…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

“ไปให้พ้นซะ !”

ซูงชางเหวินได้มองไปที่ใบหน้าของซางเหม่ยหยุนที่หวาดผวาขณะที่เขารู้สึกสบายใจ เขาอยู่ด้วยกันมาตั้ง20ปีแต่เพิ่งตระหนักได้ว่าผู้หญิงตัวเหม็นคนนี้เป็นคนที่รักคนรวยแต่รังเกียจคนจน

ซูหยานหนิงร้องไห้ออกมาไม่หยุดหย่อน เธอไม่เคยคิดเลยว่าครอบครัวของเธอจะกลายเป็นแบบนี้ เธอมองไปที่ท่าทางไม่เห็นใจของพ่อและใบหน้าที่หวาดผวาของแม่ เธอได้โห่ร้องออกมาว่า

“คุณพ่อ ก่อนหน้านี้แม่ได้ถูกความโกรธครอบงำจึงได้พูดคำเหล่านั้นออกไป พ่อรีบๆบอกพวกตำรวจไปสิว่านี้มันไม่เป็นความจริง รีบบอกไปสิว่าแม่ของหนูนั้นได้รับความไม่เป็นธรรมเพราะเธอไม่ได้ชนแล้วหนี!! เร็วๆสิพ่อ !”

ตำรวจเองก็มองไปที่ครอบครัวของพวกเขาด้วยความประหลาดใจพร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว หากว่าเราไม่มีหลักฐานก็คงไม่มาถึงที่นี่หรอก ซางเหม่ยหยุน เธอต้องไปกับพวกเรา !”

หลังจากพูดจบ!

พวกเขาก็ได้มองไปที่ซูชางเหวินแล้วพูดต่อว่า

“หากว่าฉันเดาไม่ผิดคุณคงจะเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวินสินะ เพราะว่าบริษัทของคุณนั้นเข้าข่ายการโกงแม้ว่าตอนนี้จะปิดกิจการไปแล้วก็ตามแต่หากว่าพรุ่งนี้คุณไม่สามารถหาเงินมาได้80ล้านแล้วล่ะก็ บอกได้คำเดียวเลยว่าคุณจะต้องเข้าไปนอนในคุกอย่างแน่นอน ”

ร่างกายของซูชางเหวินเริ่มสั่นไม่หยุด

จบแล้ว !

เขารู้แล้วว่าชีวิตของเขาจบลงแล้ว !

อย่าพูดถึง80ล้านเลย ตอนนี้แค่80000เขาก็หามาไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องที่เขาปิดกิจการนั้นก็ได้แพร่กระจายกันเป็นวงกว้างแล้ว เป็นอย่างคำพูดที่ว่า “เมื่อต้นไม้ล้มฝูงลิงก็จะพากันกระโดดหนีหรือทุกๆนั้นมักจะซ้ำเติมคนที่กำลังล้ม” ใครกันที่มันจะให้เขายืมเงิน ?

ซูชางเหวินได้แต่มองภรรยาของตัวเองที่ถูกตำรวจพาตัวออกไปพร้อมกับมองไปที่ลูกๆของเขาที่กำลังร้องไห้ก่อนที่จะนั่งอย่างหมดกำลังอยู่ที่โซฟา

“คุณพ่อ ! ไปขอความช่วยเหลือจากญาติผู้น้องของผมสิ เขาจะต้องมีวิธีอย่างแน่นอน ”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้หยุดร้องไห้พร้อมพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

ญาติผู้น้อง ?

ซูชางเหวินรู้สึกมึนงงกับคำพูดของลูกชายตัวเอง

ซูเชียงเฟยเองก็ได้ตะโกนออกมาอย่างดังว่า

“พ่อจะรออะไรอยู่อีก ? เราไปขอความช่วยเหลือจากญาติผู้น้องถังซิ่วของผมกัน ! เขารู้จักกับผู้มีอำนาจมากมายและจะต้องมีวิธีอย่างแน่นอน ! หากว่าเรื่องนี้เขาเป็นคนทำมันจริงๆก็แสดงให้เห็นว่าเขาเกลียดที่เราได้ไปดูถูกพวกเขา เราแค่ต้องขอโทษเขาเท่านั้น”

ถังซิ่ว

ซูชางเหวินยิ้มแห้งๆออกมาแล้วมองไปที่ลูกชายอย่างผิดหวัง เขาอยากจะเอาขี้เถ้าอุดปากลูกคนนี้เสียจริง

เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกมากเพราะตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยที่ได้ยินลูกชายเรียกถังซิ่วว่าญาติผู้น้อง

ซูหยานหนิงเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ใช่พ่อ ! เราไปหาญาติผู้น้องของเราด้วยกันเถอะ ป้าของเรา ป้าของพวกเรานั้นจูงจมูกได้ง่ายมาก เธอจะต้องสามารถไปขอร้องให้เขาช่วยคุณแม่และให้เรายืมเงินได้อย่างแน่นอน”

ซูชางเหวินที่รู้สึกไม่มีชีวิตชีวาอยู่เมื่อกี้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะตายในทันที

ในสมองของเขากำลังคิดถึงเรื่องที่พวกเขาได้ทำกับน้องสาวตัวเอง ตอนนี้เขาตระหนักได้ถึงความไร้ยางอายของตัวเองและแน่นอนว่าของลูกๆของเขาด้วย

“ท้องฟ้าต้องหลั่งฝน ผู้หญิงต้องแต่งงาน ช่างมันเถอะ ! ”

ซูชางเหวินเองก็ได้ยืนขึ้นพร้อมเดินกลับเข้าไปในห้องของตังเองและล๊อคประตูจากข้างใน เขาเดินไปที่ลิ้นชักพร้อมหยิบมีดออกมาแล้วกรีดเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือของตัวเองทันที

สายตาของเขาเริ่มเลือนราง

ในสมองของเขานั้นกำลังคิดว่าหากมีโอกาสอีกครั้งก็จะขอไม่ทำเรื่องทุเรศแบบนี้อีกต่อไป

ที่ภูเขา

การเดินทางกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ถังซิ่ว เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งกำลังเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังจุดหมาย แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาวงกตนั้นไม่มีผลอะไรกับถังซิ่วแม้แต่น้อยเพราะแม้แต่ปรมาจารย์ด้านค่ายกลในดินแดนแห่งนิรันด์นั้นยังไม่สามารถเทียบชั้นกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย

พวกเขาทั้งหมดได้ผ่านเขาวงกตพวกนั้นไปอย่างราบรื่นพร้อมกับใกล้ถึงถ้ำสวรรค์แล้ว

ถ้ำนั้นมีความกว้างและลึกอยู่หลายเมตรเหมือนกับว่ามันได้มีอุกาบาศที่มาจากสวรรค์ตกใส่มันยังไงยังงั้นแหละ พวกเขาทั้งหมดได้มองมันจากปากหลุมแล้วก็เดินเข้าไปในถ่ำเหล่านั้น

“ลงไปกันเถอะ !”

ถังซิ่วได้พูดขึ้นด้วยเสียงโทนต่ำ

เหมี่ยวเหวินถังรีบขวางถังซิ่วไว้พร้อมพูดอย่างรวดเร็วว่า

“ลงไปไม่ได้นะ คนของเราที่ได้ลงไปก่อนหน้านี้ กว่าครึ่งของพวกเขาต้องพบเจอกับงูพิษหรือแม้แต่งูหลาม ครั้งที่สองที่พวกเรามานั้นก็ได้เอากำมะถันมาด้วยแต่ก็ไม่ได้เป็นผลแม้แต่น้อย พิษของงูพวกนี้รุนแรงเป็นอย่างมากและเหมือนว่ามันเองก็มีประสบการณ์เช่นกัน ”

(*แอดงง ใครช่วยบอกมีว่าเอากำมะถันไปทำอะไรได้???)

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันพร้อมกับมองไปที่สัตว์ร้ายที่เขาจับและถามออกมาว่า

“สัตว์ตัวน้อย , ที่นี่อันตรายงั้นหรอ ? ”

สัตว์ตัวน้อย !

เป็นชื่อที่ถังซิ่วตั้งให้กับมัน

เมื่อได้ยินคำถามของถังซิ่วนั้นมันก็รีบพยักหน้าด้วยความกลัวทันที

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันมากกว่าก่อนที่เขาจะคิดอยู่สักครู่แล้วพูดขึ้นว่า

“ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าที่นี่มีงูพิษแต่พวกนายก็ยังเสี่ยงที่จะมา นั่นแสดงให้เห็นว่านายมีความคิดอยู่ในใจ พูดมา! เราจะลงไปยังไงกัน ? ”

เหมี่ยวเหวินถังได้พูดขึ้นว่า

“เราจะต้องหาทางเข้าเอาเอง”

ถังซิ่วได้ถามต่อว่า

“หมายความว่ายังไง ? ”

เหมี่ยวเหวินถังได้ตอบกลับไปว่า

“ในเมื่อที่นี่มีรูอยู่มากมายก็แสดงว่ามันจะต้องมีทางเข้าทางอื่นอยู่ในภูเขาลูกนี้อย่างแน่นอน พวกเราแค่จะต้องหามันให้เจอและหากว่าหมดหนทางจริงๆก็ค่อยเข้าไปจากทางหลุมนี่ เราก็ทำคบเพลิงขึ้น แม้ว่างูพวกนี้จะไม่กลัวกำมะถันแต่มันก็น่าจะกลัวไฟอย่างแน่นอน ”

“น่าจะใช้ได้ !”

ถังซิ่วได้พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ตลอดทั้งช่วงเช้า พวกเขาทั้งหมดได้ใช้เวลาไปกับการหาทางเขาทางอื่นแต่ผลลัพธ์ก็ต้องทำให้พวกเขาผิดหวังเพราะมันไม่มีเลยแม้แต่น้อย

มารวมตัวกันที่หน้าหลุมอีกครั้ง

ถังซิ่วกำลังถือเชือกเส้นหน้าพร้อมมัดไปรอบเอวของเขากับลำต้นของต้นไม้ก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เอาคบเพลิงมาให้ฉัน ! ฉันจะลองลงไป”

เหมี่ยวเหวินถังได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ถังซิ่ว นายจำไว้นะว่าข้างล่างมันอันตรายเป็นอย่างมาก หากนายถูกงูกัดก็ให้ตะโกนออกมาทันทีแล้วพวกเราจะรีบดึงนายขึ้นมา”

“เข้าใจแล้ว !”

ถังซิ่วได้ตอบตกลง

เขาได้หยิบคบเพลิงพร้อมกับหย่อนตัวลงไปเรื่อยๆถึง20เมตร

“ซี่….. ซี่……”

เสียงร้องของงูพิษได้ดังอยู่ข้างหูของถังซิ่ว

ถังซิ่วได้ปลดปล่อยจิตสัมผัสของเขาและพบว่ามันมีทางเข้าอยู่ทั้งหมด5ทาง สี่ทางนั้นเกือบอยู่สุดของพื้นดินและทางทั้งหมดนั้นเชื่อมถึงกันและกัน มันสามารถเดินด้วยกันหลายคนได้อย่างไม่มีปัญหาเพราะมันกว้างเป็นอย่างมาก

แต่ตามหญ้าในหลุมนี้ล้วนแต่มีงูพิษอยู่นับร้อยและรวมไปถึงงูหลามด้วยเช่นกัน

“ที่นี่มันเป็นถ้ำงูอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วแอบถอนหายใจออกมาก่อนที่จะยืนคบเพลิงตรงหน้าไปหางูเหล่านั้น สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจนั่นคือ งูเหล่านี้ได้ออกห่างทันทีเมื่อเจอกับอุณหภูมิที่สูง

ไม่นานหลังจากนั้น !

ถังซิ่วที่อยู่ข้างใต้นั้นได้หยิบพลั่วออกมาจากเอวของเขาพร้อมขุดมันลงไปกว่าสองเมตรแต่ก็ยังไม่พบกับวี่แววของแร่ล้ำค่าแม้แต่น้อยก่อนที่เขาจะแผ่จิตสัมผัสออกไปกว่า200เมตรรอบๆตัวแล้วก็ยังไม่มีทาท่าว่าจะพบเจออะไรแม้แต่น้อย

“อย่าบอกนะว่าที่นี่ไม่มีแร่ล้ำค่า ? ”

ถังซิ่วได้หยุดขุดพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นไปมองเหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งที่อยู่ด้านบนพร้อมตะโกนออกมาอย่างดังว่า

“ฉันกำลังจะไปดูตามทางเข้าเหล่านี้ หากว่าพบอันตรายก็รีบดึงฉันออกไปได้เลย พวกนายคอยสนับสนุนอยู่ตรงนั้นแหละ ”

“เพื่อนถัง ฉันจะลงไปช่วยนาย !”

เซ่าหมิงเจิ้งได้ตะโกนออกมาพร้อมกับหยิบคบเพลิงแล้วหย่อนตัวลงมายังพื้นของหลุม

หลังจากนั้น

พวกเขาก็ได้เดินเข้าไปในถ้ำทันที

จิตสัมผัสของถังซิ่วนั้นยังคงแผ่ออกไปตลอด แม้ว่าจะมีสัตว์มีพิษมากมายแต่มันก็ไม่กล้าที่จะจู่โจมเมื่อเห็นไฟในมือของพวกเขา หลังจากเดินไปได้2-3ร้อยเมตร เท้าของถังซิ่วก็หยุดลงทันที

“เพื่อนถัง เป็นไงบ้าง ? ”

หัวใจของถังซิ่วเต้นถี่ขึ้นอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวที่เขาสัมผัสได้นั้นทำให้ขนของเขาตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่สามารถพบกับสัตว์ร้ายอะไรได้จากจิตสัมผัสของเขาแต่เขาสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของมัน

“รู้สึกไหม ? ”

เซ่าหมิงเจิ้งเองก็พยักหน้าขณะที่พูดว่า

“รู้สึก กลิ่นอายของมันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เราจะทำอย่างไร ? หรือเราจะเข้าไปต่อไหม ? ”

ถังซิ่วได้ขบฟันของเขาขณะที่พูดออกมาว่า

“ไปต่อ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายแบบไหน ตราบใดที่เราหนีออกมาได้ก็จะไม่ตายอย่างแน่นอน”

หนีออกมา ?

เซ่าหมิงเจิ้งได้ฝืนยิ้มออกมาแต่ก็ยังคงฟังคำแนะนำของถังซิ่วพร้อมเดินต่อไป

หลังจากที่เดินเข้าไปถึง100เมตรนั้นถังซิ่วก็ได้หยุดเท้าของเขาอีกครั้งก่อนที่ใบหน้าของเขาจะปรากฏท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่ออกมา

เซ่าหมิงเจิ้งที่ได้ใช้ประโยชน์จากแสงไฟของคบเพลิงนั้นก็ได้เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของถังซิ่ว เขาได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“เป็นอย่างไรบ้าง? ”

ริมฝีปากของถังซิ่วบิดเบี้ยวไปมาก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยความรู้สึกช๊อคว่า

“ฉันมีทางเลือกให้นาย ทางแรกคือเรามีโอกาสรอด50%แต่ข้างในนั้นมีทรัพย์สมบัติมหาศาลแน่นอน อีกทางหนึ่งคือถอย นายลองตัดสินใจดู”

เซ่าหมิงเจิ้งได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาอย่างจริงจังว่า

“หากว่าไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือได้อย่างไรกัน ฉันต้องการที่จะเสี่ยง ”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“งั้นเราก็ต้องกลับขึ้นไปก่อน”

“กลับขึ้นไป ?”

เซ่าหมิงเจิ้งเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสน

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ใช่ กลับขึ้นไป หากว่าเราเข้าไปอย่างงี้จะต้องไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน เราจะต้องกลับออกไปเพื่อเตรียมบางอย่างก่อนแล้วเราจะกลับมาที่นี้ด้วยโอกาสรอด50%ของเรา”

เซ่าหมิงเจิ้งที่กำลังเดินตามหลังของถังซิ่วเพื่อกลับไปยังทางเข้านั้นได้ถามออกมาว่า

“เพื่อนถัง นายพบอะไรในถ้ำอย่างงั้นหรอ ? ”

“กิเลนไฟ”

เสียงโทนต่ำของถังซิ่วได้ดังขึ้น

“เป็นไปไม่ได้ ! ”

เซ่าหมิงเจิ้งตะโกนออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“ในยุคนี้มันจะยังมีสัตว์เทวะในตำนานอยู่ได้อย่างไรกัน ? นายดูผิดไปหรือเปล่า ? ”