…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
“ไปตายซะ !”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดช่วงแรกของถังซิ่วแล้วรู้ว่าตัวเองนั้นเข้าใจผิดไปและกำลังจะพูดขอโทษออกมาแต่เมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของถังซิ่วก็ต้องทำให้เธอไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอได้แต่ยิ้มออกมาและแสดงความรู้สึกอับอาย
ถังซิ่วได้มองไปที่รูปร่างของเธอในเครื่องแบบตำรวจและพบว่ามันเป็นอะไรที่สวยสง่าและน่าดึงดูดมากแต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากก็คือก้นของเธอนั้นใหญ่มากและหากว่าได้อึ้บกับเธอนั้นจะต้องไม่มีปัญหาเรื่องการมีลูกอย่างแน่นอน
“หากว่ามีเวลาว่างผมเองก็อยากจะพาคุณไปพบกับแม่นะ เธอจะต้องชอบคุณมากแน่นอน”
ถังซิ่วพูดจริงครึ่งหนึ่งและล้อเล่นอีกครึ่งหนึ่ง
เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้กรอกตาไปมาก่อนที่จะรีบเดินไปที่ทางออก เธออยากจะเปิดกะโหลกของเขาออกมาดูจริงๆว่ามีอะไรอยู่ในนั้นถึงได้กล้าเล่นมุขแบบนี้
ถังซิ่วกำลังมีความสุขเป็นอย่างมากขณะที่มองเธอเดินจากไปและหลังจากที่ออกไปกันหมดแล้วท่าทางของเขาเองก็เปลี่ยนไปทันที
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับโทรไปหาคังเซี่ยนและเฉินซีซ่งเพื่อให้พวกเขามาหาที่วิลล่าแห่งนี้พร้อมกับเดินกลับขึ้นไปที่ชั้นสองทันที
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
คังเซี่ยนและเฉินซีซ่งได้มาถึงที่นี่ ถังซิ่วได้ให้พวกเขาไปรอในห้องทำงานก่อนที่มู่ขวินปิงจะนำชามาเสิร์ฟพร้อมออกไป หลังจากนั้นถังซิ่วก็ได้พูดว่า
“เฉินซีซ่ง หลงฮานเหวินคงได้ติดต่อเจ้าแล้วใช่ไหม ? ”
เฉินซีซ่งได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า
“เขาโทรมาเมื่อวานนี้ ! ศิษย์เองก็ได้เตรียมการเอาไว้แล้วและจะดำเนินการทุกอย่างให้สุดความสามารถ”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“วันนี้จะมีคนมาที่นี่และจะแนะนำให้พวกเธอได้รู้จักในช่วงเย็น”
คังเซี่ยนเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอบอส ? เริ่มลงมืออะไรงั้นหรอ ? อะไรคือสุดความสามารถ ? ฉันไม่เข้าใจ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า
“ฉันได้ร่วมมือกับห้าขุมกำลังเพื่อจัดการกับตระกูลซาง”
คังเซี่ยนได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“ทำไม ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“เธอคงจะรู้เรื่องการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นที่หน้าโครงการในตอนเช้าใช่ไหม ? ”
คังเซี่ยนพยักหน้าพร้อมพูดว่า
“รู้แล้ว ได้ยินมาว่าตายไปสามคน ”
ถังซิ่วได้แสยะออกมาแล้วพูดว่า
“ฉันเป็นคนฆ่าพวกมันเอง”
“อะไรน่ะ ? ”
คังเซี่ยนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“พวกมันเป็นมือสังหารที่ซางดี่ขวินเป็นคนจ้างมาฆ่าฉัน เธอเองก็น่าจะรู้ถึงความขัดแย้งระหว่างพวกฉันดีแต่คติของฉันก็คือ หากว่าพวกมันไม่ล่วงเกินฉัน ฉันก็จะไม่ล่วงเกินมันแต่หากใครกล้าจู่โจมฉัน ฉันก็จะจู่โจมมันเช่นกัน ฉันจะปล่อยพวกมันไว้ทำไมในเมื่อมิสซางต้องการชีวิตของฉัน ?”
คังเซี่ยนโกรธเป็นอย่างมากก่อนที่เธอจะพูดว่า
“ยัยนั่นมันกล้าได้ยังไงกัน ? ”
ถังซิ่วได้พ่นลมหายใจออกมา
“มันจะไม่กล้าได้อย่างไร ? เธอรู้ไหมว่าเงิน200ล้านนั่นฉันเอาไปทำอะไร ? ฉันได้เอาไปซื้อข่าวจากนายหน้าที่มันจ้างมาและต้องจ่ายไปถึง200ล้าน เธอคิดว่าฉันจะยอมกลืนมันกลับลงไปง่ายๆงั้นหรอ ?”
คังเซี่ยนได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า
“บอส คุณต้องการให้ฉันทำอะไร ? ”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“ฉันจะให้เธอเป็นตัวแทนของฉันในการคุยข้อตกลงกับขุมพลังอื่นๆ เมื่อตระกูลซางถูกโค่นไปนั้นเราจะต้องแบ่งทรัพย์สินของพวกเขามาที่เราและผู้ติดตามทั้ง20คนที่ได้ให้เธอไปฉันเองก็ได้ให้พวกเขาไปจัดการเรื่องอื่นแล้ว”
คังเซี่ยนได้ถามออกมาว่า
“ขุมพลังทั้งห้านั้นเป็นใครบ้าง ? ”
ถังซิ่วได้ชี้ไปที่เฉินซีซ่งก่อนที่จะพูดว่า
“นับรวมเขาเข้าไปด้วยก็ยังมี ตระกูลหลง ตระกูลโอหยางและเพื่อนของฉันอีกสองคนที่เธอจะเจอในช่วงเย็นวันนี้”
ดวงตาของคังเซี่ยนนั้นเปล่งประกายก่อนที่จะถามออกมาว่า
“บอส คุณเป็นหัวใจหลักของการร่วมมือครั้งนี้ ?”
“ใช่ !”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไป
ใบหน้าของคังเซี่ยนได้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่มีความสุขพร้อมกับพูดว่า
“บอส ฉันรู้ว่าฉันควรจะจัดการอย่างไร ”
ไม่นานหลังจากนั้นโอหยางลูลู่และพี่ชายของเธอก็ได้มาถึงที่นี่ หลังจากที่ได้มาถึงนั้นโอหยางเหล่ก็ได้อ้าแขนออกมาเตรียมที่จะกอดถังซิ่วพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“สวัสดีน้องเขย ได้ยินมาว่านายมีแผนการใหญ่และตระกูลของเราเองก็ต้องการเข้าร่วมจึงได้ส่งฉันมาเป็นตัวแทน ครั้งนี้เราจะต้องโค่นตระกูลซางให้ได้”
ถังซิ่วถึงกับก้าวถอยหลังพร้อมหลบอ้อมกอดนั้นแล้วมองไปที่โอหยางเหล่ด้วยท่าทีมึนงงขณะที่โอหยางลูลู่กำลังเขินอายไปทั่วทั้งใบหน้า เขาฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
“พี่ใหญ่โอหยาง ? ผมคิดว่ามีเรื่องเข้าใจผิดกัน ผมไม่ใช่น้องเขยของคุณและการที่คุณพูดแบบนี้จะเป็นผลเสียต่อชื่อเสียงของน้องสาวคุณนะ”
โอหยางเหล่จ้องอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขาค่อยๆหายไปแล้วมองไปที่ถังซิ่วด้วยความโกรธพร้อมตะโกนออกมาว่า
“นายพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ? นายนอนกับเธอแถมอึ้บน้องฉันแล้วจะไม่รับผิดชอบงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วนั้นถึงกับมึนงงยิ่งกว่าเดิม
นอนกับฉัน ?
อึ้บแล้วไม่รับผิดชอบ ?
ฉันไปอึ้บเธอตอนไหนกัน ?
หลังจากที่ได้สติคืนมาเขาก็ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ฉันคิดว่ามันน่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันแล้วล่ะ ฉันและโอหยางลูลู่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น เราไม่………”
“หุบปาก!!!!!!!!!!!!”
โอหยางเหล่หันกลับไปมองที่โอหยางลูลู่ด้วยความโกรธพร้อมตะคอกว่า
“เธอเห็นไหมว่านี้อะไร ? เธอถูกฟันแล้วทิ้ง ? กลับบ้านไปกับพี่แล้วคอยดูว่าพี่จะให้พ่อกับแม่สั่งสอนเธอยังไง !!”
ใบหน้าของโอหยางลูลู่กำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธและอับอาย เธอพูดออกมาอย่างดังว่า
“พี่ใหญ่ พี่พูดบ้าอะไรเนี้ย !!! ฉันบอกไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันแต่แค่มีความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนนิดหน่อยเท่านั้นเอง พี่เข้าใจผิดไปแล้วแล้วยังจะกล้ามาสั่งสอนฉันอีกงั้นหรอ ? ”
คิ้วของโอหยางเหล่ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองที่ถังซิ่วก่อนที่จะถามออกมาอีกครั้งว่า
“นายไม่ได้…….”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“เรายังไม่ได้อึ้บกัน”
โอหยางเหล่กรอกตาไปมาก่อนที่จะโอดโอยออกมาว่า
“ตอนนี้ยังไม่ใช่แต่ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ตอนนี้ตระกูลของฉันได้ยืนยันว่านายจะเป็นลูกเขยของตระกูลเราแล้ว สถานะนี้ไม่มีทางเปลี่ยนได้ ถังซิ่ว น้องสาวของฉันนั้นมีสายตาที่เฉียบแหลมและไม่ถูกใจในผู้ชายคนไหนง่ายๆอย่างแน่นอน นายห้ามทิ้งเธอโดยเด็ดขาด!!”
“เห้ออ…”
ถังซิ่วได้แต่ถอนหายใจออกมา การที่ต้องมาเจอกับโอหยางเหล่นั้นสร้างความปวดหัวให้เขาจริงๆ หากว่าเขาไม่ใช่พี่ชายของโอหยางลูลู่แล้วล่ะก็ เขาคงจะกระทืบชายคนนี้ไปแล้ว
เพื่อไม่ให้พูดถึงประเด็นนี้ต่อไปถังซิ่วเลยพูดขึ้นว่า
“ตระกูลของคุณได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับพวกเราแล้วงั้นหรอ ? ”
โอหยางเหล่ได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว ! ลูกเขยของเราโดนรังแกโดยคนอื่นแล้วตระกูลของเราจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ? ไม่ต้องเป็นห่วงไป! เราได้ส่งกำลังคนมาคอยสนับสนุนอยู่ที่เมืองแห่งนี้แล้วและทางตระกูลเองก็ได้อนุมัติวงเงินมาให้ถึง5พันล้านหยวน จะเริ่มเมื่อไหร่ก็สามารถใช้มันได้โดยทันที”
ยัดเยียดกันชัดๆ
ถังซิ่วได้แต่ฝืนยิ้มออกมา
เขาไม่สามารถทนได้กับคำพูดที่ว่าลูกเขยของเราแต่เขาเองก็ไม่อยากจะหักหน้าคนที่แสดงเจตนาดีต่อเขา
คังเซี่ยนที่อยู่ข้างหลังถังซิ่วนั้นถึงกับมองไปที่โอหยางเหล่ด้วยความไม่พอใจ เธออยากจะกระโดดไปตบปากเขาแล้วบอกว่าบอสของเธอนั้นไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับโอหยางลูลู่ทั้งนั้นแต่เขากลับกล้าพูดเรื่องไร้สาระนี่ได้
ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่ที่ขัดแย้งกับโอหยางลูลู่ช่วงก่อนหน้านี้เธอก็หงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็นสายตายั่วยวนของโอหยางลูลู่ที่มีต่อถังซิ่ว ยิ่งโอหยางลูลู่เริ่มทำมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งไม่พอใจมากเท่านั้น หากว่าตอนนี้ไม่มีคนอื่นๆอยู่เธอก็คงจะก้าวออกไปควงแขนของถังซิ่วต่อหน้าโอหยางเหล่และโอหยางลูลู่แล้ว
ช่วงค่ำ
ผู้คนทั้งห้าได้นั่งรถไปที่กวนฮูวิลล่า เจ้าของที่นี่มีชื่อว่าซัน เขาเป็นชายอ้วนวัยกลางคนที่ถือไม้ค้ำและดูเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน
“ยินดีต้อนรับทุกท่าน เจ้าแก่หลงได้บอกฉันไว้แล้วและฉันจะพาพวกคุณไปยังห้องประชุมทันที หากว่าพวกคุณมีความต้องการอะไรก็สามารถแจ้งพนักงานได้เลยโปรดคิดว่าพวกเขาเป็นคนของคุณ”
ซันเจิ้งควนได้นำทางไปขณะที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เฉินซีซ่งนั้นเป็นลูกค้าของที่นี่จึงได้คุยกับพวกเขาเล็กน้อย
ทันใดนั้น
ถังซิ่วและคนทั้งห้าก็ได้พบกับหลงฮานเหวินและหลงเจิ้งหยูที่รออยู่ในห้อง พวกเขาได้ทักทายกันและกันก่อนที่จะไปนั่งที่โต๊ะ หลงฮานเหวินได้ถามออกมาว่า
“ถังซิ่ว แล้วเพื่อนอีกสองคนล่ะ ? ”
ถังซิ่วได้มองไปที่นาฬิกาแล้วพูดว่า
“น่าจะใกล้ถึงแล้ว”
ทันใดนั้น เมื่อถังซิ่วพูดจบ ซันเจิ้งควนก็ได้รับแจ้งจากพนักงานว่าเหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งได้มาถึงแล้วและกำลังมาที่นี่
“ขอโทษที่พวกเรามาสาย”
หลังจากเหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งเข้ามาในห้องก็ได้พูดขอโทษออกมา
ถังซิ่วได้ยืนขึ้นพร้อมพูดว่า
“เราเองก็เพิ่งจะมาถึงเช่นกัน ฉันขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือ………..”
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีถังซิ่วก็แนะนำพวกเขาแต่ละคน หลังจากที่พูดกันเล็กน้อยพวกเขาก็พูดกันถึงประเด็นหลักของวันนี้
“เรื่องในวันนี้นั้นเป็นความรับผิดชอบของฉันเอง ตระกูลซางจะต้องถูกโค่นเพราะฉันเองก็ไม่ชอบที่จะต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลา ฉันขอขอบคุณพวกนายมากๆหากว่าหลักจากนี้มีใครต้องการฉันก็สามารถเปิดปากได้เลย”
ถังซิ่วได้เกริ่นออกมา
หลงฮานเหวินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ตระกูลซางเองก็เป็นอะไรที่ขัดหูขัดตาตระกูลของเรามานานแล้ว เราเองก็หวังว่าจะถอนรากถอนโคนพวกเขาเร็วๆและตอนนี้โอกาสก็ได้มาถึงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่คว้ามันไว้ ถังซิ่วเธออธิบายมาได้เลยว่าเรามีแผนจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร ? ก้าวแรกที่เราจะเดินคือ ? ”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“ฉันจะบอกรายละเอียดคร่าวๆก่อนนะแล้วหลังจากนั้นเราจะคิดแผนการที่สมบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้ง ตระกูลซางนั้นได้ฝังรากลงไปในเมืองนี้มานานหลายปีและหากว่าเราทำอะไรที่สร้างผลกำไรได้มากพอนั้นพวกเขาก็อดที่จะขอร่วมมือไม่ได้และก่อนหน้านี้ฉันเองก็ได้มีโครงการร่วมกันกับหลงเจิ้งหยูและโอหยางลูลู่ที่กำลังจะสร้าง……….”
ขณะที่ถังซิ่วกำลังอธิบายนั้นผู้คนทั้งหมดก็ได้แต่พยักหน้าตามๆกัน
หลังจากที่ถังซิ่วได้อธิบายเสร็จแล้ว หลงฮานเหวินจึงได้พูดออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าจะเข้าใจตระกูลซางได้เหมือนกัน คนที่เราควรจะรู้จักให้มากที่สุดไม่ใช่เพื่อนแต่ควรจะเป็นศัตรู ตอนนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับพวกเขาแล้ว ฉันจะเสนอไอเดียของฉันแล้วกัน……….”
ตลอดเวลาสองชั่วโมงพวกเขาเองก็ได้ประชุมกันพร้อมสร้างแผนการขึ้นมา ผู้คนทั้งหมดได้วางเงินที่สามารถใช้ในการร่วมมือครั้งนี้ หลงฮานเหวินนั้นเป็นคนที่มั่งคั่งและสามารถจ่ายได้ถึง5พันล้านส่วนเฉินซีซ่งเองก็จ่ายถึง2พันล้าน โอหยางเหล่ก็ได้ให้ไปอีก5พันล้าน ตอนนี้รวมกันกว่า1.2หมื่นล้านแล้ว ส่วนเหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งเองก็ไม่รู้ไปเอาเงินมาจากไหนอีก 3พันล้าน
ถึงขั้นที่ว่าพวกเขาได้เตรียมกำลังคนไว้พร้อมไม่ว่าจะเป็นกองกำลังรบหรือกองกำลังสำหรับสงครามทางธุรกิจทั้งหมดนั้นได้ถูกเตรียมเอาไว้หมดแล้ว