…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

บ่ายวันรุ่งขึ้น

หลงฮานเหวินได้ติดต่อกับธนาคารถึงสี่แห่งเพื่อเชิญพวกเขามาที่ห้องอาหารหลงและพูดคุยเกี่ยวกับการกู้เงิน

พวกเขาเองก็ต้องการที่จะร่วมมือกับหลงกรุ๊ปเป็นอย่างมากแต่เมื่อได้รู้จำนวนเงินที่จะกู้นั้นก็ทำให้พวกเขาถึงกับต้องสร้างข้ออ้างขึ้นมา

คนละ5พันล้านรวมเป็น2หมื่นล้าน

พวกเขาเองต้องรู้สึกตกใจกับจำนวนเงินที่หลงฮานเหวินขอกู้ พวกเขาเองก็ได้ยินมาว่าหลงฮานเหวินนั้นสามารถหาเงินมาได้แล้วถึง8พันล้าน พวกเขารู้สึกเป็นกังวลมากเสียกว่ามีความสุขด้วยซ้ำ

โครงการหลายหมื่นล้าน

นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยหากว่าโครงการนี้สามารถเป็นไปได้ด้วยดีก็ถือว่าโอเคแต่หากว่าเกิดมีปัญหาขึ้นพวกเขาไม่สามารถทนรับความสูญเสียถึง5พันล้านได้ดังนั้นพวกเขาจึงได้ตกลงกับหลงฮานเหวินว่าจะขอกลับไปคิดให้ถี่ถ้วนดูอีกครั้ง

ในช่วงเย็นวันนั้น

หลงฮานเหวินได้เชิญคนจากรัฐบาลมามากมายเพื่อขอความร่วมมือกับพวกเขา เขานั้นได้อธิบายไปว่าจะต้องสร้างโครงการที่ใหญ่มากและเมื่อถึงเวลาก็จะขอให้พวกเขาจัดการเรื่องเอกสารให้

พวกเขาเหล่านั้นเองก็อยากให้เมืองนี้พัฒนาขึ้นดังนั้นจึงตอบตกลงทุกอย่างและสัญญาว่าจะจัดการเรื่องเอกสารให้

วันที่สาม

หลงฮานเหวินและหลงเจิ้งหยูได้เชิญนายใหญ่จากทั่วทุกที่เพื่อขอความร่วมมือจากพวกเขาโดยที่ผลตอบแทนก็ไม่ได้เลิศหรูอะไรมากมาย

พวกเขาเหล่านั้นยังไม่ได้ให้คำตอบแก่หลงฮานเหวินแต่บอกว่าจะขอกลับไปคิดดูก่อนแล้วจะแจ้งพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่หลงฮานเหวินกำลังจัดการเรื่องของเขาอยู่นั้นทางฝั่งของเฉินซีซ่งเองก็เป็นไปได้ด้วยดีและคนที่เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งเชิญมานั้นก็เป็นคนที่อาศัยอยู่รอบๆเมืองสตาร์ซิตี้เช่นกัน

โอหยางเหล่เองก็ได้เดินทางไปที่บลูซิตี้เพื่อแนะนำโครงการเหล่านี่ให้กับเพื่อนๆของเขาเพื่อให้มาที่ห้องอาหารหลงและรับฟังข้อมูลโครงการเหล่านี้

หลังจากนั้นไม่นานพิมพ์เขียวของโครงสร้างโครงการก็ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วทิศทางโดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนปล่อยรูปนั้นออกไป

ตระกูลซาง เมืองสตาร์ซิตี้

ซางเฟิงเซี่ยนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานพร้อมได้รับรายงานจากเลขาฯของเขานั้นกำลังตื่นเต้นขณะที่กำลังจ้องมองไปที่พิมพ์เขียวในมือที่ปริ้นออกมา สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายที่ถูกจัดวางเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

“นี่คือ ? ”

เมื่องได้ยินรายงานของเลขาฯนั้นซางเฟิงเซี่ยนเองก็ได้ถามออกมาขณะยังจ้องไปที่พิมพ์เขียวนั้นอย่างไม่ลดละ

ชายคนนั้นก็ได้อธิบายต่อว่า

“เราได้สืบมาแล้วว่าโอหยางเหล่และหลงฮานเหวินกำลังอยู่ที่ห้องอาหารหลงเพราะว่าธุรกิจที่เกาะจิงเหมินของตระกูลพวกเขาถึงขีดจำกัดแล้วจึงต้องการที่จะขยายออกมารอบนอกดังนั้นเขาจึงได้มาหาหลงฮานเหวินที่นี่และตั้งใจที่จะสร้างโครงการใหญ่นี้”

ซางเฟิงเซี่ยนได้ถามต่อว่า

“ราคาหุ้นของหลงกรุ๊ปเป็นอย่างไรบ้าง ?”

ชายคนนั้นก็ได้ตอบกลับไปว่า

“กำลังขึ้นในวันนี้”

ซางเฟิงเซี่ยนได้ยืนขึ้นทันทีพร้อมทุบโต๊ะแล้วพูดออกมาว่า

“ติดต่อหาดี่ขวินแล้วให้เธอไปที่ห้องอาหารหลงกับฉัน”

ชายเลขาฯคนนั้นก็ได้ปฏิบัติตามพร้อมกับเดินออกจากห้องไป

หลังจากนั้นสองนาทีซางดี่ขวินก็ได้เดินเข้ามาในห้องพร้อมท่าทางที่แปลกประหลาดขณะที่มองไปที่พ่อของเธอที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างแล้วถามออกมาว่า

“พ่อเรียกหนูมาทำไมงั้นหรอ ? ”

ซางเฟิงเซี่ยนได้ตอบกลับไปว่า

“ลูกได้ยินเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของหลงกรุ๊ปในช่วงนี้บ้างหรือเปล่า ? ”

ซางดี่ขวินได้พยักหน้าพร้อมพูดออกมาว่า

“ได้ยินค่ะ หนูได้ยินมาว่าที่ดินผืนใหญ่แห่งหนึ่งได้ถูกซื้อไปโดยหลงเจิ้งหยูเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว แม้ว่าหนูจะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรที่ใหญ่มากแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะไวถึงขนาดนี้ ”

ซางเฟิงเซี่ยนเองก็ได้พูดต่อว่า

“แบบพิมพ์เขียวนั้นก็น่าจะได้เห็นมันแล้ว ลูกคิดว่าอย่างไร ? ”

ซางดี่ขวินได้พยักหน้าแล้วพูดว่า

“ลูกคิดว่ามันเป็นพิมพ์เขียวชั้นยอดและหากว่าหลงกรุ๊ปสามารถสร้างตามแบบนั้นได้ทั้งหมดก็จะทำให้เกิดการสั่นไหวไปทั่วพื้นที่ ไม่สิ ต้องเป็นทั้งโลกอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามการที่จะสร้างตามแบบนั้นได้ก็จำเป็นต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากและอย่าว่าแต่ตระกูลหลงเลย แม้จะมีสักสิบหลงก็ยังไม่พอที่จะสร้างที่นั่น”

ซางเฟิงเซี่ยนเองก็ได้พูดขึ้นว่า

“แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสร้างได้ในตอนนี้แต่โครงการเองก็สามารถแบ่งเป็นหลายๆเฟสได้ หากว่าพวกเขาแบ่งเป็น10-20เฟสถึงแม้จะใช้เวลาก่อสร้างนานขึ้นแต่ก็สามารถสร้างมันได้อย่างแน่นอน ! ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อพิมพ์เขียวนี่แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างนั้นราคาของที่เหล่านั้นจะต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อหลงกรุ๊ปเรื่องสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยและย่านการค้าอย่างแน่นอน หุ้นของพวกเขาเองก็จะพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน ลูกคิดว่าเราจะมีโอกาสได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้บ้างไหม ? ”

ตาของซางดี่ขวินเป็นประกายพร้อมถามออกมาว่า

“พ่อต้องการจะร่วมมือกับพวกเขางั้นหรอ ? ”

ซางเฟิงเซี่ยนได้พยักหน้าพร้อมพูดว่า

“ต้องร่วมมืออย่างแน่นอน ! หากว่าเราปล่อยให้โครงการของพวกเขาอยู่ต่อไปล่ะก็ ตระกูลหลงจะต้องก้าวข้ามตระกูลของเราในอนาคตอย่างแน่นอน พวกเราทั้งสองนั้นเป็นพ่อค้าและรักในผลประโยชน์ ในเมื่อมันมีผลประโยชน์แล้วทำไมเราถึงไม่ร่วมมือกันล่ะ ? ”

ในใจของซางดี่ขวินได้ปรากฏรูปภาพของถังซิ่วขึ้นแล้วคิดว่าเขานั้นมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลงจึงได้พูดขึ้นมาว่า

“พ่อ เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นกับดัก ? ”

ซางเฟิงเซี่ยนพ่นลมหายใจออกมาพร้อมพูดว่า

“กับดัก ? ด้วยความสามารถของหลงกรุ๊ปนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะวางกับดักพวกเราไม่เช่นนั้นพวกเขาคงเริ่มลงมือไปนานแล้ว ไปกันได้แล้ว ! เราจะไปที่ห้องอาหารหลงกัน”

ซางดี่ขวินได้ถามขึ้นมาว่า

“เราจะไปที่นั่นกันทำไมหรอค่ะ ? ”

ซางเฟิงเซี่ยนได้พูดว่า

“ตระกูลโอหยางจากเมืองจิงเหมินเองก็ต้องการร่วมโครงการนี้และใช้เส้นสายของพวกเขาในเมืองบลูซิตี้เพื่อให้มาพูดคุยกับหลงฮานเหวินเรื่องโครงการนี้ ในเมื่อต้องการจะสร้างโครงการนี้แต่ตระกูลของพวกเขาไม่มีเงินทุนพอก็จำเป็นที่จะต้องเชิญคนเหล่านั้นมา !”

ซางดี่ขวินเองก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแต่เธอเข้าใจนิสัยของพ่อเธอดีว่าเมื่อเขาตัดสินใจแล้วต่อให้มีใครมาห้ามก็ไม่สามารถห้ามเขาได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเธอก็ยังมีความรอบคอบโดยการที่เธอโทรไปหาลูกน้องของเธอเพื่อให้ไปสืบความเคลื่อนไหวของถังซิ่วในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ให้หมด

เมื่อเธอไปถึงที่หน้าห้องอาหารหลงนั้นก็ได้รับรายงานเรื่องถังซิ่วว่าเขาไม่ได้ออกจากบ้านที่โครงการประตูทิศใต้เลยในสองวันมานี้

เมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ทำให้เธอโล่งใจในทันที

ห้องอาหารหลง

ให้ห้องที่หรูหราและแสงสว่างระยิบระยับ หลงฮานเหวินกำลังถือแก้วไวน์พร้อมกับซิการ์ในปากของเขาขณะที่กำลังพูดคุยและหัวเราะไปกับโอหยางเหล่ซึ่งพิมพ์เขียวที่ถังซิ่วเป็นคนวาดนั้นตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขา

“ดิ้ง ด๊อง…..”

เสียงแจ้งเตือนได้ดังขึ้น

โอหยางเหล่ได้ออกไปเปิดประตูแล้วพบว่าคนที่อยู่ด้านนอกนั้นเป็นหลงเจิ้งหยูจึงได้พยักหน้าแล้วให้เขาเข้ามาทันที

“พ่อ เมื่อกี้ผมเพิ่งได้รับสายจากธนาคารสองแห่งและพวกเขาตกลงที่จะให้เรากู้ได้แค่ที่ละ2พันล้านเท่านั้น รวมแล้วเป็น4พันล้านบวกกับดอกเบี้ยไม่ใช่น้อยๆเลย”

หลงฮานเหวินได้หรี่ตาลงก่อนที่จะถามว่า

“นานแค่ไหน ?”

หลงเจิ้งหยูได้ตอบกลับไปว่า

“2ปี”

หลงฮานเหวินได้พูดต่อว่า

“ไปบอกพวกเขาว่าให้เพิ่มเวลาเป็น3ปีหรือไม่ก็ลดดอกเบี้ยไม่เช่นนั้นเราจะไปหาธนาคารอื่น”

หลงเจิ้งหยูได้พยักหน้าก่อนที่จะมองไปที่ประตูแล้วพูดด้วยเสียงกระซิบว่า

“ก่อนหน้านี้ผมได้รับรายงานว่าซางเฟิงเซี่ยนได้นำลูกสาวของเขาและผู้นำระดับสูงของบริษัทมาที่ห้องอาหารของเรา ผมคิดว่าน่าจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่นาน”

หลงฮานเหวินและโอหยางเหล่ได้มองไปที่กันและกัน

โอหยางเหล่ตอบออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ปลาได้กินเบ็ดแล้ว”

หลงฮานเหวิงเองก็พ้นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า

“ซางเฟิงเซี่ยนนั้นก็ไม่ต่างไปกับแมลงวัน เมื่อเห็นว่าโอกาสที่จะทำกำไรนั้นมีสูงพวกเขาก็จะพุ่งเป้ามาทันที หากว่าพวกเขาไม่กินเหยื่อนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกแล้ว ”

โอหยางเหล่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“น้องเขยของฉันนี่น่าทึ่งจริงๆเลย เกิดการสั่นสะเทือนขนาดนี้แต่กลับหมกตัวอยู่ในวิลล่าของเขาและไม่สนใจว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลวแม้แต่น้อย แต่เขาเองก็ได้จ้างนักบ่อนทำลายไว้บนอินเตอร์เน็ตเรียบร้อยแล้วและเมื่อแผนการของเราได้เริ่มขึ้นพวกเขาก็จะเปิดเผยข้อมูลที่สามารถทำให้ตระกูลซางเสียชื่อเสียงได้ทันที ”

หลงฮานเหวินเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“การโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นวิธีที่แพร่กระจายข่าวลือได้อย่างรวดเร็ว ฉันเองก็ได้ให้คนไปสืบมาแล้วและพบการกระทำที่ต่ำช้ามากมายของคนตระกูลซาง ตราบใดที่เราได้หลักฐานพวกนั้นมาก็จะส่งให้คนเหล่านั้นทันที”

โอหยางเหล่เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“หากว่าในอนาคตฉันจะต้องมีลูกอย่างซางดี่ขวินและซางหยงจินแล้วล่ะก็ ฉันจะขอเขาขี้เถ้าอุดปากพวกเขาให้ตายถ้าเกิดพวกเขาได้ชักนำหายนะให้แก่ตระกูลแบบนี้”

หลงฮานเหวินเองก็ได้พูดว่า

“เมื่อรังนั้นใหญ่พอก็จะสามารถพบนกได้หลากหลายชนิด ดั่งคำพูดที่ว่าการจะโจมตีภูเขาและแม่น้ำเป็นสิ่งที่ง่ายแต่การจะป้องกันนั้นเป็นสิ่งที่ยาก หากว่าตระกูลไหนเกิดมีปลาเน่าอยู่ในตระกูลนั้นก็จะส่งผลต่อทั้งตระกูล สิ่งต่ำช้าที่ตระกูลซางได้ทำมาในช่วงหลายปีนี้มีมากเหลือเกินและมันถึงเวลาที่พวกเขาต้องได้รับผลกรรมแล้ว”

“ดิ๊ง ด๊อง……”

เสียงที่หน้าประตูได้ดังขึ้นอีกครั้ง

หลงฮานเหวินได้พยักหน้าให้แก่หลงเจิ้งหยูก่อนที่จะมองเขาเดินไปที่ประตูแล้วเปิดมันออกมา

“โย่ว ไม่ใช่ลุงซางงั้นหรอเนี่ย ? ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่ ? ”

หลงเจิ้งหยูได้มองไปที่ร่างของคนทั้งห้าข้างนอกประตูพร้อมสายตาที่ตกลงไปที่ซางเฟิงเซี่ยนพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

ซางเฟิงเซี่ยนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ได้ยินว่าพ่อของเธอมาสังสรรค์อยู่ที่นี่ เพื่อนเก่าอย่างฉันจะมาแจมด้วยไม่ได้งั้นหรอ ? เป็นอะไรไป ? ไม่ให้ฉันเข้าไปหรอ ? ”

“นี่……”

หลงเจิ้งหยูแสดงท่าทางลังเลก่อนที่จะพูดว่า

“เชิญเลยลุงซาง”

ซางเฟิงเซี่ยนได้พยักหน้าก่อนที่จะเข้าไปในห้องนั้นพร้อมเห็นหลงฮานเหวินและโอหยางเหล่กำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

“เพื่อนหลง ขอโทษที่รบกวนและหวังว่าคงจะไม่ได้ทำลายบรรยากาศของการสังสรรค์ครั้งนี้นะ ? ”