ถังซิ่วกำลังคิดว่าจะจัดการยังไงกับชีวิตของอันธพาลพวกนี้ดี

เมื่อเห็นแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดตัวเองแล้วก็คิดว่าการฆ่าคนพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแต่การควบคุมความเสียหายนั้นสำคัญกว่า

ถ้าแม่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่เขาคงก็จะฆ่าคนพวกนี้ไปเรียบร้อยซึ่งจะทำให้ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลอีกหลังจากนี้

เขารู้สึกเหมือนมีโซ่ตรวนอยู่ภายในใจ, เขาไม่กล้าที่จะฆ่าคนที่ว่าร้ายเขาเหมือนดั่งเช่นครั้งที่อยู่ในแดนอมตะ

คำพูดของอันธพาลพวกนี้ทำให้เขาเกิดความเห็นอกเห็นใจ

ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้นั้นน่ารังเกียจพอที่จะขอโทษ แต่พวกเขาก็แค่ทุบทำลายร้านอาหารของแม่เท่านั้น , พวกเขายังไม่ได้ทำร้ายร่างกายเธอเลยแม้แต่น้อย ความผิดของพวกเขายังไม่มีโทษถึงตายแถมยังมีความจริงที่แอบซ่อนเร้นไว้อีก

“พี่ชายถัง, พวกเรารู้แค่ว่าชายวัยกลางคนนั้นใส่แว่นกันแดด,แต่คนที่เจรจากับเขาคือพี่เฮ่ยซาน เราไม่รู้ถึงเบื้องหลังที่แท้ของชายคนนั้นเลย ”

“ผมไม่รู้ถึงเบื้องหลังของชายใส่แว่นนั่นเลย, แต่เราแอบได้ยินมาว่าเขาเกลียดพี่เป็นอย่างมาก เขาขอให้เราจัดการกับร้านอาหารของพี่เพื่อให้พี่โมโหและทำให้พี่พิการไปซึ่งเขาเป็นฝ่ายเสนอราคามาด้วยซ้ำ“

อันธพาลอีกคนก็ได้พูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ดิ่งซี่,บั่นโฉว พวกแก ! , ถ้าอยากตายแบบทรมานก็พูดต่ออีกสิ ฉันรับรองได้เลยว่าว่าพวกแกจะต้องตายอย่างเจ็บปวด ”

เสียงของเฮ่ยซานถูกส่งออกมาอย่างดัง

ไม่รู้เลยว่าเฮ่ยซานมันฟื้นขึ้นมาตอนไหนถึงได้รีบพูดข่มขู่อันธพาลที่ชื่อบั่นโฉวทำให้ไม่กล้าปริปากอีกเลย

เมื่อเห็นเฮ่ยซานกล้าขัดจังหวะเขาแล้วคิ้วของถังซิ่วถึงกับกระตุกโดยทันที

เหตุการณ์ต่อมาก็คือเฮ่ยซานได้ถูกถังซิ่วจับโยนลงไปในถังขยะอีกครั้ง

“บั่นโฉว , แกพูดต่อซิ ”

ถังซิ่วพูดพลางปัดมือตัวเองอย่างไม่แยแส

บั่นโฉวที่เห็นร่างเฮ่ยซานที่พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากถังขยะพร้อมกับร่างอันธพาลอีกคนที่นอนหมอบอยู่มันทำให้เขากลืนน้ำลายลำบากมากแถมยังพูดอย่างติดๆขัดๆ

“ถัง………พี่ถัง,ชายสวมแว่นกันแดดคนนั้นบอกว่า ถ้าสามารถทำให้มือพี่พิการได้เขาจะจ่ายให้หนึ่งแสน ถ้าทำให้ขาพิการได้เขาก็จะจ่ายเพิ่มอีกสองแสนและ…. และพี่เฮ่ยซานก็เป็นคนตอบตกลง ”

บั่นโฉวพูดพร้อมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

เมื่อได้ยินคำพูดของบั่นโฉวแล้วถังซิ่วนั้นถึงกับต้องขมวดคิ้วไปเขายังนึกไม่ออกเลยว่าใครกันที่เกลียดชังเขามากถึงขนาดถึงกับอยากทำให้แขนและขาเขาพิการ

เขาจ้องมองบั่นโฉวอยู่พักหนึ่งเพื่อแน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหกก่อนที่จะเตะถังขยะและเปิดโอกาสให้เฮ่ยซานสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อีกครั้ง

“ใครจ้างให้แกมาสร้างปัญหาให้ฉัน ? ”

หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้เท้าเหยียบลงไปที่บริเวณหน้าอกของเฮ่ยซานพร้อมกับคำถาม

ตอนนี้เฮ่ยซานดูเหมือนคนที่อยู่ในอาการโคม่า ครึ่งหลับครึ่งตื่นและเขาไม่ได้ตอบคำถามของเขา

ถังซิ่ว ที่เห็นแบบนั้นก็ไม่สนใจอะไรก่อนที่จะเดินไปที่มุมหนึ่งของห้องครัวที่มีหม้อต้มน้ำพร้อมราดมันลงบนร่ายกายของเฮ่ยซาน
หลังจากนั้นร่างกายของเฮ่ยซานถึงกับกระตุกไปมาพร้อมๆกับเสียงครวญครางดังไปทั่วร้านอาหาร

“ใครจ้างให้แกมาสร้างปัญหาให้ฉัน ? ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นเฮ่ยซานกำลังนอนโอดครวญ

เฮ่ยซานได้จ้องมองกลับไปทางถังซิ่วด้วยความเกลียดชังเป็นอย่างมาก เขาอยากจะตะโกนด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายสุดๆแต่เมื่อคำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาหลังพูดไปแล้วก็ได้แต่เก็บถ้อยคำเหล่านั้นไว้ในจิตใจ

อยู่ในเมืองนี้มาเกือบ 20 ปีแล้วทำให้เฮ่ยซานเคยเห็นผู้คนมากมายหลายแบบแต่เขาพึ่งเคยเจอแบบถังซิ่วเป็นครั้งแรก

เฮ่ยซานรู้ว่าถ้าตัวเองยังทำท่าทีอวดดีแบบนี้จะต้องตายอย่างแน่นอน

ให้เขาที่เป็นผู้คุมย่านนี้ต้องมาก้มหัวขอโทษต่อเด็กมัธยมทำให้หัวใจของเขารู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาก

“ไม่อยากพูด,ก็ดี งั้นแกก็ไม่ต้องพูดอีกแล้ว !!! ”

หลังจากนั้นถังซิ่ว ก็ได้เอาหม้อต้มน้ำขึ้นมาเพื่อจะราดใส่เฮ่ยซานอีกครั้ง

“ฉันจะบอก !!! ฉันจะบอก!!!! ……”

หลังจากที่เห็นสายตาของถังซิ่วแล้วทำให้จิตใจของเขาสับสนเป็นอย่างมากถึงได้ตะโกนอ้อนวอนขอร้องออกมา

“ ชายใส่แว่นกันแดดคนนั้นเป็นผู้จัดการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวิน แกน่าจะไปล่วงเกินลูกพี่มันทำให้มันเสียหหน้าแน่ๆพวกมันถึงได้อยากจะจัดการกับแกไง ……” (บริษัทน้องชายของแม่พระเอก)

เฮ่ยซานกลัวว่าถังซิ่วนั้นจะจัดการกับเขาอีกรอบและเขาเองก็ไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดไปได้มากกว่านี้แล้วถึงได้พูดออกไปอย่างช้าๆ

“บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวิน ? ”

เขามีข้อสงสัยนี้อยู่ในหัวใจของเขาแล้วก่อนหน้านี้และหลังจากที่ได้รับการยืนยันแล้วท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป ในใจของเขาก็มีความโกรธปะทุออกมาดั่งภูเขาไฟ

เพราะเขารู้ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวินดี

เขาไม่คิดเลยว่าการที่เขาดุด่าลุงและป้าของเขากลับทำให้พวกมันถึงกับต้องการจะจัดการกับเขา สองแม่ลูก

“ซูชงาเหวิน , ในเมื่อแกมันคิดชั่วๆก็อย่ามาหาฉันว่าไม่มีคุณธรรมก็แล้วกัน”

เมื่อมองไปที่ทิศทางของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวินแล้วในจิตใจของถังซิ่ว นั้นมีแต่ความรู้สึกกระหายเลือดพร้อมปลดปล่อยจิตสังหารออกมา

ภายใต้ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาทำให้ถังซิ่วลืมการมีตัวตนของเฮ่ยซานไปซะแล้ว

ยังไงก็ตาม ตอนนี้เหล่าอันธพาลพวกนี้ได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดกลัวจนหัวหดกันหมดแล้วเพราะพวกมันกลัวว่าจะถูกทุบตีอีก

“ถัง……….พี่ถัง, นี้คือของมีค่าทั้งหมดที่ติดตัวพวกเรามา ถ้ามันยังไม่พอ เราจะหามาให้พี่เพิ่มอีก ”

ในขณะที่ถังซิ่วกำลังคิดว่าจะจัดการยังไงกับซูชางเหวินดีที่มันไม่ทำให้แม่ของเขารู้สึกเศร้านั้น ก็ได้มีเสียงโอดครวญเบาๆถูกส่งออกมา

เมื่อได้ยินเสียงเรียกของบั่นโฉวนั้นถังซิ่วก็ได้หันมามองไปที่พวกเขาที่กำลังคุกเข่ายอมรับการลงโทษจากเขา

ใบมือของบั่นโฉวกำลังกุมเงินสด เครื่องประดับและบัตรเงินสดไว้

มองเงินสดอย่างคร่าวๆนั้นก็ประมาณ 50,000 – 60,000 ส่วนเครื่องประดับนั้นเขาไม่ได้รู้สึกสนใจมันเลยทว่าเมื่อเห็นบัตรเงินสดนั้นทำให้ตาเขาลุกวาวขึ้นทันที

ถังซิ่วได้กวาดสายตามองไปที่คนรอบๆสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่เฮ่ยซาน

“แกคิดว่าชดเชยแค่นี้จะพอเหรอ ? ”

ถังซิ่วไม่ได้แตะต้องสิ่งของพวกนั้นแม้แต่น้อยทว่ากลับมองไปทางพวกเขาอย่างยั่วยุ

คำพูดไม่กี่คำของถังซิ่วถึงกับทำให้เฮ่ยซานเศร้าใจเป็นอย่างมากพร้อมกับนึกเสียใจที่ต้องมาลงเอ๋ยแบบนี้

เมื่อมองไปที่ร้านอาหารที่ถูกทุบเละจนจำไม่ได้แล้วเฮ่ยซานรู้ทันทีว่าเงินแค่นี้มันไม่พอสำหรับค่าเสียหาย

“หลังจากนี้สามวัน, ข้าหวังว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของร้านอาหารนี้อย่างน่าตกตะลึง ไม่อย่างนั้นพวกแกเจอดีแน่ !!! ”

ถังซิ่ว พูดพลางหันไปหาพวกเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากนั้นเขาก็พยุงแม่ออกนอกร้านไป

ตอนนี้ร้านอาหารสกปรกเป็นอย่างมากแถมส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วทุกพื้นที่ดังนั้นการที่เขาต้องทนอยู่ในนี้ถึงครึ่งวันก็เกินทนแล้วถึงเลือกที่จะกลับไปดีกว่า

หลังจากที่ถังซิ่ว ไปได้ซักพักหนึ่งเฮ่ยซานและคนอื่นๆก็ได้สติกลับมา

“ปีศาจนั่นไปแล้วหรอ ? ”

“คงจะไปแล้วแหละ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันกำลังจะไม่ไหวแล้ว ”

“ไปก็ดีแล้วหละ…..ดีแล้ว…ดีแล้วไอ้ปีศาจนั่นมันน่ากลัวเกินไปแล้ว,หลังจากนี้ฉันไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับมันอีกแล้ว ”

หลังจากที่ยืนยันว่าถังซิ่วได้จากไปแล้วเฮ่ยซานและคนอื่นๆรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเป็นอย่างมากก่อนจะลงไปนั่งยิ้มที่พื้นสกปรกๆ

“บั่นโฉว , พวกแกมะกี้นี้คิดจะหักหลังฉันจริงๆงั้นเหรอ ? ”

หลังจากนั่งพักได้ครู่หนึ่งเฮ่ยซานก็เอ๋ยปากถามลูกน้องคนอื่นๆ

หลังจากที่บั่นโฉว ด้ยินคำพูดของเฮ่ยซานแล้วเขาเงียบไปซักพักก่อนที่จะหันมองกลับไปที่เฮ่ยซาน อย่างแน่วแน่และกล่าวว่า

“พี่ใหญ่เฮ่ยซาน, พี่คุมที่นี้มา 20 กว่าปีแล้ว มันถึงเวลาที่พี่ต้องสละตำแหน่งแล้วหละ ”

“แก!…….”

เฮ่ยซานไม่คิดเลยว่าบั่นโฉวที่มีถังซิ่ว หนุนหลังนั้นจะกล้าพูดกับตัวเองแบบนี้ ,คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันและอยากจะตะโกนด่าบั่น โฉวด้วยถ้อยคำต่างๆนาๆ แต่พอมองดูรอบๆแล้วเหมือนมันจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยซักเท่าไหร่

เพราะนอกจากบั่นโฉวแล้วอันธพาลที่เหลืออีกห้าคนก็ได้ยืนขึ้นพร้อมจ้องมองมาที่เขา

“พี่ใหญ่เฮ่ยซาน, ขอบคุณที่พี่ดูแลและให้อาหารเรากินก่อนหน้านี้แต่เราก็ได้ทำหลายๆสิ่งเพื่อตอบแทนสำหรับน้ำใจนั้นไปแล้ว แต่พวกเรานั้นไม่อยากอยู่ร่วมกับพี่อีกแล้วเพราะพี่มันโหดร้ายทารุณและยังเห็นแก่ตัวอีกด้วย ”

ในระหว่างที่เฮ่ยซานยังคงตกตะลึงอยู่นั้นบั่นโฉวก็ได้พูดอย่างช้าๆ

“หลังจากวันนี้ ฉันหวังว่าจะไม่เห็นหน้าพี่ในบริเวณนี้อีก”

หลังจากที่บั่นโฉวพูดจบก็ได้หันหลังและเดินจากไปโดยทิ้งเฮ่ยซานเอาไว้ในร้านอาหาร

“พี่ใหญ่เฮ่ยซาน , พี่จะเกลียดเราเรื่องที่เราทรยศไม่ได้นะ , ถ้าพี่อยากจะโทษใคร พี่ก็ควรที่จะโทษในความเห็นแก่ตัวของตัวเอง”

“พี่ใหญ่เฮ่ยซาน ,พี่อย่าหวังเลยว่าจะชิงตำแหน่งคืนได้ , ในสองปีมานี้พี่เอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของตัวเองไม่เคยทำอะไรเลยแต่ใช้งานพวกเราเยี่ยงทาส ตอนนี้พี่ชายบั่นโฉวได้รับการยอมรับจากพวกเราทั้งหมดแล้ว ”

“พี่ใหญ่เฮ่ยซาน , เอาตรงๆนะ จริงๆแล้วก่อนหน้านี้เราคิดว่าจะจัดการพี่ด้วยซ้ำแต่ มีแค่พี่ใหญ่บั่นโฉวเท่านั้นที่ยังมีความเป็นมนุษยธรรมอยู่ถึงได้ไม่อยากลงมือกับพี่,ในสองปีมานี้แค่พวกเราแกล้งทำเป็นอยู่ข้างพี่เท่านั้น ฉันไม่รู้จะบอกว่าพี่โง่หรือเพราะพวกเราแสดงกันเก่งเกินไปดี ”

…….

ถ้าเกิดจะให้เฮ่ยซานพูดว่าคนที่ทำร้ายทางรางกายเขาคือถังซิ่ว ก็คงจะบอกได้ว่าการกระทำของบั่นโฉวนั้นเป็นการทำร้ายเขาทางจิตใจ

ในตอนนี้เพื่อนที่ไว้ใจของเขาอย่างบั่นโฉวและอันธพาลคนอื่นๆนั้นได้ออกไปหมดแล้วเหลือไว้เพียงเขากับอันธพาลที่ไว้ใจอยู่หนึ่งคน ทำให้เขาได้แต่นั่งเหม่อลอยเหมือนวิญญาณได้หลุดออกไปจากร่างไปแล้ว