…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

“อะไรนะ?”

หลงซูเหยาได้มองไปที่ถังซิ่วที่กำลังทำหน้าตาสบายๆแบบงงงาย เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าทั้ง20คนนั้นจะเป็นลูกน้องของถังซิ่ว

เขา……….

เขาเป็นใครกัน ? ………………..

ความสงสัยของเธอต่อถังซิ่วนั้นได้เพิ่มมากขึ้น เธอเริ่มสงสัยตั้งแต่ตอนที่หลงเซ้งหยูได้ให้วิลล่าของเขาแก่ถังซิ่วแล้วและทุกๆครั้งที่เธอเจอเขาก็มักจะเพิ่มความสงสัยในตัวของเธอ

เธอต้องการที่จะรู้ถึงตัวตนของเขาและต้องการรู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับเขา

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“พวกเขานั้นเป็นคนของผมและผมจะพาพวกเขาออกไปแต่ยังไงก็ตาม ผมยังต้องเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ดังนั้นมันจะเป็นอะไรไหมหากผมพาพวกเขาเข้าไป ? ”

“………… เยี่ยม เยี่ยม คุณพาพวกเขาไปได้เลย!”

หลงซูเหยารีบตอบออกมาอย่างรวดเร็ว

ถังซิ่วพยักหน้าก่อนที่จะเดินมาตรงหน้าคนเหล่านั้นพร้อมพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“คนที่พวกนายต้องตามหานั้นคือฉันเอง ตามฉันมาซะ”

หลังจากที่พูดจบเขาก็รีบเดินตรงไปยังวิลล่าของเขาทันที

พวกเขาทั้ง20คนนั้นได้เห็นรูปภาพของถังซิ่วมาก่อนแล้วและเมื่อสามารถยืนยันตัวตนได้แล้วนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อยก่อนที่จะเดินตามหลังถังซิ่วไปอย่างพร้อมเพียง

ในบริเวณวิลล่า

ถังซิ่วได้มองไปที่พวกเขาเหล่านี้พร้อมพูดว่า

“ฉันคือถังซิ่วและเชื่อว่าพวกนายคงจะรู้กันอยู่แล้ว ฉันได้ไปที่ห้องอาหารร้อยงานฉลองถึงสองครั้งและพวกนายบางคนก็เคยเห็นฉันแล้ว นับจากตอนนี้ฉันคือบอสของพวกนายและคำขอข้อเดียวคือ คำสั่งของฉันคือสิ่งสูงสุด ทำได้ไหม ? ”

“ครับบอส!”

คนกว่า20คนนั้นได้ตอบกลับอย่างพร้อมเพียง

ถังซิ่วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า

“วันนี้ฉันจะจัดงานต้อนรับให้แก่พวกนายเพราะหลังจากนี้พวกนายจะต้องอยู่ที่เมืองนี้อีกนานและฉันเองก็ไม่มีเวลาว่างพอที่จะไปจัดการกับพวกนายเพราะผู้บริหารบริษัทของฉันจะเป็นคนรับผิดชอบพวกนายเอง เธอนั้นมีความรับผิดชอบและสิทธิทุกอย่างสำหรับชีวิตประจำวันของพวกนายเพราะฉะนั้นก็จงคำตามคำสั่งของเธอ”

ห้องอาหารหลง

ถังซิ่วได้โทรไปจองห้องอาหารก่อนที่จะรู้ว่าไม่มีห้องว่างแม้แต่น้อย เขาได้โทรไปให้เฉินซี่ซ่งเพื่อขอให้เขาช่วยจองห้องให้แทน

หากมีอำนาจมากพอก็จะทำอะไรก็ได้

ถังซิ่วไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะการที่เขาได้ไปทานอาหารที่นั้นนั่นควรจะเป็นเกียรติของห้องอาหารด้วยซ้ำ

หลงจากที่เฉินซีซ่งได้บอกเลขของห้องแก่เขา ถังซิ่วก็ได้สั่งให้คนเหล่านั้นไปรอที่นั่นเพราะเขาเองยังต้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาจะต้องไปพบกับคังเซี่ยนและยังต้องให้ยาทดลอง , สูตรยาและคนเหล่านี้แก่เธอ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ตอนที่เขากำลังเดินออกไปนั้นก็ถูกสังเกตการณ์โดยคนบางกลุ่มแต่เขาก็ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้พร้อมกับนั่งรถไปยังห้องอาหารหลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เข้าไปในห้องแล้วก็ได้เห็นคังเซี่ยนที่กำลังมีท่าทางแปลกๆ

ถังซิ่วมองไปที่คนทั้ง20คนที่กำลังนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะเหมือนดั่งรูปปั้นก่อนที่จะมองไปที่ท่าทางแปลกๆของคังเซี่ยนพร้อมพูดออกมาว่า

“เป็นอะไรไปงั้นหรอ ? ไม่พอใจกับคนที่ฉันหามา ? ”

คังเซี่ยนได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“มันไม่ใช่ไม่พอใจแต่มันพอใจมากเกินไปต่างหาก บอส ฉันเคยได้เห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยระดับสูงมาแล้วกว่าทั่วโลกและมีเป็นเหล่าทหารกองกำลังพิเศษที่เกษียณอายุมาแล้วพร้อมความสำเร็จมากมายทางการทหารที่สามารถบรรลุได้ทุกงานไม่ว่าจะเป็นปกป้องลูกค้าหรือฆ่าคนแต่หากเทียบกับพวกเขาเหล่านี้แล้วนั้นยังถือว่าห่างไกลนัก”

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“มันแปลกขนาดนั้นเลย ? ”

คังเซี่ยนพยักหน้าออกมาขณะที่พูดต่อว่า

“ใช่สิ ฉันได้สังเกตพวกเขามากว่า26นาที30วินาทีแล้ว พวกเขานั่งอยู่แบบนั้นโดยไม่ขยับแม้แต่น้อยแม้กระทั่งไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ หากว่าฉันไม่ได้เห็นพวกเขาเดินเข้ามาด้วยตาตัวเองแล้วละก็ ฉันจะต้องคิดว่าเขาเป็นหุ่นสตาฟอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วกวาดสายตาไปทางคนที่เหลือพร้อมยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“วันนี้เป็นงานฉลองต้อนรับพวกนายทั้งหมด พวกนายไม่จำเป็นต้องเคร่งครึมและมีวินัยกันขนาดนั้น ฉันได้เห็นนักสู้มากมายที่ฆ่าฟันอย่างดุเดือด ในสนามรพนั้นพวกเขาจะมีวินัยเป็นอย่างมาก ฆ่าศัตรูอย่างกล้าหาญแต่ก็กินดื่มอย่างบ้าคลั่งยามที่พวกเขาพักผ่อนด้วยความผ่อนคลาย”

คนทั้งหมดนั้นได้มองไปที่ถังซิ่วขณะที่เกิดประกายในดวงตาของพวกเขาพร้อมป้องมือทำความเคารพและพูดออกมาว่า

“ขอบคุณครับบอส!”

ถังซิ่วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“หยานเอ๋อนั้นเป็นลูกศิษย์ของฉันและเธอนั้นฝึกพวกนายมาดี หากว่าพวกนายตั้งใจทำงานให้ฉันพึงพอใจ ในอนาคตฉันจะมอบเส้นทางใหม่ให้พวกนายเอง”

เส้นทางใหม่ ?

พวกเขาทั้งหมดนั้นสั่นสะท้านโดยทันทีขณะที่มองด้วยความตื่นเต้น พวกเขานั้นเป็นคนที่กู่หยานเอ๋อได้ฝึกมากับมือถึง20-30ปีตั้งแต่สมัยที่พวกเขายังเป็นเด็ก สามารถเรียกได้ว่าพวกเขาเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์เป็นอย่างมากและแน่นอนว่าเขารู้ถึงเรื่องที่ว่าเธอเป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์เช่นกัน

บ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์ !

สามารถบ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์

พวกเขานั้นเป็นคนที่ถูกกู่หยานเอ๋อฝึกมาด้วยวิธีที่หฤโหดมาตั้งแต่ยังเด็กและได้จ่ายไปด้วยสิ่งที่สาสม พวกเขาเคยต้องไปอยู่กลางไฟแห่งสงคราม ฆ่าฟันและใช้ชีวิตในที่เหล่านั้น ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาเองก็ยังได้เคยถูกส่งไปฝึกที่เกาะร้างที่มีแค่สัตว์ร้ายเท่านั้น พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะล่าและฆ่าสัตว์เหล่านั้น อาจจะเรียกได้อีกอย่างว่ามือพวกเขานั้นได้ชุ่มไปด้วยเลือดมากมายและการฆ่าฟันนั้นฝังลึกลงไปถึงกระดูกของพวกเขา

พวกเขาไม่กลัวที่จะตาย ไม่กลัวที่จะอยู่คนเดียว พวกเขาต้องการที่จะชโลมเลือดเพื่อเปิดเส้นทางของพวกเขา

เส้นทางของผู้เป็นนิรันด์ !

ชีวิตของพวกเขาจะยืนยาวขึ้น โลกของพวกเขาจะเปลี่ยนไป พวกเขาหวังว่าสักวันนึงจะเป็นได้เหมือนกับกู่หยานเอ๋อที่สามารถขี่กระบี่และผ่าท้องทะเลออกเป็นสองฝั่งได้

“ขอบคุณครับบอส!”

คนทั้งหมดได้ลุกออกมาจากโต๊ะพร้อมกับคุกเข่าลงและป้องมือของพวกเขา เสียงนี้ได้ดังก้องไปทั่วทั้งห้องขณะที่ความคิดของคังเซี่ยนนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธอคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่แค่หน่วยรักษาความปลอดภัยเท่านั้นแต่เป็นทหารศึกของถังซิ่ว

“จะจ้องกันอยู่ทำไม ? สั่งอาหารกันสิ”

ถังซิ่วได้มองไปที่คังเซี่ยนที่กำลังเหม่อลอยพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

คังเซี่ยนนั้นรู้สุกเหมือนได้ถูกปลุกขึ้นจากฝันของเธอก่อนที่จะตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า

“ดี ดี ดี ฉันจะไปเรียก……..ไม่ๆๆๆฉันได้สั่งอาหารชั้นดีและไวน์ชั้นเลิศไว้เรียบร้อยแล้ว น่าจะใกล้มาเสิร์ฟแล้วนะ ”

ถังซิ่วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“นั่งสิ ! วันนี้ไม่จำเป็นต้องเคร่งครึมกัน หัดผ่อนคลายกันและดื่มด่ำไปกับรสชาติของอาหารกันซะบ้าง ผ่านวันนี้ไปแล้วพวกนายจะต้องตั้งใจทำงานอีก”

ผ่านไปสองชั่วโมง

ถังซิ่วและคังเซี่ยนได้รับประทานอาหารไปพร้อมกับพวกเขาอย่างดุเดือด พวกเขาได้ดื่มเหล้าและไวน์ชั้นเลิศไปกว่า40ขวดแต่มันไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกเมาแม้แต่น้อยกลับกันคือพวกเขารู้สึกดีมากๆเพราะผู้ชายที่กินเหล้าเก่งนั้นสมกับที่เกิดเป็นผู้ชาย

อย่างไรก็ตาม

ตอนที่กำลังจะกลับนั้น ท่าทางของคังเซี่ยนก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันทีเมื่อได้จ่ายค่าอาหารทั้งหมดไป ถังซิ่วได้สอบถามเธอและรู้ว่าค่าอาหารของวันนี้นั้นประมาณ2ล้านหยวนแต่ตอนนี้บริษัทของเขานั้นกำลังขาดแคลนเงินและนั่นทำให้เธอรู้สึกกระวนการวายใจ

ใกล้ๆกับห้องอาหารหลง

ซูวเทียนเขียนที่ได้เอาศิษย์พี่และศิษย์น้องของเขามาสี่คนที่ภายใต้เสื้อผ้าพวกเขานั้นเต็มไปด้วยอาวุธมากมายพร้อมกับกำลังสังเกตการณ์คนที่กำลังออกมาจากร้านอาหารหลง คู่มั่นของเขาได้ถูกตบและนี่มันเหมือนกับการตบหน้าเขาเช่นกันและทำให้เขาโกรธอย่างไม่สามารถให้อภัยได้

“ศิษย์พี่ ไอ้เด็กนั่นเข้าไปในนั้นกว่าสองชั่วโมงแล้วนะ แม้ว่ามันจะกินช้าขนาดไหนก็น่าจะใกล้ได้เวลาที่พวกมันจะออกมาแล้ว พวกเรานั้นได้เตรียมพร้อมกันเรียบร้อยแล้วและหากว่ามันออกมาเมื่อไหร่ เราก็จะลงมือทันที โทษฐานที่มันกล้ามากที่มาลงมือกับคู่มันของพี่”

ชายวันกลางคนที่หน้าตาเหมือนลิงได้เอานิ้วท้าวคางไว้พร้อมพูดออกมา

ซูวเมียนเขวียนได้พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า

“เราไม่สามารถจัดการมันหน้าร้านอาหารหลงได้เพราะที่นี้นั้นมีผู้คนพลุกพล่านและหากว่าเรารุมมันแล้วละก็ ตำรวจจะต้องมาที่นี่อย่างรวดเร็ว เราจะต้องรอไปก่อน ฉันคิดว่ายังมีอีกหลายๆที่ที่เราสามารถจัดการมันได้”

ชายที่หน้าเหมืองลิงนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า

“เราจะทำตามคำแนะนำของพี่ ฉันของนอนไม่หลับแน่ถ้าเราไม่ได้ทำให้มันพิการในวันนี้”

ณ ตอนนี้

ถังซิ่วและคังเซี่ยนได้เดินเคียงข้างกันออกมาจากห้องอาหารหลง

“เธอไม่ไปกลับพวกเขางั้นหรอ ?”

ถังซิ่วมองด้วยความประหลาดใจเพราะคนทั้ง20คนนั้นได้ไปที่ลานจอดรถแต่เธอกลับออกมากับเขา

คังเซี่ยนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“บอสยังไม่กลับแล้วฉันกล้าที่จะกลับได้อย่างไรกัน ”

ถังซิ่วคิดสักครู่ก่อนที่จะถามออกมาว่า

“เธอมีอะไรที่จะถามฉันงั้นหรอ ? พูดมาสิ ! ถ้าตอบได้ฉันก็จะตอบ”

คังเซี่ยนยกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกับสรรเสริญออกมาว่า

“บอสนี่สมกับเป็นบอสจริงๆเลย ความคิดของฉันคงไม่สามารถหลบสายตาของคุณได้ จริงๆแล้วฉันอยากจะถามว่าคุณได้ไปเอาคนเหล่านี้มาจากที่ไหนกัน ? พวกเขานั้นดูเหมือนกับทหารรับจ้างของต่างประเทศ? ในตอนที่เรากำลังทานอาหารกันอยู่นั้นฉันก็ได้เห็นแผลจากการโดนยิงและแทงที่แขนของซ่งไทกุย”

ซ่งไทกุย!

หัวหน้าของคนเหล่านั้นที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาและดื่มหนักที่สุดเช่นกัน

ถังซิ่วพูดขณะที่ส่ายหัวออกมาว่า

“ฉันเองก็ไม่รู้ความเป็นมาของพวกเขาเช่นกันแต่พวกเขาเป็นคนที่ถูกฝึกมาโดยคนที่ฉันไว้ใจและฉันจึงเชื่อในตัวของพวกเขา นอกจากนี้เวลาที่เธอปฏิบัติต่อพวกเขาก็ไม่ใช่แค่เมตตาเท่านั้นแต่ก็ต้องเชื่อในตัวพวกเขาด้วย เชื่อฉันเถอะว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อย่าว่าแต่เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยเลย เธอจะให้พวกเขาไปเป็นนักฆ่าก็ยังถือว่ามีความสามารถเกินกว่านั้นอย่างแน่นอน”

คังเซี่ยนพูดออกมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจว่า

“ความหมายของคุณคือ…………. พวกเขาเคยเห็นคนตาย ? ”

ถังซิ่วพูดออกมาว่า

“ไม่ใช่แค่เคยเห็นเท่านั้นแต่ยังเป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายที่คืบคลานขึ้นมาจากกองภูเขาแห่งซากศพและทะเลเลือดด้วยซ้ำ ฉันบอกได้เลยว่าคนที่พวกเขาฆ่าไปนั้นต้องไม่ต่ำกว่าโหลนึงแน่นอน อ่อลืมไป สิ่งที่ฉันบอกเธอนั้น ห้ามเธอแพร่งพรายออกไปโดยเด็ดขาด ”

“พวกเขา…………”

เธอนั้นเป็นเพียงแต่นักธุรกิจเท่านั้นจึงชะงักไปกับคำพูดที่ถังซิ่วได้พูดออกมา

ถังซิ่วพูดต่อว่า

“คังเซี่ยน เธอไม่จำเป็นต้องไปสนใจอดีตของพวกเขา เธอจำไว้แค่ว่าพวกเขาเป็นคนรักษาความปลอดภัยของเธอและเป็นเหล่าคนที่เธอเชื่อถือได้ก็พอ ”