“ท่านพ่อ!!” ไป่หัวพุ่งทะยานออกมาจากหมู่บ้านทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้วพาตัวเองไปหาบิดาของตนแล้วกุมแขนของฉีฉู่ชาน “เกิดอะไรขึ้น ใครทำร้ายพ่อข้า”

มารดาของไป่หัวก็วิ่งตรงเข้ามาทั้งน้ำตาแล้วจับมืออีกข้างของฉีฉู่ชาน

“ร้องไห้ทำไมกัน ก็แค่โดนยิงด้วยลูกธนู ตอนล่าสัตว์ร้ายยังเจ็บกว่านี้อีก เลือดก็ไหลแค่นิดเดียว ไม่เป็นไรหรอกน่า” ฉีฉู่ชานถลึงตาใส่ทั้งสองคนให้เลิกร้องไห้ ช่างเป็นชายที่เอาแต่ใจยิ่งนัก

 

กว่าครึ่งขอร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด มีลูกธนูที่แทงทะลุเกราะเล็กของเขาเสียบทะลุปอดข้างขวาของเขาแล้วทะลวงออกทางด้านหลัง ลูกธนูยาวประมาณเมตรกว่า หัวลูกศรมีประกายวาววับอาบไปด้วยเลือด เป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

 

“พี่สะใภ้กับหลานชายอย่าร้องไห้เลย แม้ท่านพี่ฉู่ชานยังมีอาการสาหัส หลังจากได้รับการรักษาแล้วท่านพี่จะต้องกลับมาแข็งแรงดั่งโคถึกอย่างแน่นอน” ฉีเฟยเฉียวกล่าวปลอบ

นี่เป็นอาการการบาดเจ็บที่ไม่เบาเลย ถึงแม้ฉีฉู่ชานจะมีร่างกายที่แข็งแรง หากเขาไม่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างดี ในตอนนี้อาจเป็นบรรยากาศเศร้าสลดเพราะไม่อาจรักษาชีวิตไว้ก็ได้

นับว่าโชคดียิ่งนักที่ฉีหลิงหู่และคนอื่นๆช่วยกันบดยาสมุนไพรเพื่อมาประคบาดแผลของเขาและยังได้กินยาที่ได้มาจากการปรุงด้วยเลือดสัตว์ร้ายที่ผู้อาวุโสให้พกไปด้วย

“หยุดคร่ำครวญได้แล้ว โชคดีแค่ไหนแล้วที่รอดชีวิตกลับมาได้” หัวหน้า ฉีหยุ่นเฟิงเดินเข้ามาแล้วออกแรงกระชากลูกธนูออกทันที เลือดไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง แล้วทาบฝ่ามือไปที่บาดแผลอย่างรวดเร็วแล้วถ่ายทอดปราณลี้ลับก่อเกิดแสงกระจ่างคล้ายหมู่ดาวไปที่บาดแผล เพื่อปิดแผลและห้ามเลือด

ฉีหยุ่นเฟิงล้วงเอาขวดหยกขนาดเล็กออกมาจากอกเสื้อของตนและเทเอาเม็ดยาสีม่วงที่กำลังส่งกลิ่นหอมออกมาสองเม็ด เขานำยาออกมาเม็ดหนึ่งเพื่อบดให้เป็นผงแล้วใส่ไปที่บาดแผลและเม็ดที่เหลือให้ฉีฉู่ชานกินเข้าไป

หลังจากนั้นฉีฉู่ชานก็ถูกหามกลับบ้าน บรรดาชาวบ้านไม่ว่าบุรุษหรือสตรีคนแก่หรือแม้กระทั่งเด็กก็รวมตัวพากันมาเยี่ยมเขาพร้อมนำยาหลายขนานทั้งยังมีเนื้อสัตว์มามอบเป็นของขวัญเยี่ยมเยียน ภายในและภายนอกบ้านเต็มไปด้วยเสียงจอแจของชาวบ้านแต่ก็แฝงไปด้วยความจริงใจ ช่างชวนให้อบอุ่นหัวใจยิ่งนัก

“ท่านลุงจะต้องอาการดีขึ้นอย่างแน่นอน” เด็กน้อยเองก็เข้ามาเยี่ยมด้วยนอบน้อมพร้อมด้วยตะกร้าที่เต็มไปด้วยเบอร์รี่สีแดงสดที่ตนชอบ

“เอาล่ะ ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น” ภายในลานบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เหล่าบุคคลสำคัญในหมู่บ้านกำลังหารือกันอยู่ ฉีหยุ่นเฟิงขมวดคิ้วแล้วถามออกมา

“หัวหน้า ปัญหาของเรามาจากหมู่บ้านหมาป่าอย่างแน่นอน พวกมันล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตดินแดนของพวกเราแถมยังปล้นอูฐหกขาที่ฉู่ชานล่าได้อีก ทั้งยังมีเจตนาสังหาร โชคดีนักที่ฉู่ชานหลบได้ ไม่เช่นนั้นลูกธนูนั่นคงมุ่งสู่หัวใจอย่างแน่นอน ”    ฉีหลิงหู่กล่าวออกมาอย่างโมโห

ทุกคนเปลี่ยนสีหน้าทันที เจตนาสังหารอย่างนั้นหรือ

“นี่มันจะมากไปแล้ว พวกมันถึงกับไม่สนคำว่าซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา แม้ว่าหมู่บ้านของเราจะตั้งอยู่ห่างไปแค่ 10ลี้ แต่ก็ไม่เคยที่จะล้วงล้ำเขตแดนหรือจะพบกันเลย อย่างไรก็ตามทั้งเราและพวกมันต่างก็อาศัยอยู่หุบเขาแห่งนี้เหมือนกัน อย่างก็ควรมีการพูดจากันบ้าง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวออกมา

 

ฉีเฟยเฉียวพูดขึ้นมา “เจ้าเด็กที่ยิงธนูออกมาอายุประมาณ 14ปี ดูจากภายนอกแล้วไม่น่าจะเลวร้ายอะไรอีกทั้งยังดูพริ้มเพราและน่าดึงดูดด้วยซ้ำ แต่เขากลับมีจิตใจต่ำช้า ตอนที่เขายิงธนูใส่ฉู่ชานทำเหมือนแค่ว่ากำลังยิงใส่สัตว์ร้ายตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความลังเลยในดวงตาคู่นั้นเลย ช่างเย็นและอำมหิตยิ่งนัก”

 

ในเวลานั้นบรรดากลุ่มนักล่าของหมู่บ้านหินผาออกอาการเดือดดาลและอยากจะไปแก้แค้นซะเดี๋ยวนั้น อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามเองก็ไม่ได้อ่อนด้อย ทั้งยังถูกขัดขวางด้วยเสียงคำรามจากสัตว์ร้ายตอนที่สถานการณ์กำลังดุเดือด ทำให้ทุกคนต้องถอยกลับ เหตุการณ์นองเลือดจึงไม่ได้เกิดขึ้น

“ทำไมพวกมันจึงได้อุกอาจเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าพวกมันคิดว่าพวกตนเหนือเลยอยากจะทำอะไรก็ได้โดนไม่สนใจความรู้สึกของพวกเรา ที่พวกมันทำแบบนี้จะได้ประโยชน์อะไร” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยอย่างโกรธแค้น พวกเขาเองอาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งนี้และบรรดาชายฉกรรจ์เองก็มีความสำคัญต่อหมู่บ้านอย่างมาก แต่กลับมีคนกลุ่มอื่นอาจหาญจะเข้ามาสังหางใครก็ได้งั้นรึ

มีบางคนกล่าวเสริมว่า “เจ้าเด็กนรกนั่นไม่ธรรมดาเลย เจ้าเด็กนั่นทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย เหมือนกับเผชิญหน้ากับปี่เซี๊ยที่โตเต็มวัยอย่างใดอย่างนั้น ทั้งแข็งแกร่ง อำมหิตและไร้หัวใจ”

“ดูเหมือนว่าหมู่บ้านหมาป่าจะยกระดับโดยเจ้าเด็กพิเศษนั่นแน่ ทำให้ตอนนี้พวกมันคงเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานยิ่งนัก” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเหลือบตาไปทางหมู่บ้านหมาป่า

ไม่นานก็หันกลับมามองไปที่ฉีหลิงหู่แล้วกล่าวต่อว่า “พวกเราไม่อยากจะมีปัญหานักแต่พวกเราเองก็ไม่กลัวปัญหาเช่นกัน ยังไงก็เฝ้าระวังพวกมันไว้ หากมีเหตุการณ์เช่นเกิดขึ้นอีกก็อย่างลังเลที่จะสังหารพวกมันซะ”

“เข้าใจแล้วขอรับ” ฉีหลิงหู่พยักหน้าตอบรับ

ครึ่งเดือนผ่านไปเพียงพริบตา พวกหมู่บ้านหมาป่ามักรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตบ่อยครั้งและคอยวางกับดักสำหรับสัตว์ร้าย จนทำให้ชาวบ้านศิลาเกือบจะพลาดท่าให้กับเหล็กแหลมไปหลายครา

เพราะเหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้เกือบจะเกิดการนองเลือดอยู่หลายครั้ง แต่ในท้ายที่สุด พวกหมู่บ้านหมาป่าก็ถอยกลับไป

“พวกมันล่าสัตว์ร้ายกันอย่างไร ถ้าจำนวนคนเพิ่มขึ้น มันผิดปกติอย่างมาก ต้องมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในหมู่บ้านของพวกมันเป็นแน่” ฉีหยุ่นเฟิงแสดงข้อวินิจฉัยออกมา

หลังจากเกิดการขัดแย้งหลายครั้ง ผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านหมาป่าก็หายไป อย่างไรก็ตามทางด้านหมู่บ้านศิลาก็ไม่ได้ผ่อนคลายแม้แต่น้อย พวกเขาตัดสินใจส่งคนไปสืบหาดูในยามค่ำคืน สายสืบได้ยินเสียงตะโกนจากภายในหมู่บ้าน ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก

“อย่าได้เริ่มจู่โจมก่อนและอย่าได้ออกไปภายนอก พวกเราไม่จำเป็นต้องหลั่งโลหิต ไม่เช่นนั้นเราจะอาศัยในหุบเขานี้ยากกว่าเดิม” ผู้อาวุโสเอ่ยออกมา

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสงบก็เริ่มกลับมา

หลังจากนั้นไม่กี่วัน หมู่บ้านศิลาเหมือนได้รับโชคมหาศาล การล่าประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ภายในหุบเขา พวกเขามาพร้อมกับซากสัตว์ร้ายหลายชนิดหลังจากการขัดแย้ง

 

ภายในส่วนลึกของหุบเขามืดนั้น เหล่าทายาทแห่งสัตว์ร้ายโบราณขัดแย้งกันไม่หยุดหย่อน พวกมันต่อสู้กันและจงใจเข่นฆ่ากันและกันจนกลายเป็นภัยพิบัติที่หมดทางเยียวยาเช่นนี้เอง แต่นับว่าโชคดีที่การต่อสู้ไม่ลามไปถึงหมู่บ้าน

 

“หัวหน้า แค่ช้างเขามังกรเท่านั้นน่าจะประมาณแปดตัวแล้วยังมีแรดหิมะจันทรา อีกหลายตัวและสัตว์ร้ายชนิดอื่นอีก ถ้าพวกเราทำเป็นเนื้อแดดเดียวคงมีอาหารให้เราไปอีกนาน”

ฉีหลิงหู่นำคนมาขนซากสัตว์ร้ายกลับไปบางส่วนแล้วจะรวมกลุ่มกลับมาขนอีกครั้งหนึ่ง

“ดี ดี ดี!!” พวกผู้อาวุโสทั้งหมดต่างก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

บรรดาชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างออกจากหมู่บ้านไปช่วยเหลือในหุบเขา

“โอ้!! มีสัตว์ร้ายตัวใหญ่มากมาย ไปกันเถอะ พวกจะได้รวบรวมเลือดสัตว์ร้ายเป็นจำนวนมหาศาลเลย” กลุ่มเด็กตะโกนโห่ร้องออกมาเสียงดังลั่น

หลังจากได้เห็นความสามารถของเจ้าหนูพัฒนาขึ้นมากในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีเด็กคนไหนต่อต้านการแช่โอสถทิพย์ พวกเขาทั้งหมดเชื่อฟังและอยู่ในโอวาทยามที่อยู่ในพิธี “ผลัดเปลี่ยน” ภายในหม้อทองแดง และในตอนนี้พวกเขาพบเลือดล้ำค่าจำนวนมาก นั่นทำให้พวกเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“ข้าจะไปด้วย ต้าเผิง เสี่ยวชิง  จี้ยุน รอยู่ที่หมู่บ้านแล้วทำตัวดีๆนะ” หนูน้อยฉีเฮ่าเองก็ตามไปด้วย

อย่างไรก็ตามพวกเขาเดินทางไปได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น ก็พอเห็น ฉีเฟยไจ้ที่เนื้อตัวอาบไปด้วยเลือดกำลังพยายามกลับหมู่บ้าน สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขาช่างอนาถและน่าสังเวชนัก

“เฟยไจ้!! เกิดอะไรขึ้น” ฉีหลิงหู่ถามออกมาเสียงดัง

“พี่หลิงหู่ เป็นพวกมันอีกแล้ว พวกมันแอบติดตามพวกเราจากนั้นก็แย่งชิงซากสัตว์ร้ายไปหมดเลย” ฉีเฟยไจ้ขบฟันด้วยโกรธแค้น

“มันจะมากเกินไปแล้ว!! จะมารังแกกันเกินไปแล้ว พวกเราดูอ่อนแอมาหรือไงกัน” ฉีหลิงหู่กล่าวด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว

ผู้คนในหมู่บ้านไม่สามารถวางเฉยได้อีกแล้ว ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฝ่ายตรงข้ามวางท่ายโสแล้วมาช่วงชิงผลประโยชน์ของพวกเรา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกมันมาตอแยกับพวกเรา

“เราสูยเสียพี่น้องไปบ้างหรือไม่”

“ไม่ แต่มีบางคนที่บาดเจ็บสาหัส พวกเขาโดนลูกธนูทำร้ายไปถึงอวัยวะภายใน แต่พวกเราไม่แน่ใจว่ามีใครที่โดนจุดตายหรือไม่”

“พวกมันทำร้ายพวกเรามากขนาดนี้ ถ้ามันต้องการสงคราม พวกเราก็จะมอบให้”

พวกชาวบ้านคำรามด้วยความเดือดดาล หลังจากโดนหยามหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากคนที่สงบเงียบก็กลายเป็นโมโหร้าย

“เจ้าเด็กนรกนั่นอำมหิตนัก ลูกศรที่ถูกส่งมาทั้งหมดล้วนยิงมาจากเจ้าเด็กนั่น มันอาจจะเข่นฆ่าเราได้หลายคนหากพวกเราไม่ระวัง” บิดาของเมิ่งเอ๋อกล่าวขึ้นมาในขณะร่างกายอาบไปด้วยเลือด

“เจ้านั้นเป็นแค่เด็กที่ขนยังไม่ขึ้น จะแข็งแกร่งได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าทำแบบเด็กนั่นไม่ได้” ชาวบ้านพูดออกมาด้วยท่าทางโมโห

“แน่นอนว่าพวกเราไม่กลัวอยู่แล้ว เว้นแต่พวกมันมีคนมากกว่าพวกเรา”

“เจ้าเด็กนั่นค่อนข้างน่ากลัว แม้ว่าภายนอกจะดูดีแค่ไหน ก็ไม่อาจปกปิดความใจทรามของมันได้ ระวังตัวไว้ กลุ่มของพวกเราใส่เกราะเหล็กถึงสามชั้น เจ้าเด็กนรกนั้นยังสามารถยิงทะลุเข้ามาได้ ในหมู่บ้านเรามีแค่หลิงหู่และข้าที่ทำแบบนั้นได้” ฉีเฟยเฉียวสำทับเข้ามา

“พวกเราต้องไปเอาคืนเพราะนี่คือความชอบธรรม พวกเราจะไม่ยอมศิโรราบอีกต่อไป” ทุกคนเหมือนมีไฟโหมกระหน่ำภายในจิตใจ อวัยวะทั้งดั่งถูกราดด้วยน้ำมันแล้วระเบิดกลายเป็นความโกรธแค้น

“ท่านลุงเองก็สาหัสนัก ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย มันต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน” เด็กน้อยมองไปที่รอยเลือดของฉีหลิงหู่ ผู้ที่มักจะเก็บเบอร์รี่ที่เขาชอบมาให้ทุกครั้ง เด็กชายกำหมัดแน่น จากนั้นก็ไล่ตามกลุ่มคนที่ล่วงหน้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว