ผู้คนจากหมู่บ้านหินผาเดินทางมาถึงส่วนลึกของของหุบเขามืดอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงเหล่าต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้ากลับหักโค่นจนเหลือแค่ลำต้น ซากสัตว์ร้ายหลากหลายต่างกระกระจายแลดูวุ่นวาย

สองสัตว์ร้ายกำลังติดพันกับการต่อสู้อย่างดุเดือด ก่อให้เกิดการตะลุมบอนด้วยเหตุนี้จึงทำให้สัตว์ร้ายล้มตายไปมากมาย พวกหมู่บ้านหมาป่าจึงสบโอกาสลอบติดตามกลุ่มของฉีเฟยเฉียว เพราะในตอนนั้นพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

ซากสัตว์ร้ายพวกนั้นกองซ้อนกันกลายเป็นพเนินขนาดย่อม และก็ขนย้ายออกไปด้วยกำลังของพวกหมู่บ้านหมาป่าจนเหลือแต่ความว่างเปล่า หลังจากฉีหลิงหู่กลับมาถึง เขาก็ทำได้เพียงขบกรามแน่นด้วยความโกรธ มันจะมากเกินไปแล้ว เหยื่อที่กลุ่มชาวบ้านล่ามาด้วยความเหนื่อยยากกลับโดนช่วงชิงไปเสียฉิบ

“ตามไป!!”

พวกเขาหยุดไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะไล่ตามร่องรอยของพวกหมู่บ้านหมาป่าอย่างรวดเร็ว ทั้งยังคาดว่าพวกหมู่บ้านหมาป่าจำเป็นต้องลดความเร็วเพื่อช่วยกันขนซากเหยื่อมากมายอย่างแน่นอน พวกมันทิ้งร่องรอยเอาไว้เต็มไปหมดทั้ง ขนสัตว์ เกล็ดเลือด สิ่งเหล่านี้ช่วยเปิดเผยเส้นทางการเดินทางของหมู่บ้านหมาป่า

“ระวังตัวกันไว้ด้วย!!”

ฉีหลิงหู่โบกมือเป็นการส่งสัญญาณให้หยุดขบวน เขาก้มลงแล้วใช้มือปัดเศษใบไม้บริเวณตรงหน้าเขาออก จากนั้นพลันเผยให้เห็นหลุมดำขนาดใหญ่ ภายในหลุมเต็มไปด้วยหนามเหล็กกล้าที่จ่อขึ้นมาราวกับจะทิ่มแทงท้องฟ้า ถ้าทุกคนตกลงไปเครื่องในคงถูกเสียบทะลุออกมาเป็นแน่

“เจ้าเด็กน้อยนี่อำมหิตเสียจริง”

ทุกคนในหมู่บ้านศิลาเพิ่มความโกรธขึ้นไปอีก นี่ยังอยู่ภายในเขตของหมู่บ้านของพวกเขา แต่เจ้าหมู่บ้านหมาป่ากลับกล้าทำอย่างไม่ปราณีกันเช่นนี้ ถ้าพวกเขาตกลงไปคงกลายเป็นโศกนาฏกรรมอย่างแน่นอน

หลังจากเดินทางไปได้ 8 ถึง 9 ลี้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็มีกระแสลมคลั่งพุ่งเข้าหาคอหอยของฉีหลิงหู่ แสงเย็นเยียบคล้ายสิ่งเลวร้ายจากนรกทะยานเข้าหาราวกับจะกระชากวิญญาณ มีความเร็วดุจฟ้าแลบเจตนาเข่นฆ่าให้ตายอย่างเลอะเลือน

เป็นลูกธนูเหล็กเร็วยาว 1.3 เมตร พุ่งเข้ามาด้วยพลังและความเร็วอันน่าสะพรึงจนสามารถเจาะทะลวงเกราะที่ทำจากหนังช้างเขามังกรได้อย่างแน่นอน ไม่แปลกเลยที่จะสามารถเจาะทะลุเกราะเหล็กสามชั้นได้ตามที่เหล่าบุรุษได้เล่าให้ฟัง ช่างน่ากลัวเหลือกัน

ทันทีที่เข้ามาในส่วนลึกของหุบเขามืด ก็ประสบกับลูกธนูที่แผ่รังสีแหลมคมยิงออกมาต้อนรับอย่างแยบคาย นั่นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันการจู่โจมเยี่ยงนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ฉีหลิงหู่ผู้อาจหาญและดุดันจนไม่อาจคาดคะเนได้ ด้วยปฏิกิริยาราวกับปีศาจ เขาเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างอย่างทันท่วงที

หลบพ้นจากภยันตรายแต่ลูกธนูอันแสบร้ายกาจก็ยังสามารถกรีดที่ด้านข้างคอของเขา ฝากรอยเลือดเล็กๆที่ไหลซึมออกมาจากรอยถากที่ผิวหนังด้วยหัวลูกศร หากหลบไม่ทันลูกธนูคงได้พุ่งทะลุคอหอยตายอย่างโง่งมเป็นแน่

ในตอนนี้เสียงหวีดหวิวของอากาศอันเกิดจากการฝ่าอากาศอย่างรุนแรง บ่งบอกถึงความรุนแรงของลูกธนู

ชิ้ง!!

ลูกธนูพุ่งเข้าไปปักกับโขดหินไม่ไกลออกไป ทำให้เกิดเสียงเสียดสะท้านของโลหะ นี่เป็นพลังแบบไหนกันแน่ถึงสามารถยิงลูกธนูที่หนักออกมาได้รุนแรงถึงเพียงนี้ จะมีซักกี่คนที่สามารถต่อกรกับธนูที่ร้ายแรงแบบนี้ได้ เพียงแค่คิดว่าหากถูกยิงด้วยลูกศรนี่แล้ว ก็ทำให้จิตใจเย็นเฉียบลงทันที

เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน ฉีหลิงหู่รู้สึกเจ็บแป๊บที่ลำคอ ดวงตาหรี่ลงอยากเย็นเยียบ เขาพึ่งจะหลีกเลี่ยงจากความตายได้อย่างฉิวเฉียด

ในแถบเขาไกลออกไป เด็กหนุ่มถือคันธนูยืนอยู่บนพื้นดินด้วยผิวกายอันเย็นเฉียบ ตาทั้งคู่ของเขาหรี่ลงส่องประกายน่าขนลุกจดจ้องไปยังทิศทางหนึ่ง

“เจ้าเด็กนรกนั่นอีกแล้ว!!” ช่วงเวลานั้น ฉีเฟยเฉียวและคนอื่นตะคอกออกมาด้วยความโกรธแค้นที่ท่วมท้น เจ้าเด็กเย็นชาที่สามารถทำร้ายเหล่ายอดฝีมือในหมู่บ้านให้สาหัสไปตามๆกัน

เด็กหนุ่มที่อายุ14 ถึง 15 ปี รูปร่างสูงโปร่งกับผมนุ่มลื่นเงางามสีดำสนิท ผิวของเขาเรียบเนียนทั้งยังดูหล่อเหลา จะมีก็แค่สายตาไร้สำนึกที่คอยบดบังความสง่างามของเขาทำให้ดูคล้ายสัตว์ป่าที่เปี่ยมไปด้วยความเหี้ยมโหด

ข้างหลังของเด็กหนุ่ม กลุ่มคนประมาณ 70ถึง 80 คนกำลังลากซากสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ โดยทิ้งเส้นทางโลหิตสายหนึ่งบนพื้นหุบเขา ขวากหนามและต้นหญ้าถูกถางเป็นเส้นทางสำหรับเคลื่อนย้าย

“เจ้าเด็กกะโปก นอกจากยิงธนูแล้ว อย่างเจ้าจะทำอันใดได้อีก เข้ามาเซ่ หากเจ้ากล้าพอ ข้าจะถลกหนังหัวเจ้าด้วยมือคู่นี้เอง” ชาวบ้านบางคนคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล

ดวงตาของเด็กหนุ่มแฝงด้วยความเย็นเยียบ ง้วงสายธนูแล้วเล็งไปที่ชายผู้นั้น

เปรี้ยง..

ลูกธนูสองดอกปะทะกันกลางอากาศอย่างรุนแรงจนเกิดประกายไฟและส่งเสียงดังสนั่นบาดแก้วหูผู้คนนัก ลูกธนูสองดอกหักล้างกันอีกแล้วล่วงลงสู่พื้น

ทุกคนสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ ความสามารถในการยิงธนูช่างไม่ธรรมดานัก ทั้งที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ กลับสามารถต่อกรกับชายที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านอย่าง ฉีหลิงหู่ได้

ควิ้ง ควิ้ง

ภายในป่าเกิดประกายไฟไปทั่วทิศทาง ลูกธนูมากกว่าสิบดอกปะทะกันกลางอากาศเกิดเสียงเหล็กกระทบกันอย่างต่อเนื่อง ดอกแล้วดอกเล่าที่ล่วงลงสู่พื้น สั่นสะท้านแก้วหูผู้คนนัก

การประมือกันระหว่างมือธนูมือฉมังในสมรภูมิที่เป็นพื้นที่เปล่าเปลี่ยว

ฉีหลิงหู่ชายผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านประมืออย่างสูสีกับเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คนที่กำลังดูอยู่ เด็กหนุ่มผู้นั้นคงสามารถยกหม้อทองแดงหนัก 6000 จินได้สบาย

ผู้คนต่างสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ หากเด็กหนุ่มผู้นี้เติบโตขึ้นมาในภายภาคหน้าคงมีความแข็งแกร่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่านี้เป็นแน่ ทำให้ผู้คนหวาดกลัวยิ่งนัก

“เหล่าสหายแห่งหมู่บ้านศิลาเอ๋ย อภัยให้แก่พวกเราเถอะ พวกเราจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเหล่าสัตว์ร้ายเป็นจำนวนมาก มอบเหยื่อให้แก่พวกเราในตอนนี้ แล้วพวกเจ้าจะได้สิ่งตอบแทนในวันข้างหน้า” ชายวัยกลางคนปรากฏตัวออกมากล่าวเสียงดังอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“พวกเจ้าแย่งชิงเหยื่อของพวกเราหน้าด้านๆทั้งยังล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของพวกเราอย่างจงใจ พวกพ้องของข้าต่างบาดเจ็บสาหัสเพราะคมธนูของพวกเจ้ามากมาย แล้วยังมีหน้าจะมาถามหาคำว่าให้อภัยงั้นหรือ เพราะเหตุใดกันจึงทำให้พวกเจ้ากระทำการอันบัดซบเยี่ยงนี้” ฉีหลิงหู่แผดเสียงออกมาอย่างโมโห

“ข้อพิพาทเหล่านี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งก่อให้เกิดการนองเลือดขึ้น จงวางเฉยเสียเด็กน้อยแล้วจะเข้าใจเหตุผลเอง” หัวหน้ากลุ่มนักล่าแห่งหมู่บ้านหมาป่ากล่าวตอบ

ผู้คนจากหมู่บ้านหินผารู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังจะระเบิดออกมา พวกหมู่บ้านหมาป่าจู่โจมอย่างเหี้ยมโหดทั้งยังขโมยเหยื่อของพวกตนไป แล้วพวกมันยังจะมาข่มขู่พวกเราอีกงั้นหรือ ไร้เหตุผลสิ้นดี

“งั้นก็มาเข่นฆ่ากันเถอะ” ฉีเฟยเฉียวตะคอกออกมา

“คิดว่าพวกเราจะกลัวพวกเจ้างั้นหรือ” หัวหน้ากลุ่มนักล่าแห่งหมู่บ้านหมาป่าตอบสวนกลับไป เขาปรากฏตัวออกอย่างผ่าเผยด้วยส่วนสูง 2.34เมตรทั้งยังแผ่รังสีคุกคามออกมา

ชิ้ง ชิ้ง !!

เสียงของบรรดาอาวุธที่ถูกชักออกมา กลุ่มคนที่ถือดาบต่างจรดดาบขึ้นมาเตรียมพร้อมเปล่งประกายเย็นยะเยือกออกมา รังสีฆ่าฟันแผ่ทะลุอากาศเกิดคลื่นกระแทกทำให้ใบไม้ปลิวว่อน

“พวกเราแนะนำให้พวกเจ้ากลับไป แต่ถ้ายังกล้าเข้ามาอีกล่ะก็ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าด้วยศรดอกเดียว เวลานี้จะไม่มีการปราณีอีกต่อไป” เด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาแห่งหมู่บ้านหมาป่าเอ่ยออกมาด้วยถ้อยคำโอหัง

ฉีหลิงหู่กล่าวออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าเด็กน้อย ถึงแม้เจ้าจะเป็นอัจฉริยะหรือน่ากลัว อย่างไรก็ตามเพราะความโอหังของเจ้าจะทำให้เจ้าตายไม่สวยแน่”

ในเวลานั้นเอง เขาง้วงคันธนูแล้วปล่อยศรออกไป นี่คือการประกาศคำตอบของพวกเขา ว่าพวกเขาต้องการสิ่งใด ใช่แล้ว!!! สงครามเท่านั้น

เคร้ง

ลูกธนูปะทะกันอีกครั้ง ทำให้เกิดเสียงสะท้อนไปมาในหุบเขา

“ฆ่า!!!!”

ทุกคนชาวหมู่บ้านศิลาต่างน้าวสายธนูยักษ์ ตั้งท่าด้วยดาบยักษ์ ควงกระบองเขี้ยวหมาป่า พวกเขาเปรียบเสมือนสัตว์ร้ายที่กำลังออกล่า เหมือนดั่งพายุแห่งการเข่นฆ่ากำลังโหมกระหน่ำแล้วพุ่งออกไปราวเต้นรำด้วยบทเพลงแห่งความกระหายเลือด

พวกชาวหมู่บ้านหมาป่าทั้งหมดสูงใหญ่และแข็งแรง พวกเขาตั้งท่าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต

ในขณะนั้นเอง ร่างเงาเล็กๆคล้ายนกกระจิบพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วแล้วตะโกนออกมา “พวกเจ้าขโมยอาหารที่จำเป็นต่อชีวิตของพวกเรา อีกทั้งตั้งใจจะสังหารท่านลุงของข้า ทั้งที่ท่านลุงของข้าและคนอื่นๆต่างก็เป็นคนดี พวกเจ้ามันนิสัยเสีย”

ใบหน้าของฉีเฮ่าน้อยแดงกล่ำเพราะความโกรธ มือของเด็กน้อยกำแน่นและนัยน์ตาลุกโชนไปด้วยความเดือดดาล ตั้งแต่เด็กเติบโตมาต่างก็ได้รับความอบอุ่นและสุขสบาย ไม่เคยเผชิญกับผู้คนป่าเถื่อนเช่นนี้มาก่อน

ทุกคนในหมู่บ้านหมาป่าต่างก็แปลกใจและเริ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง พวกเขาคาดไม่ถึงว่าหมู่บ้านหินผาจะมีเด็กน้อยสามขวบตามมาด้วย แต่นั้นก็ไม่แตกต่างจากเดิมมิใช่หรือ

วิ้ง!!!

ศรดอกหนึ่งพุ่งทะยานแหวกอากาศออกมา เจ้าเด็กหนุ่มนั่นยังเย็นชาและไม่แยแส เขาน้าวคันธนูอันใหญ่โตแล้วเล็งยิงไปที่เด็กน้อย

ราวกับมีเปลวไฟพวยพุ่งออกจากนัยน์ตาของทุกคนในหมู่บ้านศิลา จะไม่ให้พวกเขาโกรธแค้นได้อย่างไร นั่นเป็นเด็กน้อย เป็นเด็กน้อยที่ฉลาดและน่าเอ็นดู พวกศัตรูตั้งใจจะสังหารแม้แต่เด็กน้อย ทุกคนโกรธจนผมลุกชี้ชัน

ฉีหลิงหู่ง้างธนูอีกครั้งหนึ่ง เขาตั้งใจจะทำลายลูกธนูของเด็กผู้นั้น อย่างไรก็ตาม เขาแสดงสีหน้าแย่ลงทันที

นั่นเพราะว่าตอนนี้ เด็กหนุ่มผู้นั้นปล่อยศรออกมาสี่ดอกภายในคราวเดียวเหมือนกับมีแสงที่เย็นเยียบสี่สายพุ่งทะลวงฝ่าอากาศดุจสายฟ้า แต่ฉีหลิงหู่ไม่มีเวลาพอที่ทำลายลูกธนูสามดอกที่เหลือ ศัตรูผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้

ลูกธนูสามดอกพุ่งประสานกัน ทิ้งตัวฝ่าอากาศลงมา ลูกธนูเหล็กกล้าขนาด1.3เมตรทะลวงเป็นเส้นตรงเข้าหาลำคอของเด็กน้อย ความกลัวแผ่ซ่านถึงทุกคน

ตอนนั้นเอง เด็กน้อยพลันคว้าจับลูกธนูเหล่านั้น สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคน พลางตะโกนออกไป “อย่ามาขวางทางข้านะ”

พวกเขารู้ว่าฉีเฮ่าเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์โดยธรรมชาติ แต่ไม่คาดคิดว่าจะมากขนาดนี้ แม้ว่าเด็กน้อยจะสามารถยกหม้อทองแดงน้ำหนักพันจินได้ ฝ่ายศัตรูเองก็มีประสบการณ์มากกว่า อีกทั้งยังมีพละกำลังพลังพอๆกับฉีหลิงหู่

“นี่ข้าสู้เด็กไม่ได้หรือนี่” ดวงตาของบรรดาชาวบ้านหินผาแทบถลนออกมานอกเบ้า

ฉับ….

อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยยังสามารถทำสิ่งที่เหนือกว่านั้นได้อีก โดยใช้มือซ้ายฟาดฟันไปที่ลูกธนูขาดครึ่งทันที ทำให้ลูกธนูกระเด็นไปคนละทิศละทาง ภาพตรงหน้าทำให้ผู้คนอ้าปากค้างไร้ซึ่งคำพูดใดๆ

แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สังเกตเห็นสัญลักษณ์แวบเดียวที่ฝ่ามือของเด็กน้อยก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

ฟ้าว!!

เฮ่าน้อยถีบตัวพุ่งไปข้างหน้าและทิศทางที่พุ่งไปคือ เด็กหนุ่มแห่งหมู่บ้านหมาป่า!!