ลมปราณที่เต็มเปี่ยมในร่างกายและความแข็งแกร่งของจางลั่วเฉินในตอนนี้ การที่จะทะลวงชีพจรเส้นที่เจ็ด เส้นที่แปด เส้นที่เก้า เส้นที่สิบ นั้นแน่นอนว่าเป็นเค่เรื่องง่าย ๆ

 

ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ก็สามารถทะลวงชีพจรทั้งห้าสายได้สำเร็จ และเชื่อมโยงไปทั่วร่าง แล้วสร้างเป็นทางโครจรลมปราณห้าสาย

 

แต่ว่า ตอนที่เขาทะลวงชีพจรเส้นที่สิบเอ็ดนั้น รู้สึกว่าต้องใช้กำลังมาก

 

เขาใช้เวลาไปทั้งหมดหกชั่วยามเต็ม ๆ เขาถึงสามารถทะลวงชีพจรเส้นที่สิบเอ็ดได้สำเร็จ เหนื่อยไปทั้งตัว เหงื่อไหลท่วมไปทั้งร่าง ลมปราณในร่างกายถูกใช้ไปถึงเก้าส่วน

 

ตอนที่ทะลวงชีพจรเส้นที่สิบเอ็ดได้สำเร็จนั้น ร่างกายของจางลั่วเฉินสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

 

จุดกลางระหว่างคิ้ว มีเสียงดังขึ้น

 

“ตูม!”

 

เขาเลื่อนขั้นเป็นขั้นอเวจีระดับสูงต้น!

 

ปริมาณของบ่อลมปราณ ขยายขึ้นอีกสิบเท่า เปลี่ยนเป็นแต่ละด้านกว้างห้าเมตร ความกว้างในตอนนี้ไม่ต่างกับสระเก็บน้ำจริง ๆ เท่าไหร่นัก

 

ในบ่อลมปราณ ลมปราณทะลักออกมา เต็มไปทั้งบ่อ

 

“ที่แท้!ร่างกายนี้ยังอ่อนแอเกินไป ในขั้นอเวจีระดับสูงต้นกลับสามารถทะลวงชีพจรได้เพียงแค่สิบเอ็ดสาย จะต้องคิดหาวิธีทำให้ร่างกายนี้แข็งแกร่งขึ้นอีกให้ได้ ! ”

 

ถ้าหากจอมยุทธ์คนอื่นรู้ความคิดของจางลั่วเฉินในตอนนี้ล่ะก็ คงจะต้องร้องไห้จนเป็นลมที่สนามฝึกแน่ ๆ

 

สำหรับคนที่สามารถทะลวงชีพจรได้ถึงหกสายในขั้นอเวจีระดับสูงต้นนั้น ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว !

 

การที่จางลั่วเฉินทะลวงชีพจรได้ถึงสิบเอ็ดสาย ก็เทียบได้กับว่าเขาคือปีศาจ ทำให้ผู้ที่อยู่ในขั้นเดียวกันได้แต่เลื่อมใส

 

องค์ชายเจ็ดสามารถทะลวงชีพจรได้สิบสายในขั้นอเวจีระดับสูงต้น นับแต่นั้นก็มีชื่อเสียงไปทั่ว ผู้ที่อยู่ระดับเดียวกันกับเขาไม่มีใครสามารถเทียบได้ แล้วเขาก็ถูกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของประเทศอวินอู่จวิน แล้วข่มจนอัจฉริยะคนอื่นๆจนหมองไปหมด

 

ร้อยปีที่ผ่านมา ทั้งประเทศอวินอู่จวิน มีแค่จางลั่วเฉินเท่านั้นที่สามารถทะลวงชีพจรได้ถึงสิบเอ็ดสายในขั้นอเวจีระดับสูงต้น ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว !

 

แน่นอนว่า ตอนนี้มีจางลั่วเฉินเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน

 

“ไม่ว่าจะพูดยังไง ตอนนี้ก็นับได้ว่าเลื่อนไปขั้นอเวจีระดับสูงต้นแล้ว!ไม่รู้ว่ากำลังของข้าไปตอนนี้ไปถึงระดับไหนแล้วน้า ? ”

 

จางลั่วเฉินล้างคราบสกปรกตามร่างกายออก แล้วเปลี่ยนเป็นชุดคลุมชายสีฟ้า จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากห้อง

 

เขาจะไปหาที่ที่ไม่มีคน แล้วลองวัดกำลังจองตัวเองดู

 

วังของประเทศอวินอู่จวินมีภูเขาล้อมรอบ เหมือนมีภูเขาทั้งสามลูกเป็นกำแพง ซึ่งก็จะมี ภูเขาจวิน ภูเขาหวาง ภูเขาเทียนจื่อ นอกจากจะมีตำหนักมากมายแล้ว ยังมีสถานที่สงบ ๆ อย่างอุทยานและช่องระหว่างหุบเขา

 

ตำหนักที่จางลั่วเฉินและสนมหลินอยู่คือตำหนักจื่ออี๋เพี่ยน เป็นเหมือนกับวังเย็น ห่างกับบริเวณตำหนักหลัก ๆ ไกล

 

เมื่อเดินออกมาจากตำหนักจื่ออี๋เพี่ยน ก็จะเป็นป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เดินต่อไปอีก ก็จะเป็นภูเขาใหญ่หนึ่งในสามของวังหลวง ภูเขาจวิน

 

เมื่อมาถึงตีนเขาจวิน ก็ไม่เห็นบรรดาขันทีหรือนางในซักคน แม้แต่ยามก็มองไม่เห็น

 

“เอาที่นี่แล้วกัน!”

 

จางลั่วเฉินหยุดเท้าลง แล้วเตรียมวัดระดับพลังของตัวเอง

 

ขาทั้งสองของเขางอลงเล็กน้อย ท่าทางคล้าย ๆ กับการก้าวเท้าของม้า แต่ก็คล้ายกับช้างตัวใหญ่ที่ยืนอยู่อย่างองอาจบนพื้นหิมะ

 

ข้างทั้งสองก้าวไปตามท่วงท่าเท้า แล้วออกฝ่ามือไปไม่หยุด ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ !

 

“ฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าที่หนึ่ง คชสารสะท้านปฐพี”

 

เท้าทั้งสองของจางลั่วเฉินถีบพื้น เกร็งกล้ามเนื้อและลำตัวทั่วทั้งร่าง จากนั้นพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวมเร็ว แล้วตบไปยังกำแพงหิน

 

“โครม!”

 

บนกำแพงหิน แตกออกเป็นรอยร้าว รอยร้าวนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

 

กำแพงหินสูงห้าเมตร แตกทลายลงมา !

 

จางลั่วเฉินก้าวตามเท้า ถอยหลังอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบหินที่แตกทลายลงมาไม่ให้โดนร่างกาย

 

“กำลังของฝ่ามือนี้ น่าจะมีพละกำลังขนาดแรงวัวแปดตัวแล้ว!”จางลั่วเฉินพยักหน้าเบา ๆ

 

สำหรับจอมยุทธ์ขั้นอเวจีระดับสูงต้นทั่ว ๆ ไปนั้น สามารถแสดงพลังออกมาได้เพียงแค่แรงวัวสี่ตัวเท่านั้น !

 

แต่เขาพึ่งจะเลื่อนขั้นมาถึงขั้นอเวจีระดับสูงต้น ก็สามารถแสดงพลังได้ถึงแรงวัวแปดตัว เรียกได้ว่าไม่เลว ถ้าหากฝึกฝนมากกว่านี้ พลังที่แสดงออกมาก็จะยิ่งมากขึ้น

 

“มาลองเพลงดาบบ้างแล้วกัน!”

 

จางลั่วเฉินหยิบดาบสลายวิญญาณออกมาจากหินผลึกมิติ กำไว้ในมือ แล้วส่งลมปราณเข้าไป

 

“เคร้ง!”

 

อักษรพลังธาตุตัวแรกในดาบถูกกระตุ้นขึ้น น้ำหนักดาบสลายวิญญาณเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบสามชั่งทันที

 

จากนั้น ตัวอักษรพลังธาตุน้ำแข็งถูกกระตุ้นขึ้น ไอเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูกพุ่ง ออกมา ทำให้รอบ ๆ บริเวณเย็นขึ้นทันที

 

จากการฝึกฝนของจางลั่วเฉินในตอนนี้ เขาสามารถกระตุ้นอักษรได้ถึงสองตัวอักษรในครั้งเดียวก็เรียกได้ว่าถึงขีดจำกัดแล้ว!

 

ครึ่งปีมานี้ จางลั่วเฉินนั้นไม่ได้ฝึกฝนแต่ร่างกายอย่างเดียว เขายังใช้เวลาไปกับการฝึก“ฝ่ามือมังกรคชสาร”และ“เพลงดาบเทียนซิน”ด้วย

 

ฝึกเพลงยุทธ์ ฝึกร่างกาย ฝึกฝีมือ สิ่งพวกนี้จะไม่สามารถขาดอะไรไปได้เลย

 

เพลงดาบเทียนซิน เป็นเพลงดาบขั้นวิญญาณระดับต่ำ ทั้งชุดมีทั้งหมดสิบสองกระบวนท่า

 

ทุก ๆ ท่าล้วนแล้วแต่ประณีต และสอดแทรกความเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ขั้นปุถุชนจะสามารถเทียบได้

 

จอมยุทธ์ขั้นอเวจีหากอยากจะฝึกเพลงดาบเทียนซินให้สำเร็จ ล่ะก็จะต้องใช้เวลาฝึกฝนมาก ถึงแม้จะฝึกแค่กระบวนท่าเดียว ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนเป็นเดือนถึงจะสำเร็จ

 

จางลั่วเฉินใช้ประสบการณ์ที่เคยฝึกเพลงดาบเทียนซินมาก่อนในความทรงจำ ถึงแม้ว่าไม่มีน้ำหนักมาก แต่ก็ช่ำชองมาก คล้ายกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย

 

แขนขยับ ดาบก็โจมตี

 

“เทียนซินนำทาง”

 

จางลั่วเฉินยกแขนซ้ายขึ้น แล้วตวัดดาบออกไป

 

ในอากาศ มีเสียงดังเสียงดังขึ้นมา ปราณดาบพุ่งออกไป

 

“เคร้ง!”

 

บนพื้นดิน มีหลุมลึกประมาณสามฉื่อ ยาวประมาณเจ็ดเมตร เป็นรอยดาบน้ำแข็ง จุดที่รอยดาบฟันผ่าน มีหญ้าถูกตัดขาด หินแตกสลาย บนพื้นกลายเป็นรูเหมือนถูกตัด

 

เหมือนกับรอยดาบ!

 

“เทียนซินสลายบุปผา”

 

จางลั่วเฉินแขนสั่น แล้วตวัดดาบออกไป

 

ดาบสลายวิญญาณปรากฏแสงสีฟ้าขึ้นมา แล้วปรากฏภาพดาบลวงตาขึ้นมาอีกเจ็ดเล่ม คล้ายกับมีดาบเจ็ดเล่มตวัดออกไปพร้อมกัน !

 

ก่อนจะแทงเข้าไปบนผาหินนั้น ปลายเงาดาบทั้งเจ็ดก็รวมมาเป็นเล่มเดียว แล้วส่งเสียง“ติง ติง”ออกมา

 

บนผาหิน เหลือรอยดาบเจ็ดรอยอยู่ ทั้งหมดล้วนเป็นรอยดาบแทง รอยดาบทั้งเจ็ดรอย สลักเรียงกันเป็นรูปดอกเหมย !

 

เทียนซินสลายบุปผา สิ่งที่ถูกทำลายไม่ใช่จุดสำคัญของดอกเหมย แต่เป็นจุดสำคัญตรงกลางระหว่างคิ้ว

 

พอแทงดาบออกไป จะหลงเหลือรอยดาบเจ็ดรอยไว้ตรงจุดกลางระหว่างหน้าผาก เหมือนกับทิ้งรอยสลักดอกเหมยสีเลือดไว้บนจุดกลางระหว่างหน้าผากของอีกฝ่าย

 

มีแค่ต้องฝึกฝนจิตแห่งดาบจนถึงขั้น “ดาบตามใจคิด” ถึงจะสามารถฝึกกระบวนท่านี้ได้

จิตแห่งดาบ แบ่งเป็นสามขั้น คือ ดาบตามใจนึก ดาบใจรู้กัน คนดาบรวมเป็นหนึ่ง

 

แต่ตอนนี้จางลั่วเฉินอยู่ในขั้น“ดาบตามใจนึก”ห่างจากขั้น“ดาบใจรู้กัน”อีกไม่ไกลนัก

 

นอกจากนี้กระบวนท่า“เทียนซินนำทาง”และ“เทียนเซียนสลายบุปผา”ยังมีกระบวนท่าป้องกันอีกกระบวนท่าคือ“ระฆังดาบเทียนซิน”!

 

“ระฆังดาบเทียนซิน!”

 

ลมปราณภายในร่างกายของจางลั่วเฉินส่งเข้าไปในดาบสลายวิญญาณไม่ขาดสาย ยกดาบขึ้นเป็นแนวขวาง ปราณดาบก็ผลึกเข้าด้วยกันเป็นภาพเงาระฆังสีฟ้าอ่อนทันที ภาพเงาระฆัง หมุนอย่างรวดเร็วรอบ ๆ จางลั่วเฉิน โอบล้อมทั่วร่างกายของจางลั่วเฉินอยู่ด้านในดาบ

 

เมื่อออกกระบวนท่าดาบท่านี้ สามารถรับการโจมตีของจอมยุทธ์ขั้นอเวจีระดับสูงปลายได้หนึ่งครั้ง นอกจากว่าจอมยุทธ์ขั้นอเวจีระดับสูงปลายคนนั้นจะฝึกฝึกฝนเพลงยุทธ์ขั้นวิญญาณ ถึงจะสามารถทำลายกระบวนท่าป้องกันของจางลั่วเฉินได้

 

เทียนซินนำทาง!

 

เทียนซินสลายบุปผา!

 

ระฆังเทียนซิน!

 

จางลั่วเฉินแสดงสามกระบวนท่านี้ออกมาไม่หยุด เพื่อจะให้สามารถไปถึงขั้น“ดาบใจรู้กัน”ได้ แน่นอนว่า การอยากจะไปให้ถึงขั้น“ดาบใจรู้กัน”นั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถถึงได้ในวันเดียว

 

“ยังมีเวลาอีกสิบสามวัน ก่อนจะถึงการสอบปลายปี ต้องเร่งฝึกฝนให้เพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย”

 

จางลั่วเฉินนั่งลง แล้วกินบารวมลมปราณ จากนั้นฝึกฝนด้วยกำลังทั้งหมด

 

เวลาในการสอบปลายปีใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ องค์ชายของประเทศอวินอู่จวินและญาติทั้งหลายล้วนเก็บตัวฝึกฝน เพื่อหวังจะแสดงความประกลาดใจให้กับทุกคนในการสอบปลายปี และหวังจะแสดงสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ

 

การสอบปลายปี มีแค่ลูกหลายตระกูลฮวางและญาติที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าร่วมได้ เพื่อให้เป็นแรงกระตุ้นในการพัฒนาความสามารถของคนหนุ่มสาว และให้คนหนุ่มสาวมาต่อสู้แข่งขันกัน

 

ปีก่อนๆ จางลั่วเฉินไม่มีแม้จะโอกาสจะเข้าร่วมการสอบปลายปี ได้เขาทำได้แค่ยืนมองอยู่ด้านล่างเวทีเท่านั้น ทุกครั้งที่ถึงเวลานี้ คือเวลาที่เขาและสนมหลินรู้สึกลำบากใจที่สุด และอึดอัดที่สุด

 

ปีนี้ อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว !

 

ตอนที่จางลั่วเฉินพยายามและก้าวหน้าอยู่นั้น องค์ชายและญาติคนอื่น ๆ เองก็ก้าวหน้าเหมือนกัน

 

จางลั่วเฉินและสนมหลินเคยอยู่ในวังยู่ซู่ ในห้องที่โอ่อ่างดงามนั้น มีเสียงหัวเราะดังลั่นขององค์ชายแปด จางจี่ดังออกมา “ฮ่าฮ่า!ในที่สุดก็สามารถเลื่อนไปถึงขั้นอเวจีระดับสูงต้นได้แล้ว!”

 

สีหน้าของสนมเซียวแสดงออกถึงความปลาบปลื้ม นางถอนหายใจอย่างยินดีว่า “ดี!ลูกจี่ จากการฝึกฝนของลูกในตอนนี้ ถึงแม้จะยังไม่สามารถเทียบได้กับองค์ชายห้าและองค์ชายหก แต่ว่า อย่างน้อยเสด็จพ่อของลูกก็เห็นความก้าวหน้าของลูก ถึงตอนนั้นคงจะให้รางวัลลูกแน่ ๆ ”

 

องค์ชายแปดพยักหน้า จากการฝึกฝนของตนเองในตอนนี้ แน่นอนว่ายังห่างไกลกับองค์ชายห้าและองค์ชายหกมาก

 

ในการสอบปลายปีของปีที่แล้ว องค์ชายหกก็อยู่ในขั้นอเวจีระดับสูงปลายขั้นสูงสุดแล้ว ตอนนี้อาจจะเลื่อนไปขั้นกลางได้แล้ว

 

องค์ชายห้ายิ่งเก่งกว่านั้น ได้ยินว่า สามารถเลื่อนไปยังระดับสูงปลายได้แล้ว

 

องค์ชายแปดยิ้มเย็นชาแล้วกล่าวว่า“ยังไงก็มีคนที่ต่ำกว่า พอถึงตอนนั้น การที่มีเขาอยู่ ก็ยิ่งทำให้ข้าดูเก่งกาจขึ้น”

 

“ลูกพูดถึงองค์ชายเก้าหรือ เขาไม่ใช่ว่าพึ่งจะเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้ไม่นานหรือ ? แม่ว่าไม่แน่ว่าแม้แต่ผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นอาจจะยังไม่สำเร็จด้วยซ้ำ น่าจะไม่ได้มาเข้าร่วมการสอบปลายปีหรอก”สนมเซียวกล่าว

 

“ฮ่าฮ่า!จะเข้าหรือไม่เข้าร่วมเขาเลือกไม่ได้”องค์ชายแปดยกมุมปากขึ้น สีหน้าแสดงออกถึงการดูถูก

 

(จบแล้วครับ)

 

สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจหลัก WGSD  เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย  ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ