บนภูเขาที่ไม่ไกลจากภูเขาทองคำทมิฬมากนัก มีชายแก่รูปร่างผอมและชายวัยกลางคน กำลังยืนอยู่บนยอดไม้และมองดูการต่อสู้ระหว่างจี้เซียและจี้ซู

ชายแก่เปลือยท่อนบน บนตัวเขามีรอยสักรูปงูอ้าปากอยู่ ทุกครั้งที่เขาขยับ รอยสักรูปงูจะดิ้นไปมา ดูน่าเกลียด น่ากลัว
บนคอของเขามีงูสีดำยาวกว่าสองฟุต ด้วยตาสีเขียวของมัน กำลังจ้องไปที่ภูเขาทองคำทมิฬ เขาสีดำบนหัวของมันกำลังส่องแสงภายใต้แสงอาทิตย์

ชายวัยกลางคนอีกคน มีรูปร่างสูง เขาสวมเกราะหนังทำจากหนัง อสรพิษ ในมือของเขาถือดาบยาวขนาดแปดฟุต รอบเอวของเขามีงูดำเขาเดียวขนาดยาวกว่าสิบฟุตพันอยู่ งูตัวนี้ก็กำลังจ้องไปที่ภูเขาทองคำทมิฬเช่นเดียวกับงูอีกตัว มันกำลังจ้องไปที่อีกาอัคคีที่กำลังบินอยู่เหนือภูเขา

สีหน้าของชายแก่เปลี่ยนไป เมื่อเขาเห็นจี้เซียซัดหมัดใส่จี้ซูจนลอยไปในอากาศ และชนเข้ากับภูเขา เขาพึมพำ

“เจ้านี้มัน จี้เซีย เมื่อ10ปีก่อนพวกเราไม่สามารถฆ่าเขาได้ เขาจะสร้างปัญหาอย่างมากให้กับพวกเราอย่างแน่นอน”

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วพร้อมกำหมัดของเขาและพูดว่า

“10ปีก่อน เมื่อพวกเราทำลายจุดชีพจรของเขา พวกเราคิดว่าเขาจะหมดประโยชน์แล้ว เราไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากนั้นเขาจะปลุกชีพจรจุดอื่นๆขึ้นมาได้ เขาเป็นทายาทของเจ้าจอมเวทย์เทวะของเผ่ากาอัคคี พลังของเขาตอนนี้จะเป็นภัยต่อพวกเราอย่างมาก”

ชายวัยกลางคนกัดฟันของเขาแน่นและพูดต่อไป

“จุดประสงค์ของเราคือการกำจัดทายาทของจอมเวทย์เทวะ เมื่อ 25 ปีก่อนพวกเราสังหารพ่อและพี่น้องของเขาไป 7 คน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ 55 ปีก่อนพวกยังสังหารปู่ของเขา!”

เขาเงยหน้าขึ้นและพูดต่อ

“ตอนนี้ในบรรดานักรบในเผ่ากาอัคคี มีเพียงแค่จี้เซียคนเดียวที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ของจอมเวทย์เทวะ! ข้าเจี้ยวนาคาทมิฬ ข้าจะไม่ปล่อยให้เขารอดไปเหมือนเมื่อ10ปีก่อน”

“เจี้ยว เจ้าพูดถูกพวกเราไม่สามารถให้เขามีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป ช่วง10 ปีที่ผ่านมา พวกเขาทำความเสียหายให้เผ่าเรามาก พวกเราสูญเสียแหล่งล่าสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์ไปหลายที่” ชายแก่ยักหน้าและพูด

“ใช่ นั่นทำให้ข้าอยากจะให้จี้ซูเป็นหัวหน้าแทนเขา ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบจี้ซู แต่ข้าเกลียดจี้เซียมากกว่า” เจี้ยวนักรบเผ่านาคาทมิฬ ลูบหางอสรพิษของเขา ซึ่งขดอยู่รอบเอวของเขา และพูดต่อ

“พี่ใหญ่ของข้าถูกจี้เซียสังหาร ข้าอยากจะควักหัวใจของเขาออกมาด้วยมือของข้า”

อสรพิษส่งเสียงและเอาหัวของมันมาอยู่ที่ไหล่ของเขา และเลียหน้าของเขา

ขณะที่จี้ซูลอยอยู่บนอากาศเขาถือกระบองไม้ และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กระบอกยาวกว่าสองเมตรมันมีสีเขียวและมีกิ่งไม้เล็กงอกออกมา มันดูราวกับรากไม้ที่อยู่ใต้พื้นดิน และเต็มไปด้วยพลังชีวิต

จี้ซูถือกระบอง และแกว่งมันไปมา เปลวไฟ3สีขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ชั้นนอกสุดเป็นสีขาว ชั้นกลางมีสีฟ้าและชั้นในสุดมีสีแดง เปลวไฟ3สีรวมตัวกันเปลี่ยนเป็นลูกไฟขนาดเท่าหัวมนุษย์

จี้ซูถูกไอร้อนปกคลุมดูเหมือนเงา ผู้คนไม่สามารถมองเขาได้ชัด

ผู้คนที่กำลังดูการต่อสู้อยู่ที่วิหารบรรพชนรู้สึกกลัวขึ้นมา เมื่อพวกเขาเห็นไฟ3สีขนาดใหญ่จากกระบอง เปลวไฟร้อนขนาดทำให้ผู้คนที่อยู่ที่วิหารบรรพชนเหงื่อไหลไปตามๆกัน ต้นไม้โดยรอบถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

จี้ฮ่าวมองดูกระบองนั้นอย่างประหลาดใจ มันเป็นพลังที่มหัศจรรย์ เพียงแค่จี้ซูถือมันและปล่อยไฟออกมา มันก็ทำให้ผู้คนที่อยู่ไกลหลายไมล์สัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัว

ถ้าจี้ซูปลดปล่อยพลังทั้งหมดของกระบองนั่นมันอาจจะฆ่าคนที่อยู่ในรัศมีหลายไมล์ได้

“นี่มันบ้าชัดๆ” จี้ฮ่าวเริ่มกังวลเกี่ยวกับจี้เซีย

“มันคือสมบัติเวทย์มนตร์ที่สืบทอดมา ถึงแม้จะเป็นชิ้นที่มีพลังน้อยที่สุด มันก็ต้องถูกสร้างจากนักเวทย์ขั้นสูงที่ปลดปล่อยจุดชีพจรได้อย่างน้อยร้อยจุด สมบัติเวทย์มนตร์แต่ละชิ้นต่างตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น พวกมันมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี มันได้รับพลังของนักเวทย์ขั้นสูงจากรุ่นสู่รุ่น”
ชิงฟูพึมพำ

“ไม่ว่าจะเป็นสมบัติชิ้นไหนก็จะสามารถเพิ่มพลังได้มากกว่าสิบเท่า”

“สิบเท่า? แล้วท่านพ่อล่ะ ถ้าจี้ซูเพิ่มพลังไปอีกสิบเท่า ท่านพ่อจะเป็นยังไง..?”

จี้ฮ่าวหันไปทางชิงฟูและพูดด้วยเสียงอันแหบแห้ง จี้ฮ่าวเป็นกังวลอย่างมากเมื่อเขาได้ยินที่ชิงฟูพูด

ชิงฟูหน้าซีดและพูดว่า
“ฮ่าว ลูกและพ่อของลูกมีสายเลือดของจอมเวทย์เทวะ แน่นอนพ่อของลูกก็มีสมบัติที่สืบทอดมาเช่นเดียวกัน แต่อันที่อยู่ในมือของจี้ซูมันมีพลังมากเกินไป มันไม่ควรจะตกอยู่ในมือคนอย่างจี้ซู”

จี้เซียยืนอยู่บนลาวา เขาคำรามและยกแขนของเขาขึ้น โล่ทำจากหนังมังกรและหอกที่หัวทำจากเขามังกร ปรากฏบนแขนของเขาทั้งสองข้าง เขาถือหอกแน่นและใช้มันช่วยค้ำยันโล่เอาไว้แล้วตะโกนใส่จี้ซู

“ซู ข้าขอดูหน่อยว่าเจ้ามีพลังมากขนาดไหน”

จี้ซูยิ้มเย้ย เขากัดลิ้นของตัวเองแล้วพ่นเลือดไปบนกระบองไม้ นกฟินิกซ์ขนาดใหญ่นับสิบตัวปรากฏขึ้น ปีกมันกว้างกว่าพันฟุต นกทั้งสิบตัว ปล่อยลูกไฟขนาดใหญ่ออกจากปากของมันพุ่งตรงไปที่จี้เซีย
จี้ซูกลายร่างไปลูกบอลแสงพุ่งตรงไปที่จี้เซีย