จางลั่วเฉินนำ“ดาบโบราณเฉินหยวน”กับ“ดาบสลายวิญญาณ”มาที่หน้าร้าน จ่ายเงินไปสามหมื่นหนึ่งพันเหรียญเงิน แล้วจึงได้นำดาบทั้งสองกลังวังฮวาง
ที่ตำหนักจื่ออี๋เพี่ยน ทั้งลานเต็มไปด้วยหิมะ
ในมือของจางลั่วเฉินถือดาบหักที่ยาว 4 ฉื่อไว้ ในใจรู้สึกแปลกๆขึ้นมา ?
ผ่านไปแปดร้อยปี ทะเลเปลี่ยนเป็นนา แม่น้ำภูเขาก็เปลี่ยนทิศทาง ของยังคงอยู่เช่นเดิมแต่คนกลับเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ดาบโบราณเฉินหยวนที่แหลมคมยังหักลงได้!
แม้ว่าตัวดาบโบราณเฉินหยวนจะหักลง แต่ก็ยังคงหนักอึ้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะจางลั่วเฉินอยู่ขั้นอเวจีระดับปลายแล้วล่ะก็ คงไม่สามารถขยับมันได้เลยแน่
“ตัวอักษรธาตุที่สลักอยู่ในดาบโบราณเฉินหยวนขาดไปหมดแล้ว ตอนนี้ ก็มีแค่ความคมที่มากกว่าอาวุธอย่างอื่น ถ้าอยากจะนำตัวอักษรที่อยู่ในดาบโบราณเฉินหยวนมาต่อใหม่ เพื่อฟื้นฟูความสามารถเดิมของดาบโบราณเฉินหยวน อย่างน้อยก็ต้องใช้ผู้สร้างอาวุธระดับห้าถึงจะสามารถทำได้ แล้วในประเทศอวินอู่จวินมีผู้สร้างอาวุธระดับห้ามั๊ย ? ”
จางลั่วเฉินเก็บดาบโบราณเฉินหยวน
แม้ดาบนี้จะกลายเป็นแค่เศษเหล็ก เขาก็ยังคงจะเอาติดตัวไว้อยู่ดี เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาต้องเตือนตัวเองว่าต้องขยันฝึกฝน มีแค่ต้องฝึกฝนให้แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะสามารถไปแก้แค้นกับองค์หญิงฉือเหยาได้ !
แล้วจางลั่วเฉินก็นำดาบวิเศษระดับสี่ “ดาบสลายวิญญาณ” ออกมา มือจับตัวดาบ แล้วดึงออกมาจากปลอก ตัวดาบมีประกายสีน้ำเงินแวววาวออกมา
จางลั่วเฉินเริ่มโคจรลมปราณในร่างกายแล้วรวมไปที่ฝ่ามือ จากนั้นก็ส่งไปยังตัวดาบของดาบสลายวิญญาณ
อักษรธาตุตัวแรกภายในตัวดาบถูกพลังกระตุ้นกลับมามีพลังอีกครั้ง !
อักษรนั้นคืออักษรพลัง!เมื่อถูกลมปราณกระตุ้น จะทำให้ดาบสลายวิญญาณมีน้ำหนักมากขึ้นอีกหนึ่งร้อยชั่ง
น้ำหนักเดิมของดาบสลายวิญญาณมีเพียงแค่ห้าสิบสามชั่ง แต่พออักษรพลังคืนสภาพ น้ำหนักของตัวดาบก็เปลี่ยนเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบสามชั่งทันที
น้ำหนักเพิ่มขึ้นในพริบตา
แขนของจางลั่วเฉินสั่นเล็กน้อย ต้องพยายามเกร็งแขนให้มั่นคง
เคร้ง!
เขาฟันดาบออกไป
แต่ว่า ทิศทางของดาบกลับไม่ตรงตามเป้า มันยากที่จะควบคุม
จากการฝึกฝนของจางลั่วเฉินในตอนนี้ หากออกฝ่ามือมังกรคชสาร จะสามารถแสดงพลังได้ขนาดวัวหนึ่งตัว และยังสามารถยกหินหนักขนาดสามร้อยชั่งโยนไปได้ไกลถึงสิบเมตรได้
แต่ว่า นั่นเป็นแค่พลังในพริบตา!
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นดาบหนักขนาดสามร้อยชั่ง จากการฝึกฝนของจางลั่วเฉินในตอนนี้ เขาจะต้องยกดาบเอาไว้ตลอดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ต้องพูดถึงการออกท่าเพลงดาบเลย
จากการฝึกฝนของจางลั่วเฉินในตอนนี้ การยกดาบหนักหนึ่งร้อยห้าสิบสามชั่ง ก็ถือว่าถึงขีดจำกัดสูงสุดของเขาแล้ว !
“เฟี้ยว!”
“ตัด!”
หลังจากการฝึกฝนตลอดทั้งบ่าย จางลั่วเฉินก็เริ่มคุ้นเคยกับน้ำหนักของตัวดาบแล้ว
แต่แน่นอนว่าก็เป็นเพียงแค่การคุ้นเคยขั้นต้นเท่านั้น!
พวกนักดาบระดับสูง สามารถใช้ดาบแทงยุงตายได้ในระยะสามจ้าง สามารถคุมดาบได้ในระดับดีมาก สามารถเข้าได้ถึงระดับ“คุมดาบดังใจ”
สำหรับจางลั่วเฉินยังห่างกับระดับนั้นอีกไกลนัก หากเทียบกับพวกระดับสูงแล้ว เขาในตอนนี้เรียกได้ว่ายังไม่คล่องแคล่ว ดาบ หนักเกินไป!
“ในดาบสลายวิญญาณมีตัวอักษรพลังธาตุอยู่ทั้งหมดสี่ตัว นี่แค่กระตุ้นพลังธาตุของตัวอักษรเดียวเท่านั้น น้ำหนักของดาบสลายวิญญาณก็เพิ่มมาเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบสามชั่ง ถ้าหากกระตุ้นอีกสามตัวล่ะก็ ดาบสลายวิญญาณนี้จะหนักขนาดไหนกัน ?”
จางลั่วเฉินโคจรลมปราณในร่างกาย แล้วส่งไปยังตัวอักษรพลังตัวที่สอง
แต่ว่า ลมปราณในร่างกายนั้นส่งออกมาได้น้อยเกินไป ตัวอักษรพลังธาตุตัวที่สองจึงไม่มีความเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถกระตุ้นพลังออกมาได้
จางลั่วเฉินจึงได้แต่ยอมแพ้
“จากปริมาณลมปราณในร่างกายของข้าตอนนี้ ยังไงก็ไม่สามารถกระตุ้นตัวอักษรพลังธาตุตัวที่สองได้ ยังฝึกฝนได้ไม่แกร่งพอ!”
จางลั่วเฉินดึงลมปราณที่ส่งไปในตัวดาบกลับมา น้ำหนักของตัวดาบก็เปลี่ยนกลับมาเป็นห้าสิบสามชั่งเช่นเดิม พอเคยชินกับน้ำหนักหนึ่งร้อยห้าสิบสามชั่งแล้ว ดาบน้ำหนักห้าสิบสามชั่วกลับทำให้จางลั่วเฉินรู้สึกว่าเบาหวิวทันที
จากนั้น จางลั่วเฉินก็ส่งลมปราณเข้าไปในตัวดาบสลายวิญญาณใหม่ แล้วกระตุ้นพลังอักษรธาตุน้ำแข็งในตัวดาบ
ดาบสลายวิญญาณ ก็ส่งไอเย็นเสียดแทงกระดูกขึ้นมาทันที เย็นจนทำให้มือของจางลั่วเฉินรู้สึกชา !
“เคร้ง!”
จางลั่วเฉินออกดาบไป ปลายที่แหลมคมของดาบสลายวิญญาณ มีเกล็ดหิมะปรากฏขึ้นมา นั่นคือหยดน้ำจากในอากาศ ถึงแม้แต่อากาศยังถูกให้แข็งจนกลายเป็นหิมะ
“อักษรธาตุสายฟ้า!”
“อักษรธาตุแสงสว่าง!”
จางลั่วเฉินลองกระตุ้นพลังของอักษรธาตุสายฟ้าและพลังธาตุอักษรแสงสว่าง
พออักษรธาตุสายฟ้าถูกกระตุ้น ตัวดาบก็ปรากฏสายฟ้าสายเล็กๆทันที พอสะบัดดาบออกไป ก็เหมือนกับมีสายฟ้าพุ่งตรงออกไป แล้วเกิดเสียง“เปรี้ยง เปรี้ยง”ดังขึ้น
พอกระตุ้นอักษรธาตุแสงสว่าง ตัวดาบก็เหมือนกับถูกแสงสว่างโอบล้อมไว้ แล้วยิ่งแหลมคมยิ่งขึ้น เมื่อเขาฟันดาบออกไป ก้อนหินก็ระเบิดทันที !
จากปริมาณลมปราณของจางลั่วเฉินในตอนนี้นั้น สามารถควบคุมพลังได้ทีละตัวอักษรเท่านั้น ถ้าหากใช้ตัวอักษรพลังหนึ่งตัว ก็จะไม่สามารถใช้ตัวอักษรพลังอีกสามอย่างที่เหลือได้
ถ้าหากอยากจะใช้ตัวอักษรธาตุสองตัวได้ในครั้งเดียว ก็ต้องขยันฝึกฝน แล้วยกระดับการฝึกฝนของตัวเองขึ้น
“เงินสามหมื่นเหรียญเงินที่เสียไปเรียกได้ว่าไม่เสียเปล่า!”
จางลั่วเฉินเก็บดาบสลายวิญญาณลงปลอก
“ในดาบสลายวิญญาณมีตัวอักษรพลังธาตุทั้งหมดสิบสี่ตัว ถ้าหากสามารถฟื้นฟูพลังของตัวอักษรธาตุได้ทั้งหมดล่ะก็… ข้าถึงจะสามารถแสดงอานุภาพของดาบวิเศษขั้นสี่ได้ ข้าจะต้องพยายามฝึกให้มากขึ้น!”
เขาเข้าไปในมิติของหินผลึกมิติ จางลั่วเฉินก็กินยารวมลมปราณ แล้วเริ่มฝึกฝนต่อ
“ตูม!”
ยารวมปราณระเบิดขึ้นภายในร่างกาย แล้วกลายเป็นพลังหลิงชี่มากมายจากออกมา
ชีพจรทั้งหกสายเริ่มดึงหลิงชี่ของยาเข้ามา แล้วเปลี่ยนเป็นลมปราณ ไปกักเก็บไว้ในบ่อลมปราณ
ใช้เวลาไปกว่าครึ่งวัน จางลั่วเฉินถึงสามารถซึมซับและเปลี่ยนหลิงชี่ของยาทั้งหมดได้
ภายในมีหลิงชี่ของยาแค่ห้าส่วนเท่านั้นที่ถูกซึมซับไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นลมปราณ
ส่วนที่เหลืออีกห้าส่วน กลับซึมออกมาทางรูขุมขน สิ้นเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์!
ถ้าหากเป็นจอมยุทธ์คนอื่น จะต้องปวดใจอย่างมาก เพราะยังไงก็เสียหลิงชี่ของยาไปถึงห้าส่วน นั้นก็เหมือนกับเสียเงินไปห้าร้อยเหรียญเงินฟรี ๆ เลย
แต่จางลั่วเฉินกลับไม่รู้สึกว่าสิ้นเปลืองเลย เขารู้สึกว่าลมปราณในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย ถ้าหากการฝึกฝนค่อย ๆ ก้าวหน้าไปตามลำดับ จะต้องใช้เวลามากกว่าสิบวัน ถึงจะได้ผลลัพธ์อย่างตอนนี้
เมื่อใช้ยารวมปราณ เขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น
สำหรับเงินเล็กน้อยแค่หนึ่งพันเหรียญเงินจะนับว่าเป็นอะไร
ถ้าไม่มีเงิน ก็แค่เก็บใหม่
แต่ถ้าหากสิ้นเปลืองเวลา มันเก็บกลับมาไม่ได้แล้ว
วันต่อ ๆ มา เวลาส่วนมากของจางลั่วเฉินล้วนฝึกฝนอยู่ในมิติของหินผลึกมิติ
เขาใช่“ยารวมปราณ”เพิ่มปริมาณลมปราณในร่างกาย ใช้“ยาฝึกฝนร่างกาย”เร่งการฝึกฝนร่างกาย !
นอกจากนี้แล้ว เขายังใช้เวลาอีกมากไปในการฝึกฝ่ามือมังกรคชสารและเพลงดาบเทียนซิน
เดือนแรกที่ฝึกในมิติของหินผลึกมิติ ลมปราณในบ่อลมปราณของจางลั่วเฉินเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่า !
เดือนที่สองที่ฝึกในมิติของหินผลึกมิติ จางลั่วเฉินสามารถแสดงพละกำลังได้ถึง “แรงวัวสองตัว”
เดือนที่สามที่ฝึกในหินผลึกมิติ ปริมาณลมปราณในบ่อลมปราณของจางลั่วเฉินมากกว่าตอนที่พึ่งเลื่อนมาขั้นอเวจีระดับปลายถึงสิบเท่า เมื่อลมปราณในบ่อลมปราณเต็ม แล้วมาถึงระดับสูงสุดของขั้นอเวจีระดับปลาย
และในตอนนี้ จางลั่วเฉินสามารถทะลวงชีพจรเส้นใหม่ได้แล้ว เพื่อเลื่อนไปขั้นอเวจีระดับสูงต้น !
แต่ว่า จางลั่วเฉินเขากลับไม่ได้ทำอย่างนั้น แต่กลับหยุดการฝึกของตัวเองไว้ แล้วใช้ยา“ฝึกฝนร่างกาย”เพื่อฝึกฝนร่างกายต่อไป
“จากความสามารถของข้าในตอนนี้ ถ้าหากจะเลื่อนไปขั้นอเวจีระดับสูงต้น จะต้องทะลวงชีพจรอีกสี่สาย ก็หมายความว่า หากข้าเลื่อนไปขั้นอเวจีระดับสูงต้นแล้ว จะต้องมีชีพจรทั้งหมดสิบสาย ! ”
จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนเพลงยุทธ์ขั้นปุถุชนระดับต่ำนั้น ต้องทะลวงชีพจรในร่างกายเพียงแค่เจ็ดสายเท่านั้น และถึงแม้จะฝึกฝนไปจนถึงขั้นสวรรค์ระดับสูงสุด ชีพจรในร่างกายก็ยังคงมีแค่เจ็ดสายเหมือนเดิม
คนที่สามารถทะลวงชีพจรได้ถึงสิบสายตั้งแต่ระดับสูงต้น สามารถนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะ
แต่ว่าสำหรับจางลั่วเฉินนั้นเขายังคงรู้สึกว่าไม่พอ
ชีวิตที่แล้วของเขาเมื่อตอนที่เขาอยู่ในขั้นอเวจีระดับสูงต้นนั้น เขาสามารถทะลวงจุดชีพจรได้ถึงสิบสามเส้น !
“ถึงแม้ว่าความสามารถของข้าในตอนนี้จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับชีวิตที่แล้วได้ แต่ข้าเชื่อว่า ขอเพียงแต่พยายามฝึกฝนร่างกาย จะทะลวงจุดชีพจรสิบเอ็ดสายในขั้นอเวจีระดับสูงต้นได้แน่นอน มันไม่น่าจะใช่เรื่องยาก ”
จุดได้เปรียบที่สุดของจางลั่วเฉินในชีวิตนี้ก็คือ เขาได้ครอบครองหินผลึกมิติ เวลาฝึกของเขานั้นคือสามเท่าของคนอื่น ในเมื่อมีเวลามากขึ้นถึงสองเท่าแล้ว ล่ะก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ แล้วพยายามเพิ่มระดับให้ตัวเอง จนกว่าจะสามารถอยู่เหลือกว่าตัวเองในชีวิตที่แล้ว !
เข้าเดือนที่สี่ที่ฝึกในหินผลึกมิติ ความสามารถของจางลั่วเฉินเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พลังฝ่ามือมังกรคชสาร สามารถแสดงอานุภาพพลังได้ถึง“แรงวัวสามตัว”
เข้าเดือนที่หกที่ฝึกในหินผลึกมิติ ความสามารถของจางลั่วเฉินมาถึงทางตัน ร่างกายของเขานั้นฝึกจนมาถึงระดับสูงสุด หากอยากจะฝึกพละกำลังอีกนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
ถึงแม้จะฝึกอีกหนึ่งปี ก็คงไม่สามารถเพิ่มพละกำลังได้ถึง“แรงวัวห้าตัว”
ครึ่งปีที่ฝึกในหินผลึกมิติ ด้านนอกพึ่งจะผ่านไปเพียงสองเดือนเท่านั้น
“ข้าสามารถฝึกพละกำลังได้ถึงแรงวัวหนึ่งตัว ในขั้นอเวจีระดับปลายนับได้ว่าเป็นจอมยุทธ์ระดับกลางหรือระดับสูงแล้ว มีเพียงแค่จอมยุทธ์ขั้นอเวจีระดับสูงต้นเท่านั้น ถึงจะสามารถฝึกพละกำลังได้ถึงแรงวัวสี่ตัว”
“ตอนนี้ข้ายังคงเป็นผู้ฝึกฝนในขั้นอเวจีระดับปลายอยู่ แต่กลับสามารถฝึกพละกำลังได้ถึงแรงวัวสี่ตัวได้ ข้าสามารถต่อกรกับขั้นอเวจีรัดับสูงต้นทั่ว ๆ ไปได้ ถ้าหากว่าข้าเลื่อนไปขั้นอเวจีระดับสูงปลายล่ะก็ จะสามารถแสดงพลังได้ถึงขั้นไหนกันนะ ? ”
“ตอนนี้ ข้าฝึกฝนร่างกายจนมาถึงขีดจำกัดแล้ว ตอนนี้สามารถเลื่อนขั้นไปขั้นอเวจีระดับสูงต้นได้!ไม่รู้ว่าจะสามารถทะลวงชีพจรได้ทั้งหมดกี่เส้น ? ”
เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด จางลั่วเฉินนำเอาขวดหยกที่บรรจุน้ำล้างกระดูออกมาแล้ววางเรียงไว้ตรงหน้าของเขา
“เมื่อร่างกับพลังเท่าแล้วกัน!ในระดับขั้นเดียวกัน ยิ่งทะลวงเส้นชีพจรได้มาก ความสามารถและการจู่โจมก็ยิ่งมากขึ้น!”
จางลั่วเฉินหยิบขวดหยกขวดแรกขึ้นมา แล้วกลืนน้าล้างกระดูกลงไป จากนั้นรีบทะลวงชีพจรเส้นที่เจ็ด !
(จบแล้วครับ)
สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจหลัก WGSD เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ