…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หวูฉานขวิงนั้นจ้องมองอย่างงงงวยก่อนที่ท่าทางของของจะเปลี่ยนไปเป็นเหมือนกำลังพบกับหายนะอย่างรวดเร็ว

เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่ามันจะออกมาเป็นอย่างนี้ ต้องรู้ก่อนว่าบริษัทของเขานั้นได้คุยเรื่องการร่วมมือกับบริษัทถังผู้สูงส่งมานานแล้วและถึงแม้ว่าคังเซี่ยนจะเป็นคนมาติดต่อแต่ผลประโยชน์ที่เขาจะได้นั้นถือว่าใหญ่หลวงเป็นอย่างมาก

หากว่า………

หากว่าข้อตกลงนี้ถูกยกเลิก ตำแหน่งรองหัวหน้าของเขาจะต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน

เมื่อคิดถึงตอนนี้หน้าผากของเขาก็ได้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อก่อนที่หน้าของเขาจะแดงก่ำแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็วว่า

“มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกับเท่านั้น จริงๆแล้วผมแค่หยอกล้อสาวน้อยคนนี้เท่านั้น หัวหน้าคังคุณเป็นถึงผู้ใหญ่ที่ใจกว้างคงจะไม่ลดตัวลงมาระดับเดียวกับผมหรอกใช่ไหม ผมขอรับรองเลยว่าการร่วมมือของเรานั้นจะเป็นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอนและหลังจากกลับไปผมจะไปพูดคุยกับผู้จัดการให้เพิ่มผลกำไรให้กับพวกคุณ”

ถังซิ่วเงยหน้ามองไปที่คังเซี่ยนพร้อมพูดออกมาว่า

“หากว่าเราก่อตั้งตัวแทนขึ้น มันจะทำให้กำไรของเรามีมากขึ้นงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“เพิ่มขึ้นเยอะมาก ! และยิ่งไปกว่านั้นคือจะใช้เวลาที่น้อยมากๆ มันสามารถแพร่กระจายไปได้ในแต่ละร้านค้า”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“เกี่ยวกับธุรกิจด้านความงามนั้นมันจะต้องเดินบนเส้นทางของสินค้าชั้นนำ อย่างแรกคือต้องเป็นที่รู้จักกันไปทั่วและถึงก่อตั้งตัวแทน ! จำไว้ว่าเราจะต้องมีสิทธิในการจัดการทุกอย่างของสิ้นค้าของเรา”

ท่าทางของคังเซี่ยนนั้นเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ได้ ! หลังจากที่ฉันกลับไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงแผนการทั้งหมดทันทีและทำตามความต้องการของคุณ อย่างไรก็ตาม เงินทุนสำหรับเฟสแรก…..”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ให้เวลาฉันสักหนึ่งเดือนแล้วฉันจะจัดหาเงินทุนมาให้เธออย่างแน่นอน ”

คังเซี่ยนได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“หากว่ามีเงินมากพอฉันก็จะสามารถทำให้สินค้าของเรานั้นผลิตได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า

“จำไว้ว่าเราจะไม่มีทางขายสินค้าแบบโหลแต่เราจะเดินบนเส้นทางสิ้นค้าชั้นนำ หากว่าสินค้าของเราดีจริงก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของการขายเลยแม้แต่น้อย”

“รับทราบ !”

คังเซี่ยนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หวูฉานขวินนั้นรู้สึกงงงวยกับความสัมพันธุ์ของถังซิ่วและคังเซี่ยนเป็นอย่างมาก ในหัวสมองของเขาตอนนี้นั้นยุ่งเหยิงไปหมดเพราะฉากที่เขากำลังเห็นอยู่นั้นคือคังเซี่ยนผู้โด่งดังกำลังรับฟังคำสั่งของผู้อื่นเหมือนกับว่าเธอเป็นพนักงานที่ฟังคำสั่งของบอสก็ว่าได้

เขาเป็นใครกัน ?

ทำไมถึงสามารถออกคำสั่งกับเธอได้ ?

อย่าบอกนะว่า…….

ในสมองของหวูฉานขวินกำลังปฏิเสธความคิดเหล่านั้น เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคังเซี่ยนผู้โด่งดังจะมาทำงานให้เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะอายุประมาณ20ปีเท่านั้นและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเด็กหนุ่มคนนี้คือผู้ออกทุนทั้งหมดของบริษัท

“คุณคือ…….”

หวูฉานขวินได้ถามออกมาเพื่อไขข้อสงสัยภายในจิตใจของเขา

แอนดี้ที่ดูเหมือนเทพธิดาแม้ปากจะเหมือนสุนัขนั้น ก็ได้มองไปที่หวูฉานขวินด้วยสายตาที่ดุร้ายพร้อมพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“ไม่คิดเลยว่าจะโง่ถึงขนาดนี้ อ๊า ! ดีแล้วที่บริษัทของเราไม่ได้ร่วมทุนกับของนาย คนที่มีสมองเท่าเม็ดถั่วเขียวก็ยังไม่เห็นท่าทางที่หัวหน้าคังแสดงต่อเขาอย่างงั้นหรอ? แล้วนี่ยังกล้าถาม ? น่าสมเพศซะจริงๆ ”

“เถื่อน !”

ฮวงซูเองก็ได้ยกนิ้วขึ้นมาชื่นชมแอนดี้ เขารู้สึกดีใจที่เห็นคนอื่นตกที่นั่งลำบากเป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ที่เขาถูกแอนดี้ดูถูกนั้นเขารู้สึกเหมือนว่าหัวใจของเขากำลังถูกฉีกเป็นชิ้นๆและโกรธอย่างบ้าคลั่งแต่ตอนที่ได้เห็นเธอกำลังสร้างความอับอายให้คนอื่นนั้นทำให้เขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากเหมือนว่าเขาได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปแล้ว

ผิวของหวูฉานขวินนั้นซีดเผือดเหมือนกระดาษ เขามองไปที่ถังซิ่วด้วยความไม่อยากจะเชื่อก่อนที่จะมองไปที่คังเซี่ยน เขาได้พยายามบีบเอารอยยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดว่า

“หัวหน้าคัง พี่……..พี่ชายคนนี้ ก่อนหน้านี้ฉันเองที่เป็นฝ่ายผิด ฉันขอสัญญาว่ามันจะไม่มีครั้งหน้าอย่างแน่นอน ! ความร่วมมือของบริษัทเรานั้นสามารถพูดคุยกันอีกครั้งได้ไหม”

“ไสหัวออกไปให้พ้นๆสักทีได้ไหม !”

ถังซิ่วที่ได้เห็นท่าทางเหินเกริมของหวูฉานขวินก่อนหน้านี้นั้น เขาไม่มีความสนใจที่จะฟังคำแก้ตัวแม้แต่น้อย

คังเซี่ยนเองก็ได้พูดออกมาว่า

“รองหัวหน้าหวู สิ่งที่ฉันพูดไปคุณก็น่าจะเข้าใจแล้ว คุณไปได้แล้ว ! อย่าทำให้บริษัทของคุณต้องขายหน้า”

ริมฝีปากของหวูฉานขวิงกระตุกเล็กน้อย เขารู้แล้วว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วก่อนที่เขาจะมองไปที่ถังซิ่วและคังเซี่ยนด้วยความโกรธพร้อมตะโกนว่า

“ก็ดี ทำเรื่องของพวกเธอไปเองแล้วกัน ฉันหวังว่าเมื่อถึงเวลาแล้วพวกเธอจะไม่เสียใจ!!”

ฮวงซูที่ได้ยืนอยู่ข้างๆนั้นได้ยกมือขึ้นมาพร้อมตบไปที่เขาและพูดออกมาว่า

“เชื่อไหมว่าพ่อแกคนนี้จะตบแกอีกรอบ ? พี่ชายถังบอกให้แกไสหัวไป แกรีบย้ายก้นของแกออกไปได้แล้ว !!!”

หวูฉานขวิงเองก็เดินคอตกออกไป

ถังซิ่วนั้นได้พูดออกมาเบาๆว่า

“คังเซี่ยน เรื่องของที่นี่นั้นให้เธอเป็นคนจัดการแล้วกัน ฉันยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำเพราะงั้นขอตัว เธอไปส่งแอนดี้ด้วยแล้วกันเพราะก่อนหน้านี้เธอดื่มมามากแล้ว ”

คังเซี่ยนที่ได้รับคำสัญญาเรื่องเงินทุนจากถังซิ่วก่อนหน้านี้นั้นก็ได้พูดออกมาอย่างมีความสุขว่า

“บอส คุณต้องการให้ฉันไปส่งคุณหรือเปล่า ? ที่ฉันยังคงอยู่ที่นี่ก็เป็นแค่มารยาทเพื่อรอเจ้าของงานเท่านั้น ตอนนี้บริษัทของเรานั้นจนมากและคงเข้าร่วมงานประมูลไม่ได้เพราะฉะนั้นอยู่ที่นี่ไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“ถ้าเธอกลับไปจะไม่มีปัญหาแน่นะ ?”

“ไม่มีแน่นอน”

คังเซี่ยนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถังซิ่วก็ได้พูดต่อว่า

“ในเมื่อไม่เป็นไรก็ต้องขอช่วยให้เธอไปส่งฉันหน่อยแล้วกัน ! ในกรณีนี้คือเธอได้กลับไปก่อนและสามารถมีเวลาพักผ่อนได้มากขึ้น”

ในเวลานี้ถังซิ่ว หลงเจิ้งหยู ฮวงซูและเฟย์ฉานนั้นได้บอกลากันและกันพร้อมกับแยกย้ายกันไป

ที่ห้องโถงของงาน

ฮวงซูที่ยังอยู่ในงานนั้นก็ได้มองไปที่ถังซิ่วที่กำลังเดินออกไปกับสองสาวได้พูดออมาว่า

“โชคเรื่องผู้หญิงของถังซิ่วนั่นดีเป็นบ้าเลย ! คังเซี่ยนที่ดูดีนั้นยังสามารถเทียบได้กับผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมืองหลวงด้วยซ้ำ แอนดี้ที่เป็นเหมือนเทพธิดาโลลิหน้ามัธยมนมมหาลัยคนนั้นเองก็เป็นผู้หญิงชั้นยอดจริงๆ จริงๆแล้วเปลือกนอกอาจจะเห็นว่าเธอไปส่งถังซิ่วที่บ้านแต่จริงๆแล้วคือกลับไป……กันบนเตียงต่างหาก”

หลงเจิ้งหยูพูดออกมาขณะที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“นายน้อยฮวง ทำไมคำพูดที่ออกมาจากปากนายถึงได้เปลี่ยนไปไวขนาดนั้นหละ ? ถังซิ่วนั่นไม่ใช่คนบ้ากามแบบนายเสียหน่อย”

เฟย์ฉานเองก็ได้ส่ายหัวพร้อมพูดออกมาว่า

“นายน้องหลง นายพูดอย่างนั้นก็อาจจะไม่ถูกนะ อย่าบอกนะว่านายไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่านักรบมักแพ้ให้กับหญิงงาม คังเซี่ยนและแอนดี้เองก็เป็นสุดยอดในหมู่ของผู้หญิงและเป็นหนึ่งในพันคนเท่านั้น แม้ว่าการควบคุมอารมณ์ของเขาจะดีแต่เขาจะสามารถต้านทานการยั่วยวนได้งั้นหรอ ? ”

“นายนี้มันลามกจริงๆเลย ! ”

หลงเจิ้งหยูพูดกระแทกเขาทันที

อย่างไรก็ตามเขานั้นก็รู้สึกชื่นชมถังซิ่วเป็นอย่างมาก เขานั้นเป็นคนที่ฉลาดที่สามารถมองคนออกได้เป็นอย่างดี เขารับรู้ได้ว่าคังเซี่ยนและแอนดี้นั้นมีความรู้สึกโปรดปรานที่ดีต่อถังซิ่วและหากว่าความรู้สึกเหล่านั้นสะสมกันเรื่อยๆก็จะเปลี่ยนเป็นความรักใคร่ที่ไม่สามารถถอนตัวออกมาได้อย่างแน่นอน

เข้าวันรุ่งขึ้น

คังเซี่ยนได้ส่งคนไปรับเหล่าครูฝึกแม่บ้านที่สนามบินพร้อมกับส่งพวกเขาไปที่วิลล่าของถังซิ่ว

ครูฝึกทั้งสี่จากอังกฤษเหล่านี้นั้นมีชื่อเสียงในแวดวงแม่บ้านเป็นอย่างมาก

ถังซิ่วนั้นได้ใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะจ้างพวกเขามาสอนมู่ขวินปิง ส่วนเรื่องที่ว่าเธอจะซึมซับได้แค่ไหนนั้นก็อยู่ที่ตัวของเธอเอง

ในช่วงเย็น

ถังซิ่วได้นั่งรถไฟความเร็วสูงไปที่จังหวัดดงหยวนและมันใช้เวลาเพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้นก่อนที่เขาจะถึงที่นั่นในเวลาสี่ทุ่ม หลังจากนั้นเขาก็ได้มุ่งตรงไปที่ชางเบ่ยทันที ถังซิ่วนั้นตั้งใจว่าจะเรียกแท๊กซี่ที่หน้าสถานีรถไฟแต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจนั้นคือถึงแม้ว่าที่แห่งนี้จะมีแท๊คซี่เป็นจำนวนมากแต่เมื่อเขาหยิบที่อยู่ของสันเขาให้พวกเขาก็ได้รับการปฏิเสธโดยทันที

“ทำไมถึงไม่ไป ? ”

ถังซิ่วอดไม่ได้ที่จะถามพี่สาวที่เป็นคนขับออกมา

พี่สาวคนนั้นได้ฝืนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า

“น้องชาย ไม่ใช่ว่าเรานั้นไม่อยากจะไปนะแต่จากที่นี่ไปที่เมืองภูเขาบลูนั้นถือว่าหางไกลกันมากและตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ดึกแล้ว ที่นั่นเป็นที่ที่น่ากลัวเป็นอย่างมากและต่อให้แขกเป็นคนที่ดีที่ไหนแต่หากว่าต้องเจอกับพวกเด็กแว๊นแล้วละก็ ! จบไม่เคยสวยทุกราย”

“เด็กแว๊น”

ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยความสงสัยภายในใจว่า

“จากที่นี่ไปถึงที่เมืองภูเขาบลูนั้นจะต้องเจอเด็กแว๊น? ไม่ใช่ว่าสังคมมันก็มีกฎหมายงั้นหรอ ? อย่าบอกนะว่าตำรวจไม่ได้เข้ามาดูแล ? ”

พี่สาวคนขับรถได้ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า

“ดูแล ? จะทำได้อย่างไรกัน ? พวกเด็กแว๊นเหล่านี้นั้นเปรียบได้ดั่งพวกหนู พวกเขานั้นคุ้นเคยกับเส้นทางแถบนั้นเป็นอย่างมาก ต่อให้ตำรวจจะวางกำลังดักพวกเขาก็ยากที่จะจับได้เพราะหากว่าพวกเขารู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องก็จะหากันแตกฝูงไปทางป่า มันยากมากที่ตำรวจจะจัดการกับพวกเขา”

ทันใดนั้น ผู้หญิงคนขับรถเองก็ได้มองไปรอบๆแล้วพบว่าไม่มีใครสนใจจะฟังเธอก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆว่า

“น้องชาย ฉันขอเตือนให้เธอพักที่เมืองนี้ก่อนที่จะไปที่เมืองภูเขาบลูในวันพรุ่งนี้ พวกเด็กแว๊นและอันธพาลที่ปล้นตามทางเหล่านี้นั้นป่าเถื่อนเป็นอย่างมากและได้ยินมาว่าพวกเขาเองก็ได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจเช่นกัน หากว่าเธอต้องเจอพวกเขาแล้วละก็ มันถือว่าเป็นโชคร้ายของเธอเชียวหละ ”

ถังซิ่วได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ช่วยพาผมไปส่งที่โรงแรมเมืองชางเบ่ยหน่อย ! ขอที่ที่มันดีๆหน่อยนะ”

เมื่อแท๊คซี่ได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้นก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“ดี น้องชาย ฉันจะไปส่งเธอที่โรงแรม5ดาวของเมืองนี้ อ่อใช่ พรุ่งนี้เช้าเธอต้องการให้ฉันไปส่งที่เมืองภูเขาบลูไหม ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“มีบริการแบบนี้ด้วย ?”

ผู้หญิงคนนั้นก็ได้ตอบกลับว่า

“รายได้ของแท๊คซี่ถูกกฏหมายที่เมืองนี้นั้นเทียบไม่ได้กับพวกที่ผิดกฎหมายหรอก ดังนั้นการที่จะยังทำงานอยู่ได้นั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีกลยุทธ์เป็นของตัวเอง”

ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ก็ดี งั้นพรุ่งนี้พี่สาวมารับผมแล้วกัน”