…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาพร้อมพูดว่า

“ฉันไม่ได้ดูผิดไปอย่างแน่นอน กลิ่นอายที่ส่งออกมาจะต้องเป็นของกิเลนไฟแน่นอน ฉันมั่นใจ100%”

เขาไม่สามารถบอกเซ่าหมิงเจิ้งเรื่องที่เขามีจิตสัมผัสได้และสิ่งที่เขาเห็นคือที่สุดของทางเดินนั้นมีกิเลนไฟกำลังหลับอยู่พร้อมกับมีหินนภาก้อนใหญ่วางอยู่ข้างๆมันเป็นภูเขา

เขายังได้เห็นอีกว่าในพื้นที่แห่งนั้นยังมีเตียงเล็กๆและโต๊ะไม้เก่าๆที่มีกล่องหยกและดาบที่ดูเก่าแก่วางไว้

ในดินแดนแห่งนิรันด์นั่นเขาเองก็ได้เข้าไปยังถ้ำนิรันด์ที่ผู้คนมากมายไม่สามารถกลับออกมาได้ เขาได้รับความมั่งคั่งมากมายขากภายในแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอถ้ำเหล่านี้ปรากฏอยู่บนโลกมนุษย์

แค่ว่า

เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนทิ้งเอาไว้

พวกเขาได้กลับขึ้นไปยังปากหลุมพร้อมกับได้ยินคำถามของเหมี่ยวเหวินถังอย่างรวดเร็วว่า

“เป็นอย่างไรบ้าง ? นายเก็บเกี่ยวอะไรออกมาได้บ้างไหม ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ตอนนี้ยังไม่ได้เพราะเราต้องเตรียมบางสิ่งก่อน เราจะต้องกลับไปที่เมืองเป็นอย่างแรกแล้วเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะกลับมาที่นี่”

เซ่าหมิงเจิ้งได้ถามออกมาว่า

“เพื่อนถัง เราต้องเตรียมอะไรบ้างงั้นหรอ ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“หากว่านายต้องการที่จะเสี่ยงชีวิตไปกับฉันก็ทำตามสิ่งที่ฉันได้จัดเรียงเอาไว้ ฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะมีชีวิตรอดออกมาไหมแต่สิ่งหนึ่งที่ฉันพูดได้คือ หากเรารอดออกมาได้นั้นเราจะได้รับประโยชน์มากมายอย่างแน่นอน”

“ดี!”

“เราจะทำตามสิ่งที่นายพูด !”

เซ่าหมิงเจิ้งและเหมี่ยวเหวินถังได้พูดออกมาพร้อมๆกัน

ถังซิ่วพยักหน้าขณะที่บอกพวกเขาว่า

“เราจำเป็นต้องมีระเบิด มันไม่จำเป็นต้องเยอะนักหรือหากว่าไม่สามารถหามาได้ก็เอาเป็นประทัดก็พอ เราต้องการเชือกและหินก้อนใหญ่เพื่อขวางทางออกแบบเงียบๆแต่ก่อนที่เราจะขวางทางนั้นก็ต้องวางกับดักเอาไว้ก่อน”

แผนการได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของถังซิ่วและมันก็ซับซ้อนเป็นอย่างมาก มันไม่ทางที่จะทำเสร็จได้ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม !

หินนภานั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องได้รับมา หินนี่สามารถใช้ในการสร้างอุปกรณ์มากมายได้ในดินแดนแห่งนิรันด์และในที่แห่งนั้นก็ถือว่ามันเป็นสมบัติชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้

ช่วงเย็นวันต่อมา

ถังซิ่วและคนอื่นๆได้กลับไปยังตัวเมืองพร้อมกับส่งรายชื่อสิงของทั้งหมดไปให้กับเหมี่ยวเหวินถังและผู้ติดตามของเขาเพราะบางสิ่งบางอย่างนั้นไม่สามารถหาได้จากเมืองแห่งนี้ พวกเขาจึงต้องกลับไปที่เมืองชางเบ่ยเพื่อซื้อมัน

ในขณะนี้ถังซิ่วและคนอื่นๆได้ซื้อสิ่งของที่จำเป็นของเมืองเสร็งแล้วและกำลังการกลับมาของเหมี่ยวเหวินถัง

“ก๊อก ก๊อกก….”

เสียงเคาะได้ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องของถังซิ่ว

ถังซิ่วได้เปิดประตูห้องออกมาแล้วพบกับเหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งพร้อมกับถามออกมาว่า

“พวกนายยังไม่นอน ? ”

เหมี่ยวเหวินถังพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ยังไม่ง่วงเลย ฉันยังไม่อยากรีบนอน ! เราตั้งใจว่าจะไปหาร้านนั่งดื่มกันในเมือง นายสนใจไหม ? ”

เซ่าหมิงเจิ้งเองก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันได้ยินมาว่าที่ร้านอาหารในเมืองนี้จะใช้วัตถุดิบและเนื้อที่ล่ามาได้จากภูเขาแห่งนี้ รสชาติของมันก็ดีมากด้วย”

ถังซิ่วตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ดี งั้นฉันจะไปด้วย”

ทันใดนั้น !

ถังซิ่วก็ตระหนักได้ว่าเมื่อวานนี้โทรศัพท์ของเขาไม่มีแบตเหลืออยู่แล้วและเพิ่งกลับมาขาจตอนที่ถึงเมืองนี้ เขาจึงได้หยิบมันมาแล้วเตรียมที่จะยังที่ร้านอาหาร

บนถนน

ถังซิ่วได้เปิดเครื่องของเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนมากมายจากมัน

ถังซิ่วพบว่านอกจากชูยี่ หลงเจิ้งหยูแล้วก็ยังมีสายของแม่ที่ไม่ได้รับส่วนข้อความของโอหยางลูลู่นั้นก็มีใจความว่า เขาอยู่ที่ไหนกัน

“ออกมาสำรวจ !”

ถังซิ่วได้ตอบกลับข้อความของโอหยางลูลู่ทันทีพร้อมกับโทรกลับหาแม่ของเขา

“สวัสดี ซิ่วน้อย ? ”

เสียงตื่นตระหนกของซูหลิงหยุนได้ส่งผ่านมาทางปลายสาย

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณแม่ ก่อนหน้านี้ผมแบตหมด แม่มีเรื่องอะไรงั้นหรอครับ ? ”

ซูหลิงหยุนรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ซิ่วน้อย ลูกออกเดินทางไปที่ไหนกัน ? ลูกกลับมาที่นี่เลยได้ไหม ? แม่มีบางอย่างที่ต้องการปรึกษาลูก”

ถังซิ่วส่ายศีรษะพร้อมกับตอบกลับไปว่า

“แม่ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างงั้นหรอครับ ?”

ท่าทางของซูหลิงหยุนนั้นดูแย่ลงก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า

“ครอบครัวของลุงของลูกนั้นเกิดเรื่องขึ้น ญาติของลูก พวกเขามาหาแม่ พวกเขา….. ”

ถังซิ่วได้ขัดจังหวะคำพูดของซูหลิงหยุนว่า

“แม่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้วเพราะผมรู้แล้ว ซูชางเหวินและซางเหม่ยหยุนถูกตำรวจรวบตัวไป ? ยิ่งไปกว่านั้นคือจะต้องติดคุกหลายปี ? ”

ซูหลิงหยุนรีบถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ซิ่วน้อย ลูกรู้ ? อย่าบอกนะว่า…… ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ใช่แล้ว ผมสั่งให้คนไปทำเองล่ะ ผมทนไม่ได้ที่พวกมันกล้าที่จะมาสร้างความอับอายให้แม่ถึงที่โรงพยาบาลแม่เป็นเหมือนกับขีดจำกัดของผม หากใครมันกล้าที่จะไม่ให้เกียรติแม่ ผมจะทำให้ชีวิตของพวกมันต้องย่อยยับ ผมได้สัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายกับซูชางเหวินแต่ไม่ได้บอกว่าเขาจะต้องเจอกับอะไร…..”

ซูหลิงหยุนได้เงียบไปเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ซิ่วน้อย แม้ว่าแม่จะไม่ชอบเขาก็ตามแต่อย่างไรเขาก็เป็นถึงพี่ชายแท้ๆของแม่ …….อ๊า! จริงๆแล้วซูชางเหวินได้พยายามฆ่าตัวตายตอนที่ซางเหม่ยหยุนนั้นถูกจับตัวไปโชคดีที่เขาถูกช่วยเอาไว้ทัน”

ฆ่าตัวตาย ?

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เขาทนรับมันไม่ได้ ? ถึงกับฆ่าตัวตาย ? ”

ซูหลิงหยุนได้พูดต่อว่า

“อื้ม แม้ว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือไว้ทันก็ตาม ซิ่วน้อยแม่ขอร้องลูกล่ะ เรื่องซางเหม่ยหยุนโดนจับไปนั้นช่างมันเถอะแต่ลุงของลูก……ลูกช่วยเขาได้ไหม เขาได้ตายไปแล้วครั้งนึงและแม่คิดว่าเขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแน่นอน !”

ถังซิ่วเงียบอยู่นาน

นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ของเขาพยายามเอ่ยปากขอร้อง เขาเองต้องการที่จะปฏิเสธมันและต้องการจะตอบกลับไปว่าต่อให้มันตายไปครั้งนึ่งแต่หมาก็ยังคงเป็นหมา คำพูดของเขาได้ติดอยู่ที่ปลายลิ้นก่อนที่จะถูกเขากลืนกลับไป

หลังจากผ่านไปนานถังซิ่วก็ได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมพูดว่า

“คุณแม่ นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย หากว่าเขาเปลี่ยนตัวเองนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีแต่หากเขายังคงเป็นแค่ไอระยำล่ะก็ เมื่อถึงเวลาแล้วอย่าขวางทางผมแล้วกัน ”

“ได้ !”

ซูหลิงหยุนรีบตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

ถังซิ่วได้ถอนหายใจออกมาพร้อมพูดว่า

“คุณแม่ ผมอยู่ในจังหวัดดงหยวนและต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะกลับไปถึง ผมจะโทรไปจัดการเรื่องของซูชางเหวินให้แล้วกัน”

ซูหลิงหยุนได้ถามออกมาว่า

“ซิ่วน้อย แม่คิดว่าลูกกำลังปิดบังอะไรแม่ ? ลูกจำได้ไหมว่าก่อนที่ลูกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นลูกได้บอกว่าจะบอกเรื่องบางอย่างให้แม่ฟัง ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“เมื่อผมกลับไปถึงแล้วจะเล่าให้แม่ฟังทันที”

หลังจากจบการสนทนานั้นถังซิ่วก็ปวดตับเป็นอย่างมากก่อนที่เขาจะโทรไปหาเฉินซีซ่งแล้วบอกให้ปล่อยตัวซูชางเหวิน

หลังจากผ่านไปนั้น ถังซิ่วก็ได้โทรกลับหาหลงเจิ้งหยูและชูยี่ตามลำดับ เขาได้รู้ว่าชูยี่ได้นำสมุนไพรล้ำค่ามาให้เขาด้วยตัวเอง มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากแต่หลังจากนั้นเขาเองก็กังวลขึ้นมาทันทีเพราะเขาไม่มีเงินเหลือแล้ว

ชูยี่นั้นไม่ได้บอกเรื่องราคาของสมุนไพรแต่หลงเจิ้งหยูได้บอกเขาทั้งหมด มันมีราคาถึง200ล้าน !

เงิน อ๊าก !!!

ถังซิ่วยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่จะเก็บโทรศัพท์เอาไว้ขณะที่ถึงที่ร้านอาหาร พวกเขาได้สั่งอาหารพร้อมกับหาที่นั่ง

“พ่อคนนี้ตัดสินใจแล้วว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ฉันเข้าใจถึงคำพูดที่ว่า ยืนอยู่ข้างลำธารยังไงรองเท้าก็ต้องเปียกแล้ว วันนี้เราจะดื่มฉลองกันแล้วไปยังเมืองใหญ่ หากว่าเราไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้ ฉันจะกลับไปบ่มไวน์ที่บ้านเกิด”

เสียงที่ดังและชัดเจนได้ถูกส่งออกมา

ถังซิ่วรู้สึกว่าเสียงนี้ฟังดูคุ้นๆก่อนที่จะมองไปที่แหล่งที่มาของเสียงนั้นแล้วพบว่ามันเป็นเขวียนหน้าบากแต่เขาก็ไม่พบเหล่าชายรูปร่างกำยำก่อนหน้านี้ทว่ากลับเป็นหนุ่มหน้าใสแทน

“พี่เขวียน เราเองก็ได้เตือนพี่ไปแล้วว่าอย่าทำเรื่องแบบนั้น พี่นั้นเป็นเสาหลักของครอบครัวและหากว่าพี่เป็นอะไรขึ้นมาแล้วพี่สะใภ้และลูกจะอยู่อย่างไรกัน ? มา เรามาดื่มให้กับการเปลี่ยนแปลงของพี่กัน”

“ใช่ ! สมองของพี่นั่นปราดเปรื่องอยู่แล้ว แม้ว่าพี่จะทำธุรกิจธรรมดาๆก็จะต้องเฟื่องฟูอย่างแน่นอน เรานับถือพี่จริงๆ”

“พี่ชายเขวียน หากว่าไม่สามารถอยู่ที่โลกภายนอกได้จริงแล้วก็กลับมาบ่มไวน์ที่บ้านเรากัน เทคนิคของพี่นั้นดีเป็นอย่างมากและพวกเราเองก็ตระหนักถึงเรื่องนั้นดี หากว่าไวน์ของพี่นั้นขายไม่ดีฉันก็จะไปช่วยพี่ขายเอง”

“……..”

เขวียนหน้าบากได้มองไปที่พี่น้องของเขาที่โตมาด้วยกันพร้อมกับชูแก้วขึ้นแล้วพูดว่า

“พวกนายทั้งหมดเป็นพี่น้องที่ดีของฉัน เขวียนซี ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว เรามาดื่มกันเถอะ”

ใบหน้าของถังซิ่วปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาเพราะอุปนิสัยของเขวียนหน้าบากเองก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถรับผิดชอบพี่น้องได้มากมาย มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถของชายคนนี้ ถังซิ่วเชื่อว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอนหากว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้

บ่มไวน์ ?

เป็นอาชีพที่ดี

ถังซิ่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะมีความคิดแว๊บเข้ามาในหัวสมองเขา ไม่ใช่ว่าเขาเองก็ตั้งใจว่าจะกลับไปบ่มไวน์ ? หากว่าเขวียนหน้าบากเองก็ต้องการที่จะบ่มไวน์แล้วทำไมเขาถึงไม่จ้าง ? หากว่าเขาสามารถสร้างโรงบ่มไวน์ตามสูตรของเขาได้ ผลผลิตที่ได้จะต้องเป็นไวน์ชั้นเลิศอย่างแน่นอนและเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับยอดขายแม้แต่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น !

การลงทุนโรงบ่มไวน์นั้นไม่ได้ใช้เงินเยอะนัก เขาจะยกเรื่องบริหารไปให้คังเซี่ยนแทนหากว่าเขวียนหน้าบากไม่สามาทำมันได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วถังซิ่วจึงได้มองไปที่เขวียนหน้าบากอีกครั้ง

“เพื่อนถัง ทานอาหารและดื่มไวน์ในที่โล่งแบบนี้เป็นบรรยากาศที่ดีทีเดียว”

เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งได้เดินกลับมาอย่างกระปรี้กระเปร่าพร้อมนั่งข้างๆถังซิ่ว