“นายนั่นแหละคนไม่ดี ! ฉันยอมรับก็ได้ ! ต้องการจะให้ฉันทำอะไร ? ป้าคนนี้พร้อมจะสละทุกอย่างในวันนี้ ต่อให้จะต้องเป็นของนายคืนนึงก็ตาม ฉันจะยอมรับมัน !”
ถังซิ่วได้โบกมือทันทีพร้อมกับพูดว่า
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่สนใจที่จะกินเธอแม้แต่น้อย ! คำขอของฉันนั้นง่ายมาก พรุ่งนี้และมะรืนนี้ก็ขอให้เธออยู่ในโรงแรมอย่างเชื่อฟังและไม่อนุญาตให้ก้าวออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว หากเบื่อก็เล่นเกมส์มือถือหรือดูทีวีก็ได้ หิวเมื่อไหร่ก็โทรเรียกรูมเซอร์วิสซะ ”
เฉินเหว่ยเองก็จ้องมองด้วยตากลมโต อย่างไรก็ตามเธอก็คุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีในขณะที่ขาที่สมส่วนของเธอและหน้าอกที่กำลังเชิดอยู่นั้นได้ลดลง แม้ว่าเธอต้องการจะโชว์ของดีของเธอก็ตามแต่ก็ปรากฏความรู้สึกไม่ยินยอมขึ้นในสายตาของเธอก่อนที่เธอจะแสยะออกมาถึงสองครั้ง
“ฉันไม่ยอมรับคำขอของนาย ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อฮั่นชิงหวูมาเมื่อไหร่ฉันจะตำหนิเรื่องนายกับเธอ !”
ถังซิ่วก็ตอบกลับไปว่า
“แล้วนี่ไม่ได้แปลว่าเธอไม่ยอมรับในการแพ้พนันของเราหรอ”
“นาย….”
เฉินเหว่ยรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากแต่เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้นก็ทำให้ความโกรธของเธอค่อยๆจางหายไปก่อนที่จะพูดออกมาตรงๆว่า
“หากว่านายต้องการให้ฉันตกลงก็มีวิธีอยู่นะ อย่างไรก็ตามนายนั้นได้รับความไว้วางใจจากฮั่นชิงหวูให้มาดูแลฉันนายก็ควรจะรับผิดชอบมันหน่อย หากว่านายต้องการให้ฉันอยู่ในโรงแรมนายก็ต้องมาอยู่กับฉัน ! ฉันกลัว ”
“พูดเรื่องไร้สาระอะไรของเธอน่ะ !ใครจะไปเชื่อเธอกัน!”
ถังซิ่วได้คิดถึงเรื่องที่เธอทำก่อนหน้านี้ ภาพที่เธอจีบผู้ชายและผู้หญิงได้ปรากฏขึ้นในสมองของเขา เธอทำขนาดนั้นได้แต่กลัวคนในโรงแรมเนี่ยนะ ?
อย่างไรก็ตามเพื่อให้เธอไม่ออกไปเที่ยวเล่นหรือสร้างปัญหาที่ไหนก็พอ เขาได้พยักหน้าพร้อมพูดว่า
“เอางั้นก็ได้ ฉันมาจะหาเธอทุกๆเช้าแล้วกลับไปตอนค่ำ ”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“เธอไม่กลัวฉันจะกินเธอ ? ”
เฉินเหว่ยได้ตอบกลับพร้อมแสยะออกมาว่า
“นายกล้างั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเขาคิดว่าหน้าของผู้หญิงคนนี้นั้นหนายิ่งกว่าผนังตามเมืองนี้อีกและนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขายอมแพ้ เธอเหมือนกับม้าที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่ต้องถูกครอบครองแต่เขาเองก็ไม่ได้มีความสนใจที่จะครอบครองเธอแม่แต่น้อย
เมื่อกลับมาถึงที่โรงแรมแล้วถังซิ่วก็ได้บอกลาเธอ
“นายจะไปจริงๆงั้นหรอ ? ”
เฉินเหว่ยที่ยืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตูได้ถามออกมาขณะที่มองไปที่ถังซิ่ว
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า
“นี่มันก็ดึกมากแล้ว เธอไปพักผ่อนเยอะๆ ! อย่าลืมข้อตกลงของเราล่ะว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากฉันก็ห้ามก้าวออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว ”
“โคร๊ม….”
เฉินเหว่ยเองก็อับอายเป็นอย่างมากก่อนที่จะปิดประตูอย่างแรง
ถังซิ่วยิ้มอย่างสบายใจเพราะเขาคิดว่าเรื่องในวันนี้ได้จบลงแล้ว เขาได้เดินออกมาจากหน้าโรงแรมพร้อมกำลังจะโบกรถแท็กซี่แต่ก็ได้มีรถตำรวจมาจอดข้างๆเขาพร้อมลดกระจกลงและพบว่ามันเป็นเฉิงเสวี่ยเหม่ยที่กำลังดูจริงจัง เธอได้พูดออกมาว่า
“ขึ้นมา !”
ถังซิ่วงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนที่นั่งข้างคนขับ
“มีเรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”
เฉิงเสวี่ยเหม่ยพูดออกมาตรงๆว่า
“มีเรื่องน่ะ เป็นเรืองที่สำคัญมากๆ ก่อนหน้านี้เราได้พบสารเสพติดมากมายที่บาร์นั้นแต่ก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งได้เปิดฉากโจมตีตำรวจของเรา พวกเขาไม่ได้มีแต่ของมีคมเท่านั้นแต่ก็ยังมีปืนด้วย พวกเราเองก็ได้รับบาดเจ็บและถูกส่งไปโรงพยาบาลสองคนแต่อย่างไรก็ตามเราก็ได้จับพวกคนเหล่านั้นไว้แล้ว”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ในเมื่อเธอเองก็จับพวกเขาได้แล้วจะมาหาฉันทำไมงั้นหรอ? ดูสิ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันจะกลับบ้านไปพักผ่อน”
เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้พูดต่อว่า
“ฉันรู้ว่านายแข็งแกร่งมาก นายจะช่วยเราจับพวกผู้ค้าที่เหลือได้หรือเปล่า ? เราได้รับข่าวสารมาว่าผู้ค้าเหล่านั้นได้พักอยู่ที่นี่ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าไตซีเย่ที่มาจากเขตจินฉาน ไม่ได้มีแค่กองกำลังของตัวเองเท่านั้นแต่พวกเขาก็ได้มีที่ปลูกดอกฝิ่นมากมาย เขาเป็นตัวเบ้งอย่างแน่นอน ”
ถังซิ่วได้พูดอย่างหงุดหงิดว่า
“เดี๋ยวนะ สุดสวย เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ? ฉันเป็นแค่เด็กนักเรียนที่ยังไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ คดีใหญ่ขนาดนี้แต่เธอกลับจะให้ฉันไปทำเนี่ยนะ ? หากว่าฉันเป็นอะไรไปเธอจะรับผิดชอบยังไง ? ”