…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

นัยน์ตาของรองผู้อำนวยการหลุยนั้นหดลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องแค่นี้นั้นจะทำให้ผู้อำนวยการถึงกับมาที่นี่ด้วยตัวเองแถมจากท่าทางนั้นเหมือนว่ากำลังยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับเขาไม่มีผิด

“เวรเอ้ย ดวงซวยเพราะไอเวรซูชางเหวินนี่จริงๆ”

เขาได้สาปแช่งอยู่ในใจพร้อมยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและพูดว่า

“ท่านผู้อำนวยการ ผมว่าเราควรจะสืบสวนเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดเพราะว่าผมคิดว่านางพยาบาลคนนี้นั้นแต่งเรื่องขึ้นมา ผมคิดว่ามันเป็นแค่ความเข้าใจผิดและเรื่องขัดแย้งเล็กน้อยของครอบครัวเขาเท่านั้น”

หลี่ฮงจี้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า

“จะมีข้อขัดแย้งอะไรก็ช่าง ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะเพราะตอนนี้ผู้ป่วยกับลังพักฟื้น จะทำยังไงหากอาการเธอทรุด ? ”

“นี่”

รองผู้อำนวยการหลุยนั้นถึงกับเหว่อพร้อมแอบสาปแช่งซูชางเหวินมากขึ้น

หลีฮงจี้มองไปที่ซูชางเหวินและพูดออกมาเบาๆว่า

“พวกคุณคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกับผู้ช่วยแล้วทำอะไรก็ได้งั้นหรอ ? พวกคุณนั้นไม่สนใจอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยแม้แต่น้อยและกลับทำร้ายเธออีก นี่คือสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวงั้นหรอ ? ฉันจะขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าโรงพยาบาลของเราจะไม่ต้องรับพวกคุณอีกต่อไปและขอให้ออกไปเดี๋ยวนี้ไม่อย่างงั้นผมจะให้หน่วยรักษาความปลอดภัยลากออกไป”

ซูชางเหวินรู้สึกใจหายตั้งแต่ที่เห็นผู้อำนวยการมาที่นี่แล้วและเมื่อเขาได้ยินคำพูดของผู้อำนวยการนั้นก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกไม่อยากจะเชื่อยิ่งกว่าเดิม เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้อำนวยการถึงต้องปกป้องซูหลิงหยุนขนาดนี้

คุณถัง ?

ซูชางเหวินได้นึกถึงชื่อเมื่อก่อนหน้านี้ที่ได้ยินมาจากปากของหัวหน้าแผนกและตอนนี้ก็ได้ยินเสียง “เฮื้อก”ออกมาจากลำคอของเขาเพราะเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณถังที่พูดนั้นคือถังซิ่วที่เป็นแค่เด็กมัธยมเท่านั้น เขาไม่เข้าใจเลยว่าถังซิ่วนั้นมีคุณสมบัติอะไรที่สามารถทำให้ผู้อำนวยการไม่ไว้หน้าใครขนาดนี้

อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะรองผู้อำนวยการหลุย ?

หรือผู้อำยวนการต้องการจะจัดการกับรองผู้อำนวยการอยู่แล้วแต่ยังไม่มีโอกาส ? แล้วตอนนี้เขาก็ได้ใช่โอกาสจากเรื่องนี้ ? เพื่อจัดการกับรองผู้อำนวยการ ? งั้นก็หมายความว่าเขาจะติดร่างแหไปด้วยหนะสิ ?

เมื่อซูชางเหวินคิดได้ถึงตรงนี้เขาก็พูดเชิงขอโทษออกมาว่า

“ท่านผู้อำนวยการหลี่ ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้วและผมนับถือคุณเป็นอย่างมาก ! ผมและรองผู้อำนวยการนั้นเป็นแค่คนรู้จักห่างๆกันเท่านั้น หากเขาได้ไปล่วงเกินคุณ ท่านก็ควรจะจัดการเขาแล้วอย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเลย”

“ซูชางเหวิน ไอสัสหมา!!!”

รองผู้อำนวยการหลุยไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าซูชางเหวินจะกล้าหักหลังเขาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งแสดงสีหน้าอย่างไร้อารมณ์ขนาดนี้

ซูชางเหวินพูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“รองผู้อำนวยการหลุย เรื่องนี้นั้นเป็นปัญหาของนายและท่านผู้อำนวยการ ทำไมจะต้องเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย ? พวกฉันเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นและไม่อยากเข้าไปพัวพันกับปัญหาของนาย พวกเรานั้นมาเพื่อเยี่ยมน้องสาวเท่านั้นและในเมื่อเราเยี่ยมเสร็จแล้วก็ขอตัวลาล่ะ ”

“ซูชางเหวิน………”

รองผู้อำนวยการหลุยนั้นโกรธเป็นอย่างมากพร้อมเพลิงนรกได้ท้วมอยู่ภายในหัวสมองของเขาพร้อมกับกระโจนใส่ซูชางเหวินที่กำลังเดินออกไปพร้อมต่อยเขาอย่างรุนแรงอย่างไม่หยุดยั้ง

เขาจะต้องระบายความโกรธนี้!

เขาไม่ได้เลือกที่จะระบายมันกับซูหลิงหยุน ไม่ใช่กับนางพยาบาลหรือหัวหน้าแผนกและแน่นอนว่าคงไม่ใช่ผู้อำนวจการแต่เป็นซูชางเหวินที่กล้าหักหลังเขา ชูชางเหวินในตอนนี้นั้นกำลังถูกกระหน่ำไปด้วยฝายุแห่งกำปั้นพร้อมกับโห่ร้องออกมาอย่างโอดครวญ

“หยุดเดี๋ยวนี้ !”

ซางเหม่ยหยุนนั้นไม่เคยคิดเลยว่ากำลังเสริมที่สามีเธอโทรเรียกมานั้นกลับเป็นคนทำร้ายเขาแถมยังทารุณเป็นอย่างมาก หลักจากที่เธอเรียกสติกลับมาได้แล้วนั้นเธอก็รีบวิ่งไปที่รองผู้อำนวยการเพื่อขวางเขาทันที

เฉินเต่าได้รีบยื่นมือเข้าไปขวางซางเหม่นหยุนก่อนที่จะกดตัวเธอลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว

หลี่ฮงจี้นั้นกำลังเหวอไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เคยคิดเลยว่ารองผู้อำนวยการจะกล้าลงมือกับซูชางเหวิน หลักจากที่เขาเรียกสติคืนมานั้นเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ารองผู้อำนวยการนั้นเป็นคนที่น่าเศร้าเพราะตัวเองถึงกับออกมาปกป้องซูชางเหวินแท้ๆแต่กลับโดนมันกัดซะเอง

“โอ้………….”

หลังจากที่หลี่ฮงจี้ถอนหายใจออกมานั้น เขาก็รีบโบกมือให้ไปหยุดรองผู้อำนวยการ

หลี่ฮงจี้โบกมือพลางพูดออกมาว่า

“ส่งเขาไปยังห้องฉุกเฉินและให้คนตรวจอาการของเขาซะและหากว่าเขาไม่ด้รับบาดเจ็บภายในก็ไล่เขาออกไปซะ ! และจำไว้ด้วยว่าหากใคนกล้ามาก่อปัญหาที่โรงพยาบาลอีกก็เตะพวกมันออกไปได้เลย !”

“รับทราบ ! ”

เฉินเต่าได้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่หลี่ฮงจี้และหัวหน้าคนอื่นๆได้ขอโทษต่อซูหลิงหยุนแล้วนั้นเขาก็ได้กล่าวชื่นชมพยาบาลและหัวหน้าแผนกส่วนเรื่องจัดการกับรองผู้อำนวยการนั้นเขาจะส่งเรื่องนี้ให้สภาเป็นคนจัดการ

ในห้องวีไอพี

ซูหลิงหยุนนั้นถึงได้รับความห่วงใยจากเหล่าผู้อำนวยการแล้วก็ยังรู้สึกเศร้าใจเพราะว่า

ใครคือซูชางเหวิน ?

เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของเธอ

ก่อนหน้านี้เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเขานั้นเป็นคนที่ไร้ยางอายแต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมากถึงขนาดนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นนอกห้องนั้นเธอก็ได้เห็นหมดแล้ว เธอได้เห็นฉากที่พี่ชายแท้ๆของเธอได้หักหลังรองผู้อำนวยการและนั่นทำให้เธอรู้สึกละอายมากๆที่มีพี่ชายอย่างเขา

“มันคงจะเหมือนที่ลูกว่าล่ะ ซูชางเหวินและซางเหม่ยหยุนนั้นไม่เหมาะจะเป็นคนด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ได้ก็ถือซะว่าพวกเขาเป็นแค่คนแปลกหน้า”

ในขณะนี้

ซูหลิงหยุนฝืนใจตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับพี่ชายของเธอนับจากวันนี้

เรื่องที่เกิดในตอนนี้นั้นบั่นโฉวและดิ่งซี่ได้เฝ้าดูอยู่ใกล้ๆเพียงแต่ไม่ลงมือเพราะว่าซูชางเหวินนั้นยังไม่ได้ลงมือกับเธอ นั่นเป็นเหตุให้พวกเขาไม่แสดงตัวออกมา

หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้โทรศัพท์ไปรายงานเรื่องทั้งหมดแก่ถังซิ่ว

เมืองประตูทิศใต้

ถังซิ่วและคนอื่นๆที่กำลังนั่งทบทวนบทเรียน หลังจากที่เขาได้รับสายและรู้ถึงเรื่องทุกอย่างนั้นทำให้เขาพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ตัวเขาเองนั้นรู้อยู่แล้วว่าสองสามีภรรยาคู่นั้นมันเป็นคนเลวทรามแต่เขานั้นเป็นห่วงความรู้สึกของแม่และจึงไม่ได้ลงมือกับพวกเขาแต่นี้พวกเขากับกล้าที่จะล่วงเกินซ้ำแล้วซ้ำเล่าและมันทำให้เขาหมดความอดทนไปในที่สุด

ช่วงบ่าย !

ถังซิ่วได้โทรไปหาเฉินซีซ่งและหลงเซ้งหยูโดยให้จัดการบริษัทของชางเหวินให้ล้มละลายและไม่ให้เขาสามารถยืนขึ้นได้อีกครั้งพร้อมกับเน้นย้ำว่าทำยังไงก็ได้ให้พวกเขาต้องจบชีวิตอย่างอนาถอยู่ภายในคุก

ก่อนรุ่งอรุณ

ขณะที่คนอื่นๆกำลังหลับนั้น ตัวของถังซิ่วเองได้ไปที่โกดังเก็บของพร้อมกับเริ่มลงมือทำการทดสอบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพของเขา

เพราะว่าเขาจำเป็นที่จะต้องนำมันเข้าสู่ตลาดและมันจะเกิดนความผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย หลังจากที่เขาได้ทดลองไปกว่า15ครั้งแล้วนั้นก็สามารถสร้างยาตัวเดียวกับที่ได้ให้หลงเซ้งหลินไปก่อนหน้านี้แต่เขาก็ทำให้แน่ใจว่าผลของมันนั้นจะน้อยกว่าสิบเท่าของที่ให้เขาไปส่วนปริมาณนั้นก็ต้องเพิ่มขึ้น

เขาคิดคร่าวๆว่าอย่างน้อยจะต้องดื่มถึง20ขวด ผลลัพธ์ถึงจะเทียบเท่ากับขวดเล็กๆที่หลงเซ้งหลินได้ไปก่อนหน้านี้

นี่เป็นหลักการของการทำเงิน

ในดวงตาของถังซิ่วนั้นได้เกิดประกายขึ้นมาเพราะเขามั่นใจว่าหากสินค้าชิ้นนี้ถูกปล่อยออกไปในตลาดนั้นจะต้องสร้างแรกสั่นสะเทือนได้อย่างแน่นอนและมันควรจะขายดีเสียยิ่งกว่าผลิตภัณฑ์เสริมความงามทั้งสองอย่างแน่นอน

ถังซิ่วได้เขียนสูตรของตัวยาลงในกระดาษก่อนที่จะกลับไปที่วิลล่าของเขา

เวลาผ่านไป

ชั่วพริบตาก็ได้เริ่มวันใหม่

ถังซิ่วได้เลิกเรียนแล้วกลับมาที่วิลล่าของเขา ฉากที่เขากำลังมองอยู่นั้นถึงกับทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเพราะมีชายใส่สูทสีดำกว่า20คนกำลังยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าโครงการขณะที่ถูกขวางไว้โดยหน่วยรักษาความปลอดภัยของโครงการกว่า30คน

ผู้จัดการหลงซูเหยานั้นกังวลเป็นอย่างมากแต่เธอก็ไม่ได้แจ้งตำรวจเพราะชายทั้ง20คนนั้นกำลังยืนอย่างมีวินัยและไม่ได้เข้ามาก่อปัญหาข้างในวิลล่าในโครงการแม้แต่น้อย

แม้กระทั่ง!

หัวหน้าของคนพวกนั้นเองก็ได้บอกว่าพวกเขากำลังมารอบอส

หลงซูเหยานั้นรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าคนยิ่งใหญ่ที่ไหนจะเป็นบอสของคนเหล่านี้กัน ?

หน่วยรักษาความปลอดภัยของโครงการนั้นก็เป็นทหารที่มากด้วยความสามารถที่เกษียณอายุมาทั้งหมดและคนธรรมดาไม่สามารถเทียบกับพวกเขาได้แม้แต่น้อยทว่าเมื่อเทียบกันกับชายทั้ง20คนนั้นพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยของเธอก็ดูเหมือนเด็กไปเลย

ทันใดนั้น

ดวงตาของเธอนั้นกระจ่างใสขึ้นเมื่อเห็นว่าถังซิ่วได้กลับมาที่นี่พร้อมกับโยนความกังวลภายในใจทิ้งไปและเดินตรงไปที่เขาด้วยรอยยิ้มพร้อมพูดว่า

“สวัสดีคุณถัง ! ยินดีต้อนรับกลับค่ะ !”

ถังซิ่วพยักหน้าและพูดว่า

“อื่ม พอดีที่โรงเรียนนั้นกำลังอยู่ในช่วงวันหยุด”

โรงเรียนหยุด ?

หลงซูเหยาไม่รู้มาก่อนเลยว่าถังซิ่วนั้นเป็นเด็กนักเรียนและเมื่อเธอได้ยินขคำพูดของเขานั้นก็ทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปยังฉากใกล้ๆพร้อมอธิบายออกมาอย่างขมขื่นว่า

“คุณถัง คุณไม่จำเป็นต้องกังวลนะค่ะ ถึงฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าบอสของคนเหล่านั้นอยู่ที่ไหนแต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเพราะหน่วยรักษาความปลอดภัยของเราอยู่ที่นี่แล้วและพร้อมจะเข้าแก้ไขอย่างรวดเร็ว”

ถังซิ่วได้มองแบบแปลกๆไปที่ชายทั้ง20คนที่ยืนตัวแข็งเหมือนกับรูปปั้นพร้อมกับความรู้สึกพึงพอใจอยู่ภายใน เขารู้ได้เลยว่ากู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้เขาอย่างแน่นอนก่อนที่เขาจะหันไปทางหลงซูเหยาพร้อมพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า

“พวกเขาไม่ทำอะไรอยู่แล้วหละเพราะผมเป็นบอสของพวกเขาเอง”