“ เฮ่ยซานแกแน่ใจหรอว่าถ้าฆ่าแล้วแกจะเป็นคนรับผิดชอบหนะ ? ”

ถังซิ่วมองไปที่เฮ่ยซานอย่างไม่แยแส

“ ถังซิ่ว, แก….. พวกเราเป็นเพียงแค่กลุ่มอันธพาลกลุ่มหนึ่งเท่านั้น , แกกล้าลบหลู่พวกเรางั้นรึ หากไม่ฆ่าเราแล้วอย่าหวังเลยว่าจะอยู่ในเมืองสตาร์ซิตี้นี้ต่อไปได้อีก !! “

หลังจากเงียบอยู่ซักพักหนึ่ง, เฮ่ยซานได้กล่าวออกมา

จากน้ำเสียงของถังซิ่วแล้วเฮ่ยซานก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่โหดเหี้ยมถึงขั้นที่ว่าไม่สามารถที่จะไปกระตุกหนวดได้เลย

แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เฮ่ยซานก้มหัวเพื่อขอโทษ เขาไม่สามารถทำมันได้เพราะงั้นจึงได้ดันทุรัง

ความดันทุรังของเฮ่ยซานถือเป็นไพ่ตายของเขาซึ่งคำขู่ของเขาก็มักจะใช้ได้ผลกับคนทั่วไปแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าถังซิ่วแล้วมันแทบไม่มีผลอะไรเลยด้วยซ้ำ

เสียงของเฮ่ยซานยังไม่ทันจะเงียบหายตะเกียบถูกเหวี่ยงมาจากมือของถังซิ่วไปที่ข้อพับขาของเขาด้วยความเร็วปานสายฟ้า

ร่างกายของเฮ่ยซานกระตุกขึ้นจากพื้นหลังจากได้รับรู้ถึงความเจ็บปวด

ในเวลาต่อมาก็ปรากฏเสียงร้องออกมาจากลำคอของเขาก่อนที่เขาจะล้มลงไปกองอยู่ตรงพื้นอีกครั้ง

“เฮ่ยซาน , แกไม่ต้องพล่ามมาก อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสแกแล้วกัน , อยากจะโทรเรียกกำลังสนับสนุนเท่าไหร่ก็เรียกมาเลย, ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าในเมืองสตาร์ซิตี้นี้แกมีอิทธิพลแค่ไหนกันเชียว ”

ในโลกอมตะในหมื่นปีมานี้, ถังซิ่วคุ้นคุยกับการขู่แบบนี้มากมายและเขามักจะฆ่าล้างทั้งครอบครัวของฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังเสียงสายฟ้าของเขาซึ่งเขาไม่เคยจะปล่อยให้ศัตรูของเขามีโอกาสแก้แค้นได้อีกเลย

เฮ่ยซานและคนอื่นๆนั้นไม่ได้พึ่งเรียกค่าคุ้มครองจากร้านค้าอื่นๆวันสองวันแต่เป็นเวลากว่าครึ่งปีมาแล้วดังนั้นสิ่งที่พวกมันทำได้ล้ำเส้นที่ถังซิ่วขีดไว้มาแล้ว

ในเมื่อเขาทำให้คนพวกนี้โกรธแล้วเขาจะไม่ให้โอกาสคนเหล่านี้กลับมาทวงแค้นเขาได้

“แก……… ”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้นทำให้เฮ่ยซานถึงกับแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาทันที

เฮ่ยซานไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดของตนเองนั้นไม่ใช่แค่ไม่สามารถทำให้ถังซิ่วกลัวได้แต่กลับทำให้ตัวเค้าเองหมดหนทางหนีด้วย

“ฉันให้เวลาแกแค่10นาทีเท่านั้น, ถ้าภายใน 10 นาทีไม่มีใครมาแกก็เตรียมใจที่จะใช้ครึ่งชีวิตที่เหลือของแกอยู่บนเตียงโรงพยาบาลได้เลย !!!”

ถังซิ่วกล่าวอย่างราบเรียบพร้อมเพ่งสายตาไปที่เฮ่ยซาน

เฮ่ยซานใจหายทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่เย็นเฉียบของถังซิ่ว

จริงอยู่ที่เฮ่ยซานสามารถโทรเรียกกำลังเสริมมาได้พอตัวแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรในสถานการณ์แบบนี้เลย

“ถังซิ่ว เราเป็นเพื่อนบ้านกันนะ, ยอมกันนิดๆหน่อยๆก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยหนิ ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่ก็ได้ไม่ใช่หรือไง ? ”

เฮ่ยซานกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ขมขื่นหลังจากผ่านไปซักพักหนึ่ง

เสียงของเฮ่ยซาน ยังไม่ทันจะจบถังซิ่วก็ได้ยกมือฟาดไปตรงใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง

“นี่นายก็รู้หรอว่าเราเป็นเพื่อนบ้านกันหนะ? นายคิดว่าการกระทำของนายมันคือสิ่งที่เพื่อนบ้านเค้าทำกันหรอ ห๊า ? !! ”

ถังซิ่วมองไปที่เฮ่ยซานอย่างน่าสมเพช

“ถังซิ่ว, อย่าลืมสิว่าครอบครัวนายเปิดร้านอาหารนะ, ร้านอาหารน่ะต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีสิ การที่นายล่วงเกินพวกเราแบบนี้นั้นมันไม่ได้ทำให้นายได้ประโยชน์อะไรเลย !!!”

ระหว่างที่ขบกรามไปด้วยเฮ่ยซานพูดไปพร้อมกับบ้วนฟันและเลือดของตัวเองออกมาจากปาก

“ใช่,ฉันเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าการที่ไปล่วงเกินพวกนายมันจะมีผลยังไง !!!”

ระหว่างที่กำลังพูดอยู่ถังซิ่วไม่ได้มีอารมณ์โกรธแม้แต่น้อยแต่กลับมีเผยรอยยิ้มออกมาขณะที่ฟาดหน้าเฮ่ยซานไปอีก 2 – 3 ที

เฮ่ยซาน ชายผู้น่าสงสารที่เคยคุมย่านนี้มากว่า 20 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการถูกทารุนอย่างโหดเหี้ยมเลย

จากท่าทางของถังซิ่วก่อนหน้านี้พวกเขาไม่สามารถรู้สึกถึงจิตสังหารได้เลย เหมือนเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง

แต่หลังจากที่ถูกถังซิ่วอัดเละแล้วเฮ่ยซานก็ลองมองไปที่เขาอีกครั้งกลับพบความเปลี่ยนแปลงอย่างน่ากลัว

บนตัวของถังซิ่วไม่ได้มีจิตสังหารเลยแม้แต่น้อยหากแต่ว่าถ้ามองดีๆแล้วกลับพบว่านัยน์ตาของเขาไม่สนใจชีวิตพวกเขาเลยซักนิดเหมือนชีวิตพวกเขาไม่ต่างอะไรไปจากเศษดินในสายตาของเขา

“ ดูเหมือนว่าสมองของเฮ่ยซานมันคงจะมีปัญหานะ, ใครบ้างที่ยังมีสมองปกติ ? ใครก็ตามที่ยังมีสมองอยู่ก็รีบโทรเรียกกำลังเสริมได้แล้ว ,เหลือเวลาแค่ 10 นาที ”

หลังจากที่ถังซิ่วเห็นสายตาที่เฮ่ยซานมองมาทางเขาด้วยความกลัวเหมือนคนบ้าก็เลยไม่สนใจและหันไปพูดกับอันธพาลคนอื่นๆ

หลังจากนั้นคนพวกนี้ก็สังเกตเห็นได้ว่าเฮ่ยซานโดนจัดการอย่างน่าสมเพชแล้วพวกมันก็เกิดกลัวจนหัวหดและหันหน้าหนีโดยทันทีเพราะกลัวว่าสายตาของถังซิ่วจะมาหยุดอยู่ที่ตัวเองและแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพึ่งพูดไป

“ดูเหมือนว่าสมองของพวกแกจะไม่มีใครปกติเลยซักคนสินะ ก็ดีในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่ามาหาฉันหยาบคายแล้วกัน ”

หลังจากนั้นก็ได้เหวี่ยงขาเตะไปที่เฮ่ยซาน

ได้ยินแค่เสียง “โครม” ตัวของเฮ่ยซานก็ได้ไปอยู่ในถังขยะแล้ว

ถังขยะในร้านอาหารนั้นเป็นอะไรที่สกปรกมาก มีทั้งคราบน่าขยะแขยงมากมายส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล

มีเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังออกมาหลังจากที่เฮ่ยซานถูกอัดเข้าไปในถังขยะ

ด้วยความที่ว่ากระดูกแขนทั้ง2ข้างของเขาหักทำให้เขาไม่มีกำลังพอจะตะเกียกตะกายออกมาจากถังขยะเองได้และเมื่อเขาพยายามตะเกียกตะกายมากขึ้นอากาศก็ลดน้อยลงเรื่อยๆทำให้เขาหายใจแทบไม่ได้และส่งผลให้เสียงที่ส่งออกมาก็ค่อยๆ เบาลง เบาลง

เมื่อมองดูร่างกายที่ตะเกียกตะกายอย่างไร้กำลังของเฮ่ยซานแล้วอันธพาลทั้งหมดที่เหลือก็ไม่มีพลังใจเหลืออยู่อีกเลยและไม่กล้าทำอะไรอีกต่อไป

ก่อนหน้านี้อันธพาลเหล่านี้เชิดชูเฮ่ยซานเหมือนคนตาบอดและคิดไปเองว่าเฮ่ยซานนั้นไร้เทียมทานซึ่งในหัวใจของพวกเขาแล้วไม่มีใครสามารถทำอะไรเฮ่ยซานได้

แต่หลังจากที่ได้เห็นภาพเฮ่ยซานที่ไม่สามารถทำอะไรและได้แต่ถูกอัดโดยถังซิ่วมันก็ทำให้ภาพในจิตใจของพวกเขาเหล่านั้นก็พังทลายลงทันทีพร้อมๆกับภาพของปีศาจอย่างถังซิ่วที่ถูกสลักลงไปในจิตใจของพวกเขาในเวลาเดียวกัน

“6 นาทีผ่านไปแล้ว , พวกแกยังไม่ได้โทรเรียกกำลังเสริมเลย หรือนี่พวกแกตั้งใจว่าจะไม่กลับออกไปโดยมีชีวิตอีกแล้วหรอ ? ”

ระหว่างที่อันธพาลทั้ง 6 คนกำลังจ้องไปที่ถังขยะ ก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงของยมทูตที่ดังมาข้างหูของพวกเขา

คน 2 คนที่ขวัญอ่อนก็ถึงกับทรุดลงไปนั่งที่พื้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วส่วนคนอื่นๆได้แต่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อเหลือบไปเห็นแววตาที่น่ากลัวของฝ่ายตรงข้าม
“ ทุกๆการกระทำย่อมมีผลที่ตามมาเสมอ , ในเมื่อพวกแกไม่ยอมเรียกกำลังเสริมมาก็ดี !! งั้นก็ลงไปอยู่ในถังขยะให้หมดด้วยกันนี่แหละ ”

หลังจากนั้นถังซิ่วก็ได้จับไปทีขาของเฮ่ยซานที่ไม่กำลังพอจะขัดขืนเพื่อลากเขาออกมาจากถังขยะ

ร่างของเฮ่ยซานที่พึ่งได้ออกมาจากถังขยะก็ถูกซัดลงไปบนพื้นครัวอีกครั้ง

ลูกน้องของเฮ่ยซานอีกคนก็ถูกโยนลงไปในถังขยะ

เขาได้แต่มองไปที่ใบหน้าของถังซิ่วที่มองมาที่เขาด้วยความยั่วยุ

หลังจากที่เขาพยายามจะตะเกียกตะกายออกมาจากถังขยะก็ถูกหยุดโดยตะเกียบอีกครั้งที่ซัดเขาไปที่แขนของเขา

เขายังไม่ทันจะได้เปล่งเสียงร้องด้วยซ้ำไปก็ถูกส้นเท้าของถังซิ่วอัดลำตัวไปอีกรอบทำให้เขาไม่เหลือแรงที่จะตะเกียกตะกายอีกต่อไป

อันธพาลที่เหลือได้แต่มองดูเพื่อนอีกคนของตัวเองอยู่ในถังขยะคนหนึ่งอีกคนก็นอนกองอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยคาดคิดว่าคนที่ตนเองเชิดชูจะต้องมาลงเอยแบบนี้

เมื่อมองเห็นเฮ่ยซานและลูกน้องอีกคนลงเอยแบบนั้นแล้วอันธพาลที่เหลือก็รู้ถึงชะตากรรมของตัวเองโดยทันที, พวกเขาทั้งหมดรีบคุกเข่าลงตรงหน้าของถังซิ่วอย่างรวดเร็ว

“ถัง ……. พี่ถัง , เรื่องนี้อย่าได้โทษพวกเราเลย ,มีคนบางคนจ่ายเงินเพื่อนให้เรามาหาเรื่องครอบครัวของพี่พวกเราถึงต้องเพ่งเล็งมาที่ร้านอาหารของพี่ ”

“พี่ถัง , เราได้รับเงินมาจากคนหนึ่ง เพื่อจัดการกับเรื่องนี้ ,พี่ได้อัดเราแล้ว ด่าก็ด่าแล้วดังนั้นได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ , พวกเรามันก็แค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างหนึ่งเท่านั้น ได้โปรดอย่าถือสาพวกเราเลย ”

“พี่ถัง ,ก็จริงที่เราได้ทุบทำลายร้านของพี่ แต่เรากล้าสาบานเลยว่าเราไม่ได้แตะต้องแม่ของพี่แม้แต่น้อย, แม้แต่เฉียดซักนิดก็ไม่มี ในพวกเราก็มีแค่เฮ่ยซานกับอีกคนที่อยู่ในถังขยะนั้นแหละที่โหดร้ายทารุณ ”

……………..

หลังจากที่คนหนึ่งเอ๋ยปากขอขมา, คนที่เหลือก็ตะโกนออกมาเหมือนๆกัน

มองดูพวกมันเหล่านี้ที่อายุกลางคนแล้วกลับเรียกตัวเองว่า “พี่” ถังซิ่วรู้สึกแปลกๆอยู่ในหัวใจ

อย่างไรก็ตามเรื่องพวกนี้ถังซิ่วก็เคยพบมาแล้วตอนยังอยู่ในโลกอมตะ
ทุกคนมีหนทางในการดำรงชีวิตเป็นของตนเอง ผู้คนที่ตำแหน่งสูงมีอำนาจมากก็อย่างหนึ่ง เมื่อตำแหน่งของคนนั้นต่ำต้อยนั้นคำพูดของเขาก็จะไม่มีน้ำหนักเลย

คนส่วนหนึ่งกำลังร่ำไห้ก็ไม่ลืมที่จะแอบมองสีหน้าของเขา

เมื่อคนเหล่านี้มองไปทางถังซิ่วแล้วก็เกิดความรู้สึกเชิดชูและเคารพด้วยสถานะในหัวใจที่เปลี่ยนไปแล้วเหมือนดั่งชายลึกลับ

เพราะจากรายงานของพวกเขาระบุว่า, ถังซิ่วนั้นเป็นแค่เด็กมัธยมจากชนบทที่มาที่สตาร์ซิตี้ก็แค่เพื่อศึกษาก่อนที่จะถูกรถชนจนสมองเพี้ยง

เทียบจากประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับกับข่าวลือมันคนละเรื่องกันเลย

“ใครกันที่ยอมจ่ายเงินเพื่อให้พวกแกมาทำลายข้าวของในร้านอาหารของฉัน ?”

หลังจากที่เงียบอยู่นานถังซิ่วถามด้วยอารมณ์ที่ดุร้ายพร้อมแผดความเยือกเย็นออกมาทางสายตา