“ นี่แกกล้าพูดเรื่องค่าชดเชยกับฉัน ?, นี่แกแน่ใจนะว่าสมองของตัวเองไม่ได้มีปัญหา? ”

แม้ว่าจะตกใจในพลังด้านการต่อสู้ของถังซิ่วแต่เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกกลัวถังซิ่วเลย,นัยน์ตาของเขาปรากฏประกายแห่งความดุร้ายออกมาและบนใบหน้ายังแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มที่กำลังขบคิดอะไรอยู่

แม้ว่าถังซิ่วจะแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ที่ชาญฉลาดและประสบการณ์ในการต่อสู้ที่ดีและเพราะเฮ่ยซานนั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดาจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ามันเป็นเพราอะไร เขาถึงได้มองว่าถังซิ่วเป็นแค่เด็กเลือดร้อนที่ชอบใช้กำลัง

“ฉันได้ทำลายร้านอาหารของแกก็จริงแต่แกก็ได้ทำร้ายคนของฉัน, ไหนแกลองบอกมาสิว่าร้านอาหารกับคนของฉันอันไหนมันมีค่ามากกว่ากัน ? ”

เฮ่ยซานได้ก้าวเข้าไปหาถังซิ่วอย่างช้าๆและพูดด้วยเสียงโทนต่ำ

“พี่ใหญ่เฮ่ยซาน,เด็กมันไม่รู้สาอะไร ,พวกเราขอโทษที่ทำร้ายคนของพี่ ,ได้โปรดอย่าถือสาเอาความกับลูกชายของฉันเลย ”

เมื่อเห็นท่าทางที่ดุร้ายของเฮ่ยซานแล้วหัวใจของซูหลิงหยุนได้เต้นอย่างรุนแรงและรีบดึงถังซิ่วเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังตนเองเพื่อปกป้องดั่งนกอินทรีที่กำลังปกป้องลูกไก่

“ไร้เดียงสา ? ”

เฮ่ยซานได้ยื่นมือไปที่ซูหลิงหยุนเพื่อที่จะผลักเธอออกไป

ยังไม่ทันที่มือของเฮ่ยซานจะสัมผัสโดนซูหลิงหยุนแต่ ถังซิ่วได้โอบแม่เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองพลางพูดว่า

“แม่ครับ, ไม่เป็นไร,ที่นี่ให้ผมจัดการเอง ”

ในขณะที่ถังซิ่วกำลังพูดอยู่นั้นมือของเขาก็ได้กดไปที่จุดตรงข้อมือของซูหลิงหยุน

การทำงานของจุดที่เขากดลงไปนั้นมีอยู่ว่า มันจะทำให้อีกฝ่ายหลับโดยไม่รู้ตัว, ตลอดหนึ่งเดือนที่ถูกเฮ่ยซาน และพวกมันกดดันทำให้แม่ของเขาไม่เคยที่จะข่มตาหลับได้อย่างสบายใจ,ด้วยกดจุดของถังซิ่วนั้นทำให้เธอหลับลงอย่างไม่อาจต้านทานได้เลย

หลังจากที่ซูหลิงหยุนหลับไปแล้วคิ้วที่ขมวดอยู่ของเธอก็คลายออกจากกัน ,นอกจากนั้นแล้วใบหน้ายังแสดงออกถึงรอยยิ้มที่หลับอย่างสบาย

“ แก……. แก…….. ”

เมื่อได้เห็นการกดจุดของถังซิ่วแล้วดวงตาและปากของเฮ่ยซาน ได้เบิกกว้างและจ้องมองอย่างสงสัย

การกดจุดของถังซิ่วนั้นสร้างความสะเทือนใจต่อเขาเป็นอย่างมาก มันมากเสียกว่าตอนที่เขานั้นล้มอันธพาล 5 – 6 คนก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ

ต้องเข้าใจว่าซูหลิงหยุนนั้นเป็นคนที่ตื่นตัวและขี้กังวลเป็นอย่างมาก, ต่อให้เธอตกอยู่ในสภาวะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เธอหลับลง แถมตอนนี้ยังมีชาย 5 – 6 คนที่นอนส่งเสียงโอดครวญอยู่ที่พื้นห้อง

แต่ถังซิ่วกลับใช่เวลาแค่ 1 นาทีทำให้เธอหลับลงได้ ความสามารถนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไปทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเฮ่ยซานจางหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่หวาดผวา

“ตอนนี้แม่ของฉันได้หลับไปแล้วดังนั้นเราควรจะหารือเกี่ยวกับเรื่องค่าชดเชยดีไหม ? ,นายคิดว่าเราควรจะเอายังไงกับเรื่องค่าชดเชยนี้ดีหละ ? ”

ถังซิ่วไม่ได้สนใจการแสดงออกของเฮ่ยซานแม้แต่น้อยพลางถามออกไปด้วยอารมณ์ที่ราบเรียบ

“แกจะเอายังไงหละ ? ”

เฮ่ยซานนั้นกลัวกว่าจู่ๆอีกฝ่ายก็อาจจะทำให้ตัวเองนอนหลับไป เขาคิดว่าถ้ายังคงทำให้ถังซิ่วเสียเงินต่อไปมันก็ไม่มีความหมายแล้วถึงได้ตัดสินใจในหัวใจของเขาแล้วนั่นก็คือการประนีประนอม

“ จะแกปัญหายังไงนั้นมันแล้วแต่นาย , แต่ถ้านายแสดงความจริงใจออกมาไม่พอฉันจะสร้างความทรงจำที่แสนจะยาวนานให้กับแกเอง ”

ถังซิ่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดุร้าย

“แก……!!”

เฮ่ยซานไม่คิดมาก่อนเลยว่าถัง ซิ่วจะแสดงท่าทางที่ดุร้ายเช่นนี้ , ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางการออกคำสั่งของถังซิ่วมันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เอาซะเลย

เมื่อจ้องมองที่ถังซิ่วอยู่พักหนึ่งแล้วเขาก็ได้แสดงรอยยิ้มและปะทุความโกรธขึ้นออกมาพลางชี้ไปที่ถังซิ่วพร้อมกล่าวว่า

“ไอ้หนู ,ฉันผ่านประสบการณ์มามากมายอย่าคิดว่ามีความสามารถด้านการต่อสู้นิดหน่อยแล้วจะมาอวดเก่งได้, ฉันเฮ่ยซานคนนี้อยู่ที่เมืองเจียงฮู (Jianghu) ตั้งแต่ตอนที่แกยังไม่ออกจากท้องแม่มาด้วยซ้ำ ”

“ตอนแรกฉันก็ว่าจะจัดการเรื่องรุงรังพวกนี้ด้วยสันติกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง, จะได้สร้างสัมพันธ์กันแต่ในเมื่อแกไม่ฉลาดเองก็อย่ามาโทษว่าฉันโหดร้ายและเลือดเย็นแล้วกัน ”

ระหว่างที่เฮ่ยซานพูดก็ได้ชักมีดผีเสื้อขึ้นมาด้วยนัยน์ตาที่เผยให้เห็นรังสีแห่งการฆ่าฟัน

มีดผีเสื้อกำลังร่ายรำบนฝ่ามือของเฮ่ยซานขณะทองมองออกไปทางถังซิ่วด้วยสายตาที่สมเพช

มีดผีเสื้อนั้นหากไม่ได้เผชิญกับพวกที่มีวิทยายุทธ์ก็ไม่ถือว่าเป็นอาวุธร้ายแรง

แต่ยังไงก็ตามเฮ่ยซานนั้นชอบมีดผีเสื้อเป็นอย่างมากเพราะมันน่าหลงใหลเวลาที่กวัดแกว่งมัน, กว่า20ปีที่เขาพยายามฝึกฝนการใช้อย่างหนักถึงขนาดที่สั่งมีดผีเสื้อมาเก็บไว้มากมาย

หลังจากผ่านไป 20 ปี เทคนิคการใช้มีดผีเสื้อในมือเขาก็กลายเป็นอาวุธร้ายแรง

ภายใต้ท่าแทงที่ดุร้ายของเขาทำให้ถังซิ่วต้องถอยไปที่ละก้าว, ทีละก้าว

พื้นที่ในห้องครัวนั้นแคบเป็นอย่างมาก, หลังจากที่ถังซิ่วถอยไปได้หกก้าวแล้วหลังของเขาก็ติดกำแพงซะแล้วส่งผลให้เขาไม่มีทางให้หนีอีกต่อไป

“ไอ้หนู , ฉันว่าสมองแกคงไม่ได้มีปัญหาอย่างที่เขาลือกันหรอกใช่ไหม ? , ถ้าแกเกลี่ยกล่อมให้แม่ของแกมาเป็นผู้หญิงของฉันได้ต่อจากนี้ฉันจะปกป้องแกสองแม่ลูก ”
หลังจากที่เห็นถังซิ่วตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแล้วบนใบหน้าของเฮ่ยซานก็เผยให้เห็นความดุร้ายก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเขา

“หลังจากที่แกพูดคำเหล่านี้แล้วก็ไม่มีใครสามารถช่วยชีวิตแกได้อีกต่อไปแล้ว ! ”

ถังซิ่วถอนหายใจออกมาและเหวี่ยงลูกบลัดเจอร์ที่ตกอยู่ที่พื้นไปที่เฮ่ยซานโดยทันที

หลังจากที่เฮ่ยซานเห็นเช่นนั้นแล้วเขาถึงรีบเก็บมีดลงและยกเอาลูกน้องที่อยู่ตรงพื้นมาเป็นโล่กำบัง

เฮ่ยซานคิดว่าลูกน้องจะสามารถหลบลูกบลัดเจอร์ที่เหวี่ยงมาได้แต่เขาคิดผิด

เขารับรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่สามารถหลบความเร็วของลูกบลัดเจอร์นั้นได้

เพราะว่าสายไปแล้ว ทำให้เขาได้รับความเสียหายร้ายแรงจากแรงกระแทกนั้น

ลูกบลัดเจอร์อัดไปตรงลำตัวของเขาทำให้เขาลอยเคว้งไปในอากาศ

ได้ยินแค่เสียง “แกร๊บ!!” ดังขึ้นขณะที่มือทั้งสองข้างของเขาส่งเสียงกระดูกแตกหักออกมา

ยังไม่จบแค่นั้นเพราะหลังจากที่ลูกบลัดเจอร์อัดตัวเขาลอยขึ้นแล้วยังได้ยินเสียง “โครม !!” เพราะว่าตัวเขาลอยไปอัดกำแพงซ้ำอีกทีและลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น

หลังจากนั้นลูกน้องคนที่ถูกเอามาเป็นโล่ก็ได้หมดสติไป

“พวกแกลุกขึ้นไปปลุกไอ้สองคนนั้นขึ้นมาซะ ,ถ้ายืนไม่ไหวก็ไม่ต้องยืนอีกต่อไปแล้ว!! ”

ถังซิ่วตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงดุร้ายหลังจากที่เขาอัดเฮ่ยซานกระเด็นไปจึงหันไปหาพวกอันธพาล 5 คนที่นอนกองอยู่ตรงพื้น

หลังจากได้ยินคำพูดของถังซิ่วแล้วพวกอันธพาลทั้ง 5 คนก็รีบตะเกียกตะกายกันลุกขึ้น

แต่พวกอันธพาล 5 คนเหล่านั้นไม่ได้ทำตามคำสั่งของถังซิ่วแต่อย่างใดแต่กลับวิ่งออกไปที่ทางออกของห้องครัวโดยทันทีเพื่อพยายามที่จะหนีไปจากนรกแห่งนี้

“ฮึ้ม …… คิดจะไป , ถามความคิดเห็นฉันหรือยัง ? ”

ถังซิ่วพูดโดยทันควันพร้อมมือที่หยิบตะเกียบขึ้นมา 5 ด้ามและซัดอัดไปที่ข้อพับของอันธพาลทั้ง 5 คน,ทำให้พวกเขาลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงเช่นเดิม

เป็นผู้ครอบครองโลกอมตะอยู่หลายพันปีทำให้เขาเคยชินกับการออกคำสั่งอยู่แล้วแม้ตอนนี้จะกลับมาอยู่ที่โลกถึงแม้การเพาะปลูกของเค้าจะเริ่มขึ้นเพียงแค่เดือนเดียวแต่ความก้าวร้าวในกระดูกของเขาได้ลดลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น,ถ้าเป็นที่โลกอมตะเขาก็คงจะฆ่าไม่ให้เหลือซากแล้ว

“ถ้าพวกแกยังกรีดร้องครวญครางตะเกือบพวกนี้จะไม่ได้อัดไปที่ข้อพับขาพวกแกอีกแล้วแต่มันจะเจาะทุลุสมองของพวกแก , อยากลองกันไหม !!!! “

ถังซิ่วพูดออกมาอย่างไม่แยแสเสียงกรีดร้องของพวกเขาแม้แต่น้อย

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วแล้วเสียงกรีดร้องครวญครางในห้องลงก็เงียบสงบลงทันที

ต้องรู้ว่าคนพวกนี้นั้นกลัวการนองเลือดเป็นอย่างมาก , เหตุผลที่พวกเขากล้ามาก่อกวนร้านอาหารพวกนี้เป็นเพราะว่าเบื้องหลังนั้นมีแค่ผู้หญิงที่ไม่มีกำลังพอแม้แต่จะจับไก่และเด็กมัธยมที่สมองเน่าเป็นผักอยู่อีกคน

พวกเขาทั้ง 5 ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าจะถูกอัดเละแบบนี้จนฟันหน้ายังไม่เหลือด้วยซ้ำไป

เมื่อมองไปที่แววตาที่ดุร้ายของถังซิ่วแล้วพวกอันธพาลทั้ง 5คนก็ได้อดทนกับความเจ็บปวดของตัวเองเดินไปที่เฮ่ยซานและอีกคนที่นอนอยู่ก่อนที่จะเอาน้ำเย็นราดให้พวกเขาตื่นขึ้นมา

ภายใต้ความเย็นของน้ำ, เฮ่ยซานและอันธพาลอีกคนก็ได้สติคืนกลับมา

“พวกแกร่วมมือกันฆ่าไอ้เด็กเวรนี่ด้วยกัน ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง !!!!”

เฮ่ยซานที่พึ่งจะลืมตาตื่นขึ้นมาได้ส่งเสียงตะโกน

คำพูดของเขาได้เงียบลงไปหลังจากที่ได้ยินเสียง “ ซี้ ” บนใบหน้าที่รู้สึกร้อนผ่าวของเขา

ในตอนนี้นั้นเองที่เขารู้สึกว่าในปากมีของเหลวเค็มๆอยู่ส่วนตรงกลางปนไปด้วยเส้นบะหมี่

หลังจากนั้นเขาได้เอามือมาลูบที่ปากของตัวเองก็ค้นพบว่าฟันของเขาไม่มีเหลือแล้วพร้อมกับเลือดที่กำลังไหล

ตอนนี้นั้นเองที่เขารู้ว่าเขาพึ่งจะโดนอัดมางั้นเหรอ ??

ไม่มีกำลังพอที่จะทำอะไรได้เลยงั้นหรอ ??

เมื่อมองกลับไปที่ใบหน้ายั่วยุของถังซิ่วแล้วภายในตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ